บทที่ 297
ถนนรอบภูเขา
ตอนที่หลินเยว่หลิงอยู่ที่บ้านตระกูลหลิน เมื่ออยู่ต่อหน้าคุณนายใหญ่เธอก็เข้าใจทันทีเกี่ยวกับการแต่งงานเพื่อผลประโยชน์ แต่ปัญหามันอยู่ที่คุณจะสนับสนุนฝั่งไหน ด้านหนึ่งเป็นฝั่งของแม่ อีกด้านเป็นฝั่งของสามีและการจะเลือกได้นั้นก็คือการมีทายาทสืบทอดตระกูล ก่อนจะมีทายาทแน่นอนว่าต้อนอยู่กับฝั่งแม่ แต่พอมีทายาทแล้วก็ต้องไปอยู่กับฝั่งของสามี
แม้แต่หลินเยว่หลิงก็ไม่มีข้อยกเว้น เธอต้องอยู่ฝั่งของลูกของเธออยู่แล้ว เธอไม่สามารถทำให้สามีและเจียงซิ่วต้องอับอายได้ และที่ยิ่งไปกว่านั้นตระกูลหลินดูแลเธออย่างไร ความทุกข์ใจนั้นเธอเข้าใจเป็นอย่างดี
หลังจากที่กลับมาพักนอนกลางวันเรียบร้อย พวกเขาก็นั่งรถไปที่บ้านของตระกูลหลิน
บ้านตระกูลหลินอยู่ที่กลุ่มภูเขาเยี่ยนเปี๋ยเหยียน ที่นี่คือที่ที่ผู้นำระดับสูงมารวมตัวกัน เป็นบ้านที่มีบริเวณกว้างในระแวก บ้านใหญ่
ทิวทัศน์โดยรอบเป็นที่น่าพึงพอใจและใบไม้บนภูเขาปกคลุมไปด้วยสีขาว
“รถข้างหน้าเป็นรถเบนซ์!”
“บ้าน่า ขับรถหรูขนาดนี้มาที่ภูเขาเยี่ยน พวกเขามาที่นี่ทำไม?”
แต่คนที่อาศัยอยู่ที่นี่ล้วนแล้วแต่เป็นผู้นำคนสำคัญ งั้นแล้วพวกเขาจะขาดเงินได้ยังไง?
“จัดการมัน!”
ด้านหลังรถของเจียงซิ่วมีรถโฟล์คสวาเกนคันใหญ่ขับออกมา ดูเหมือนว่านี่จะเป็นสิ่งที่ราคาสูงที่สุดของที่นี่แล้วล่ะ ส่วนมากก็มักจะขับรถที่เกือบจะพัง จุดประสงค์คือเพื่อให้ตรงกับบรรยากาศเคร่งขรึมของที่นี่
ถนนรอบภูเขาพื้นเรียบเนียนมากและด้านข้างเต็มไปด้วยต้นไม้ริมถนน เมื่อมีรถขับผ่านใบไม้ก็ร่วงลงมา รถอีกคันขับพุ่งเข้ามาปาดหน้าของรถเบนซ์ ใบไม้ที่อยู่บนพื้นต่างม้วนวนปลิวไปตามแรงของรถ
คนขับรถตกใจทำให้รถเกือบเสียการควบคุม ที่นี่คือภูเขาป้าน ถนนไม่ได้กว้างมากนัก ถ้าไม่คุมรถดีๆ ก็คงวิ่งไปถึงไหนต่อไหน มันไม่สมควรมีใครขับรถแบบนี้
หลินเยว่หลิงก็ตกใจอยู่ครู่หนึ่ง
“แม่…ไม่เป็นอะไรใช่ไหม?” เฉิงหลิงซู่ถาม
หลินเยว่หลิงส่ายหัว
“คนนั้นเขาขับรถยังไงของเขานะ?”
เฉิงหลิงซู่บ่นเบาๆ
“ขอโทษครับคุณชาย….” คนขับรถรีบขอโทษ
เจียงซิ่วขมวดคิ้วก่อนมองไปยังรถโฟล์คสวาเกนที่ขับไปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ขับช้าลงหน่อย ฉันไม่รีบ”
คนขับรถคนนี้ หวังซินตงน่าจะเลือกมาอย่างดีแล้ว ขับรถได้ดี พอนั่งแล้วก็รู้สึกสบายใจ คำว่าคนขับรถไม่เหมือนกับนักแข่งรถ การขับแบบมั่งคงเป็นสิ่งที่สำคัญ ถึงแม้จะอายุมาก แต่เขาก็ขับได้ดีไม่แพ้พวกวัยรุ่นหรือคนที่อายุอ่อนกว่าเลย
“ครับ คุณชายเจียง!”
เมื่อลดความเร็วลง รถโฟล์คสวาเกนด้านหน้าก็ลดความเร็วลงเช่นกัน ดูเหมือนว่าจะจงใจขับช้าๆ ไม่ให้รถด้านหลังแซง แต่นี่ก็เหมือนการไม่ให้เจียงซิ่วแซง คนขับรถเหงือแตกเนื่องจากไม่รู้ว่าต้องทำเช่นไร
เห็นได้ชัดเลยว่าพวกมันต้องมีแผนอะไรแน่ๆ!
“แซงมันไป!” เจียงซิ่วพูด
คนขับรถรับคำสั่ง รถโฟล์คเก่าๆจะมาแข่งกับรถเบนซ์ได้ยังไง เมื่อเหยียบคันเร่งก็มีเสียงดังขึ้น เมื่อรถผ่านไปเจียงซิ่วลดหน้าต่างลงก่อนจะยิงไปหนึ่งนัด ยิงไปที่ล้อของรถ เกิดเสียง ปั๊ง รถหยุดลง รถก็เกือบจะคว่ำลงไป อีกฝ่ายสูญเสียการควบคุมทำให้ต้องเบรกฉุกเฉิน
“เหอะ!”
ถ้าเกิดตอนนี้เป็นเวลาปกติที่พ่อแม่ไม่อยู่ด้วย เจียงซิ่วคงยิ่งไปที่รถคันนั้นอีกแล้วปล่อยให้คนด้านในตายไป
เมื่อยางรถระเบิด กลุ่มวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งก็ลงมาจากบนรถ ท้าวเอวโกรธจัดก่อนจะเตะไปที่ล้อรถแรงๆ ได้แต่มองรถเบนซ์ขับออกไปไกลกว่าเดิม ปากก็ด่าออกมาไม่หยุด
“แม่งเอ้ย แกคิดว่าแกชนะแล้วหรอไง?”
คนนั้นหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสาย “มีรถเบนซ์คันนึง หยุดมันซะ”
เมื่อถึงทางเข้าของภูเขาเยี่ยน รถของเจียงซิ่วก็ถูกพวกการ์ดหยุดไว้
“พวกคุณมาพบใคร?”
หลินเยว่หลิงมองไปที่ด้านในของห้องนั้น แต่ก็ไม่ได้คุ้นตาเลยแม้แต่น้อย ยี่สิบปีแล้ว บ้านเรือนที่นี่ก็ปลูกใหม่ซ่อมแซมให้ไหม้ขึ้นแถมยังมีเยอะกว่าเดิมอีก ถึงแม้จะเปลี่ยนไปมาก แต่ความทรงจำวัยเด็กก็ยังฝังอยู่ในสมองไม่เคยลืม
“พวกเราจะไปบ้านตระกูลหลิน”
พวกการ์ดมองเข้าไปในรถของครอบครัวเจียงซิ่วอย่างละเอียด เหมือนกับมองหานักโทษอย่างไงอย่างนั้น นั่นทำให้เจียงซิ่วขมวดคิ้ว
“ลงมาตรวจข้างล่าง!”
“ฉันคือหลินเยว่หลิง ครอบครัวฉันยังไงก็ต้องเคยแจ้งอยู่แล้ว คุณลองหาดูสิ”
การ์ดคนนั้นดูเกรงใจ แต่ก็ยังไม่หยุดสงสัย “ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร ทุกคนก็เหมือนกัน ขอความร่วมมือด้วยครับ เชิญลงมาตรวจด้านล่าง”
ลงไปตรวจก็ไม่มีอะไรมากหรอก เป็นเรื่องง่ายด้วยซ้ำ แต่พวกมันส่วนใหญ่เป็นคนต่ำต้อยทั้งนั้น ถ้าหากว่าเป็นโจรล่ะ นี่อาจจะเป็นคนที่ตระกูลหลินให้มาทำ แต่อำนาจของเจียงซิ่วตอนนี้จะมีใครกล้าทำหรือไง?
ใบหน้าหลินเยว่หลิงแสดงให้เห็นถึงการคิดอย่างหนัก
“ไม่เป็นไรหรอกแม่ พวกเราแค่ลงไปตรวจเดี๋ยวก็เสร็จแล้ว….”
เฉิงหลิงซู่ทำตัวเป็นคนแก่อีกแล้ว
“ขอดูบัตรประจำตัวด้วยครับ!”
เจียงซิ่วได้แต่อดทนไม่ให้ระเบิดออกไป ถ้าไม่ใช่เพราะหลินเยว่หลิง เขาจะไม่ทนแบบนี้แน่ เขาหยิบบัตรประจำตัวของตนออกมาส่งไปให้คนตรงข้ามตรวจ
ปกติตรวจแค่นี้ก็น่าจะพอแล้ว “ขอโทษนะครับ ทะเบียนรถของพวกคุณเป็นทะเบียนแบบธรรมดา ไม่สามารถขับเข้าไปได้” การ์ดพูด
“ทำไม มีกฎอะไรแบบนี้ด้วย?”
“มีแค่ทะเบียนรถแบบพิเศษเท่านั้นถึงจะสามารถเข้าไปได้ รถนำเข้าอาจจะไม่ปลอดภัย พวกผมทำงานรักษาความปลอดภัยยังไงก็ต้องทำให้เสร็จครับ ขอความร่วมมือด้วย” การ์ดคนนั้นพูด
เวลานี้เฉิงหลิงซูไม่กล้าที่จะกล่าวใดๆ ออกมา เพราะกว่าจะถึงด้านในยังมีอีกสองสามไมล์ ถ้าไม่สามารถขับรถ ก็ต้องเดินเท้าอย่างน้อยครึ่งชั่วโมงหรือมากกว่านั้น
มีเสียงรถจากด้านหลัง เป็นรถโฟล์คตอนนี้ถูกแทนที่ด้วยยางใหม่เรียบร้อยแล้ว เมื่อมาถึงประตูก็พึ่งเข้าไปหาครอบครัวของเจียงซิ่วก่อนจะกดลำโพงทำเป็นอวดเก่งและหัวเราะออกมา
“ทำไมไม่ตรวจสอบพวกเขา? รถของพวกเขาไม่ได้มีอะไรพิเศษนิ” เจียงซิ่ว
“พวกคุณกล้าเปรียบเทียบตัวเองกับเขาหรือไง? พวกเขาคือทายาทของตระกูลเกานะ” การ์ดพูด
“นายแบ่งแยกพวก?” เจียงซิ่วพูด
การ์ดมองไปที่เจียงซิ่วก่อนจะพูดขึ้น “นี่เป็นงานของผม ผมมีอำนาจที่จะตรวจพวกคุณ มีอำนาจที่จะไม่ให้พวกคุณขับรถเข้าไป เดินเข้าไปเถอะ ถ้าไม่อยากเดินก็บอกให้คนด้านในมารับแล้วกัน”
ขับรถมาถึงนี่ก็มาเพื่อประจบเท่านั้นล่ะ พวกการ์ดอย่างเราเจอมาเยอะแล้ว ยังไงก็ไม่กล้าโทรให้คนด้านในมารับหรอก
“เดินเขาไปสิ ไอ้พวกเต่า!”
กลุ่มคนพวกนั้นเหยียบเหยียบคันเร่งอย่างภูมิใจและเข้าไปข้างใน
“หึ!”
ครั้งนี้เจียงซิ่วอดไม่ได้ที่จะลงมือเอง เขาสะบัดมือออกไป ลมแรงพัดผ่านมาและพื้นดินที่ปกคลุมไปด้วยใบไม้ร่วงเผยให้เห็นอิฐหินสีฟ้าเรียบ เสียงปังดังขึ้นจากการเร่งความเร็วก่อนจะเลี้ยวออกไป
“อ๊ากกกก!”
เสียงกรีดร้องดังขึ้น โชคดีที่รถชนเข้ากับลำต้นของต้นไม้ ไม่เช่นนั้นอาจจะพลิกคว่ำก็ได้
แต่ยังไงนี่ก็สมควรแล้วล่ะที่พวกมันจะต้องได้รับ
“ไปเร็ว ไปช่วยพวกเขา….”
หัวหน้าของการ์ดตะโกนเสียงดัง รีบวิ่งนำไปช่วย มันเป็นการที่ดีที่จะช่วยชีวิตผู้คนจากรถมันเป็นแค่อาการบาดเจ็บเล็กน้อย
“เกาต้าช่าว ไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ?”
คนขับรถอายุราวยี่สิบกว่าๆ รูปร่างสูง หัวมีรอยฟกช้ำ มองดูรถด้วยสายตาไม่น่าเชื่อ อยู่ดีๆ รถก็คว้ำโดนที่บนถนนก็ไม่มีหินแม้แต่ก้อนเดียว จุดสูญถ่วงก็ไม่ได้เอียง แล้วรถจะคว่ำได้ไงกัน?
“บอกมา พวกแกทำอะไร?”
วัยรุ่นตระกูลเกาคนนั้นโกรธจัด ก่อนหน้านี้ก็ยางรถระเบิด ตอนนี้ก็รถคว่ำ ทำไมถึงซวยซ้ำซวยซ้อนแบบนี้นะ
“คุณ… คุณคือคุณป้า?”
หญิงสาวในรถหน้าตาน่ารัก อายุประมาณสิบห้าสิบหกปี
หลินเยว่หลิงมองไปที่เด็กที่น่ารักคนนั้น แต่เธอไม่รู้จัก
“หนูคือหลินเสี่ยวเข่อลูกสาวของหลินเจ๋อตง”
หลินเยว่หลิงชะงัก ก่อนเธอจะพูดอะไรบางอย่างที่น่าอึดอัดใจ “เธอเป็นลูกสาวของน้องชายของฉัน หลินเสี่ยวเข่อ?” ตอนเธอออกจากบ้านน้องชายสุดท้องยังอยู่ในโรงเรียนมัธยมและตอนนี้เขาแต่งงานแล้วและมีลูกสาวแล้วด้วย
“ได้ไงกัน เสี่ยวเข่อรู้จักพวกเขาหรอ?”
“ไม่เห็นรู้มาก่อนเลยว่าเธอมีป้าด้วย?” ชายหนุ่มเกาต้าช่าวคนนี้วัยของเขายังอยู่ในวัยยี่สิบต้นๆ ตอนที่หลินเยว่หลิงออกจากบ้านมาก็ไม่รู้ว่าเขาเกิดหรือยังสิ่งที่คนรุ่นก่อนยังไม่เคยได้ยินก็เป็นเรื่องปกติ
“นี่……” หลินเสี่ยวเข่อทำใจยากที่จะบอกออกไปว่าป้าของเธอคนนี้โดนขับออกจากบ้าน
เกาต้าช่าวเห็นหลินเสี่ยวเข่อเป็นเช่นนั้นก็เดาออกทันที อาจเป็นญาติห่างๆ ที่แยกห่างกันหลายพันไมล์ ตระกูลที่ร่ำรวยและมีอิทธิพลในเมืองหลวงก็มีไม่ใช่น้อยๆ แต่ก็มีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดีอยู่ล่ะนะ พอคิดถึงเรื่องความสัมพันธ์หัวก็เหมือนจะระเบิด ไม่ว่าจะเป็นญาติสายตรงหรือสายอื่นก็ถือว่าเป็นญาติเหมือนกัน
ในใจของเขาดูเหยียดหยาม นี่หรอทายาทตระกูลเกา คนส่วนใหญ่อายุประมาณนี้คือคนที่มาดึงความสัมพันธ์ให้ปรองดองแล้วล่ะ “ถ้าคิดว่าขับรถเบนซ์แล้วจะแกล้งเป็นคนรวยได้ล่ะก็ รู้จริงๆ หรือเปล่าว่าคนรวยน่ะเป็นแบบไหน?”
ความหมายที่เขาต้องการจะสื่อนั้นชัดเจน เหมือนกับการจัดการรถโฟล์คคันนั้น
สาววัยรุ่นสองสามคนที่อยู่ด้านข้างก็มีสีหน้าที่ดูถูก
หลินเสี่ยวเข่อมองไปยังเจียงซิ่วที่อยู่ด้านข้างของหลินเยว่หลิง ในตาแสดงถึงความสงสัยออกมา เจียงซิ่วจากตระกูลเจียงที่ล้มสะลายไปแล้ว เรื่องของตระกูลเจียงทุกเรื่องเธอรู้ดี ตาเฒ่าที่บ้านกล่าวว่าคนผู้นี้เป็นคนที่มีน้ำเสียงที่โทนทุ้มและมีพลังอำนาจมาก ผู้เชี่ยวชาญของตระกูลใหญ่อื่นๆ ต่างก็อิจฉา ฉันได้ยินมาว่าลูกพี่ลูกน้องนี้มีพลังมาก เดาได้เลยว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกว่าครึ่งเป็นฝีมือของเขาแน่ๆ