บทที่ 270
ปัญหาใหญ่
ตระกูลหลินเป็นหนึ่งในตระกูลชนชั้นสูง ดังนั้นพวกเขาจะไม่ลงทุนกับธุรกิจนอกรีตเช่นนี้ แต่คนรุ่นใหม่ในตระกูลมักจะขาดเงิน ดังนั้นพวกเขาจึงใช้ชื่อตระกูลเพื่อทำธุรกิจดังกล่าวข้างนอก
“ทั้งหมดที่เธอต้องทำก็แค่ไปดื่มกับฉัน และเรื่องนี้จะจบลง หากเธอมีปัญหาในอนาคต แค่มาหาฉันและขอความช่วยเหลือ ฉันจะจัดการเรื่องนี้อย่างเร็ว” แม้ว่าเขาจะพูดเกี่ยวกับการดื่ม มันก็เห็นได้ชัดว่ามันไม่ใช่แค่ดื่ม
การแสดงออกของเหมาเซี่ยวหลินเปลี่ยนไปเป็นบูดบึ้ง เธอรู้ว่าเรื่องนี้เป็นปัญหา ด้านข้าง เซียวฟางฟางแสดงความคิดเห็น “พวกเราโทรหานายน้อยสงดีไหม? ถ้าไม่โทร ฉันว่าปัญหาบางอย่างต้องเกิดขึ้นแน่”
เหมาเซี่ยหลินที่หน้าบูดบึ้งกล่าว “อีกด้านหนึ่งคือตระกูลหลิน แม้แต่นายน้อยสงก็คงไม่สามารถทำอะไรได้”
“เราไม่ควรมาที่นี่!”
“ครั้งนี้พวกเรากำลังมีปัญหาแล้ว!”
ชายคนหนึ่งซึ่งยืนอยู่ข้างเหมาเซี่ยหลินและดูเหมือนจะเป็นแฟนของเธอ เขาเรียกว่าจินโบ และพ่อแม่ของเขาเป็นเจ้าของธุรกิจขนาดเล็กที่มีทรัพย์สินมูลค่า 10 ล้านหยวน เขากล่าว “มาดูกันว่าแฟนของเฉิงหลิงซูจะทำยังไง มันถึงเวลาที่ผู้ชายจะเปล่งประกายแล้ว เธอรู้หรือไม่ว่าทำไมสาวสวยถึงชอบที่จะคุยกับคนที่ร่ำรวยและมีอำนาจ? มันเป็นเพราะผู้ชายที่ไม่มีเงินหรืออิทธิพลไม่สามารถปกป้องผู้หญิงของพวกเขาได้ เหมือนกับที่ซูซูเป็นอยู่ในตอนนี้ นั่นเป็นเหตุผลที่ทำไมหญิงสาวถึงหวังแต่จะคุยกับนายน้อยหนุ่ม”
“คนธรรมดาอย่างเขาจะสูญเสียซูซูไปในไม่ช้าก็เร็ว”
แฟนหนุ่มของเซี่ยวฟางฟาง เฉียนคุนเองก็เชื่อเหมือนกัน
สีหน้าของเฉิงหลิงซูบิดเบี้ยว เธอปฏิเสธชายคนนั้นอย่างชาญฉลาด หากอีกฝ่ายเป็นเพียงอันธพาล เจียงซิ่วก็คงสามารถเอาชนะเขาได้หากระมัดระวัง แต่เธอไม่เคยคาดหวังว่าชายคนนั้นจะเป็นบุคคลจากตระกูลหลิน ตระกูลหลินเป็นตระกูลชนชั้นนำของเมืองหลวง ดังนั้นเธอจึงกังวลเล็กน้อยเกี่ยวกับสิ่งที่เจียงซิ่วจะทำ เขาไม่ชอบเธอมากพอแล้ว และตอนนี้เธอได้นำปัญหาเช่นนี้มาให้เขาอีก
ในขณะที่ทุกคนติดอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เสียงที่ไม่แยแสก็ดังผ่านเข้ามา “หลินชิเฉียน ไม่ใช่ว่าเป็นหลานชายของหลินเจี๋ยหนั๋น?”
โว้ว!
ทุกคนตกตะลึง
“เขากล้าเรียกผู้อาวุโสด้วยชื่อห้วนๆ!”
หลินเจี๋ยหนั๋นเป็นชายชราผู้เกษียณจากกองทัพและมีอิทธิพลมาก ดังนั้นจึงไม่มีใครกล้าพูดกับเขาอย่างไม่สุภาพ
“ใช่!”
เยาวชนคนนั้นเองก็ตกตะลึงเช่นกัน แต่ก็ยังตอบยืนยัน
เจียงซิ่วไม่สามารถทำอย่างไรได้ ได้แต่ส่ายหัว ไม่น่าแปลกใจเลยที่สถานะของตระกูลหลินถึวตกต่ำในช่วงหลายปีที่ผ่านมา พวกเขาตกจากตระกูลชนชั้นนำ ตกเข้าสู่ฐานะที่คนรุ่นเยาว์ของตระกูลทำสถานบันเทิงเช่นไนท์คลับแบบนี้ ในขณะที่ลูกหลานของตระกูลชนชั้นสูงอื่นๆ ขลุกอยู่ในการทำอสังหาริมทรัพย์ แสวงหาการทำธุรกิจอย่างขะมักเขม้น เลวร้ายที่สุดของพวกเขาก็เปิดบริษัทภาพยนตร์และสนุกกับนักแสดง สำหรับหลินชิเฉียนนี้ เขากลับมามั่วสุ่มอยู่กับผู้คนเช่นนี้ “ความสำเร็จของตระกูลหลินกำลังมากขึ้นและมากขั้นเรื่อยๆ จริงๆ”
“สารเลวเอ้ย แกควรคิดก่อนพูด”
เหมาเซี่ยวหลินและเซี่ยวฟางฟางเองก็กลายเป็นหวาดกลัว พี่ชาย! คุณพูดออกมาง่ายๆ กล้าพูดในสิ่งที่ตัวเองต้องการ แต่นั่นคือตระกูลหลิน ตระกูลชนชั้นสูงที่ทรงพลัง คุณจะไปออกความคิดเห็นกับพวกเขาได้อย่างไร?
แต่พวกเธอก็ไม่กล้าขัดจังหวะ
“โทรหานายน้อยสงเร็ว เขามักจะไล่ตามซูซูอยู่เสมอ นี่เป็นเวลาที่เขาจะต้องปรากฏตัวแล้ว” เหมาเซี่ยหลินพูดกับเซี่ยฟางฟางอย่างร้อนลน เธอไม่เห็นด้วยกับการกระทำของเจียงซิ่วและเป็นห่วงว่าซูซูอาจจะเป็นอันตราย
นับว่าบังเอิญที่สงหรงฮาวอยู่ในสโมสรระดับสูงใกล้ๆ กัน เขารีบไปโดยไม่ถามอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว เมื่อตอนที่เขาได้รับโทรศัพท์
“พี่ไห่ มาที่นี่ทำไม?” ซงหรงฮาววิ่งมาและรู้สึกตกใจหลังจากเห็นชายหนุ่ม เมื่อเห็นฝูงชนมารวมตัวกันที่นี่ เขาก็เข้าใจทันทีว่าพี่ไห่ต้องการเฉิงหลิงซู “พวกเขาคือเพื่อนของฉัน โปรดให้อภัยพวกเขา พี่ไห่”
“นายน้อยสง!”
รอยยิ้มสีกุหลายปรากฏขึ้นบนใบหน้าของพี่ไห่เมื่อเขาเห็นสงหรงฮาว อีกด้านหนึ่งคือตระกูลสง ตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในเซี่ยงไฮ้ ดังนั้นโดยธรรมชาติแล้วเขาจึงต้องไว้หน้าให้กับลูกหลานของตระกูลสง แต่เจียงซิ่วทำผิดต่อตระกูลหลิน รอยยิ้มบนใบหน้าของเขานั้นค่อยๆ กลายเป็นการเยาะเย้ยที่เย็นชา “เพื่อนของคุณวิเศษจริงๆ เขากล้าเรียกผู้อาวุโสด้วยชื่อจริงของเขาและแม้แต่กระทั่งวิจารณ์ตระกูลหลิน และนอกจากนี้เขายังไม่สนใจนายน้อยหลินอีกด้วย”
เจียงซิ่วและสงหรงฮาวเคยพบกันมาก่อน สงหรงฮาวได้รู้ความสัมพันธ์ระหว่างเฉิงหลิงซูและเขาในตอนนั้น แต่ความสัมพันธ์ของพวกเขาดูไม่ดีและดูไม่ลงรอยกัน มันรู้สึกเหมือนความสัมพันธ์ของพวกเขาเป็นเพียงเพื่อคนที่ชื่อซ้ำกับคนอื่น ดังนั้นเขาจึงเชื่อว่านี่เป็นโอกาสที่ยอดเยี่ยมสำหรับเขา
ตั้งแต่คนงามได้เกิดความโชคร้าย มันก็ถึงเวลาที่เขาจะต้องโอ้อวด และทำให้เธอเข้าใจว่าเขาเป็นจักรพรรดิที่ได้รับเลือกจากสวรรค์มาให้เธอ “พี่ไห่ โปรดไว้หน้าฉันและปล่อยเรื่องนี้ไป ถ้าพี่ทำอย่างนั้น ฉันจะไม่พูดถึงเรื่องนี้กับนายน้อยหลิน”
“ว่าอะไรนะ?” พี่ไห่ยิ้ม “นายน้อยสง เพียงเพราะคุณถูกเรียกว่า ‘นายน้อย’ คุณคิดว่าตัวเองเป็นที่หนึ่งแล้ว? เพียงแค่คำพูดจากนายน้อยหลิน ก็เพียงพอที่จะขับไล่คุณออกจากเมืองหลวงได้”
ตระกูลสงเป็นตระกูลธุรกิจ ดังนั้นพวกเขาจึงทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยและที่ปรึกษาของเจ้าหน้าที่ระดับสูง แต่พวกเขาก็ยังห่างไกลจากการหากเปรียบเทียบกับตระกูลชนชั้นสูงที่แท้จริง ยิ่งไปกว่านั้น ตำแหน่งของสงหรงฮาวในตระกูลนั้นไม่สูงมากนัก
“ให้ฉันบอกคำแนะนำ นายน้อยสง คุณสามารถเป็นเพื่อนกับคนบางคนได้ แต่คุณก็ไม่สามารถเป็นเพื่อนกับบางคนได้เช่นกัน ก็ในเมื่อมันจะเป็นการฆ่าคุณเอง”
ใบหน้าของสงหรงฮาวเปลี่ยนเป็นสีเขียว เขสไม่ได้คาดหวังว่าพี่ไห่จะไม่ไว้หน้าใดๆ เขาเลย เขาเสียหน้ากับคนงามอย่างสุดแสน
เฉิงหลิงซูมาจากภูมิภาคเล็กๆ อย่างเช่นเมืองเจียง ดังนั้นเธอจึงไม่เข้าใจความลึกตื่นหนาบางของน่านน้ำในเมืองหลวง เธอเชื่อว่าเรื่องนี้จะยุติลงตั้งแต่ที่สงหรงฮาวได้มาถึงแล้ว หลังจากทั้งหมด เขาก็เป็นหนึ่งในสมาชิกของตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในเซี่ยงไฮ้ ดังนั้นมันก็เพียงพอแล้วที่จะใช้เป็นเครื่องมือหยุดเรื่องราว แต่เธอก็ไม่ได้คาดหวังว่าอีกฝ่ายจะไม่แสดงความเคารพต่อเขาและแม้แต่กระทั่งตักเตือนเขา ในที่สุดเธอก็เข้าใจได้ว่าภูมิหลังของอีกฝ่ายแข็งแกร่งกว่ามาก
เธอประมาณการว่าตระกูลเจียงเปรียบเทียบกับตระกูลหลินแล้วเป็นอย่างไร และเจียงซิ่วจะลงมือหรือไม่
ชายคนนั้นจ้องมองที่เฉิงหลิงซู “ตอนนี้เธอเต็มใจจที่ะตามฉันมาแล้วรึยัง?”
“เธอไม่ควรเลือกตัวเลือกที่ทำให้ตัวเองต้องเสียใจ”
กล่าวได้ดังนั่นเขาก็ออกจากพื้นที่นี้
สงหรงฮาวกล่าว “เจียงซิ่ว นายมุทะลุเกินไปแล้ว นายไปวิจารณ์ตระกูลหลินได้ไง?” เขารู้สึกว่าเขาเสียหน้าไปตั้งเยอะแต่ไม่ได้อะไรกลับมาเลย “ฉันไม่รู้ว่านายได้รับความมั่นใจมาจากไหน ที่ไปเรียกชื่อผู้อาวุโสของตระกูลหลินห้วนๆ แบบนั้นและแม้แต่กระทั่งวิจารณ์ตระกูลหลินจริงๆ ตระกูลหลินเป็นตระกูลชนชั้นนำของเมืองหลวง นาย… นายอาจะติดพันอยู่กับความตาย”
“แล้ว?”
เจียงซิ่วยิ้มอย่างเย็นชา
สงหรงฮาวถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ คนเขลานั้นย่อมไร้ความกลัว เขาเชื่อว่าคนธรรมดาอย่างเจียงซิ่วไม่สามารถเข้าใจความน่ากลัวของตระกูลหลินได้ พวกเขามีพลังที่จะทำลายตระกูลๆ นึงได้ในไม่กี่นาที “ฟังคำแนะนำของฉันดีกว่า เข้าไปหาเจ้านั้นก่อนที่นายน้อยหลินจะมาถึงและวางความภาคภูมิใจของนายลงไปก่อน สิ่งที่จะตามมามันน่ากลัวเกินไป”
เฉิงหลิงซูสวมใบหน้าที่เป็นกังวล เธอไม่รู้จะทำอย่างไร เธอลังเลอยู่นาน ความสิ้นหวังกระพริบผ่านดวงตาของเธอขณะที่ใบหน้าของเธอซีดจาง เธอกล่าว “ฉันจะไป”
เธอเชื่อมั่นอย่างไร้เดียงสาว่าเรื่องนี้จะจบลง หากเธอไปปาร์ตี้กับเขาซักสองสามแก้ว
ลางร้ายส่องประกายผ่านดวงตาของเจียงซิ่ว ฆ่าเจตนาวิ่งออกไปจากดวงตาของเขา มันทำให้เฉิงหลิงซูรึ้กขนลุก เธอไม่เคยเห็นเจียงซิ่วมีลักษณะที่ดูน่ากลัวเช่นนี้มาก่อน
เฉิงหลิงซูเชื่อว่าตั้งแต่เรื่องนี้มีต้นกำเนิดมาจากเธอ มันจะเป็นการดีกว่าถ้าเธอยอมรับความอัปยศอดสูนี้ เนื่องจากเธอไม่ต้องการสร้างปัญหาให้กับเจียงซิ่ว และทำให้สิ่งต่างๆ เป็นเรื่องยากสำหรับเขา ปัจจุบันเธอเป็นภรรยาตัวน้อยของเจียงโหลวเซี่ย การดูถูกเธอนั้นหมายความว่าเจียงโหลวเซี่ยเองก็ดูไร้น้ำยา และนี่จะเป็นการทำให้เขาเสียหน้า ซึ่งเป็นความอัปยศที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
อันที่จริง เฉิงหลิงซูเข้าใจเรื่องนี้ดี เธอเองก็ทำเช่นเดียวกับในเจียงหนาน แต่เธอตื่นตระหนกจากสถานการณ์ปัจจุบันและลืมมันไป เมื่อเธอเห็นเขาโกรธ เธอเข้าใจทันทีว่าทำผิดพลาดอะไรและนั่งลงอย่างรวดเร็ว
ด้านข้าง เหมาเซี่ยหลินและเซี่ยฟางฟางไม่มีความสุขเลย
“ทำไม?”
“นั้นคือผู้ชายนะ”
“เจียงซิ่ว นายยังเป็นผู้ชายอยู่รึเปล่า? นายไม่ได้ยืนขึ้นในช่วงเวลาแบบนั้นเลย”
ในช่วงเวลานี้เอง ชายหนุ่มก็พาคนกลุ่มหนึ่งมายังสถานที่ที่พวกเขาอยู่ สงหรงฮาวลุกขึ้นไปต้อนรับเขา “นายน้อยหลิน!”
ผู้คนรอบข้างร้องเรียกเขาอย่างต่อเนื่องและคำนับทักทายเขา
กล่าวตามความจริง มันเป็นเรื่องยากสำหรับคนธรรมดาที่จะพบนายน้อยที่เป็นสมาชิกของตระกูลชนชั้นสูง หลินชิเฉียนเป็นคนที่แปลกประหลาดที่สูญเสียตัวเองไปกับการเปิดไนท์คลับที่นี่
“ใครมีดีที่ถึงกับกล้าวิจารณ์ตระกูลหลินที่นี่?”
เขาจ้องมองเจียงซิ่วผู้ซึ่งไม่มีอะไรพิเศษและดูธรรมดาๆ หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความรังเกียจ เขาเชื่อว่ามันต้องเป็นคนที่ดูป่าเถื่อนที่มาวิจารณ์ตระกูลหลินของเขา แต่กลับกลายเป็นคนธรรมดาที่หลุดคำโง่ๆ ออกจากปาก
ทุกคนมองไปที่เจียงซิ่วด้วยความเห็นใจ เรื่องนี้ได้กลายเป็นการขุดหลุมฝังศพให้กับตัวเองแล้ว
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดเกี่ยวกับนายน้อยในเมืองหลวงก็คือพลังอำนาจของตระกูลพวกเขา พวกเขาสามารถบดขยี้บุคคลนึงได้ภายในไม่กี่นาที และที่น่ากลัวกว่าที่สุดก็คือพวกเขาสามารถตัดช่องทางทำมาหากินทั้งหมดของตระกูลที่ร่ำรวยไปได้
เขานั่งลงบนโซฟาแล้วนำซิการ์มาที่ปากของเขา ชายคนนั้นชื่อพี่ไห่จุดไฟให้ทันที การแสดงเริ่มขึ้นในที่สุด
เขาสูดเพียงไม่กี่ครั้ง พ่นควันออกพร้อมๆ กับการที่มองไปยังเจียงซิ่วอย่างเยาะเย้ย “นักเรียน แกมาจากไหน? ชื่ออะไร?”
เจียงซิ่วตอบกลับด้วยสายตาที่ไม่แยแส “เมืองเจียง”
“เจียงซิ่ว!”