ท้องฟ้าสีซีด เมืองที่สับสนอลหม่าน โลกที่ไร้สีสันไร้เสียงได้ยินเข้าครอบคลุมโลกแห่งวิญญาณอันหนาวเหน็บเงียบงันนิจนิรันดร์
ร่างสูงสองร่างที่กำลังมองดอนนี่จากนอกเมืองพูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่าว่า “วางใจได้เลย ทุกอย่างจะเรียบร้อย ข้าแค่ต้องคิดว่าเขาพยายามจะทำอะไรแล้วกำลังจะไปไหน หลังจากปล่อยอากาศบางส่วนผ่านทำงานหนักเช่นนี้”
“ไม่เป็นไร” คาร์ลเชื่อใจพี่ชายมากและไม่พูดอะไรอีก “เขาคงกำลังหาวิธีที่จะออกจากบึงนั้น ฮาฮา ถ้าเขาต้องการความร่วมมือ เราก็จะไม่ผนึกและศึกษาเขาตลอดเวลาหรอก ท่านปู่เฟอร์นันโดมีสื่อการทดลองมากมาย และท่านพ่อก็ได้สร้างเส้นทางครึ่งเทพของจอมเวท ส่วนเราก็กำลังค้นคว้าตัวเขาแค่เพื่อหาว่า ‘ความตาย’ คืออะไร มันรวมอยู่ในระบบอาร์คานาศาสตร์ปัจจุบันได้อย่างไร มีความสามารถพิเศษอะไรบ้าง และสามารถเปลี่ยนเป็นเวทมนตร์ระดับตำนานของสำนักศาสตร์มืดได้ไหม?…”
ร่างสูงถูขมับ “เจ้าไม่แข็งแกร่งพอ ตอนนี้เจ้าทำได้เพียงพึ่งพาพรสวรรค์ของตัวเองเท่านั้น ดังนั้นในโลกแห่งวิญญาณเจ้าก็ไม่ควรพูดมากนัก”
…
ดอนนี่มองทุกสิ่งรอบตัวด้วยความงุนงง เขาจ้องมองไปที่โรงละครซาล์มฮอลที่เคยปรากฏอยู่ในเขตคนจนเนิ่นนาน เมื่อตั้งสติได้ก็คิดอย่างข่มขืนว่า ตลอดเวลาเขาอยากจะมาที่เมืองหลวงแห่งดนตรี แต่ก็ไม่เคยคิดว่าจะได้มาภายใต้สถานการณ์เช่นนี้
เขารู้สึกไม่สบายใจอยู่บ้าง เขาไม่มีอารมณ์จะไปเยี่ยมชมโรงละครซาล์มฮอลด้วยซ้ำ เขาไม่รู้ว่าทำไมสิ่งมีชีวิตลึกลับจึงลากเขามาที่โลกแห่งวิญญาณ
ทันใดนั้น จู่ๆ เขาก็รู้สึกว่ามือขวาของเขาเย็นขึ้น หูเขาได้ยินเสียงเหมือนคนแก่ชราและแหบแห้งที่ไม่คุ้นเคยดังก้องอยู่ในหัวใจของเขา “กลับไป! กลับไปยังที่ที่เจ้าอยู่!”
จิตใจของดอนนี่ค่อนข้างมึนงง เสียงนั้นทั้งสูงส่งและเยือกเย็น เสียงเรียกที่จริงจังทั้งใกล้และไกลจากก้นบึ้งของใจเขา!
เขาไม่มีอาการต่อต้าน แม้แต่ความปรารถนาที่จะต่อต้านก็ไม่มี เขาก้าวไปข้างหน้าและมุ่งไปยังส่วนที่ลึกที่สุดของโลกแห่งวิญญาณ
แม้แต่ตอนนี้เขาก็ยังไม่สูญเสียความสามารถในการคิดไตร่ตรอง เข้ามึนงงกับการเรียกหาและจุดหมายปลายทางที่เขาจะไป แต่น่าแปลกที่เขารู้สึกยอมรับกับการถูกเรียกขาน ราวกับว่ามันเป็นความคิดของเขาเองและเป็นการกระทำที่สมเหตุสมผลเพียงอย่างเดียวที่ควรจะเป็น
ขณะที่เขากำลังเดินต่อ ความเย็นจากพื้นที่สีดำ สีขาว และสีเทาก็ปรากฏขึ้นบนมือขวาของเขา ก่อนที่จะเข้าปกคลุมทั้งร่างกาย ภายในดวงตาสีฟ้าของเขามีแสงสีเงินของตราเวทปรากฏอยู่ ขับเน้นจุดสีเงินบนตราอาร์คานาของเขา จากนั้นเขาก็พุ่งไปข้างหน้า ทุกย่างก้าวของเขาดูเหมือนจะไกลขึ้นเรื่อยๆ
หลังจากผ่านไปนาน ดวงตาของดอนนี่ก็สะท้อนให้เห็นปราสาทสูงตระหง่านสุดลูกหูลูกตา ยอดหอคอยปราสาทสูงเสียดฟ้าเกินกว่าสายตาจะมองเห็น เปรียบดังสถานที่ขึ้นไปสู่ที่พำนักของพระเจ้าที่แท้จริง
ดอนนี่ตกตะลึงยืนค้างเป็นรูปปั้น เมื่อเห็ฯทิวทัศน์ตระการตาที่เขาไม่เคยพบไม่เคยเห็น และไม่เคยคาดคิดมาก่อน
อย่างไรก็ตาม ดอนนี่กลับรู้สึกตื่นตระหนก จากนั้นร่างกายก็พลันสั่นขึ้นมาอย่างหนัก เขาสัมผัสได้ถึงความน่ากลัวที่อาจทำให้จิตวิญญาณของเขาพังทลายลงได้ ความกลัวที่มีพลังเป็นรองจากชุดเกราะสีดำในฝันร้าย แต่กลับมีพลังมากกว่าที่ปรึกษาโรเบิร์ตมากนัก พลังที่ทำให้ร่างกายและจิตใจของเขาสั่นไหว!
เมื่อมองดูมัมมี่ที่พันด้วยผ้าสีน้ำตาล สัตว์ประหลาดในเสื้อคลุมสีดำที่มีเคียวยาวและบนใบหน้ามีหมอกเลือนลาง กระโหลกศีรษะสีทองที่ลอยขึ้นลง และกระดูกมังกรขนาดมหึมา ดอนนี่เกลียดสิ่งมีชีวิตประเภทนี้ ดังนั้นเขาจึงค่อนข้างระมัดระวัง เพียงแค่เห็นพวกมันเขาก็รู้ได้ทันทีว่าต้องทำอย่างไร
มัมมี่บรรพชน ข้ารับใช้แห่งความตาย เทพอสูรจอมเวท-ลิช และมังกรมรณะ พวกมันล้วนเป็นผีดิบระดับตำนาน!
ไกลออกไปจากผีดิบระดับตำนานเป็นบรรยากาศที่คล้ายคลึงกันจำนวนมหาศาลกำลังเคลื่อนเข้ามาใกล้
“ตะ… ตำนาน…” ดวงตาของดอนนี่เบิกกว้าง ถ้าไม่ได้อยู่ในโลกแห่งวิญญาณเขาก็คงจะหนาวไปถึงกระดูก ตลอดชีวิตที่ผ่านมาเขาไม่เคยเห็นหรือสัมผัสกับระดับตำนานมาก่อนเลย!
แม้ว่าอาร์คานาศาสตร์และเวทมนตร์จะมีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว แม้จะมีโทรเลข โทรศัพท์ มีการถ่ายทอดสดผ่านดาวเทียม และมีรายการวิทยุทำให้โลกมีขนาดเล็กลง แต่ “ตำนาน” ก็ยังเป็นตัวตนที่สัตว์อสูรมากสติปัญญาส่วนใหญ่ทั้งกวาดกลัวและชื่นชม เป็นตัวแทนของชีวิตที่บริสุทธิ์และการปกครองโดยสมบูรณ์
เพราะความกลัวที่อยู่ในใจทำให้ดอนนี่ถอยห่างออกมาโดยไม่รู้ตัว แต่เสียงที่หนักหน่วงยังคงคำรามว่า “กลับมา! กลับมา!”
เสียงนี้บังคับให้ดอนนี่ก้าวไปข้างหน้าแทนที่จะถอยกลับ เขากำลังจะเข้าใกล้มัมมี่บรรพชนอันชั่วร้ายและน่าสะพรึงกลัวแล้ว
ขาเขาเริ่มสั่นแล้วปากก็เริ่มพูดจาไม่รู้เรื่อง เขาอยากจะสลบเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกสิ่งมีชีวิตระดับตำนานกลืนกินไปซะให้รู้แล้วรู้รอด
แต่มัมมี่บรรพชนกลับทรุดตัวไปข้างหน้าและคุกเข่าลงกับพื้น พร้อมทั้งวางศีรษะไว้ใกล้กับเท้าของดอนนี่
ไร้เสียงของสรรพสิ่ง สัตว์อสูรผีดิบนับไม่ถ้วนต่างคุกเข่าลง ทำให้เกิดคลื่นมหึมา ราวกับว่าพวกเขากำลังโอบกอดผู้ครอบครองและราชาของพวกเขา!
ดอนนี่มองที่เกิดเหตุทุกอย่างด้วยความตกใจ ความคิดมากมายผุดขึ้นในใจของเขา เขาทั้งตกใจและค่อนข้างพอใจ ความรู้สึกที่ได้รับความเคารพนั้นวิเศษมากซะจนไม่แปลกใจเลยที่ไม่ว่าใครๆ ต่างก็แสวงหามัน
“น่าเสียดายที่ปีศาจผีดิบระดับตำนานเหล่านี้ไม่ได้คุกเข่าเพื่อข้า…” ดอนนี่ปลุกตัวเองและบินไปข้างหน้าเรื่อยๆ แต่ไม่ว่าเขาจะไปถึงที่ใด ทั้งปีศาจผีดิบระดับตำนานและผีดิบตัวเล็กๆ ที่แม้แต่ดอนนี่ก็สามารถฆ่าได้ง่ายๆ ต่างก็คุหเข่าตรงหน้าเขา
เมื่อปีศาจผีดิบคุกเข่าลง ดอนนี่ก็สามารถมองเห็นได้ไกลขึ้น จากนั้นเขาก็สบเข้ากับดวงตาสีอำพันใสคู่หนึ่ง!
มันเป็นปีศาจในเทพนิยาย แต่กับดอนนี่ที่ดูรายการถ่ายทอดสดตลอดเวลานั้นรู้สึกว่านี้ไม่ใช่เรื่องแปลก นี่คือมังกร! มันเป็นมังกรคริสตัลที่ตลอดทั้งตัวถูกห่อหุ้มด้วยเกร็ดโปร่งใส!
ดูเหมือนว่ามังกรคริสตัลจะสวมอะไรบางอย่าง ที่ทำให้สีเกล็ดเย็นๆ เปล่งแสงชวนฝันแม้แต่ในโลกแห่งวิญญาณ แต่ท่าทางของมันแปลกมาก มันหมอบอยู่ท่ามกลางปีศาจผีดิบและกำลังใช้กรงเล็บหยิบบางอย่าง มันมีถุงพองๆ สีเทาจำนวนมากห้อยอยู่บนหลัง และมีผ้าสีดำปิดจมูกที่ปิดได้เพียงใบหน้าเท่านั้น
อำนาจของมังกรพรั่งพรูเข้าหาดอนนี่ เขาถึงกลับสูญเสียความเยือกเย็นและตะโกนว่า “ปีศาจ!”
“ปีศาจ!” มังกรคริสตัลก็หวาดกลัวเช่นกัน เสียงของมังกรนั้นเหมือนเสียงของเด็กน้อยทั้งยังแหลมเล็ก
จากนั้นทั้งคนและมังกรก็หันหลังกลับและต่างคนต่างหนี ราวกับว่าทั้งคู่กำลังหวาดกลัวซึ่งกันและกัน
คาร์ลที่กำลังสังเกตจากที่ไกลๆ พูดอย่างสนุกสนานว่า “ทำไมมันถึงมาเก็บขยะที่นี่อีกล่ะ”
“เพราะพ่อให้อุปกรณ์ที่ทำให้เขาไม่สามารถรับรู้ถึงปีศาจผีดิบระดับตำนานได้ มันถึงต้องมาที่นี่เพื่อหาวัตถุดิบและอัญมณีล้ำค่าด้วยตัวเอง” ร่างเงาสูงหัวเราะคิกคัก “วัตถุดิบมากมายที่นี่มีค่ามาก”
“แต่มันสกปรกมาก!” คาร์ลบีบจมูกพูดเสียงดัง “ข้าจะไม่ให้มันมาเป็นเพื่อนข้าอีกแล้ว!”
ร่างสูงหันไปมองดอนนี่ “ต้องมีความลับสักอย่างในอารามแห่งวิญญาณที่คุ้มค่าพอที่จะทำให้มันกลับมา?”
“บางสิ่งที่นี่อาจช่วยให้มันหลุดจากกับดักได้” คาร์ลพ่นลมตามหลังมังกรคริสตัลที่กำลังหายตัวจากระยะไกล
…
หลังจากที่รอดจากมังกร ดอนนี่ก็เข้าไปในปราสาทสีดำขนาดมหึมาจากประตูด้านข้าง เสียงคำรามที่ดังก้องในหัวใจของเขาดังขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับๆ ความรู้สึกที่ถูกอัญเชิญก็แรงขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน !
เขาเคลื่อนไหวเร็วขึ้นและเร็วขึ้นเหมือนกับว่าข้างหน้ามีผลประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่รอเขาอยู่!
ดอนนี่เบิกบานกว้างด้วยความสนใจ เมื่อเดินผ่านอารามต่างๆ เป็นเพราะชั้น 1 ของปราสาทเต็มไปด้วยหนังสือสีเหลืองจำนวนนับไม่ถ้วนที่ถูกกลบด้วยกลิ่นเหม็นที่รุนแรง
สัญชาตญาณของนักเล่นแร่แปรธาตุทำให้ดอนนี่หยุดสังเกตสภาพแวดล้อม
“หนังสือพวกนั้นจะต้องมีค่ามากแน่ๆ มิฉะนั้นก็คงไม่ได้รับการเก็บรักษาไว้อย่างดีและมีสีสันปล่อยออกมาในโลกแห่งวิญญาณ…” ดอนนี่คิดด้วยความยินดี เขารักหนังสืออย่างสุดหัวใจเพราะหนังสือนั้นได้เปลี่ยนโชคชะตาของเขา!
แม้ว่าเขาจะมีความอยากมากมายที่จะหยิบหนังสือออกมาดู แต่ความรู้สึกที่ถูกการอัญเชิญอย่างแรงกล้ากระตุ้นให้เขาต้องมองเมินหนังสือและวิ่งไปที่ทางออก
หลังจากที่เขาจากไป ชายหนุ่มคนหนึ่งก็เดินออกมาจากมุมชั้นหนังสือ เขามีผมและนัยตาสีเงินประดับอยู่บนใบหน้าที่หล่อเหลา เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีแดงและคลุมทับด้วยเสื้อสีดำ ในมือถือหนังสือที่เปิดค้างไว้
“ฮาฮา กลับมาอีกแล้วเหรอ? ช่างน่าสนใจ…” เขาปิดหนังสือและเดินตามดอนนี่แต่ยังไม่รีบร้อน
“ความเป็นอมตะ!”
“กลับมา!”
เสียงคำรามคล้ายๆ กันนี้ดังก้องอยู่ในใจของดอนนี่ มือขวาที่เป็นสีดำ สีขาว และสีเทาค่อยๆ ล่ามไปทั่วร่างกายของเขา
ร่างกายและจิตใจของเขาค่อยๆ ช้าลงเหมือนเป็นอัมพาต ดูเหมือนว่าร่างกายของเขาจะถูกใครบางคนที่ล่องหนอยู่คอยครอบครองและควบคุม
ไฟสีซีดสลัวจุดขึ้นในดวงตาของเขา จากนั้นเขาก็บินไปที่ทางออกด้านหน้าอย่างจริงจัง
ดอนนี่ที่พยายามรักษาจิตสำนึกส่วนหนึ่งของเขาไว้ พยายามมองแต่สิ่งที่อยู่ข้างหน้าและกำลังสูญเสียความสามารถในการควบคุมร่างกายไป
คาร์ลที่กำลังไล่ตามจากที่ไกลๆ พูดอย่างขบขันว่า “นั้นเขากำลังพยายามกลับไปยังเส้นทางสู่ความเป็นอมตะอยู่หรือเปล่า?”
“บางทีเขาอาจจะพบบางสิ่งบางอย่างในการค้นคว้าของเขา และเขาก็มั่นใจว่าจะหลุดพ้นจากปัญหาของเส้นทางสู่ความเป็นอมตะ” ชายร่างสูงกล่าวด้วยท่าทีสบายๆ โดยที่ไม่มีทีท่าจะเข้าไปหยุดเหตุการณ์ต่างๆ
…
กำแพงที่มีใบหน้าของวิญญาณนับไม่ถ้วน ช่องที่ปล่อยอากาศแห่งความเป็นอมตะ และภูมิประเทศที่กระจัดกระจายและพังทลายอยู่ตลอดเวลา… ภาพประหลาดๆ ผุดขึ้นมาในความคิดของดอนนี่ แม้ว่าเขาจะไม่เคยเห็นพวกมันมาก่อน แต่เขามีสายตาที่ชัดเจนว่าเขากำลังจะได้เห็นพวกมันในไม่กี่นาทีนี้แล้ว!
หลังจากที่เขาออกห่างจากทางออก ดอนนี่ก็เห็นจตุรัสที่ “คุ้นเคย” ทางด้านหลังก็มีกำแพงที่มีใบหน้าวิญญาณแช่แข็งอยู่ตั้งตระหง่านอยู่
แต่ถึงอย่างนั้นก็มีอีกหลายที่ที่ไม่คุ้นเคย!
เหนือปราสาทมีป้ายสีแดงแขวนไว้ว่า
[พวกเรายินดีต้อนรับพระเจ้าแห่งจันทราสีเงินมาตรวจสอบการทำงานของพวกเราได้ความจริงใจ…]
[โดยสมาชิกทั้งหมดของสถาบันวิจัยที่เก้าแห่งสภาเวทมนตร์…]
[ประตูมิติของอาณาจักรทั้งหมด!]
การตกแต่งที่หรูหราทำให้เสียงที่ก้องอยู่ในศีรษะของดอนนี่ส่งเสียงร้องอย่างน่าสังเวช
“โธ่เว้ย!”
ในตอนนี้เองชายชราร่างสูงหน้าตาใจดีเดินออกมาจากด้านหลังของเตาหลอมวิญญาณ เขาสวมด้วยเสื้อหางยาว บนใบหน้าประดับยิ้มอย่างอ่อนโยนและโบกมือขึ้นหยุดแสงสีดำ สีขาว และสีเทาในร่างของดอนนี่ให้กลับมาเป็นอย่างเดิม!
“ท่าน… ท่านประธาน!”
ดอนนี่จะไม่รู้จักประธานสภาเวทมนตร์ได้อย่างไรกัน!
“นี่เป็นหนึ่งในสถาบันวิจัยที่ก้าวหน้าที่สุดของสภาเวทมนตร์ ที่ลูเซียนก่อตั้งด้วยตนเองระหว่างการเดินทางและการสำรวจระหว่างจักรวาลคู่ขนาน ตอนนี้เจ้าอยู่ที่นี่แล้ว เจ้าสามารถเดินชมได้ตลอดเส้นทาง” ดักลาสไม่ได้พูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้
ดอนนี่อ้าปากค้าง ทำไมเขาถึงได้ยินชื่อลูเซียน อีวานส์ในสถานที่ลึกลับเช่นนี้ได้?
คาร์ลหัวเราะคิกคักด้วยความยินดีจากที่ๆ ไกลออกไป
(จบเรื่องแยก: ปีที่ 24 ของปฏิทินอาร์คานา)
…………………………………………………………