หลังเสร็จสิ้นการสอบที่จัดขึ้นติดต่อกันสามวัน ท้องฟ้าก็เริ่มขมุกขมัวมีเมฆมาก และบัดนี้ สายฝนก็เริ่มตกโปรยปราย นำพาความหนาวเย็นเล็กๆ มาสู่นักเรียนทั้งหลาย
“ดอนนี่ ทำข้อสอบได้ไหม” แซมมี่ถามขณะที่ทั้งสองยืนอยู่ตรงจัตุรัสของโรงเรียนมิลส์ พวกเขากำลังรอบรรดานักเวทอยู่ ตลอดหลายวันที่ผ่านมา แซมมี่ทำข้อสอบทั้งหมด ซึ่งรวมถึงวิชาโครงสร้างเวทมนตร์และอาคาร์นาขั้นพื้นฐาน ก่อนหมดเวลาเกือบครึ่ง เพราะเขามีความตั้งใจอย่างแรงกล้าว่าจะกลับไปนอนต่ออยู่เสมอ
ดอนนี่กวาดตามองไปรูปปั้นครึ่งตัวที่ตั้งอยู่บนจัตุรัส พวกมันคือรูปปั้นของบรรดาศิษย์เก่าผู้โดดเด่นที่สุดของโรงเรียน เขาเอ่ยตอบขณะแสร้งทำเป็นจิตใจสงบนิ่ง “ก็พอทำได้ ข้าตรวจทานคำตอบกับคนอื่นแล้ว และข้าก็คิดว่าข้าน่าจะผ่านเกณฑ์สำหรับวิทยาลัยเวทมนตร์ไฮด์เลอร์ อีกไม่นานข้าก็จะได้รู้แล้วว่าข้าจะทำข้อสอบเพิ่มเติมนี้ได้ดีหรือไม่ แล้วเจ้าล่ะ”
ในช่วงเช้าๆ แซมมี่จะค่อนข้างอารมณ์ดี เขาหาวพลางบิดตัวเล็กน้อย “ก็ไม่ทำพลาดอะไรร้ายแรง ถือว่าไม่แย่สำหรับข้า”
เขาไม่ถามดอนนี่เกี่ยวกับข้อสอบอีก เพราะในตอนที่พวกเขาเรียน กระทั่งวิชาศาสตร์มืด ดอนนี่ก็มักจะมีความมุ่งมั่นแข็งขันยิ่งกว่าเขาในด้านทฤษฎีเวทมนตร์และการวิเคราะห์บทเวท เขาเพียงมีความสามารถกว่าดอนนี่ในด้านความเร็วในการร่ายเวทมนตร์ การข้ามระดับในการร่ายคาถา และทักษะพิเศษบางอย่างเท่านั้น และทั้งหมดนั่นก็มีสาเหตุมาจากวิญญาณที่เกาะติดอยู่บนหลังของเขา
ท่ามกลางสายฝนโปรยปราย ไม่มีผู้ฝึกใช้มนตราคนใดออกไปนอกอาคาร เพราะอยากอยู่ในที่อบอุ่นและไม่ทำให้ตัวเปียก ในความคิดของพวกเขา เหล่าผู้ใช้ศาสตร์มืดนั้นเป็นที่กล่าวขานถึงอารมณ์แสนหดหู่และยากจะคาดเดาอย่างที่ช่องโทรทัศน์ วิทยุ และหนังสือพิมพ์นำเสนอ มันไม่สำคัญว่าพวกเขาจะศึกษาหาวิธีรักษาโรคภัยหรือกายวิภาคศาสตร์ พวกเขายังคงเป็นเหมือนเดิม ทั้งลี้ลับ และยังทำให้ผู้คนนิ่งอึ้งด้วยความยำเกรงอีกด้วย
“เจน ไฮน์ริช ฮันต์, เคาน์เตส, นักคณิตศาสตร์ผู้มีชื่อเสียง นักโหราศาสตร์…” แซมมี่อ่านคำบรรยายข้างใต้รูปปั้นครึ่งตัวหนึ่งในนั้น “ไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับระดับอาร์คานาหรือระดับเวทมนตร์ของท่านผู้หญิงคนนี้เลย บางทีนางอาจจะมีระดับต่ำกว่าขั้นกลางกระมัง หรือไม่ก็อาจเป็นนักคณิตศาสตร์เพียวๆ เลย”
“ก็ไม่แปลก ท่านลองแมนเพิ่งจะได้เป็นนักเวทในปีก่อนจะสิ้นศักราชเดิม แต่บัดนี้เขากลับกลายเป็นนักคณิตศาสตร์ชั้นนำยี่สิบคนแรกเพราะเขาได้แก้โจทย์คณิตศาสตร์สองสามโจทย์ที่ท่านมหาจอมเวทอีวานส์เคยนำเสนอ” ดอนนี่กล่าวด้วยท่าทางเคารพบูชา “แม้ว่าท่านลองแมนจะไร้พรสวรรค์ด้านเวทมนตร์ แต่คุณงามความดีอันยิ่งใหญ่ที่มีต่อคณิตศาสตร์ของเขาก็เป็นสิ่งสำคัญ และตอนนี้ เขาก็ได้รับการสนับสนุนและมีแหล่งทรัพยากรมากมาย และเขาก็กำลังไล่ตามทุกคนทัน เรามีพรสวรรค์กว่าเขาเสียอีก ฉะนั้นเราจึงไม่ควรล้มเลิกง่ายๆ ข้าคิดว่าท่านหญิงผู้นี้ก็คงคล้ายกับท่านลองแมน และดูเหมือนว่านางจะเป็นขุนนางชั้นสูงจากตระกูลไฮน์ริชเสียด้วย…”
แซมมี่พยักหน้า “อีกอย่าง ด้วยวิวัฒนาการของ ‘ปัญญาประดิษฐ์’ นักคณิตศาสตร์หลายๆ คนที่ขาดพรสวรรค์ด้านเวทมนตร์จึงไล่ตามทันแล้ว เพราะความสามารถในการคำนวณอันทรงพลังของพวกเขา”
“ข้าเองก็อยากมีความสามารถเช่นนั้น จะได้ไม่มีปัญหายิบย่อยและใช้เวลานานกับโจทย์เลข…” ดอนนี่ทอดถอนใจ
“เดี๋ยวนะ นามสกุลฮันต์…” ดอนนี่พลันนึกถึงอะไรบางอย่าง
โทนเสียงของเขาพลันแหลมสูงขึ้น “ใช่แล้ว ท่านหญิงผู้นี้น่าจะเป็นภริยาของท่านอาลี ฮันต์”
อาลี ฮันต์ นามที่เป็นดั่งกำลังใจให้ทั้งสามัญชนทั่วไปและผู้ฝึกใช้มนตรานั้นเป็นจอมเวทระดับหนึ่งและนักเวทระดับสองเพียงเท่านั้น
ทว่า ในตอนที่ปัญญาประดิษฐ์เพิ่งเริ่มพัฒนา เขาก็ได้ขุดพบขุมทรัพย์แรกเพราะสัญชาตญาณอันเฉียบแหลมของเขา ภายหลัง เขายังเอาชนะใจเหล่ามนุษย์หมาป่าจนได้รับการสนับสนุนให้เป็นโฆษกประจำเผ่าพันธุ์ บริษัทของเขาที่แต่เดิมเป็นเพียงบริษัทเล็กๆ บัดนี้กลับเติบโตขึ้นเป็นอาณาจักรใหญ่ ซึ่งภายใต้อาณาจักรนั้นมีบริษัทลูกที่ครอบคลุมทั้งการสื่อสารผ่านเวทมนตร์ การโทรคมนาคม วิทยุ สัญญาณดาวเทียม กลุ่มมนุษย์หมาป่าคุ้มกันภัย และยังมีกระทั่งทหารรับจ้าง ตอนนี้ เขาได้กลายเป็นเศรษฐีผู้ทรงอิทธิพลระดับแนวหน้าของโฮล์มแล้ว
สิ่งที่ทำให้เขาเป็นที่น่าอิจฉาริษยายิ่งไปกว่านั้นก็คือความจริงที่ว่าเขาได้แต่งงานกับเจน จากตระกูลไฮน์ริช นับแต่นั้นมา เขาก็มิใช่เพียงเศรษฐีใหม่ผู้โชคดี แต่ยังได้รับการสนับสนุนจากตระกูลขุนนางกับมนุษย์หมาป่าอีกด้วย
สำหรับคนทั่วไปแล้ว มันก็เหมือนกับความฝันที่งดงามที่สุดเท่าที่พวกเขาจะนึกฝันได้ แม้ว่าเรื่องราวประสบการณ์ของท่านอีวานส์จะน่าชื่นชมชวนหลงใหลมากเพียงใด แต่มันกลับเป็นความฝันที่ห่างไกลจากพวกเขาเกินไป! แต่เมื่อเทียบกันแล้ว เรื่องราวของอาลีดูจะทำตามได้มากกว่า เพราะเขามาถึงจุดนี้ได้ก็เพราะเขาเลือกที่จะคว้าโอกาสแห่งยุคสมัยเอาไว้ เรื่องเช่นนี้นอาจเกิดขึ้นกับผู้ใดก็ได้!
ฉะนั้นแล้ว หากมีเงินทุนเพียงพอ พวกเขาก็สามารถเรียนเวทมนตร์ได้เช่นกัน!
“อ้อ มิน่าล่ะ…” แซมมี่ออกความเห็นด้วยอาหารทอดถอนใจ จากนั้นเขาก็เหลือบไปมองนาฬิกาบนหอคอยเวทมนตร์และเอ่ยขึ้นด้วยความสงสัย “นี่ก็จะแปดโมงแล้ว เหตุใดเราจึงยังรออยู่ตรงนี้อีกเล่า”
ดอนนี่เองก็รู้สึกแปลกเช่นกัน การสอบเข้าโรงเรียนเวทมนตร์ชั้นสูงนั้นอยู่ในความดูแลของราชวงศ์แห่งโฮล์ม คณะรัฐมนตรี และคณะกรรมการการศึกษาเวทมนตร์และอาร์คานา มันจึงเป็นงานใหญ่มากทีเดียว
ในตอนนั้นเอง กลุ่มนักเวทที่ดูท่าทางชวนหดหู่ก็บินออกมาจากภายในอาคาร บ้างก็สวมชุดสูทตามแบบฉบับของชาวโฮล์ม บ้างก็สวมชุดคลุมเวทมนตร์ตัวยาว
“พวกเขามากันแล้ว” ดอนนี่รู้สึกผ่อนคลายลงเล็กน้อย
นักเวทในชุดสูทสีดำตัวยาวที่นำกลุ่มเข้ามากล่าวกับนักเรียนทุกคนด้วยเสียงดังฟังชัด “ผู้เข้าสอบที่มีเลขประจำตัวเป็นเลขคู่ กรุณาตามนักเวททางด้านซ้ายมือไปเข้าสอบเพิ่มเติมเกี่ยวกับปีศาจ ผีกินศพ และวิญญาณ ส่วนคนที่เหลือตามผู้คุมสอบทางด้านขวาไปเข้าสอบด้านโครงสร้างร่างกาย การผสานร่างศพ และอัญเชิญปีศาจ และพวกเจ้าก็จะสลับฝั่งกันในช่วงบ่าย อย่าคิดแม้แต่จะพยายามแลกเปลี่ยนข้อมูลกันเล่า เพราะข้อสอบไม่เหมือนกันหรอก”
ดอนนี่ตบบ่าแซมมี่เบาๆ “ไว้เจอกันนะ”
เขารู้ว่าพวกเขาอยู่คนละกลุ่มกัน
“เจ้าทำได้แน่นอน!” ในที่สุดใบหน้าอันง่วงงุนของแซมมี่ก็ปรากฏรอยยิ้มกว้างขณะที่เขายกมือขวาขึ้นกำหมัด
ดอนนี่เองก็ยิ้มกว้างและทำท่าให้กำลังใจแบบเดียวกันตอบ
หลังจากเดินผ่านอาคารหลังแรกไป เหล่าผู้ฝึกใช้มนตราก็เริ่มเดินเรียงแถวติดตามนักเวทไปคนละทาง ไม่ช้าไม่เร็ว ดอนนี่ก็เริ่มรู้สึกว่ารอบๆ บริเวณช่างเงียบสงัดเหลือเกิน และเขายังถึงกับได้ยินเสียงนกดังจุ้บจิ้บจากบนต้นไม้อีกด้วย
At this time, he saw the magic tower in front of them surrounded by a group of people in black uniform coats. They were blocking this place using alchemy barriers.
ในตอนนั้นเอง เขาก็เห็นว่าที่หอคอยเวทมนตร์ทางด้านหน้าทุกคนนั้นมีกลุ่มคนในชุดเครื่องแบบสีดำ พวกเขากำลังปิดกั้นสถานที่โดยใช้บาเรียร์แปรธาตุ
‘ตำรวจจากถนนแกรนลินเช่นนั้นรึ’ หัวใจดอนนี่พลันตกไปที่ตาตุ่ม ‘เกิดเรื่องขึ้นจริงๆ หรือนี่’
ถนนแกรนลินคือที่ตั้งกองบัญชาการของกรมตำรวจแห่งอาณาจักรโฮล์ม
จากนั้นเขาจึงเห็นชายวัยกลางคนสวมเหรียญตราพิเศษเดินออกมาสองคน บนเหรียญตรานั้นเป็นรูปคทาสีดำ
ดอนนี่รู้ได้ในทันทีว่าพวกเขาคือนักเวทจากแผนกลงทัณฑ์ เขาเริ่มหวาดวิตกขึ้นเรื่อยๆ เพราะบรรดานักเวทจากแผนกนี้ต่างขึ้นชื่อเรื่องทักษะการสืบสวนสอบสวน
นักเวทศาสตร์มืดที่เดินอยู่ทางด้านหน้าบอกให้เหล่าผู้ฝึกใช้มนตราหลีกทางให้กับนักเวททั้งสองจากแผนกลงทัณฑ์
“…หัวใจวายคือสาเหตุการตาย ผู้ตายมีโรคหัวใจเป็นโรคประจำตัว อาการค่อนข้างแย่…” นักเวทผู้มีเส้นผมสีน้ำตาลพูดกับสหายขณะเดินผ่านเหล่าผู้ฝึกใช้มนตรา
นักเวทอีกคนพยักหน้าน้อยๆ “เขาไม่ประเมินตัวเองแล้วเล่นเกมผจญภัยเสมือนจริง แล้วภาพมายาก็ไปกระตุ้นการหลั่งอะดรีนาลีนตามความรู้สึกถึงอันตราย ไม่เคยเห็นใครเสียชีวิตเช่นนี้เลยก่อนที่ปัญญาประดิษฐ์ของท่านหญิงไฮดี้จะถูกนำมาใช้กับภาพมายา ข้าว่าตอนนี้คณะกรรมการกิจการกับคณะกรรมการการวิจัยเวทมนตร์คงมีข้ออ้างดีๆ ในการหยุดโครงการประเภทนี้แล้วล่ะ…”
“เขาไม่รู้ถึงปัญหาสุขภาพของตนเอง…จะโทษใครก็ไม่ได้…” ชายผมน้ำตาลกล่าว
ดอนนี่เข้าใจได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น เขาค่อนข้างประหลาดใจที่เกมซึ่งสร้างจากปัญญาประดิษฐ์จะสามารถสังหารนักเวทได้
‘แต่เบื้องหลังยังมีแผนการร้ายอันใดหรือไม่’
ในฐานะสาวกรายการอาชญากรรมและผจญภัยตัวยง ดอนนี่จึงเป็นผู้เชื่อมั่นในทฤษฎีสมคบคิด
แต่ดอนนี่หาได้ติดใจขบคิดถึงอุบัติเหตุเล็กน้อยนี้นานนัก เพราะเขากำลังเผชิญหน้ากับการสอบครั้งสำคัญ และเขาก็ควรจะให้ความสำคัญกับมันก่อน
ทุกคนเดินเข้ามาในหอคอยเวทมนตร์ที่ดูวังเวงและเย็นเยียบ ในตอนนั้นเอง เด็กสาววัยรุ่นผมดำก็เดินเข้ามาจากทางประตูข้าง
นางงดงามโดดเด่น แม้ว่าดอนนี่จะวิตกกังวลอยู่กับการสอบ แต่ความสนใจของเขาก็ยังถูกดึงดูดด้วยความงามของเด็กสาวผู้นี้ แม้ว่านางจะไว้ผมสั้น ใบหน้านางก็ยังดูชวนให้ตกตะลึง และลักษณะท่าทางของนางยังสง่างามเหนือคำบรรยาย
ในตอนนั้นเอง ดวงตาสีม่วงเหลือบเงินแสนอ่อนโยนของเด็กสาวก็กลายเป็นเชือดเฉือน เหล่าผู้ฝึกใช้มนตราทุกคนต่างรีบหลุบตาลงต่ำ หลีกเลี่ยงสายตาของนาง
ในที่สุดดอนนี่ก็สังเกตเห็นว่าเด็กสาวอยู่ในชุดสูทสีดำเรียบๆ กับกางเกงขายาว และยังมีหูกระต่ายสีดำอีกด้วย
‘เดี๋ยวนะ เหตุใดนางจึงแต่งกายเช่นนี้กันเล่า แล้วทำไมนางจึงมีลูกกระเดือก?!’
ตูม!
ดอนนี่พลันรู้สึกวิงเวียนศีรษะ ‘เด็กสาว’ ผู้งดงามยิ่งกว่าสตรีนางใดที่เขาเคยพานพบ แท้จริงแล้วคือบุรุษ!
ใครบางคนกระแอมไอ จากนั้นก็มีเสียงไอตามมาอีกมากมาย ดอนนี่รู้ได้ทันทีว่าเขามิใช่คนเดียวที่ตกตะลึง
“ไปที่ห้องที่มีเลขตามเลขประจำตัวของพวกเจ้า” นักเวทศาสตร์มืดผู้มีผมสีดอกเลากล่าว “พวกเจ้าจะต้องระบุชื่อของวัตถุดิบและบอกให้ได้ว่าเป็นส่วนใด จากนั้น พวกเจ้าจะต้องออกแบบและเย็บประกอบร่าง พวกเจ้าสามารถทิ้งวัตถุดิบที่เหลือไว้ได้หากไม่จำเป็นต้องใช้ แต่ห้ามนำติดตัวกลับไป”
ดอนนี่ได้สติขึ้นมาอย่างฉับพลันเมื่อรู้สึกเย็นสันหลังวาบ เขารีบหาห้องของตัวเอง และเด็กหนุ่มวัยรุ่นผู้นั้นก็อยู่ห้องข้างๆ ทางด้านขวามือของเขา
……………………………………..