“เฮ้! ฮา!”
เด็กชายที่ดูแล้วอายุไม่เกินสิบขวบคนหนึ่งกำลังถือยกดาบไม้ขึ้นสูงแล้วฟาดไปข้างหน้า
ปัง
ส่วนเด็กชายอายุใกล้เคียงกันที่อยู่ฝั่งตรงข้ามก็รีบยกดาบขึ้นป้องกัน เกิดเสียงทื่อๆ จากการที่ดาบทั้งสองปะทะกัน
ท่ามกลางแสงแดดแผดเผา แก้มและคอของเด็กชายทั้งคู่มีเหงื่อชโลมไปหมด แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ยังคงกัดฟันและจดจ่ออยู่กับการฝึกดาบ
บนบันไดใกล้ ๆ กันนั้น มีชายผมสีทองดวงตาสีน้ำตาลพยักหน้าเล็กน้อย แสดงความพอใจกับการฝึกของทั้งคู่ ชายคนนี้มีโครงหน้าเยาว์วัยหล่อเหลา แต่กลับมีมารยาทดูเป็นผู้ใหญ่และน่าเชื่อถือ ทำให้บอกไม่ได้ว่าเขาอายุเท่าไหร่กันแน่
ตอนนี้เขาตกอยู่ในภวังค์ความคิดอย่างเห็นได้ชัด ราวกับว่าก่อนหน้านี้เขาเคยเห็นที่ไหนสักแห่งผ่านตัวเด็กชายมาก่อน
“จอห์น เจ้าคิดอะไรอยู่?” หญิงสาวหน้าตาสะสวยท่างสูงผอมเพรียวเดินมาทางด้านหลังของเขา นางมีผมสีบลอนด์และตาสีฟ้าที่ให้ความรู้สึกอ่อนโยน ต่างจากรูปลักษณ์ทั่วไปของชาวโฮล์ม
จอห์นกลับมามีสติอีกครั้ง เขาหันกลับมายิ้มและพูดกับคาลี่ภรรยาของเขาว่า “ตอนที่ข้ากำลังดูเด็กๆ ฝึกซ้อมอย่างหนัก ทำให้ข้าจำได้ว่าตอนที่ข้ายังเด็ก ข้ากับลูเซียนก็ฝึกแบบนี้ตรงพื้นที่ว่างๆ ในสลัมของอัลโต้เหมือนกัน แต่เขาไม่ได้แข็งแกร่งเหมือนข้า และเขาก็ไม่เคยพอใจ ทุกครั้งที่เหวียงดาบ ดาบของเขาจะถูกกระแทกออกไปทุกครั้ง…”
คาลี่โอบเอวของเขาจากด้านหลังและยิ้มอย่างอ่อนโยน “ใครจะไปคิดว่าเด็กสองคนในสลัมตอนนั้น จะกลายเป็นเอิร์ลแห่งจักรวรรดิในวันนี้ ทั้งอัศวินอาภา หรือรองหัวหน้ากองอัศวินดาบแห่งสัจธรรม ในขณะที่อีกคนหนึ่งกำลังจะกลายเป็นครึ่งเทพ มหาจอมเวท เจ้าชายแห่งจักรวรรดิ และนักดนตรีผู้ยิ่งใหญ่?”
“ใช่ ชีวิตก็เหมือนละคร” จอห์นตบแขนภรรยาและพูดด้วยความรู้สึกที่ผสมปนเปกันว่า “ตอนแรก ข้าแค่คิดว่าจะเป็นอัศวินของทางการเพื่อที่จะเปลี่ยนชีวิตครอบครัว เพื่อปกป้องพวกเขา และเพื่อปกป้องขุนนาง แต่ข้าไม่เคยคิดฝันว่าจะได้เป็นถึงอัศวินอาภาหรือมีภรรยาที่งดงามเช่นเจ้า”
รูปร่างคาลี่สูงกว่าจอห์นดังนั้นนางจึงสามารถพิงไหล่ของจอห์นได้ถนัด เมื่อนางได้ยินคำพูดของเขาก็ทำให้อดยิ้มไม่ได้
เมื่อมองไปข้างหน้า จอห์นก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ลูเซียนก็คงคาดไม่ถึงกับความสำเร็จของตัวเองในวันนี้เช่นกัน ตอนนั้นความปรารถนาสูงสุดของเขาคือการเป็นชาวเมืองที่มีรายได้ประจำก็เท่านั้น โชคชะตาเป็นสิ่งมหัศจรรย์อย่างแท้จริงที่แม้แต่นักโหราศาสตร์ก็ไม่สามารถคาดเดาได้ ข้าจำได้ว่าข้ากับลูเซียนเคยยืนอยู่นอกโรงละครซาล์มฮอลและจินตนาการว่าสักวันหนึ่งเราจะได้เข้าไปดูการแสดง ฮาฮา ข้าเกือบจะลืมไปแล้วว่าตอนนี้โรงละครหน้าตาเป็นอย่างไร…”
“เจ้าคิดถึงอัลโต้ไหม?” คาลี่ถามอย่างกระตือรือร้น
จอห์นยิ้มอย่างหนักแน่น “ใช่ ข้าคิดถึงโรงละครซาล์มฮอล คิดถึงบ้านเก่า คิดถึงป่าดำที่ข้าใช้เป็นที่ฝึก คิดถึงนักดนตรีนักแสดงบนถนน ฮาฮา คนแก่ๆ มักจะคิดถึงบ้านเกิดและวัยเด็กเสมอ”
“แก่? เจ้าจะบอกว่าข้าแก่งั้นหรือ ข้าอายุน้อยกว่าเจ้าไม่กี่ปีเองนะ” คาลี่แกล้งทำเป็นโกรธ “เจ้าเสียใจที่เลือกอยู่ที่ เรนทาโตแทนที่จะเป็นที่ดินศักดินาใกล้อันโต้หรือเปล่า?”
เมื่อจอห์นกลายเป็นเอิร์ล เขาก็มีโอกาสเลือกที่ดินศักดินาของเขา แต่ในเวลานั้นเอง นาตาชาก็ได้กลายเป็นแกรนด์ดัชเชสแห่งออร์วาริตแล้ว และนางก็สามารถมอบดินแดนใกล้กับอัลโตให้เขาได้ แต่ในที่สุด จอห์นก็ตัดสินใจที่จะอยู่ฝั่งช่องแคบสตอร์ม
จอห์นไม่ตอบ เขาตบมือบอกเป็นนัยให้เด็กๆ หยุดซ้อม จากนั้นเขาก็เอ่ยลาด็กๆ ก่อนจะกลับไปที่คฤหาสน์กับคาลี่
“ถึงเวลาออกลาดตระเวนแล้ว” จอห์นพูดสบายๆ
คาลี่พยักหน้า “ข้าเตรียมชุดอัศวินและชุดเกราะให้เจ้าแล้ว”
เมื่อเขาเดินผ่านห้องโถง จอห์นก็หยุดอยู่กับที่และชี้เข้าไปข้างในให้คาลี่ดู “ฟังเพลงเพราะๆ นี้สิ แม่ของข้ากำลังยึดห้องรับแขกอีกแห่งหนึ่งแล้ว”
“ใช่” คาลี่ไม่ค่อยเข้าใจว่าจอห์นหมายถึงอะไร ้พราะแม่ของเขามักจะเชิญเหล่าขุนนางมาที่ห้องรับแขกของนางเสมอ แล้วยังต้องมีอะไรแปลกใจอีกเหรอ?
จอห์นชี้ไปที่ห้องเรียนชั้นบน “พ่อของข้าต้องเคยไปสมาคมดนตรีแน่เลย”
“ใช่” คาลี่ยังคงสับสน
จอห์นกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “เรนทาโตมีแผ่นเสียงเวทมนต์ เครื่องปรับอากาศ โทรทัศน์ ตู้เย็น รถวิเศษ และสิ่งของอื่นๆ อีกมากมายที่ใช้เปลี่ยนชีวิตเรา เป็นสถานที่ซึ่งได้รับการเผยแพร่จากเวทมนตร์มากที่สุด พ่อและแม่ของข้าคุ้นเคยกับสิ่งเหล่านี้แล้ว และพวกเขาก็สนุกไปกับมัน การขอให้พวกเขากลับไปที่อัลโตจะเป็นการทรมานสำหรับพวกเขามากกว่า นอกจากนี้ เรือเหาะที่มีอยู่ก็ทำให้เราสามารถไปถึงอัลโต้ได้ภายในสองสามวัน โดยไม่ต้องใช้วงแหวนเวท ดังนั้นข้าจึงไม่เคยเสียใจในสิ่งที่ข้าเลือกหรอกน่ะ”
สุดท้ายเขากล่าวเสริมว่า “สำหรับข้า บ้านคือที่ที่เจ้าอยู่ ข้าจะเลือกสถานที่ที่เจ้าอยู่เสมอ สิ่งที่ข้าคิดถึงคือวัยเด็กและช่วงเวลาในอัลโต้”
คาลี่หน้าแดง นางลากจอห์นกลับไปที่ห้องนอนหลักบนชั้นสองและช่วยเปลี่ยนชุดให้เขา
ปัง
เมื่อจอห์นกำลังแต่งตัวหน้ากระจก ก็เกิดเสียงระเบิดดังก้องสะท้อนมาจากอีกด้านหนึ่งของทางเดิน
ทั้งจอห์นและคาลี่ไม่มีปฏิกิริยาผิดปกติใดๆ เลย ราวกับว่านี้เป็นเรื่องปกติที่เหมือนกับการเปิดและปิดประตูเท่านั้น
“ไอเวินทดลองอะไรบางอย่างผิดพลาดอีกแล้ว…” จอห์นฟังเสียงฝีเท้าในห้องทดลองอย่างระมัดระวัง และสัมผัสได้ว่าไอเวินยังมีชีวิตอยู่ จากนั้นเขาก็ถอนหายใจอย่างเศร้าหมองว่า “เขากลายเป็นนักเวทวงแหวนที่สองจากน้ำยาเวทย์ แต่เขาไม่เคยทุ่มเทให้กับอาร์คานาศาสตร์เลย”
ไอเวินเป็นวิญญาณอิสระ เขาไม่ชอบวิชาอาร์คานาศาสตร์และเวทมนตร์ที่น่าเบื่อ แต่เขาชอบของวิเศษที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย จากคำพูดของลูเซียนเขาเป็นเหมือนนักประดิษฐ์มากกว่านักเวท
คาลี่ปลอบโยนเขาว่า “ไอเวินฉลาดมาก แต่ตอนนี้เขาแค่ถูกของวิเศษดึงดูดความสนใจไปเท่านั้น เมื่อเขารู้ว่าถ้าเขาไม่มีความรู้ด้านเวทมนตร์หรืออาร์คานาศาสตร์ที่ลึกซึ้งก็เป็นไปไม่ได้ที่จะปรับแต่งของวิเศษให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น หลังจากนี้เขาก็คงจะขยันมากขึ้นเอง”
คาลี่เป็นนักเล่นแร่แปรธาตุระดับสองและเป็นนักเวทวงแหวนที่สี่
“แน่นอน” จอห์นพยักหน้าและสวมชุดเกราะชิ้นสุดท้าย
…
เหนือป่าสตรู๊ป จอห์นขอให้ลูกน้องใต้บังคับบัญชากระจายกำลังและลาดตระเวนบนอากาศยาน เขาร่อนไปในอากาศและคอยสังเกตป่าอย่างระมัดระวัง
เนื่องจากมีเอลฟ์จำนวนมากได้รับการแนะนำให้รู้จักกับสังคมมนุษย์ ดังนั้นความรับผิดชอบในการปกป้องรอยแยกแห่งอเวจีจึงกลายเป็นหน้าที่ของราชสำนักเอลฟ์ สภาผู้เฒ่าแห่งเผ่าดรูอิด และสภาแห่งเวทมนตร์ ส่วนสมาคมอัศวินแห่งจักรวรรดิทุกข์ขอให้จัดการกับสัตว์อสูรหรือปีศาจที่หายภายในบริเวณป่า
ยังมีการถกเถียงตลอดเกี่ยวกับวิธีการจัดการรอยแยกแห่งอเวจี พวกเอลฟ์ต้องการที่จะผนึกมันไว้อย่างสมบูรณ์ เช่นเดียวกับขุนนางและชาวเมืองที่อยู่ในดินแดนรอบๆ ท้ายที่สุด แม้แต่การปกป้องที่สมบูรณ์แบบก็ยังทำให้ทั่วถึงไม่ได้ ไม่เพียงแต่ป่าได้รับมลพิษรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ แต่สิ่งมีชีวิตและปีศาจบางตัวก็ยังเข้าไปในหมู่บ้าน เมือง และนครต่างๆ ด้วย แม้ว่าจะได้รับการดูแลอย่างทันท่วงที แต่ก็ยังมีบางคนที่ถูกฆ่าหรือกลายเป็นคนพิการ
ส่วนนักเวทและอัศวินส่วนใหญ่หวังว่ารอยแยกและเมืองนิรนามจะคงอยู่ตลอดไป เพราะที่แห่งนี้จะคอยจำกัดขอบเขตความแข็งแกร่งของปีศาจที่บุกรุกเข้ามา ทำให้พวกเขาไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตที่น่าเกรงขามอย่าง เจ้าแห่งปีศาจ หรือพวกดยุก อีกทั้งพวกเขายังมีโอกาสได้รับวัสดุระดับสูงมากมาย เพียงแค่นี้ก็ย่อมดีกว่าการเข้าไปในอเวจีเพื่อการผจญภัยอย่างแน่นอน
เท่าที่จอห์นรู้ สภาสูงสุดได้ตัดสินใจและจัดตั้งทีมวิจัยขึ้น โดยมีเป้าหมายคือการแยกอาณาเขตทั้งสองออกจากกันและเพื่อกั้นพื้นที่บริเวณชั้น 1 ของขุมนรกเพื่อความสะดวกในการผจญภัยและการออกกำลังกาย
“อ่าาา!!!”
เสียงคำรามดังก้องอยู่ในหูฟังของจอห์น เขากลายเป็นหลุมฝังศพและโฉบเฉี่ยวเหมือนนกอินทรีในทันที
ในป่า อัศวินสองสามคนกำลังสกัดกั้นจากโจมตีจากสาวงามทางด้านหลัง นางมีเขาปีศาจดูปราณีตน่ารักบนหน้าผาก ส่วนหนึ่งของร่างกายสวมทับด้วยชุดเกราะสีดำแวววาว ด้วยรูปร่างและใบหน้าที่เย้ายวนอย่างถึงที่สุดนี้บอกได้เลยว่านางคือซัคคิวบัสผู้เต็มไปด้วยพลัง
อัศวินบางส่วนถูกโจมตีโดยไม่ทันตั้งตัวทำให้พวกเขาได้รับบาดเจ็บ บางคนมีอาการหนักใกล้จะเสียชีวิตและบางคนก็ต้องการความช่วยเหลืออย่างมาก
ซัคคิวบัสจับแส้หนามเข้าจู่โจมอย่างรวดเร็ว ส่งกระจายหมอกสีชมพูและสีดำออกไปด้วยเวทประจำตัว
ทันใดนั้น ดาบยาวที่ห่อหุ้มด้วยความมืดก็ฟาดลงมาจากบนฟ้าสกัดการเวทของซัคคิวบัสและขับไล่หมอกที่กำลังกระจายอยู่ให้หายไป
จอห์นที่ไม่ได้แปลสภาพธาตุหรือแสงใดๆ เลย เขาดูเหมือนกับอัศวินหลวงทั่วๆ ไปด้วยซ้ำ แต่ไม่ว่าดาบยาวของเขาจะชี้ไปที่ใด ความสามารถพิเศษทั้งหมดก็ลดลงจนแทบกลายเป็นความว่างเปล่า!
“พลังโลหิตพรกำจัด!” ซัคคิวบัสตกใจมาก นางถึงกับรีบกระพือปีกพยายามจะหนี
แต่อยู่ๆ ความเร็วของนางก็ลดลงอย่างมาก นั่นเป็นเพราะจอห์นจับนางไว้ได้แล้วฟาดนางลงกับพื้น
“อย่า… อย่าฆ่าข้า! ข้ายินยอมเป็นข้ารับใช้ของเจ้า!” ซัคคิวบัสพยายามใช้เรือนร่างของนางยั่วยวนโดยหวังว่าจะแลกกับโอกาสในการมีชีวิตรอด!
“เจ้าไม่ใช่คนรักสงบหรอกน่ะ ในเมื่อเจ้าทำร้ายเพื่อนๆ ของข้าใช่ไหม?” จอห์นเหวี่ยงดาบยาวและสังหารซัคคิวบัสทันทีโดยที่ไม่แสดงสีหน้าใดๆ
ซัคคิวบัสตกใจจนใบหน้าแข็งค้าง อัศวินสองสามคนที่เข้าโจมตีนางก็ดูค่อนข้างเสียใจเช่นกัน
บูม!
ทันใดนั้น พื้นดินก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรงจนเหล่าอัศวินแทบยืนไม่อยู่
“เกิดอะไรขึ้น?” จอห์นมองไปยังจุดที่เกิดแผ่นดินไหวด้วยความตกใจ แต่ก็พบว่ามีแค่แอ่งเลือดปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าลางๆ ก่อนที่จะบิดเป็นเกลียวกลายเป็นรอยแยกที่น่ากลัว ภายในรอยแยกนั้นเป็นอเวจีชั้นต่างๆ
ก่อนที่รอยแยกแห่งอเวจีจะยื่นออกมานั้นมีชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาและอ่อนโยนในชุดสูทกระดุมสองแถวสีดำเขาใส่เนคไทหูกระต่ายสีเดียวกับชุดสูทและสวมแว่นตาเลนส์เดียวข้างขวากำลังลอยอยู่ ความมืดที่ล้อมรอบตัวเขานั้นบิดเบี้ยวราวกับขุมนรก
“ลูเซียน?” จอห์นโพล่งออกมาเมื่อเห็นด้านหลังที่แสนคุ้นเคย
ในตอนนี้เองที่ลูเซียนยื่นมือไปข้างหน้า ร่างกายของเขาดูเลือนลางจนแทบจะจับต้องไม่ได้ จากนั้นจักรวาลไร้ขอบเขตที่มีดวงดาวส่องแสงระยิบระยับก็ภายในก็ปรากฏขึ้นที่ด้านหลังของเขา
บูม!
หมอกที่ใกล้รอยแยกหนาเกินไปจนจอห์นจะมองเห็นได้ชัดเจนนะ เขาเห็นแค่เนินสูงสกาเล็ตกับอเวจีที่อยู่ด้านหลังค่อยๆ หลุดออกจากรอยแยก!
ในขณะเดียวกัน พายุขนาดมหึมาก็พัดผ่านเนินสูงสกาเล็ตและกลืนกินหายไปจนหมด สายฟ้าเส้นยาวหนาก็ผ่าแยกชั้นสองของอเวจีที่เชื่อมกันอยู่!
“อเวจี” ถูกผลักออกไป?
เมื่อมองลูเซียนที่ดูเหมือนพระเจ้าบนท้องฟ้า จอห์นถึงก็พูดไม่ออกจากนั้นความเศร้าเข้าครอบคลุมเขา
………………………………………………………