บทที่ 272
สร้างปัญหาให้ฉัน?
สำหรับพ่อแม่ของหลินชิเฉียน อาการบาดเจ็บของเขาค่อนข้างสาหัญ ตั้งแต่วัยเด็กจนถึงปัจจุบัน ลูกชายของพวกเขาไม่เคยได้รับบาดเจ็บมากขนาดนี้มาก่อน หัวของเขาบาดแตกและขาซ้ายหัก พวกเขารู้สึกราวกับว่ามีคนมาแทงหัวใจและบิดมันด้วยมีดที่แทงเมื่อพวกเขาเห็นสภาพของลูกชาย
“เขาตั้งใจจะทำอะไร? เขารู้อยู่เต็มอกว่าเราเป็นญาติ แต่เขาก็ยังทำตัวโหดเหี้ยมแบบนี้ เขาคงไม่ได้คิดว่าเราจะไม่ไปหาเขาเพื่อเคลียเรื่องนี้ใช่ไหม?”
ชายที่มีใบหน้าอันเย็นชายืนอยู่ตรงข้ามเธอ เขายังคงนิ่งเงียบและไม่พูดอะไรสักคำ แต่ทุกคนก็รู้ได้ว่าผู้ชายคนนี้รู้สึกโกรธมากขนาดไหน เป็นเพียงแต่เพราะเขาพูดน้อยก็เท่านั้น
“ฉันจะไม่ปล่อยให้เรื่องนี้จบลงง่ายๆ แน่นอน”
“ฉันจะให้หลินเยี่ยหลิงอธิบายเรื่องนี้กับฉัน”
ชายคนนั้นนั่งลงที่เก้าอี้ของโรงพยาบาล เขาเป็นลูกชายคนที่สามของหลินเจี๋ยหนั๋น เรียกว่าหลินเจ๋อคัง สายตาของเขาจับจ้องไปที่พื้นดิน “ลุงเซี๋ยนเพิ่งบอกให้ฉันรู้ว่าเรื่องนี้จะไม่ถูกสอบสวน”
ดวงตาของหญิงสาวเบิกกว้าง “ทำไม? เธอถูกขับไล่ออกจากตระกูล และก็ตระกูลเจียงเองก็ไม่ได้มีอยู่อีกต่อไปแล้ว เราจำเป็นต้องกลัวเธอและแสดงความรักกับเธอในฐานะญาติอยู่อีก? เมื่อตอนที่ลูกชายของเธอทำร้ายชิเฉียน เขาก็ไม่ได้หยุดทำร้ายทั้งๆ ที่รู้ว่าเราเป็นญาติกัน”
“ฉันไม่สนใจอะไรอีกแล้ว ฉันจะไม่ยกเรื่องนี้ลงไป”
“หลินเจ๋อคัง คุณยังเป็นผู้ชายอยู่รึเปล่า? ลูกของคุณถูกทำร้ายจนมีสภาพแบบนี้ และคุณก็ไม่แม้แต่จะสนใจเรื่องนี้เลย… ฟู่ ฟู่ ฟู่ ฉันตาบอดจริงๆ ที่แต่งงานกับคุณ”
หลินเจ๋อคังโยนผ้าห่มลงบนโต๊ะด้วยความโกรธ “คุณยังกล้าพูดแบบนี้อยู่อีก ดูสิว่าคุณเลี้ยงลูกชายของตัวเองมายังไง คุณรู้ไหมว่าทำไมเขาถึงถูกทำร้าย?”
“ไอ้ลูกสำสอนนี้ต่อสู้เพื่อแย่งผู้หญิงจากที่สกปรกๆ อย่างเช่นไนคลับ และผลลัพธ์ก็คือถูกทุบตีกลับมา ถ้าไม่ใช่เพราะลุงเซี๋ยนระงับเรื่องนี้ไว้ คุณรู้ไหมว่าจะเกิดอะไรขึ้น?”
ผู้หญิงเดือดพลานไปด้วยความโกรธ “ฉันจะเลี้ยงลูกมายังไงก็เรื่องของฉัน แต่ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้ทำร้ายลูกชายฉันแบบนี้!”
หลินเจ๋อคังกล่าว “หยุดทำตัวงี่เง่าได้แล้ว ฉันได้ยินมาว่าพ่ออนุญาตให้ครอบครัวของเยี่ยหลิงกลับมาได้ เจียงหยี่มีความสัมพันธ์อันดีกับผู้ว่าราชการจังหวัดกู่ และความสัมผันธ์นี้เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับพี่สองเพื่อชิงตำแหน่ง”
“ฉันไม่สนใจ ฉันไม่อนุญาตให้ใครมาทำร้ายลูกชายฉัน” ผู้หญิงคนนั้นตอบ
หลินเจ๋อคัง “พ่อกำลังแก่ขึ้นและเราอาจจะไม่มีเสาค้ำจุ่นตระกูลอีก ทุกอย่างขึ้นอยู่กับว่าพี่สองจะคว้าตำแหน่งมาได้หรือไม่ ถ้าคุณสร้างปัญหาให้พ่อในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อแบบนี้ ผลที่ตามมาคงจะไม่ต่างจากหายนะ”
ผู้หญิงคนนั้นไม่ตอบกลับและทำหน้าไม่พอใจ
“ถ้าคุณมีอะไรจะพูด ก็รอจนกว่าการเลือกตั้งจะเสร็จ…”
สำหรับขุนนางที่ต้องการจะแก้แค้น สิบปีก็ไม่นับว่านานเกินไป ยิ่งไปกว่านั้น การเลือกตั้งในเจียงหนานก็จะเกิดขึ้นในปีนี้
อย่างที่เจียงซิ่วได้คาดไว้ ปัญหานี้จะไม่เกิดอะไรขึ้นและก็จะไม่ไปเข้าถึงหูของหลินเยี่ยหลิง เฉิงหลิงซูตื่นเต้นมากในคืนนั้น เธอไม่ต้องการสร้างความยากลำบากให้กับเจียงซิ่ว เธอมีความมุ่งมั่นว่าเธอต้องผู้ใหญ่ให้เร็วขึ้น ไม่งั้นแล้วเธอก็คงจะไม่สามารถตามเจียงซิ่วทันได้ และคงจะถูกเขาทิ้งไว้ข้างหลัง
เธอลังเลอยู่นานก่อนจะเรียกความกล้าและพูดออกมา “เจียงซิ่ว นายให้ฉันยืมเงินได้ไหม?”
เธอยังไม่ทราบว่าเขาส่งกลุ่มบริษัทเครือเฉิงกลับคืนสู่ครอบครัวไปแล้ว เขาเคยให้เงินเธอมา 1 ล้านก่อนหน้านี้ ซึ่งเธอก็เอาไปซื้อบ้านให้พ่อกับแม่ของเธอ และก็กลายเป็นไม่เหลืออะไรเลยหลังจากที่เธอนำเงินไปลงทุนเงิน เป็นเรื่องปกติที่จะยืมเงินจากเพื่อน และตอนนี้ครอบครัวเจียงและครอบครัวเฉิงก็กลับมาคืนดีกัน มันก็ไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธเธอ “เท่าไหร่?”
“100 ล้าน!”
“เธอนี่รู้วิธีขอร้องจริงๆ”
“นายแค่ให้สินเชื่อฉันก็ได้ 3 ปี ฉันจะเอาเงินคืนนายพร้อมทั้งต้นและดอกหลังจากผ่านไป 3 ปี ฉันต้องการลงทุน 100 ล้านในตลาดการเงินและ…”
เจียงซิ่วบอกให้เธอหยุดพูด เขาไม่สนใจในสิ่งที่เธอต้องการหลังจากได้เงิน เนื่องจากมันไม่เกี่ยวข้องกับเขา “100 ล้าน ใช่ไหม? ฉันจะทำเรื่องให้คนส่งเงินเข้าบัญชีของเธอ”
“ขอบคุณ!”
“อย่าเพิ่งขอบคุณเร็วนัก ฉันไม่ให้เงินเธอฟรีๆ ถ้าเธอไม่สามารถคืนเงินให้ฉันได้ภายใน 3 ปี เธอคงรู้นะว่าฉันต้องการอะไร เราจะไปที่สำนักงานการทะเบียนกัน ถ้ามันเกิดขึ้น”
เฉิงหลิงซูกัดริมฝีปากของเธอ และกล่าวออกมาอย่างแน่วแน่ “มันเป็นข้อตกลง!”
ถ้าเจียงซิวจำไม่ผิด วิกฤติการเงินของโลกจะเกิดขึ้นในปี 2009 หลายคนจะล้มละลายจากวิกฤตการณ์ครั้งนี้ และบางคนก็ถึงกับฆ่าตัวตายด้วยการกระโดดออกจากตึก
“ฉันจะให้คนเอาสัญญามาให้เธอในวันพรุ่งนี้ เธอจะได้รับเงินทันทีที่ลงชื่อ”
เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาและโทรหาหมายเลขของหวังซินตง นี่เป็นสิ่งที่ดีสำหรับเขา เขาสูญเสียความหวังในการหย่ากับเฉิงหลิงซูแล้ว แต่เธอก็เอาตัวเองเข้ามาติดพันกับภัยพิบัติด้วยตัวเอง
“ร่างข้อตกลงกู้ยืมเงินจำนวน 100 ล้านบาทให้แก่เฉิงหลิงซู ถ้าเธอไม่สามารถส่งคืนได้ภายใน 3 ปี นั่นเท่ากับการยอมรับการหย่าไปโดยอัตโนมัติ…”
“ดูเหมือนว่านายคงกำลังทำงานอย่างหนักเพื่อเฉิงหลิงหราน!”
“อันที่จริง พี่สาวน้องสาวทั้งสองคนดูคล้ายกันมาก นายก็แค่คิดว่าเฉิงหลิงซูเป็นตัวแทนฝ่ายวิญญาณของเธอ นายไม่จำเป็นต้องวางแผนอะไรมากมายเพื่อไล่เธอออกไปจากนาย”
“เธอนี่เริ่มทำตัวซุกซนมากขึ้นจริงๆ” เจียงซิ่วกล่าวอย่างเย็นชา
หวังซินตงตอบกลับด้วยน้ำเสียงเบาบาง “ฉันก็แค่คิดสิ่งดีๆ ให้นาย เอาหล่ะ ฉันเข้าใจแล้ว ฉันจะทำตามที่นายพูด”
“ตระกูลเซี่ยมาตามหาฉันไหม?”
“ใช่ เซี่ยซันเซียนมาหานาย”
ตั้งแต่ที่คำพยากรณ์ซึ่งเขียนอยู่ในเมืองทะเลทรายโบราณเป็นจริง โลกใหม่ก็ก้าวข้ามมาที่นี่เพื่อแก้แค้นราชวงศ์หมิงและล้มล้างกฎของราชวงศ์หมิง ในฐานะที่เป็นคนรุ่นต่อมาของเมืองทะเลทราย ตระกูลเซี่ยก็ต้องเผชิญกับความเปลี่ยนแปลง เมื่อยุคใหม่นี้กำลังจะมาถึง ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีหรือไม่ดี เขาเชื่อว่าพวกเขาก็จะต้องหวาดกลัวอย่างแน่นอนและต้องมาหาเขา
“ส่งหมายเลขของเซี่ยซันเซียนมา”
เจียงซิ่วโทรไปตามหมายเลขโทรศัพท์ของเซี่ยซันเซียนทันที ในอีกด้านหนึ่ง เซี่ยซันเซียนตอบกลับอย่างอ่อนล้า มันเป็นน้ำเสียงที่เศร้าสร้อย “ฮัลโหล นี่ใคร?”
“ฉันเอง เจียงซิ่ว!”
เซี่ยซันเซียนกลายเป็นปิติยินดี “คุณเจียง ในที่สุดคุณก็กลับมาแล้ว คุณไปช่วยถิงถิงด้วย! ฉันขอร้อง!”
หัวใจของเจียงซิ่วเต้นอย่างรวดเร็ว “เธอเป็นอะไร!”
เธอคนนั้นเป็นผู้หญิงที่พิเศษ
เสียงของเซี่ยซันเซียนกลายเป็นร้อนใจทันที “ถิงถิงถูกเอาตัวไป คนพวกนั้นแข็งแกร่งเกินไป พวกเราเทียบพวกนั้นไม่ได้เลย”
“เอาตัวไป? ใครเอาไป?”
“ตระกูลจี!”
“ตระกูลของจีหวูเต๋า?”
“ใช่ มันเป็นตระกูลจีนั้น คุณเจียง คุณต้องช่วยเธอ มีเพียงคุณเท่านั้นที่ช่วยเธอได้”
“ตระกูลของคุณสร้างความขุ่นเคืองใจให้ตระกูลจีรึเปล่า?”
“นั้น…” เซี่ยซันเซียนพึมพำกับตัวเองสักครู่ก่อนจะกล่าว “คุณเจียงควรรู้ว่าบรรพบุรุษของฉันเป็นผู้ที่ละทิ้งเมืองเพื่ออกมาล้างแค้น และบรรพบุรุษของตระกูลจี จีหวูเต๋า สมัยนั้นเป็นเจ้าหน้าที่ของราชวงศ์หมิง”
เจียงซิ่วนึกเรื่องราวออกในทันที ย้อนกลับไปเมื่อตอนนั้นหวังชงหลินบอกเขาว่าจีหวูเต๋าเป็นเทพเจ้า และตั้งแต่ที่เจียงซิ่วฆ่าจีหวูเต๋าไปแล้ว มันก็หมายความว่าเขาเองก็เป็นเทพเจ้าด้วยเช่นกัน พวกเขามีความสัมผันธ์ระหว่างกันจริงๆ
“ทำไมพวกเขาถึงเอาตัวเธอไป?”
เซี่ยถิงไม่ได้เป็นเซี่ยถิงอีกต่อไป มันมีความเป็นไปได้มากว่าเธออาจเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์ที่เอ่ยถึงในจารึก เหตุผลที่ตระกูลจีจับเซี่ยถิงไปไม่ใช่เพราะเธอเป็นคนจากตระกูลทะเลทรายโบราณรุ่นต่อมา ไม่งั้นแล้ว พวกเขาคงจะจับเซี่ยซันเซียนไปแทนแล้ว เขาเชื่อว่าพวกเขาจะต้องมองเห็นรูปลักษณ์ที่แท้จริงของเซี่ยถิงในปัจจุบัน พวกเขาต้องจากจับตัวสตรีศักดิ์สิทธิ์ไป
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมพวกเขาถึงอยากจับเธอไป คุณเจียง คุณต้องช่วยเธอ ฉันมีลูกสาวแค่คนเดียวเท่านั้นเธอมีค่ามากกว่าชีวิตของฉันเอง โปรดช่วยเธอด้วย”
ผู้ชายคนนี้ เซี่ยซันเซียน ค่อนข้างฉลาด จนถึงตอนนี้ แม้ว่าเขาจะไม่เปิดเผยความตั้งใจที่เป็นอันตรายใดๆ ต่อเจียงซิ่ว แต่เขาก็แสดงท่าทีระวังออกมา แต่สิ่งนี้ไม่แปลก เนื่องจากเจียงโหลวเซี่ยคล้ายกับหมาป่า เซี่ยซันเซียนจะระวังใครถ้าไม่ใช่เจียงโหลวเซี่ยคนนี้?
“ก่อนที่เหตุการณ์จะเกิดขึ้น คุณสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงแปลกๆ ในตัวถิงถิงหรือเธอแตกต่างจากปกติบ้างไหม?”
เซี่ยซันเซียนกล่าว “หลังจากกลับมาจากเมืองทะเลทราย เธอมักจะมองท้องฟ้ายามค่ำคืนอย่างทุกข์ใจ มีบางครั้ง ที่เธอมองท้องฟ้าตลอดทั้งคืน และแม้แต่กระทั่งหมอบลงกับท้องฟ้านั้น พร้อมพูดคำบางคำที่ฉันไม่สามารถเข้าใจได้”
“มีอะไรนอกจากนั้นอีกไหม? เธอมีความเปลี่ยนแปลงในร่างกายหรือมีความสามารถพิเศษบ้างไหม?”
“ไม่น่าจะมีอะไรแบบนั้นนะ…”
“แล้วคุณหล่ะ? ร่างกายของคุณรู้สึกไม่สบายรึเปล่า?” เรื่องของเซี่ยซันเซียนนั้นค่อนข้างเป็นปัญหา จุดกำเนิดศักดิ์ของเขาถูกทำลายโดยเจียงซิ่วแล้ว และอาจเป็นไปได้ว่าร่างกายของเขาจะประสบกับการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง
“ตอนนี้ไม่มีอะไรแบบนั้น…”
“อืมม ฉันจะไปช่วยถิงถิง ตั้งแต่ที่เธอเรียกฉันว่าเป็นพี่ชายของเธอ ฉันก็ยังคงได้ทำหน้าที่อะไรเลย ทั้งๆ ที่เธอกำลังเผชิญหน้าอันตรายจากมนุษย์”