Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา – บทที่ 836 เงามืดทุกแห่งหน

บทที่ 836 เงามืดทุกแห่งหน

วิทยาลัยเวทมนต์ไฮด์เลอร์ตั้งอยู่ที่หอคอยเวทมนต์ซึ่งมีปลายยอดแหลมสูง ยามเดินท่ามกลางหอคอยเหล่านั้น ผู้คนอาจรู้สึกว่ากำลังเดินอยู่ในป่าอันแปลกประหลาด แสงสว่างที่เกิดจากน้ำมือมนุษย์ส่องแสงลงมาจากท้องฟ้าสร้างทิวทัศน์ตระการตา

“ท่านโรเบิร์ตคือลูกศิษย์ของท่านฟิลิเป ท่านมีความเชี่ยวชาญอันโดดเด่นในด้านปัจจัยทางพันธุกรรม เซลล์ความจำ และการประยุกต์ใช้ศาสตร์มืด นอกจากนี้แล้ว ว่ากันว่าท่านเพิ่งจะแลกเปลี่ยนเอกสารงานวิจัยเกี่ยวกับพลังโลหิตที่นาทราวอสทิ้งไว้ และปรับแต่งโลหิตกับร่างกายของท่านโดยยึดหลักจากเอกสารเหล่านั้น เช่น ดวงตาข้างซ้ายของท่านถูกแทนที่ด้วยดวงตาปีศาจ ทำให้ท่านร่ายเวทมนต์ประเภทลำแสงบางอย่างได้รวดเร็วโดยที่พลังทำลายล้างใกล้เคียงกับนักเวทชั้นสูง มือขวาของท่านเปลี่ยนเป็นหนวดของนักขโมยจิต ทำให้ท่าน สามารถก่อกวนทักษะทางด้านจิตใจและดูดซับความทรงจำและสมองของศัตรู…

“หากเจ้าสนใจขอบเขตการศึกษาอย่างที่บอกไป เจ้าอาจจะอยากพิจารณาเลือกชั้นเรียนของท่านโรเบิร์ต ท่านนับว่าเป็นหนึ่งในที่ปรึกษาระดับสูงผู้มีความสามารถโดดเด่นที่สุดทั้งทางด้านความรู้และการลงมือปฏิบัติ…”

คาร์ลเอ่ยแนะนำที่ปรึกษาอย่างตื่นเต้น ดูราวกับดอกทิวลิปที่กำลังเบ่งบาน จนดึงดูดความสนใจจากบรรดานักเรียนและอาจารย์ที่เดินผ่านไป ทว่า พวกเขาพลันตกตะลึงกับเสียงของเขา ดังนั้นไม่ว่าเขาจะเดินไปทางไหนก็จะเกิดรูปปั้นตั้งเรียงรายเป็นทิวแถว

‘จะไม่เป็นไรจริงๆ หรือที่บรรยายความสามารถพิเศษของท่านโรเบิร์ตเช่นนั้น’ ริมฝีปากของดอนนี่กระตุก เขาคิดตามว่าท่านโรเบิร์ตจะดูเป็นอย่างไร บนใบหน้าเรียบนิ่งไร้อารมณ์มีดวงตาสีน้ำตาลถลนออกมาจากเบ้าตาซ้ายและเชื่อมต่อกับเบ้าตาด้วยเส้นเลือดที่เห็นได้ชัดเจน มือขวาของเขาเปิดอ้าและมีหนวดสีแดงเข้มมากมายคืบคลานออกมาทั่วทิศทาง…

‘นี่มันรูปลักษณ์แบบฉบับของสัตว์ประหลาด…นักเวทศาสตร์มืดช่างน่ากลัวจริงๆ!’

‘แต่ว่า มาคิดๆ ดูอีกที มันก็ถือว่าเท่ห์สุดๆ ว่าข่มขวัญกันมาก ไม่ใช่หรือ’

ความคิดแปลกๆ มากมายผุดขึ้นในใจดอนนี่ก่อนจะแตกสลายไป ฉับพลันนั้นเขาก็รู้สึกว่าแขนเสื้อข้างขวารัดแน่นขึ้น เขาจึงได้สติและตระหนักได้ว่าเป็นแซมมี่ที่กำลังกระตุกแขนเสื้อเขาอยู่

“ดอนนี่ ความสามารถพิเศษของท่านโรเบิร์ตควรจะเป็นความลับมิใช่หรือ เหตุใดเขาจึงพูดราวกับว่าทุกคนรู้ดีถึงมันอยู่แล้วเล่า” กระทั่งชายหนุ่มผู้ง่วงเหงาหาวนอนอยู่ตลอดเวลาอย่างแซมมี่ยังสัมผัสได้ว่ามีบางสิ่งบางอย่างไม่ถูกต้อง จึงถามดอนนี่เสียงแผ่วเบา

เมื่อเห็นว่าเขายังคงพูดต่อไปด้วยอาการตื่นเต้นเกินกว่าจะสังเกตุเห็นท่าทางผิดปกติของพวกเขา ดอนนี่จึงตอบกลับเสียงแผ่วพอกัน “คาร์ลเป็นลูกหลานของคนใหญ่คนโตน่ะ…”

นั่นคือข้อสันนิษฐานของเขา อย่างไรเสีย หากว่าตัวคาร์ลเองเป็นผู้มีอิทธิพล และเคยทำคุณงามความดีใหญ่โต เขาจะต้องเคยเห็นจากข่าวมาบ้างสิ

แซมมี่พยักหน้าและหยุดถามต่อ ไม่คิดสงสัยเลยสักนิดว่าเขาจะเป็นลูกชายของผู้ทรงอิทธิพลคนไหน เพราะตอนนี้เขาง่วงเกินกว่าจะสนใจเรื่องอื่นทั้งหมดที่เขาจำเป็นต้องรู้ก็คือเขาไม่อาจทำให้ผู้ทรงอิทธิพลผู้นั้นโกรธเคืองได้ นอกจากนี้ คาร์ลก็กำลังแนะนำที่ปรึกษาในวิชาโครงสร้างร่างกายและปัจจัยทางพันธุกรรม ไม่ใช่สาขาวิชาด้านวิญญาณและจิตที่เขาสนใจ

วิญญาณที่เกาะอยู่บนหลังของเขา ซึ่งถูกข่มขวัญถึงสองครั้งติดๆ กัน โน้มตัวลงมาหาเขาด้วยท่าทางเหน็ดเหนื่อย ราวกับมันเองก็จำเป็นต้องพักผ่อนหลับไหล

ขณะรับฟังคาร์ลและมองสีหน้าเหม่อลอยของแซมมี่ ดอนนี่ก็คิดกับตัวเองในใจว่า ‘บุรุษผู้งดงามประดุจเจ้าหญิงเอลฟ์และบุรุษผู้มีวิญญาณเกาะติดที่ชอบการนอนมากกว่าสิ่งใด เพื่อนร่วมห้องของข้าช่างประหลาดนัก…’

ครั้งหนึ่ง ไอริสทีน เจ้าหญิงเอลฟ์ เคยกล่าวสุนทรพจน์ในโรงเรียนของเขา

“ใช่แล้ว มีเพียงเจ้าที่ปกติดี” เสียงอันเหนือความคาดหมายดังลอยเข้าหูดอนนี่ เขาพยักหน้าเห็นด้วยทันที ‘ใช่แล้ว ข้าเป็นคนปกติเพียงคนเดียวในหอพักนี้ เดี๋ยวนะใครกันที่พูดกับข้า เขารู้ความคิดของข้าได้อย่างไร’

เขาหันหลังขวับ เพียงเพื่อจะพบว่าเจ้าอ้วนโจนส์กำลังมองเขาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เขาจึงถามด้วยความตื่นตะลึง “เจ้า…เจ้ามาเมื่อไหร่กัน”

“เจ้าชวนข้ามาเลือกวิชาเรียนด้วยกันมิใช่หรือ” โจนส์ตอบด้วยน้ำเสียงนิ่งสงบ หาได้มีท่าทางกรุ่นโกรธแต่อย่างใด

“ก็ใช่” ดอนนี่ยกมือขึ้นเกาศีรษะด้วยท่าทางเหมือนแซมมี่ ‘แต่ข้าลืมเรื่องนั้นไปแล้ว! เขาช่างเป็นเพื่อนร่วมห้องอีกคนหนึ่งที่…’

“ช่างเป็นเพื่อนร่วมห้องอีกคนที่แปลกมาก” โจนส์ต่อประโยคด้วยใบหน้ายิ้มๆ

ใบหน้าดอนนี่พลันแข็งทื่อ “เจ้าอ่านความคิดข้าได้เช่นนั้นหรือ”

“เปล่า สะพานที่เรากำลังเดินข้ามอยู่นี้มีชื่อว่า ‘เส้นทางแห่งความสงบ’ เมื่อใดที่อารมณ์ของเจ้ารุนแรงเกินไป ความคิดของเจ้าก็จะดังสะท้อนไปทั่วโถงทางเดิน นี่คือวิธีที่เหล่าอาจารย์ใช้เตือนนักเรียนถึงความสำคัญของความสงบในการศึกษาวิจัยศาสตร์มืด มิเช่นนั้น เจ้าอาจทำร้ายทั้งคนอื่นและตัวเจ้าเอง เจ้าไม่ได้ยินเสียงจากหัวใจเจ้าหรือ” โจนส์ชี้ไปที่สะพานสีขาวดำ

ทางแยกข้างหน้านั้นนำไปสู่หอคอยการเรียนรู้และหอคอยการทดลองตามลำดับ มันไม่มีหน้าต่าง แสงเลือนลางแผ่ออกมาจากก้อนอิฐบนผนังและพื้น ให้ความรู้สึกหนาวเน็บชวนขนลุก

ดอนนี่เงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ และเขาก็ได้ยินเสียงที่ดังไกลๆ ว่า ‘ช่างเป็นเพื่อนร่วมห้องอีกคน…’ อยู่ในอากาศ เขาหันไปมองทางคาร์ลและแซมมี่ด้วยความอับอาย เพียงเพื่อจะพบว่าคนหนึ่งกำลังยุ่งกับการพูดไม่หยุดเกินไป ส่วนอีกคนนั้นเพียงพยักหน้ารับ ทั้งสองมิได้สังเกตุสิ่งอื่นใดเลย

“ขอบคุณพระเจ้าที่พวกเขาไม่ได้ยิน…” ดอนนี่โล่งอก

“เจ้าไม่ห่วงข้าบ้างหรือ” เสียงธรรมดาทว่าแปลกหูดังขึ้นอีกครา

ดอนนี่สะดุ้งหันขวับกลับมามองโจนส์ ก่อนจะตระหนักได้ว่าเขาลืมสหายผู้นี้ไปอีกแล้ว!

“ขะ…ข้าขอโทษ” ด้วยเป็นชายหนุ่มทั่วไปที่มีความชื่อตรงและรู้จักขอบเขตดอนนี่จึงรีบกล่าวขอโทษขอโพย

โจนส์โบกมือด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “ไม่เป็นไร จริงๆ ข้าค่อนข้างชอบพลังพิเศษของตัวเองนะ อย่างน้อยที่สุด แม้แต่ศัตรูก็ยังลืมเกี่ยวกับตัวข้า ในตอนที่ข้าตกอยู่ในอันตราย ครั้งหนึ่ง ข้าเคยเผชิญหน้ากับมนุษย์แมงป่องตอนท่องเที่ยวไปในทะเลทรายทางตอนใต้กับสหาย หลังจากจบการต่อสู้อันดุเดือด ทั้งสองฝ่ายต่างถอยร่น แล้วข้าก็ถูกลืมทิ้งไว้กลางสมรภูมิ…”

“แต่หากเป็นเช่นนั้น ข้าไม่คิดว่าเด็กสาวคนไหนจะจำเจ้าได้นะ ใช่หรือไม่ หากในอนาคตเจ้าแต่งงาน ภรรยาของเจ้าจะลืมว่ามีสามีอยู่หรือไม่” ดอนนี่ถามด้วยความสงสัยใคร่รู้

ใบหน้าของโจนส์พลันแข็งค้าง เขาแย้มยิ้มขมขื่น “เราอย่าพูดถึงเรื่องชวนปวดใจกันเลย…

“นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมข้าจึงเลือกศาสตร์มืด ข้าวาดหวังจะได้ศึกษาพลังโลหิตและปรับเปลี่ยนร่างกายของข้า ข้าจำต้องเปลี่ยนความสามารถพิเศษนี้ให้เป็นความสามารถที่ข้าสามารถควบคุมได้”

“โชคดีนะ” ดอนนี่กล่าวจากใจจริง “ว่าแต่ว่า เจ้าชื่ออะไรหรือ”

“โจนส์ ข้าแนะนำตัวให้เจ้าฟังหลายรอบแล้วนะ…” เสียงของโจนส์ฟังดูไร้ที่มาที่ไปดังภูตผีวิญญาณ

“จริงหรือ เหตุใดข้าจึงจำได้แค่ตอนที่อยู่ในห้องพักกันล่ะ แต่ข้าจำได้เพียงว่าเจ้าแนะนำตัวเอง แต่จำรายละเอียดไม่ได้…” ยิ่งมาดอนนี่ก็ยิ่งรู้สึกว่าทุกคนในห้องพักของเขานั้นเป็นพวกแปลกประหลาด ยกเว้นตัวเขา!

ทั้งสี่คนเข้าไปในหอคอยการเรียนรู้โดยเดินตามเส้นทางแห่งความสงบและพบกับสถานที่สำหรับเลือกวิชาเรียน

“ไอหยา ระยะทางช่างสั้นนัก ข้าเพิ่งแนะนำที่ปรึกษาได้แค่ครึ่งเดียวเอง แล้วข้าก็ยังไม่ได้พูดถึงวิชาเรียนเลย แต่ไม่ใช่ความผิดของข้า นั่นเป็นเพราะที่ปรึกษาบางคนมีประวัติเยอะเกินไป…” คาร์ลกล่าวอย่างเสียดาย

‘นั่นเป็นเพราะเจ้าพูดเรื่อยเปื่อยจนเกินไปต่างหาก เจ้าเอาแต่เล่าทุกอย่างเกี่ยวกับภรรยาของเจ้านายของเพื่อนบ้านของพี่ชายของท่านโรเบิร์ตให้เราฟัง…’ ดอนนี่คิดในใจ จากนั้นดวงตาของเขาก็เปล่งประกาย เมื่อพบว่าตนเองอยู่ในห้องที่เต็มไปด้วยเครื่องกลไกหน้าตาประหลาด เครื่องกลไก เหล่านั้นมีขนาดเท่าโต๊ะทำงานและห่อหุ้มอยู่ในเหล็กสีเงินหรือดำ มีสองเครื่องเบื้องหน้าพวกเขาที่ไฟกำลังกระพริบวูบวาบ เหนือเครื่องกลไกเป็นแผ่นโลหะที่ดูคล้ายกับหน้าจอไอน้ำ

“นี่คืออะไร” ดอนนี่มองไปทางคาร์ล ‘เขาจะต้องรู้คำตอบและยินดีให้คำตอบแน่นอน!’

ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้นอีกครั้ง ทำให้เขาดูเปล่งประกายและดึงดูดสายตาดุจดวงอาทิตย์ “นี่คือปัญญาประดิษฐ์ที่ผสมผสานกับเศษเสี้ยววิญญาณประเภทหนึ่ง มันสนุกกว่าเครื่องที่ผลิตออกไปจำนวนมาก…”

“ปัญญาประดิษฐ์รึ” ทั้งร่างของแซมมี่สั่งสะท้าน ดวงตาของเขาเบิกกว้าง ความง่วงหายไปเป็นปลิดทิ้ง

ดอนนี่เองก็ตื่นเต้นเช่นกัน นี่น่ะหรือปัญญาประดิษฐ์ที่กล่าวขานเป็นตำนานกัน

“แล้วข้าต้องใช้งานมันอย่างไรรึ” ดอนนี่พูดขัดการอธิบายของคาร์ล

คาร์ลไม่ได้โกรธ เขาเดินไปหยุดอยู่หน้าเครื่องหนึ่ง นำเหรียญตรารูปดวงไฟสีอ่อนจางบนอกออกมาวางไว้เหนือ ‘ปัญญาประดิษฐ์’

จากนั้นแสงสีแดงและสีเขียวก็ยิ่งกระพริบรัวเร็วกว่าเดิม ตามมาด้วยเสียงไร้อารมณ์ “ยินดีต้อนรับท่านเข้าใช้บริการปัญญาประดิษฐ์ มีสิ่งใดให้ข้าช่วยเหลือหรือไม่ท่านคาร์ล”

“เปิดหน้าเมนูให้ข้า” คาร์ลหันกลับมาส่งยิ้มให้ดอนนี่และแซมมี่ที่ตอนนี้กลับไปเหม่อลอยอีกครา

“รับทราบ” คราวนี้แผ่นโลหะหน้าตาคล้ายหน้าจอไอน้ำพลันปลดปล่อยแสงสว่างหลากสีสันออกมารวมตัวกันกลายเป็นภาพโฮโลแกรห์มในอากาศ บนนั้นมีรูปสัญลักษณ์มากมายพร้อมกับคำกำกับไว้

“ในนี้มีทั้งระบบเลือกวิชาเรียน ระบบเกม ระบบการสอบ และอื่นๆอีกมากมาย พวกเจ้าลองใช้ดูเองนะ…” คาร์ลกล่าวรัวเร็วในขณะที่เขายื่นมือขวาออกไปจิ้มรูปหนึ่งในอากาศด้วยนิ้วชี้เรียวยาว ฉับพลันนั้น แสงและเงาบนโฮโรแกรห์มก็เปลี่ยนไป ลูกบาศก์หลากสีสันและรูปทรงก็ตกลงมาจากด้านบนเหมือนกับของเล่น

ขณะเฝ้ามองเขาขยับนิ้วอย่างรวดเร็วไปบนจอโฮโลแกรห์ม ราวกับว่าเขากำลังร่ายเวทมนต์คาถาและได้ยินการแนะนำที่ไร้ผู้ใดขัดจังหวะ ดอนนี่ก็ให้รู้สึกคลับคล้ายคลับคราว่าเขากำลังตกอยู่ในภาพมายา

“นี่คือเกมของ ‘ปัญญาประดิษฐ์’ เช่นนั้นหรือ มันดูน่าสนใจไม่น้อยเชียว ว่าไหม” แซมมี่จ้องไปที่จอโฮโลแกรห์ม

ดอนนี่ส่ายหน้าพลางเดินไปยังเครื่อง “ปัญญาประดิษฐ์” อีกเครื่องหนึ่งและวางเหรียญตราของวิทยาลัยลงในช่องเหมือนที่คาร์ลทำ และขอให้ชีวินรสายนเวทแสดงหน้าเมนู

แต่แทนที่เขาจะเล่นเกม เขากลับตรงไปที่ระบบเลือกวิชาเรียนและหาภาควิชา ‘โครงสร้างร่างกายและปัจจัยทางพันธุกรรม’

“วิชาบังคับงั้นหรือ” ดอนนี่กดไปที่ตัวเลือกนั้นด้วยความมึนงง แล้วก็ได้เห็นวิชามากมายที่เขาต้องลงเรียน

“แม่เหล็กไฟฟ้า ลูกแก้วเวทมนตร์ การประยุกต์ใช้เอกซ์เรย์ในการสังเกตโลกจุลภาค พื้นฐานกลศาสตร์ ควอนตัม อะตอม โมเลกุล และเซลล์: บทนำโดยสังเขป ส่วนประกอบของร่างกายมนุษย์ โครงสร้างร่างกายมังกร…”

หลังจากอ่านชื่อวิชาบางวิชา ดอนนี่ก็ถึงกับนิ่งอึ้งคล้ายกับสัมผัสได้ถึงเอกลักษณ์ของลูเซียน อีวานส์

‘เหตุใดกัน เหตุใดข้าต้องเรียนวิชาพวกนี้แม้แต่ในสำนักศาสตร์มืดกันนะ’

Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา

Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา

Status: Ongoing

ซย่าเฟิง นักศึกษาปีสุดท้ายผู้อ่อนต่อโลก

ตื่นขึ้นมาอยู่ในร่างของลูเซียน อีวานส์ เด็กหนุ่มกำพร้าชนชั้นกรรมาชีพที่เฉลียวฉลาด

บนโลกที่เต็มไปด้วยเวทมนตร์ แม่มด ลัทธินอกรีต อัศวิน ปีศาจ และศรัทธาในพระเจ้า

ลูเซียนประยุกต์ใช้ความรู้จากโลกเก่าพร้อมกับพลังวิเศษ ‘ห้องสมุดในห้วงสมอง’

ศึกษาเปรียบเทียบวิทยาศาสตร์กับเวทมนตร์ เพราะ ‘ความรู้คืออำนาจ’ ที่จะช่วยให้เขาบรรลุเป้าหมายในการยกระดับชีวิต!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท