ฉับพลันนั้น แสงสว่างบนโลกนี้ก็หายไป ทั้งอัลลิน เรนทาโต นรก และอเวจีต่างตกอยู่ในความมืดมิดแสนลึกล้ำไร้ขอบเขต เสียงเสียดสีแปลกพิสดารนั้นก็เงียบหายไปเช่นกัน นักเวท อัศวิน ขุนนาง สามัญชน ปีศาจ และมารทุกตนต่างสัมผัสได้ถึงความสงบสุขอย่างที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน พวกเขายังถึงกับได้ยินเสียงจังหวะหัวใจหรือกระแสโลหิต
ตึก! ตัก! ตึก! ตัก!
หัวใจของพวกเขาเต้นรัวแรงขึ้นเรื่อยๆ ในตอนที่พวกเขาไม่อาจทานทนความสงบสุขสุดขีดได้และกำลังจะตะโกนออกมา ความมืดพลันเลือนหาย พร้อมกับที่แสงสว่างหวนคืนกลับมา!
ทุกอย่างดูไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงอันใด บนฟากฟ้า เจตจำนงแห่งอเวจี ผู้ที่ถูกมัลติมุสอัญเชิญมาด้วยการสละเลือดเนื้อ มันได้กลิ่นของนรกภูมิที่มันเกลียดชังที่สุด แล้วยังมีกลิ่นของมัลติมุส ซึ่งเป็นสิ่งที่มันเกลียดรองลงมา แต่มันกลับเมินศัตรูตัวฉกาจแล้วพุ่งเข้าใส่ไวเค็น ส่วนมนุษย์ครึ่งเทพและชั้นตำนานระดับสูงสุดคนอื่นๆ ก็ให้ความร่วมมือกับมัน คอย ‘ช่วยเหลือ’ มันทลายปราการป้องกันของไวเค็น
ภายในนรกโบราณ บัดนี้แทบจะแยกลูเซียนทั้งสองคนไม่ออกแล้ว แม้ว่าใบหน้าของพวกเขาจะยังเปลี่ยนแปลงไปมาก็ตาม ราวกับว่าพวกเขากำลังค้นหาความคล้ายคลึงกันในระดับพื้นฐานที่สุด
ในจักรวาลที่มีลูกไฟยักษ์ ภาพพลันขยายใหญ่ขึ้น แล้วดาวเคราะห์สีน้ำเงินก็เริ่มใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ภาพในจักรวาลที่มีดาวเคราะห์หมอกเองก็ขยายใหญ่ขึ้นเช่นกัน
ขณะที่ดาวเคราะห์ทั้งสองดวงใหญ่ขึ้นและใหญ่ขึ้น เหล่าปีศาจกับวิญญาณเร่ร่อนภายในนรกโบราณก็ส่งเสียงกรีดร้องดังที่สุดเป็นครั้งสุดท้าย
เปรี้ยง!
เสียงแตกหักดังกึกก้องจากก้นบึ้งจิตใจของทุกสิ่งมีชีวิตมากปัญญา นรกโบราณพลันแตกสลาย!
ปีศาจแห่งบรรพกาลและวิญญาณเร่ร่อนกลับกลายเป็นเพียงกลุ่มความรู้สึกด้านลบหลากสีสันที่ค่อยๆ เสื่อมคลาย
ในเวลาเดียวกันนั้น จักรวาลและลูเซียนทั้งสองก็หายวับ!
“อาจารย์เราอยู่ไหนกันนะ…” ไฮดี้ทำอะไรไม่ถูก สถานการณ์เช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นเลยตอนท่านประธานเลื่อนระดับเป็นมนุษย์ครึ่งเทพ
ทันใดนั้น ดวงตาของนางก็พลันแข็งค้าง เพราะนางเห็นว่าในสถาบันอะตอมมีคนเพิ่มขึ้นมาก! ทั้งยังมีอุโมงค์ขนาดใหญ่ที่หน้าตาคล้ายเครื่องยิงลำแสงอนุภาคขนาดใหญ่ยักษ์ที่อาจารย์นางออกแบบอีกด้วย!
อุโมงค์เครื่องยิงลำแสงอนุภาคที่ดูเหมือนภาพฝันค่อยๆ ซ้อนทับกับวงแหวนเวทมากมายที่มีอยู่ในสถาบันอะตอม แต่พวกมันกลับมิได้ส่งผลต่อกันเลยสักนิด ราวกับมีใครสักคนสร้างภาพมายาขึ้นมา
“นี่คือ…” ไฮดี้กับแอนนิคลืมเลือนการต่อสู้บนฟากฟ้าไปโดยพลัน พวกเขาจ้องมองอุโมงค์ยักษ์ด้วยความตกตะลึง ผู้คนมากมายในชุดสูทสีขาวเดินไปมาอยู่เบื้องหน้าพวกเขา ดูท่าทางวิตกกังวล ราวกับว่าพวกเขากำลังเตรียมการทำการทดลองสำคัญๆ อยู่
ไฮดี้เผลอยื่นมือขวาออกไปด้วยความอึ้ง พยายามจะแตะตัวบุรุษผู้หนึ่ง
นิ้วของนางค่อยๆ เอื้อมไปทางใบหน้าของบุรุษผู้นั้น แต่มันกลับเคลื่อนผ่านไปราวกับเขาเป็นอากาศธาตุ และเขาเองก็มิได้แสดงปฏิกิริยาใดเช่นกัน
คาทริน่ามองเหตุการณ์นั้นด้วยความตกตะลึง “นี่คือปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นจากการเลื่อนระดับพลังของอาจารย์เรางั้นหรือ”
หลังจากสูดหายใจเข้าปอดลึกๆ ไฮดี้ก็มองไปยังถนนข้างนอกหน้าต่าง เพียงเพื่อจะพบว่าทางด้านนอกมิได้มีเพียงเหล่านักเวทและเกวียนเท่านั้น แต่ยังมีอสูรกายเหล็กที่เคลื่อนขบวนเบียดเสียดกันไปบนถนนกว้างเบื้องหน้าหอคอยเวทมนตร์อัลลินอย่างเชื่องช้าอีกด้วย!
ไกลออกไป ตึกสูงระฟ้าที่ดูเหมือนกับหอคอยเวทมนตร์ เข้าซ้อนทับกับตึกดั้งเดิมที่อยู่ตรงนั้น ต้องขอบคุณหน้าต่างที่ทำจากบานกระจกบนตึกเหล่านั้นที่ทำให้มันดูเหมือนกับปราสาทที่สร้างจากทองคำภายใต้แสงอาทิตย์
บนฟากฟ้า อสูรกายหน้าตาเหมือนนกบินผ่านไปอย่างเงียบเชียบและดูหยามเหยียดคนบนพื้น
ทุกสิ่งทุกอย่างดูสมจริงมากแต่กลับเงียบงัน มันไร้ซึ่งเสียงใดและไม่อาจแตะต้องได้!
หากเทียบกับเหล่านักเวทที่ยังสังเกตการณ์สภาพแวดล้อมได้นั้น เหล่าชนชั้นสูงและสามัญชนต่างทำอะไรไม่ถูกเลยสักนิด พวกเขาอ้าปากค้าง แววตาว่างเปล่าขณะจ้องมองโลกอีกใบที่แตกต่างจากโลกของพวกเขาแต่ก็มีบางอย่างที่คล้ายคลึงกัน พวกเขารู้สึกเหมือนกำลังฝันไป!
“นี่คือภาพลวงตาใช่หรือไม่…” ใครบางคนพึมพำออกมาอย่างไม่รู้ตัว แต่ดวงตาของพวกเขายังคงแข็งค้างเช่นเดิม เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่อาจคิดอะไรได้อีกต่อไป
ตึกสูงระฟ้า กระแสธารอสูรกายเหล็ก อุโมงค์ และฝูงชนบนท้องถนนก็เริ่มเลือนลาง
ไม่นาน พวกมันก็จางหายไปโดยสมบูรณ์ ราวกับทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้เป็นภาพฝันจริงๆ!
“นี่คือปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นจากการเลื่อนระดับพลังของอาจารย์เราอย่างนั้นน่ะหรือ…” ไฮดี้ทวนคำที่คาทรินาพูด
ตูม!
เสียงระเบิดก้องกัมปนาทบนท้องฟ้าไกลปลุกพวกเขาให้ตื่นจากภวังค์ เตือนทุกคนว่าบนนั้นยังมีการต่อสู้ที่เกี่ยวพันกับชะตากรรมของพวกเขาอยู่ ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงเงยหน้าขึ้นไปมองอีกครา พลางนึกสงสัยว่าเมื่อครู่นี้เกิดอะไรขึ้นกันแน่และท่านอีวานส์เลื่อนขั้นเป็นมนุษย์ครึ่งเทพสำเร็จหรือไม่
หลังจากที่ลูเซียนกับจักรวาลทั้งสองหายไป ไวเค็นก็ฉวยโอกาสกลืนกินและดูดซับนรกโบราณที่ผุพังเข้าร่าง มินำพาว่ามันจะก่อให้เกิดความไม่สมดุลในตัวเอง ด้วยเพราะไม่มีทางเลือกจริงๆ นรกโบราณกำลังจะหายไปภายในไม่กี่วินาทีนี้แล้ว!
อาจต้องใช้เวลาอีกนับสิบหรือนับร้อยปีให้หลัง กว่าที่นรกโบราณจะกลับมาเป็นรูปเป็นร่างได้อีกครั้ง แต่ถึงยามนั้น มันคงจะสูญเปล่าสำหรับไวเค็นแล้ว
ครานี้ ด้วยไร้ซึ่งการขัดขวางจากลูเซียนและการต่อต้านของนรกโบราณ การหลอมรวมของไวเค็นจึงเป็นไปอย่างราบรื่น แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็ถูกหุบเขาวิมานปฏิเสธเช่นกัน
ต้องขอบคุณความช่วยเหลือของดักลาส พระเจ้าแห่งจันทราสีเงิน เจ้าแห่งนรก เฟอร์นันโด และวิเซนเต เจตจำนงแห่งอเวจีจึงทำลายสภาวะแปลกประหลาดของไวเค็นได้และสร้างแรงระเบิด การกวาดล้าง และหยาดโลหิต ด้วยหวังว่าจะสังหารไวเค็นที่จดจ่ออยู่กับการหลอมรวมนรกโบราณ
ร่างของไวเค็นกลับกลายเป็นดั่งภาพมายาและยิ่งเลือนลางลงภายใต้การโจมตีจากเจตจำนงแห่งอเวจี
ในตอนนั้นเอง จู่ๆ ไวเค็นก็หัวเราะออกมาอย่างมีลับลมคมนัย
ในดวงตาเขา ความมืดและแสงสว่างสับเปลี่ยนแทนที่กัน ขณะที่เศษซากนรกโบราณและหุบเขาวิมานที่ยังคงแข็งแกร่งอยู่ก็สลับที่กัน ส่งผลให้เจตจำนงแห่งอเวจีเข้าไปอยู่ในอาณาบริเวณของหุบเขาวิมาน
เจตจำนงแห่งอเวจียิ่งหัวเสียเข้าไปใหญ่ ด้วยเหตุผลบางอย่าง จู่ๆ มันก็คำรามและขยายร่าง แขนขามากมายบนตัวพลันร่วงหล่น และดวงตาทั้งหลายก็ถลนออกมา!
“ถอยออกมา! เขากำลังจะระเบิดพลีชีพ!” มัลติมุสคำรามบอกพลางถอยออกมาอย่างรวดเร็ว
ที่เขายอมเสียแขนเพื่ออัญเชิญเจตจำนงแห่งอเวจีมาก็เพื่อให้มีฝ่ายโจมตีที่ไม่กลัวความตาย แต่เจตจำนงแห่งอเวจีกลับดูจะตั้งใจทำหน้าที่นี้เกินกว่าที่คาดการณ์ไว้ มันถึงกับเลือกวิธีระเบิดพลีชีพเพื่อโจมตีอีกฝ่าย!
แน่นอนว่า มัลติมุสย่อมมองออกอย่างง่ายดายว่าเมื่อครู่นี้เจ้านั่นจะต้องมึนงงสับสนเป็นแน่แท้
ตูม!
แรงระเบิดที่ทรงพลังยิ่งกว่าการโจมตีระลอกก่อนหน้านี้หลายเท่าพลันระเบิดโพลง ท้องนภาถูกแต่งแต้มสีสันด้วยหยาดโลหิตจนเกิดประกายระยิบระยับไร้ขอบเขต ปราการคุ้มกันของหุบเขาวิมานพังทลายลงพร้อมกับที่เหล่าเทวดานางฟ้าสูญสลายไป มีเพียงทูตสวรรค์เสราฟิมที่ถอยร่นไปยังทวารานาจักรได้ทันเวลาและรอดมาจากหายนะครั้งนี้ได้
แสงสว่างและพลังงานพวยพุ่งออกมา ผลักดันเหล่ามนุษย์ครึ่งเทพ รวมถึงดักลาส ให้ถอยออกไปยังบริเวณรอบนอกเขตแดนวิเศษนี้
นักเวทที่สังเกตการณ์การต่อสู้อยู่ต่างประหลาดใจและดีใจเป็นที่ยิ่ง การระเบิดพลีชีพจะต้องหยุดไวเค็นไว้ได้เป็นแน่ หากว่าไม่สังหารเขาไปเลย!
‘บางครั้ง เจตจำนงแห่งอเวจีก็ดูน่ารักดี ถึงแม้ว่ามันจะเป็นไพ่ที่ควบคุมยากก็ตาม…’ จอมเวทหลายๆ คนนึก ‘ขอบคุณ’ เจตจำนงแห่งอเวจีอยู่ในใจ
…
เหนือนรกขุมที่เก้า ลูเซียนค่อยๆ ปรากฏกายขึ้นจากความว่างเปล่า เปลี่ยนจากสถานะกระจัดกระจายเป็นหลุมยุบ เขายังคงสวมชุดสูทกระดุมสองแถวสีดำ หมวกทรงสูง หูกระต่าย และแว่นตาข้างเดียว และยังคงถือไม้เท้าเช่นเดิม ทว่า เขากลับให้ความรู้สึกว่าเขาไม่ใช่คนของโลกนี้เพิ่มเข้ามา นี่ก็คือความรู้สึกสูงส่ง แปรเปลี่ยนตลอดเวลา และไม่อาจแตะต้องได้ของมนุษย์ครึ่งเทพ!
‘สิ่งที่เห็นช่วงสุดท้าย…เป็นไปตามที่ฉันสงสัยเป๊ะๆ…’ ลูเซียนตื่นขึ้นจากสภาวะแสนพิสดารนั้น
…
พายุพลังงานและหยาดโลหิตหายไปแล้ว และที่ใจกลางอาณาจักรวิเศษก็ว่างเปล่า ราวกับถูกลบหาย
“นี่ไวเค็นตายไปพร้อมกับเจตจำนงแห่งอเวจีแล้วรึ” อะเกลียยาถามด้วยความยินดี
แม้ไวเค็นจะไม่ดับสูญไปอย่างแท้จริง แต่เขาก็คงไม่อาจกลับมาจากสายธารแห่งโชคชะตาได้จนกว่าเวลาจะผ่านไปนับล้านปี ถึงตอนนั้น หุบเขาวิมาน ภัยคุกคามร้ายแรงของเขาก็คงจะสูญสิ้นไปแล้ว
จันทราสีเงินยังคงลอยเด่นอยู่บนท้องฟ้า ขณะที่มัลติมุสจดจ้องไปยังใจกลางด้วยความเคร่งเครียดและมึนงงสับสน หลังจากเหม่อลอยไปครู่หนึ่ง ดักลาสก็ตะโกนขึ้น “โจมตีต่อไป! อาณาจักรยังไม่หายไปไหน! ไวเค็นยังไม่ตาย!”
อาณาจักรวิเศษนี้ปรากฏขึ้นเพราะการเลื่อนระดับขั้นของไวเค็น การมีอยู่ของมันคือตัวบ่งชี้ว่าไวเค็นยังมีชีวิตอยู่ และความพยายามของเขาก็ยังไม่ถูกสกัดกั้นไว้อย่างเบ็ดเสร็จ!
ยังไม่ทันที่ดักลาสจะกล่าวเตือนจบ สายลมล่องหนก็พัดโหมกระหน่ำมาจากอาณาจักรวิเศษพร้อมกับที่ไหลบ่าออกมาจากความว่างเปล่า ให้ความรู้สึกถึงทั้งแสงสว่างและความมืด มันขัดแย้งกับสามัญสำนึกอย่างยิ่งยวด!
สายน้ำรวมตัวกันกลายเป็นคลื่นและถาโถมออกมาจากใจกลาง ทำให้เหล่ามนุษย์ครึ่งเทพและชั้นตำนานระดับสูงสุดจมอยู่ใต้น้ำ
ณ ใจกลางอาณาจักร หัวใจดั่งภาพมายาที่ดูทั้งมืดทึบและสว่างไสวพลันปรากฏขึ้นและเต้นเป็นจังหวะต่อเนื่อง หัวใจห้องบนซ้ายคือโลกแห่งความสิ้นหวังที่ทั้งมืดมิด ชั่วร้าย และเสื่อมทราม ส่วนหัวใจห้องบนขวานั้นคือหุบเขาวิมานที่ดูสูงส่ง สว่างไสว และกว้างใหญ่ไพศาล
“เราใกล้จะทำสำเร็จแล้ว แต่ไวเค็นเองก็เช่นกัน ตราบใดที่เราทลาย ‘หัวใจ’ ดวงนี้ได้และขัดขวางมันจากการดูดซับน้ำเข้าไป เราก็จะหยุดเขาได้จริงๆ!” ดักลาสพร้อมแล้วที่จะร่ายเวท ‘เปลวไฟนิรันดร์’
แต่เขากลับพบว่าตนไม่สามารถร่ายเวทมนตร์บทใดก็ตามขณะอยู่ในสายน้ำที่ทั้งมืดมิดและสว่างไสวนี้
เจ้าแห่งนรกและพระเจ้าแห่งจันทราสีเงินเองก็ไม่อาจใช้พลังเหนือธรรมชาติเช่นเดียวกัน
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ร่างของดักลาสก็กระจัดกระจายไปกับโลกที่มีภูเขา ทะเลสาบ ป่า และทุ่งหญ้ากว้างมากมาย นั่นก็คือภาพลักษณ์มนุษย์ครึ่งเทพของเขานั่นเอง
โลกใบนั้นเข้าเหนี่ยวรั้งกระแสน้ำที่อยู่ใกล้ๆ ทำให้มันไหลช้าลง จังหวะการเต้นของ ‘หัวใจ’ ของไวเค็นก็ช้าลงตามไปดวย
เมื่อเห็นเช่นนั้น เจ้าแห่งนรกก็สลายร่างของตน กลายเป็นภาพของนรกภูมิและฉุดกระชากกระแสน้ำรอบๆ นั้นเอาไว้
จันทราสีเงินแสนเย็นเยียบทว่าชวนฝันพลันร่วงหล่น แช่แข็งกระแสน้ำ พร้อมกับที่เงาของต้นไม้เอลฟ์ปรากฏขึ้น ยื่นรากทั้งหลายออกไปเกี่ยวกระหวัดกระแสน้ำเอาไว้
ภาพมายาสะท้อนของมิตินรกสายฟ้า สวรรค์ธาตุ และหลุมฝังศพก็ปรากฏขึ้นเช่นกัน แต่พลังของเขตแดนมิตินั้นเล็กกว่าของเหล่ามนุษย์ครึ่งเทพมากนัก
ภายใต้การร่วมมือกันโจมตี กระแสน้ำแทบจะหยุดชะงักไป ไวเค็นและศัตรูของเขาต่างฝ่ายต่างมาถึงทางตัน แต่เขาก็ยังคงดูดซับน้ำเข้าไปทีละหยดๆ
เมื่อเห็นเช่นนั้น บรรดาผู้มีพลังชั้นสูงที่อยู่เบื้องล่างก็ไม่อาจยับยั้งตนเองได้อีกต่อไป นาตาชาเป็นคนแรกที่พุ่งขึ้นไปบนฟ้าและตวัดดาบแห่งสัจธรรมฟาดฟันใส่หัวใจของไวเค็น
รังสีจากดาบสีเงินตัดผ่านท้องนภาเข้าไปภายในอาณาจักรวิเศษ แต่ไม่นานมันก็หายไป
ในที่นั้น หากไร้ซึ่งพลังของชั้นตำนานระดับสูงสุด คนผู้หนึ่งยังสร้างแรงสั่นสะเทือนไม่ได้ด้วยซ้ำ!
การโจมตีจากผู้มีพลังชั้นสูงคนอื่นๆ ก็เป็นเช่นเดียวกัน ทั้งนักเวท ชนชั้นสูง และสามัญชนเบื้องล่างยิ่งวิตกกังวลกว่าเดิม
‘บ้าจริง ชั้นตำนานระดับสูงสุดอีกเพียงไม่กี่คนก็จะสามารถพลิกสถานการณ์ได้แล้วเชียว!’
‘บ้าจริง เหตุใดชั้นตำนานระดับสูงสุดทั้งหมด ยกเว้นท่านบรูกและดยุกปีศาจที่ไม่สามารถเข้ามายังโลกหลักได้จึงอยู่ข้างบนนั้นกันหมดแล้วนะ’
พวกเขาแทบจะห้ามใจตัวเองไม่ให้เข้าไปร่วมวงต่อสู้ไม่อยู่ แต่ความพยายามของนาตาชาและผู้มีพลังชั้นสูงคนอื่นๆ ก็ทำให้พวกเขาต้องละทิ้งความคิดนั้นไป
…
หลังจากที่ลูเซียนฟื้นฟูจากสภาวะแสนพิสดาร เขาก็ก้าวข้ามมิติไปยังมิติจักรวาลอะตอมของตนเองอย่างไม่รั้งรอ จากนั้น แทนที่จะเข้าไปในหอคอยบาเบล เขากลับเทเลพอร์ตตัวเองไปยังชั้นสามสิบสามของหอคอยเวทมนตร์อัลลิน
“ปิดใช้ระบบป้องกันทีขอรับ” ลูเซียนกล่าวเสียงแผ่ว
โอลิเวอร์กับเบิร์กเนอร์กำลังเฝ้ามองท้องฟ้าอย่างร้อนรนใจ เมื่อได้ยินกระแสเสียงอันนิ่งสงบมั่นคงของลูเซียน พวกเขาก็ทั้งประหลาดใจและโล่งใจในคราวเดียวกัน ทั้งสองปิดระบบป้องกันเมือง เพื่อให้ลูเซียนขึ้นไปบนฟากฟ้าได้ ขณะกล่าวอย่างเร่งร้อน “ดีใจที่เจ้ากลับมา!”
เหล่านักเวทที่มองท้องฟ้าอย่างหวาดวิตกร้อนรนเสียจนหัวใจแทบหยุดเต้น พบว่าม่านหมอกเลือนรางเบื้องหน้าพวกเขากลับค่อยๆ จางหายไป และคนผู้หนึ่งก็ปรากฏกายขึ้นตรงขอบรอบนอก
เส้นผมสีดำแสนคุ้นตา ใบหน้าอันหล่อเหลา และแหวนเปล่งประกายชวนฝัน…ทุกคนพากันกลั้นหายใจ
“อาจารย์!”
“ท่านอีวานส์!”
เสียงอุทานดังตามมา ความวิตกกังวลทั้งหลายของเหล่านักเวทพลันหายไปไม่มากก็น้อย ชายผู้สร้างปาฏิหาริย์อยู่เสมอกลับมาแล้ว!
ทันใดนั้น นักเวทผู้หนึ่งก็โค้งตัวด้วยความมั่นใจและซาบซึ้ง
“ท่านมหาจอมเวท ยินดียิ่งที่ท่านกลับมา!”
เมื่อเห็นเขาทำเช่นนั้น นักเวทคนอื่นๆ จึงทยอยทำความเคารพเขา
“ท่านมหาจอมเวท ยินดียิ่งที่ท่านกลับมา!”
ท่ามกลางเสียงทักทายแซ่ซ้อง ปราการป้องกันก็หายลับไปโดยสมบูรณ์ ลูเซียนพยักหน้าให้ทุกคนแล้วก้าวพริบตาขึ้นไปยังท้องนภา
…………………………………….