Girl, I’ll Teach You Cultivation – ฉันจะสอนเธอบ่มเพาะเอง – ตอนที่ 299

ตอนที่ 299

บทที่ 299
ปะทะ

ความเฉยชาของตระกูลหลินเป็นสิ่งที่ตั้งใจ จากมุมมองของพวกเขา การต้อนรับที่อบอุ่นเกินไปจะทำให้คนรู้สึกว่าประจบประแจง แน่นอนว่าตระกูลหลินจะไม่เอาอกเอาใจคุณ มีแต่พวกคุณที่ต้องอยากจะกลับเข้ามาตระกูลหลิน อยากจะใช้พลังของตัวเองเสียสละเพื่อทำให้ตระกูลหลินให้รุ่งเรื่องและมั่งคง

“ส่งคนไปรับหรือยัง?”

ลุงเสียนกล่าว “ ครับ ตอนนี้คนที่ส่งไปถึงภูเขาเหยียนแล้ว ถ้าหากพวกเราไม่ไปรับ เกรงว่าจะอธิบายยาก แต่คิดดีแล้วใช่ไหม?

ผู้เฒ่าแห่งสกุลหลินไหนเลยจะไม่รู้ เพียงแต่ในใจของเขาไม่เต็มใจจะทำ คนที่เคยยอมทำทุกอย่างเพื่อสิ่งที่เรียกว่าความรัก ต่อต้านเขา และถูกเขาขับไล่ออกจากบ้านไป ให้เขากลับมาบ้านถือว่าเมตตามากๆแล้ว ยังจะให้แสดงสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส่ ฝันไปเถอะ!

“งั้นก็รับมาเถอะ!”

แม้ในใจไม่ยินยอม แต่ผลประโยชน์อยู่บ้านหน้า แม้ในใจจะไม่ได้ยินดี แต่จะทำอะไรได้ละ?

“พวกเขาถึงแล้ว……”

เสียงของรถยนต์ดังเข้ามาจากด้านนอก ทุกคนเดินเรียงแถวออกไปด้านนอก

รถที่ขับเข้ามาเป็นรถเมอซิเดสเบนซ์ สี่คนที่ลงมาจากรถยนต์ คือ เจียงซิ่วและครอบครัว หลินเยว่หลิงลงจากรถด้วยความรู้สึกอึดอัดใจ และรู้สึกไม่สบายใจ

“ ไม่เปลี่ยน ,ไม่เปลี่ยนไปเลย……”

เงาที่สะท้อนในม่านตาของพวกเขาคือ ตึกโบราณที่อยู่รวมกัน ทรงอาคารแบบตะวันตกให้ความรู้สึกมีกลิ่นอายสมัยสาธารณรัฐประชาชนจีน ด้านหน้ามีสวนหย่อมมีสวนดอกไม้ เต็มไปด้วยดอกไม้และหญ้านานาชนิด

“น้องสาว!”

ผู้ชายที่ดูท่าทางเป็นราชการชั้นสูงเดินนำคนข้างหลังออกมา บุคคลท่านนี้แม้ว่าไม่ใช่ผู้อาวุโสอันดับหนึ่งในตระกูลหลินแต่คือผู้อาวุโสอันดับสอง ในตระกูลหลินเขาคือบุคคลที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด ค่อยๆขึ้นเป็นผู้นำทหาร หลินเจ๋อเฉิง

“พวกเธอมากันแล้ว!”

ใบหน้าของหลินเจ๋อเฉิงเผยให้เห็นรอยยิ้มเล็กน้อย

“พี่ พี่รอง!”

ตาของหลินเย่วหลิงค่อยๆแดงขึ้น เสียงที่เต็มไปด้วยความเศร้าร้องเรียกพี่รอง แม้วันนี้จะไม่มีแสงแดดแต่ดวงตาของหลินเยว่หลิงค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ เสียงของพี่ชายรองพาให้ปวดใจ ยากลำบากเหลือเกิน แม้วันนี้จะไม่มีแสงแดดเจิดจ้า แต่ภาพในวัยเยาว์ที่เล่นสนุกภายใต้แสงอาทิตย์สดใสค่อยๆ ผุดขึ้นราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน

“เข้าไปในบ้านกันเถอะ เข้าบ้านแล้วค่อยคุยกัน …….”

เจียงหยี่กวาดตามองหลินเจ๋อเฉิง ในแววตาเต็มไปด้วยความโกรธแค้น ก่อนจะเปลี่ยนมามองเจียงซิ่ว หน้าตาไม่เหมือนเจียงหยี่และก็ไม่เหมือนหลินเย่วหลิง ดูแล้วก็หน้าตาธรรมดาๆ แต่ทว่าเมื่อคิดถึงการกระทำของเขาที่กล้าฆ่าลูกหลานของสกุลเกาอย่างดุดันต่อหน้าสาธารณชน ในใจก็รู้สึกหวาดกลัวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

หลังจากที่เข้ามาในบ้าน หลินเย่วหลิงรู้สึกเหมือนตัวเองถูกกักขัง สายตาจ้องไปที่ด้านในตลอดเวลา มองเห็นที่นั่งด้านบนกลางหองโถงใหญ่ มีคู่สามีภรรยาสูงวัยคู่หนึ่งนั่งอยู่ อายุเกิน 80 ปีแล้ว แต่ใบหน้ากลับยังดูน่าเกรงขาม

นี่คือท่านพ่อและท่านแม่ของหลิงเย่วหลิน

ท่านหลินคือบุคคลที่ผ่านการรบในสมัยนั้น เพราะความสัมพันธ์ที่อยู่ในช่วงสงครามทำให้ต้องแต่งงานช้า

“พ่อ แม่ เย่วหลิงกลับมาแล้วนะ”

หลินเย่วหลิงน้ำตาคลอ

“อือ กลับมาก็ดีแล้ว!” ผู้เฒ่าหลินขานรับ ในนัยต์ตากลับสงบนิ่ง

ตามความเป็นจริงแล้ว หลินเยว่หลิงต้องเป็นคนแนะนำเจียงหยี่กับเจียงซิ่ว ตามกฎประเพณีโบราณ เจียงหยี่และเจียงซิ่วต้องคุกเข่าหมอบกราบ โดยเฉพาะเจียงซิ่วที่เป็นรุ่นที่สาม

แต่อย่างเจียงซิ่วนะหรือจะต้องคุกเข่าให้พวกเขา ไม่เฆี่ยนพวกเขาก็นับว่าบุญแล้ว

ท่านปู่หลินยืดตัวขึ้น ภรรยาที่นั่งอยู่ด้านข้างพูดอย่างสีหน้าเย็นชา “ไม่ได้กลับมาบ้านยี่สิบปีแล้ว ไม่ง่ายเลยที่จะได้กลับมา ยังพาคนตระกูลเจียงกลับมาด้วยอีกสองคน”

“หึ แกลืมไปแล้วหรอว่าพี่ใหญ่แกตายยังไง”

คนในบ้านต่างเงียบไม่มีใครกล้าส่งเสียง

หล่อนคือแม่ผู้ให้กำเนิดของหลินเย่วหลิง นายหญิงเฒ่าผู้นี้เจียงซิ่วจำได้ขึ้นใจ เป็นคนที่ร้ายกาจอย่างที่สุด ตอนที่เขามาเพื่อบอกข่าวการจากไป คนที่เขาคาดหวังว่าจะได้รับความรู้สึกตอบกลับมามากที่สุดก็คือนายหญิงเฒ่าคนนี้ แต่กลับถูกผลักให้ตกอยู่ในหุบเหวลึก พอนางได้ยินข่าวนี้ ก็พูดออกมาประโยคหนึ่ง ‘ตายซะก็ดี’ ด้วยท่าทีกัดฟัน ราวกับมีความแค้นใหญ่หลวง

แต่ถึงยังไงหลินเย่วหลิงก็เป็นลูกสาวที่นางให้กำเนิด

ไม่ว่าจะแค้นเจียงซิ่วมากเพียงใด การตายของลูกหลานตระกูลหลินเกี่ยวอะไรกับหลินเยว่หลิงด้วย คงเป็นเพราะนั้นเป็นลูกชายของเธอ แต่หลินเย่วหลิงก็ไม่ใช่ว่าเป็นลูกสาวของเธอ? หรือเป็นเพราะว่าเธอรักลูกชายมากกว่าลูกสาว

ลูกชายคือทรัพสมบัติล้ำค่า ลูกสาวเหมือนหญ้าที่ไร้ค่า

หลินเยว่หลิงรู้ว่าสั่งเจียงหยี่ไปก็ไม่มีประโยชน์ เขาเป็นบุตรชายสกุลเจียง แต่เธอกลัวว่าคนที่จะถูกขับไล่คือลูกชาย เจียงซิ่วนั้นไม่เหมือนกัน เลือดครึ่งหนึ่งของเขาเป็นของสกุลหลิน ใบหน้าของลูกชายคนนี้ยังนับว่ามีหน้ามีตาอยู่บ้าง ทั้งยังรู้จักความ เธอกล่าว “อาซิ่ว ซูซู นี่คือคุณตา คุณยาย…”

ไม่ได้ต้องการให้ลูกชายและลูกสะใภ้คุกเข่าหมอบกราบ เพียงแค่เรียกสักคำก็พอแล้ว

เฉิงหลิงซู่มองไปทางเจียงซิ่ว ซู่ซู่มีไหวพริบดี เรื่องใหญ่อยู่ต่อหน้าเช่นนี้ นางไม่กล้าบุ่มบ่ามแสดงท่าทีอะไร คอยดูท่าทีของเจียงซิ่ว ไม่อย่างนั้นคงถูกเจ้าปีศาจใหญ่นี้ทรมาณจนตายแน่

เธอพูดเสร็จก็ทำตามหน้าที่ดูแลแม่สามีต่อ ทว่าเสียงดังขึ้นแทบจะทันที

เจียงซิ่วกล่าว“ฉันไม่เคยมีตา”

เหอะ!

ไม่ยอมรับ เหมือนจะไม่พอใจนิดหน่อย สีหน้าของตระกูลหลินทั้งเบื้องบนและเบื้องล่างเปลี่ยนทันที อารมณ์ท่าทางเหมือนเวลาเห็นคนแก่ข้างบ้าน สำหรับคุณนายหลินแล้วยิ่งไม่ชายตายมองเลยแหละ ดูถูกเหยียดหยามอย่างยิ่ง

“แก…”

ครั้งนี้ถือเป็นการตีรังแตนเข้าแล้วจริงๆ นายใหญ่หลินสีหน้าเขียวคล้ำ และนายหญิงผู้เฉยชาพลันอารมณ์เปลี่ยนขึ้นมาทันที

นี่ทำให้ผู้อาวุโสหลายท่านไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง

ถ้าไม่ใช่เพราะมีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับหลินเย่วหลิง เจียงซิ่วย่อมแสดงท่าทีดูถูกเหยียดหยามคนตระกูลหลิน ด้วยลักษณะของเทพเซียนเช่นเขา สามัญชนคนธรรมดาล้วนไม่ต่างอะไรกับมดปลวก

“อาซิ่วเธอพูดว่าอะไรนะ?”เจ๋อเฉียงใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธ เขาคือผู้นำทหารของรุ่นที่สอง อีกทั้งยังเป็นพี่ใหญ่ของหลินเย่วหลิง ลุงคนที่สองของเจียงซิ่ว “สองท่านนี้คือท่านตาท่านยายของเธอนะ”

เจียงซิ่วกล่าว: “พวกเขานะหรอ?”

“20ปี ความสัมพันธ์ไม่ใช่ว่าถูกตัดขาดไปแล้ว? ช่วงสิบกว่าปีที่พ่อของฉันถูกใส่ความ จำต้องเข้าคุก พวกเขาไปอยู่ซะที่ไหน? เมื่อเรื่องทุกอย่างจบลงแล้ว วันนี้จะมาถามหาอีกทำไม?”

นี่คือการตั้งใจฉีกหน้าโดยตรง ท่าทีของเจียงซิ่วแข็งกร้าว มองแม่ผู้ให้กำเนิด หากตระกูลหลินขอโทษอย่างจริงใจ เจียงซิ่วจะถือให้เรื่องนี้มันผ่านไป แต่หากไม่เป็นเช่นนั้น เขาไม่มีทางยอมรับตระกูลหลินอย่างแน่นอน

หลินเจ๋อเฉียงมองหน้าหลานชายครึ่งสายเลือดที่หยิ่งยโสและนอกคอก เขาอยากจะตบเขาสักที แต่เมื่อคิดถึงความโหดร้ายทารุณของเจียงซิ่วก็ทำได้เพียงอดกลั้นไว้

ฝืนทนได้ไม่นาน สายตาก็พลันไปตกอยู่ที่ร่างของหลินเยว่หลิง “เยว่หลิง เธอสอนลูกแบบนี้หรอ?”

“ฮ่าฮ่าฮ่า…”

เจียงซิ่วหัวเราะอย่างเย็นชา “กล้าเล่นลูกเล่นกับผู้ปกครองของฉัน ต่อหน้าฉัน ฉันคิดว่าแกคงเบื่อที่จะมีชีวิตแล้วสินะ”

ครืนนน!

ตระกูลหลินทั้งเบื้องบนเบื้องล่างตื่นตระหนกจนวิญญาณแทบหลุดออกจากร่าง

เช่นเดียวกับลูกหลานตระกูลเกา

สีหน้าของหลินเจ๋อเปลี่ยนเป็นสีขาวซีด นี่คือยอดฝีมือที่ลงมือก็ฆ่าคนได้ทันที ถึงแม้ว่าเขาไม่คิดว่าเจียงซิ่วจะกล้าฆ่าเขาจริงๆ แต่ในใจกลับรู้สึกหวาดกลัว

ลุงเสียนเห็นเช่นนี้จึง รีบกล่าวว่า “คุณชายเจียง อย่าเพิ่งโกรธไปเลย…” แม้ว่าเจียงซิ่วจะไม่ได้ไว้หน้าทั้งนายใหญ่หลินและหลินเจ๋อเฉียง แต่เขาก็ไม่กล้าเขาเรียกว่าอาซิ่วแล้ว “ลุงเสียนไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น”

นายใหญ่หลินกล่าว “ไม่ต้องพูดให้มากความ ในเมื่อคนก็มาแล้ว งานเลี้ยงก็เริ่มขึ้นได้ เรียกทุกคนมารวมตัวกัน ร่วมรับประทานงานเลี้ยงอาหารมื้อค่ำกับครอบครัวดีๆ”

“ใช่ ใช่…”

“กินข้าว!”

คุณนายหลินลุกขึ้นยืน กล่าวว่า “มื้อนี้พวกเธอกินกันไปเถอะ ฉันกินไม่ลง” เธอจ้องเขม็งไปที่เจียงหยี่และเจียงซิ่วสองพ่อลูกอย่างดุเดือดคราหนึ่ง อาศัยไม้เท้าเดินเข้าด้านในไป

“ที่รัก…”

ท่านปู่เรียกสองสามคำ ภรรยาแสร้งทำเป็นกับไม่ได้ยิน หลินเยว่หลิงสีหน้าหมองเศร้า คิดจะเอ่ยปากแต่กลับพูดใดๆ ไม่ออก

“ช่างเถอะ พวกเรากิน…”

นายท่านหลินจัดให้ครอบครัวของหลินเยว่หลิงนั่งอยู่ตำแหน่งสูงสุด เรื่องของเจียงหนานทางนั้น ยังไงวันนี้ก็ต้องพูด เรื่องทางชายแดนยังอยู่ ฉะนั้นฉลองปีใหม่แล้วค่อยตัดสินใจก็ได้

เหล่าอนุของตระกูลหลินหลายคนยังไม่รู้ว่าใครคือเจียงโหลวเซี่ย อาหลินรู้เพียงแค่สิ่งที่หลินมี่บอกนางเท่านั้น ดังนั้นสาวน้อยผู้นี้จึงมีท่าทีต่อต้านเล็กน้อย ทั้งยังไม่รู้ตื้นลึกหนาบาง เกรงว่าหล่อนจะล่วงเกินเจียงซิ่วเข้า จึงได้ห้ามปรามเอาไว้ก่อน

“ตอนแรกก็ทุบตีซื่อเซียน ตอนนี้ยังกล้าวางอำนาจ คอยดูเถอะ ไม่ช้าก็เร็วเขาต้องลำบากแน่”

“เด็กตัวแค่นี้ จะเก่งกาจเช่นนั้นได้อย่างไร”

หลินมี่ก็นั่งอยู่ที่โต๊ะ นางมองไปทางผู้อาวุโสตระกูลหลินบ่อยๆ ในใจนางรู้สึกกระวนกระวาย ข้างๆ นางคือหลินซื่อเซียน บนเท้ายังใส่เฝือกอยู่เลย ยากที่จะเดินเหินไปไหนได้

“ยังไงก็เถอะ ดูเหมือนแม้แต่ผู้อาวุโสก็ยังรู้สึกหวาดกลัว”

เขาไม่รู้ประวัติความเป็นมาของเจียงซิ่ว แต่แค่ดูจากสีหน้าก็เดาออกแล้ว

นั่งลงกินข้าว อยากจะพูดถึงเรื่องของทางเจียงหนาน หลินเจ๋อเฉียงรู้สึกเสียดายกับการกระทำเมื่อครู่ เพราะทำให้เจียงซิ่วโกรธจนต้องอับอายต่อหน้าผู้คน ตอนนี้อยากเปิดปากขอความช่วยเหลือ เขากลับพูดไม่ออกจริงๆ ตอนแรกคิดจะใช้ตำแหน่งผู้อาวุโสสั่งการเขา ใครจะไปรู้ว่าเจียงซิ่วจะไม่ไว้หน้าเขาสักนิดตั้งแต่แรก

“ช่วงหลายปีมานี้เศรษฐกิจของเจียงหนานพัมนาไวมาก..”

ลุงเสียนแต่ไหนแต่ไรไม่เคยได้นั่งบนโต๊ะ แต่มาวันนี้รีบแย่งนั่ง จุดประสงค์ก็เพื่อแก้ไขความเป็นไปได้ที่จะเกิดการขัดแย้ง “ช่วงนี้ พวกเราก็เข้าใจสถานการณ์หลายๆ อย่างของเจียงหนาน คุณชายเจียงมีอิทธิพลอยู่ที่เจียงหนานกว้างขวางกว่าที่พวกเราคิดไว้ เขาเหมือนแสงพระอาทิตย์ที่สาดส่องในตอนกลางวัน”

หลินเยว่หลิงกล่าว “ลุงเสียน ลุงก็ชมเกินไปแล้ว” หลินเยว่หลิงภูมิใจในความก้าวหน้าของลูกชาย ฟังผู้คนยกย่องเจียงซิ่วในใจก็รู้สึกดี แต่ก็ยังถ่อมตัวอย่างเหมาะสม

หลินเจ๋อเฉียงกล่าว “น้องสาว ตอนนี้พี่รองกำลังแย่งชิงตำแหน่งอยู่ที่ชายแดนของเจียงหนาน ครอบครัวของเธอสามารถช่วยพี่ได้ไหม”

Girl, I’ll Teach You Cultivation – ฉันจะสอนเธอบ่มเพาะเอง

Girl, I’ll Teach You Cultivation – ฉันจะสอนเธอบ่มเพาะเอง

Status: Ongoing

เจียงซิ่วเคยถูกเคลื่อนย้ายไปยังทวีปการต่อสู้นิรันดร์ เขามีชีวิตที่ยาวนานอยู่่ที่นั้น และได้สร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองอย่างยิ่งใหญ่ ทว่าเขาก็พบว่าตัวเองตื่นขึ้นมาในสถานที่แปลกๆ และยังค้นพบอีกว่าเขาได้กลับมาโลกที่ได้จากมา เกิดบ้าอะไรขึ้น? แล้วเขาจะทำอะไรต่อจากนี้? ติดตามเจียงซิ่วในขณะที่เขาเกี่ยวข้องกับชะตากรรมและเหตุการณ์บ้าบอที่ถูกเก็บไว้ให้เขาโดยเฉพาะ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท