Girl, I’ll Teach You Cultivation – ฉันจะสอนเธอบ่มเพาะเอง – ตอนที่ 265

ตอนที่ 265

บทที่ 265

ละครชีวิตและคนที่รู้ว่านี่มันเป็นการเล่นใหญ่

การเดินบนน้ำนั้นไม่ได้สำคัญอะไรกับเจียงซิ่ว เขาเข้าไปในลานบ้านของหวังซินตงและนั่งลงบนเก้าอี้อย่างไม่ใส่ใจ มันราวกับว่าเป็นบ้านของเขาเอง หวังซินตงบุ๋ยปากอย่างร่าเริง “นายต้องการให้ฉันบอกเหตุการณ์สำคัญอีกครั้ง?”

เธอนั่งลงตรงข้ามกับเจียงซิ่วแล้วกล่าว “ผนวกเจียงหนานเสร็จแล้ว เรายึดธุรกิจของคนที่ตายไปได้กว่า 70% แล้ว กำไรรวมกว่า 6 หมื่นล้าน เศรษฐกิจของเจียงหนานพุ่งขึ้นสูงเร็วมาก เรื่องนี้ไม่ได้ทำให้เศรษฐกิจตกต่ำลง หลังจากผนวกเข้าด้วยกันแล้ว ฉันเลยขายต่อให้กับโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่บางแห่ง เพราะสินทรัพย์มันมากใหญ่เกินไป … ”

เจียงซิ่วโบกมือของเขา “บอกสิ่งที่ฉันอยากได้ยิน”

“ตระกูลหลงมาหานาย พวกเขาต้องการหาที่หลบภัยภายใต้ชื่อของนาย นับตั้งแต่ประตูสวรรค์ถูกทำลายลง ตระกูลหลงก็ไม่ได้มีช่วงเวลาในประเทศจีนแบบง่ายๆ อีกต่อไปและถูกกดดันจากที่ต่างๆ มากมาย”

เจียงซิ่วส่ายหัว “ฉันไม่สนใจเรื่องของตระกูลหลง”

“บอกอะไรที่น่าสนใจหน่อย”

“เมื่อตอนที่นายหายตัวไป นักทำนายจากสหรัฐอเมริกาอ้างว่าโลกนี้กำลังจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ มันแสดงให้เห็นสัญญาณของการกลับไปสู่สถานะดั้งเดิมอีกครั้ง ตามเรื่องราวแล้ว สิ่งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นจากวิทยาศาสตร์หรือเทคโนโลยี แต่เป็นเพราะมนุษย์ต้องกลับคืนสู่รูปแบบของบรรพบุรุษของตัวเอง สถานะดั้งเดิมของโลกดูได้จากพระคัมภีร์ไบเบิล พระคัมภีร์แห่งเต๋า เช่นเดียวกับพระไตรปิฎก”

“เมื่อก่อนหน้านี้ ชาวอเมริกันเชื้ออินเดียนประสบกับการเปลี่ยนแปลง เขามีความสามารถบินขึ้นท้องฟ้าได้ เขาเป็นคนแรก หลังจากนั้น หลายคนก็เริ่มได้รับความสามารถเหนือธรรมชาติมา พวกเขาสามารถทำสิ่งที่นักสู้ต้องใช้เวลาตลอดชีวิตทำได้สำเร็จในพริบตา ยุโรปและอเมริกาเชื่อว่านี่เป็นเพราะพวกเขากลับคืนสู่รูปแบบดั่งเดิมของบรรพบุรุษพวกเขา และมนุษย์เป็นลูกหลานของเทพเจ้า ดังนั้น พวกเขาจึงเชื่อว่าคนที่ปรากฏตัวเหล่านี้เป็นบุตรของเทพเจ้า”

เจียงซิ่วจดจำคำของราชาอเล็กซ์ได้ โลกหยินและหยาง นอกจากนี้ เขายังนึกไปถึงภูเขาที่ปรากฏตัวขึ้นมาจากใต้ดินในเมืองฮ๋า ปลาในสระกำลังกระโดดเข้าและออกจากน้ำอย่างสนุกสนานขณะที่แสงอาทิตย์ผ่านต้นไม้ ส่งผลทำให้พื้นผิวน้ำส่องแสงระยิบระยับ เขาถอนหายใจ “กล่าวอีกนัยนึง โลกทั้งโลกกำลังทำสิ่งที่หลี่โพธิได้ทำไป?”

ย้อนกลับไป สิ่งที่หลี่โพธิได้ทำไปมันเป็นการขัดประสงค์ของสวรรค์ แต่ตอนนี้โลกกำลังเริ่มทำตามกฎสวรรค์

หวังซินตงไม่เข้าใจคำพูดของเขา “อ๊ะ นายพูดอะไร?”

“ไม่มีอะไร พูดต่อไป…”

“หลังจากผู้ที่มีพลังศักดิ์สิทธิ์คนนี้ปรากฏตัว เซียนจากสหรัฐฯสองสามคนก็ไปพบเขาและทำความเข้าใจสถานการณ์ แต่พวกเขาก็ถูกต่อต้านดุร้าย พวกเขาต่อสู้กับชาวอเมริกันเชื้ออินเดียนด้วยกัน แต่พวกเขาก็พ่ายแพ้อย่างง่ายดาย สิ่งนี้ทำให้โลกทั้งโลกตกตะลึงอย่างแท้จริง หลังจากเหตุการณ์นี้ ผู้ใช้พลังศักดิ์สิทธิ์คนอื่นก็ปรากฏตัวขึ้นในยุโรป แต่ก็พ่ายแพ้อย่างง่ายดายโดยเซียนของยุโรป ดูเหมือนว่าผู้ใช้พลังศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้จะมีพลังที่แตกต่างกันออกไป และมีช่องว่างขนาดใหญ่อยู่ระหว่างบางคน”

“สหรัฐฯเริ่มทำการวิจัยเกี่ยวกับเรื่องนี้ทันที และกลุ่มการเงินยุโรปบางกลุ่มก็เริ่มลงทุนในการวิจัยดังกล่าว ไม่นานหลังจากนั้น กองทัพของเราก็ถอนตัวกลับ และทำการปรับปรุงพื้นที่ที่ต้องป้องกัน ชนชั้นสูงทั้งหมดของจีนเริ่มที่จะระดมทุนเข้าสู่การวิจัยทางพันธุกรรม เพื่อที่พวกเขาจะได้รับรูปแบบดั่งเดิมของบรรพบุรุษพวกเขาเองอีกครั้ง”

เจียงซิ่วขัดจังหวะเธอ “เอาตระกูลหลงมา และเอาไปรวมเข้ากับนักสู้ในตระกูลหวังของเธอ นอกจากนี้ บอกให้โพธิยีนเปลี่ยนชื่อของตัวเองเป็นตำหนักย่างก้าวสวรรค์ และยอมใช้ผู้ใช้พลังกศักดิ์สิทธิ์ในตำหนักดำเนินการวิจัยทางพันธุกรรมต่อซะ”

การแสดงออกของหวังซินตงเปลี่ยนไป “ยุคใหม่กำลังมาถึงจริงเหรอ?”

“อาจจะ! มีผู้หญิงคนหนึ่งชื่อเซี่ยถิงหรือคนที่เรียกว่าเซี่ยซันเซียนมาหาฉันไหม?” ดวงตาของเขาสั่นไหวอย่างเงียบๆ หากโลกใหม่กำลังมาถึงจริงๆ มันก็ต้องเป็นโลกของสตรีศักดิ์สิทธิ์ของเมืองทะเลทราย เธอเป็นต้นกำเนิดของสิ่งทั้งหมดนี้ นอกจากนี้เธออาจมีคำตอบเบื้องหลังการหายตัวไปกะทันหันของเทพเจ้าอัคคี เพราะโลกที่พวกเขาอยู่นั้นไม่ได้เป็นโลกดั้งเดิมของพวกเขา

คนที่เจียงซิ่วช่วยให้รอดพ้นจากแม่น้ำนั้นไม่ใช่เซี่ยถิง แต่อาจจะเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกอธิบายไว้ในงานเขียนของพวกนั้น เขารู้สึกว่ามันแปลกที่เซี่ยถิงเรียกเขาว่าพี่ใหญ่เจียงทันทีหลังจากนั้น

เธอรู้จักฉันมาก่อน?

แน่นอน มันเป็นไปได้ว่าเธออาจจะได้รับความทรงจำของเซี่ยถิง และเธอก็อาจถือเขาเป็นพี่ใหญ่จากส่วนลึกของหัวใจตัวเอง

หวังซินตงกล่าว “ฉันจะไปตรวจดูบันทึกผู้เยี่ยมชม หลังจากการต่อสู้กับประตูสวรรค์ มีหลายคนที่มาหานาย งั้นฉันเลยให้เลขาบันทึกรายละเอียดทั้งหมดไว้ นายดูเองได้เลย และตัดสินใจเองว่าจะไปพบใคร”

เจียงซิ่วพยักหน้าแล้วกล่าว “ได้ โอนกลุ่มบริษัทเฉิงกลับไปให้เฉิงเฮาหลิน บางสิ่งบางอย่างก็สำรวมคืนกลับไป”

“โอเค มันเป็นเพียงบริษัทอสังหาริมทรัพย์ขนาดเล็ก ยังไงก็เถอะ ความเป็นจริงแล้ว แม้ว่าโครงการอนันทรัพย์จะเป็นโครงการขนาดเล็กที่มีผลกำไรต่ำ แต่จริงๆ แล้วพวกมันก็ได้สร้างปัญหามากมายไว้ให้กับเรา”

“มีอะไรอีก?”

หวังซิ่นตงส่งสายตาออกมาอย่างมีเสน่ห์ “ตอนที่นายจากไป ฉันเรียนเต้นรูปแบบใหม่มา ให้ฉันเต้นให้ดูไหม?”

เจียงซิ่วสวมใบหน้าที่ไม่แยแสตามปกติเมื่อเขาได้ยินสิ่งนี้ แต่เลือดก็พุ่งขึ้นมาที่หัวใจและทำให้เขาตื่นเต้นเล็กน้อย “แล้วต่อจากนั้นหล่ะ? แม่ของฉันเอาโทรศัพท์ออกไปซ่อม งั้นเธอคงกลับมาเร็วๆ นี้”

“โอ้!”

หวังซินตงกัดริมฝีปากของตัวเอง มีใบหน้าที่ดูผิดหวัง

เจียงซิวลุกขึ้นและออกไป สายตาของหวังซินตงตกลงไปที่หลังของเขา เธอรู้สึกเสียใจเล็กน้อย แต่เขาก็หยุดเดิน และแบมือของเขาเข้ามาหาเธอ “ให้ฉันดูชีพจรของเธอ”

หวังซินตงไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงต้องขอเธอ แต่เธอก็เหยียดมือไปหาเขา “นายรู้จักการแพทย์?”

เจียงซิ่วได้ไม่พูดอะไรและตรวจชีพจรของเธอ

ตามเรื่องราวแล้วเขาย่อมไม่ได้ตรวจสอบอาการป่วยของเธอ แต่กลับกันเขาตรวจสอบดูว่าเธอเป็นภาชนะวิญญาณหรือไม่ ผู้ที่เรียกว่าผู้ใช้พลังศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้น มีพันธะกับวัตถุศักดิ์สิทธิ์บางประเภท หรือเป็นภาชนะวิญญาณ หรืออาจมีลักษณะของเผ่าพันธุ์เฉพาะบางอย่าง

“เป็นยังไงบ้าง?”

หวังซินตงกระพริบตา มองเจียงซิ่วด้วยความคาดหวัง

“อืมม!”

เจียงซิ่วหึมหัมและหันหลังกลับโดยไม่อธิบายอะไรให้เธอฟังเลย เขาเดินบนผิวน้ำและกลับไปที่บ้านของเขา ทิ้งให้หวังซินตงที่กำลังสับสนทิ้งไว้ข้างหลัง

“หรือมันจะดี?”

หลินเยี่ยหลิงกลับมาหลังจากนั้น 30 นาที มันไม่สามารถซ่อมแซมโทรศัพท์มือถือได้ ดังนั้นร้านโทรศัพท์จึงโอนข้อมูลของโทรศัพท์ไปยังเครื่องใหม่ที่เธอซื้อให้เจียงซิ่ว

“เรื่องนี้ทำแล้ว เอกสารคงจะไปถึงเฉิงเฮาหลินในวันนี้ล่ะ”

“นั้นดีแล้ว” หลินเยี่ยหลิงพอใจกับการกระทำของลูกชายเธอ “ใช่ ปู่ของลูกจะส่งคนมาที่นี่เร็วๆ นี้ พวกเขาโทรหาแม่”

“ต้องโทรไปหานายกเทศมนตรีกู่?” หลินเยี่ยหลิงถาม

เขายึดครองทรัพสินย์กว่า 6 หมื่นล้านของเจียงหนานไว้แล้ว เพียงหนึ่งปี GDP(ภาษี) ของมณฑลเจียงหนานกลายเป็น 2 ล้านล้าน ดังนั้นจำนวนนี้จึงค่อนข้างมาก คำพูดของเขาไม่น้อยไปกว่านายกเทศมนตรีกู่ที่เคารพต่อไต๋ยัวไท๋

ถ้าเขาต้องการความช่วยเหลือ เขาก็สามารถทำได้ง่ายๆ แต่เจียงซิ่วไม่ได้มีความตั้งใจที่จะสนับสนุนตระกูลหลิน หากเขาต้องเลือก เขาจะเลือกช่วยเหลือกู่เต๋อชี่

ออดดังขึ้นในเวลานี้เอง

“ลุงเซี๋ยนต้องมาแล้วแน่เลย” หลินเยี่ยหลิงกล่าวอย่างมีความสุข เธอไปเปิดประตู และพบชายคนหนึ่งที่มีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้าของเขา เจียงซิ่วเคยเห็นชายผู้นี้มาก่อนในช่วงชีวิตของเขา แต่จำชื่อเขาไม่ได้

“เยี่ยหลิง!”

ผมของลุงเซี๋ยนเป็นสีเทาเล็กน้อย และเขาถุงใต้ตา แต่ก็ดูมีรูปร่างที่แข็งแกร่ง เขาเป็นเลขาส่วนตัวของชายชราหลิน และทำหน้าที่เป็นผู้จัดการของตระกูลหลินอยู่ในตอนนี้ หลังจากอยู่ที่ตระกูลหลินมาตลอดชีวิต เขากลายเป็นสมาชิกครอบครัวตระกูลหลินไปกว่าครึ่งหนึ่งแล้ว และยังถือว่าตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลหลินอีกด้วย

“นี่ต้องเป็นลูกของเธอ ใช่มั้ย? เขาโตขึ้นมาก”

เขาสำรวจเจียงซิ่วและก็ต้องขมวดคิ้ว เมื่อเขาเห็นสีหน้าที่ไม่แยแสของเขา เขาไม่อาจถือได้ว่าเป็นแค่คนรับใช้ของตระกูลหลิน เขาคล้ายกับเจ้าศาลอันดับที่ 3 เป็นคนที่ไม่ต้องทำอะไรก็ดูน่าทึ่ง

“ลุงเซี๋ยน นั่งลงก่อน!”

เขาเข้าใจสถานการณ์ของหลินเยี่ยหลิง ในช่วงปีแรกๆ ของเธอ เจียงหยี่ประสบกับความโชคร้าย และเธอก็ผ่านวันวานอันขมขื่น เขาไม่ได้คาดหวังว่าเธอจะกลับมามีชีวิตอยู่ในจุดนี้อีกครั้ง เธอแม้แต่กระทั่งมีวิลล่าที่หรูหรา และลูกชายของเธอกำลังเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยจักรพรรดิ

“ทำไมพ่อถึงส่งลุงมา? เขาต้องการให้ลุงมาบอกอะไรฉัน?”

หลินเยี่ยหลิงแสดงความสุภาพต่อหน้าผู้ที่อาวุโสกว่า

“ไม่มีอะไรมาก เขาแค่ส่งฉันมาดูว่าเธอเป็นยังไงบ้าง เธอมาเมืองหลวงจักรพรรดิหลังจากผ่านไปหลายปีแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้กลับไปหาตระกูล งั้นแล้วพ่อเฒ่ากับนายหญิง ทั้งคู่ต่างก็เป็นกังวล”

เขายิงเป้าไปยังจุดที่เปราะบางที่สุดหัวใจหลินเยี่ยหลิงด้วยคำเพียงไม่กี่คำ สิ่งนี้ส่งผลทำให้น้ำตาของเธอไหลออกมา

“พวกเขาสุขภาพดีอยู่ไหม?”

“พวกเขาสุขภาพดี”

เจียงซิวเยาะเย้ยกับการแสดงครั้งนี้ เขาเข้าใจแล้วว่าตระกูลหลินกำลังจะเล่นอะไร หากเจียงหยี่ไม่ได้กลับคืนตำแหน่งหรือไม่ได้มีความสัมพันธ์กับนายกเทศมนตรีกู่ ตระกูลหลินก็ไม่แม้นแต่จะมีวันที่จะมาหาครอบครัวของพวกเขา และตอนนี้ พวกเขาเสแสร้งว่าเป็นห่วงเธอ และทำเป็นมีอารมณ์ลึกซึ้งต่อเธอ ส่งผลทำให้หลินเยี่ยหลิงต้องร้องไห้

เจียงซิ่วมีความเข้าใจเกี่ยวกับตระกูลหลิน ในความเป็นจริง 10 ปีที่แล้วหลังจากชายชราหลินหันหลังให้เหตุการณ์นั้น ตระกูลหลินจึงไม่สามารถปราองดองกับตระกูลเจียงได้อีกต่อไป และเนื่องจากเหล่าลูกหลานไม่ได้มีความสามารถที่โดดเด่นแม้แต่กระทั่งรุ่นต่อ จุดยืนของพวกเขาจึงค่อยๆ ลดลงในตระกูลชนชั้นสูง

Girl, I’ll Teach You Cultivation – ฉันจะสอนเธอบ่มเพาะเอง

Girl, I’ll Teach You Cultivation – ฉันจะสอนเธอบ่มเพาะเอง

Status: Ongoing

เจียงซิ่วเคยถูกเคลื่อนย้ายไปยังทวีปการต่อสู้นิรันดร์ เขามีชีวิตที่ยาวนานอยู่่ที่นั้น และได้สร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองอย่างยิ่งใหญ่ ทว่าเขาก็พบว่าตัวเองตื่นขึ้นมาในสถานที่แปลกๆ และยังค้นพบอีกว่าเขาได้กลับมาโลกที่ได้จากมา เกิดบ้าอะไรขึ้น? แล้วเขาจะทำอะไรต่อจากนี้? ติดตามเจียงซิ่วในขณะที่เขาเกี่ยวข้องกับชะตากรรมและเหตุการณ์บ้าบอที่ถูกเก็บไว้ให้เขาโดยเฉพาะ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท