บทที่ 311
นัดพบ
(เซียวเสว่ถง >> คือคนที่เจียงซิ่วไปช่วยตอนโดนลักพาตัวนะ กับที่เป็น PR ในตอนไปประมูลสร้อย)
หลินเย่หลิงต้องไปที่บ้านสกุลจั่ว แน่นอนว่าเธอไม่อาจด่วนไปด้วยตัวของเธอเองได้ นายผู้เฒ่าสกุลหลินก็ยอมก้มหัวให้แล้ว เรื่องนี้ยังส่งผลต่อความก้าวหน้าของสกุลหลินเช่นกัน จึงเป็นเขาที่ต้องพาหลินเย่หลิงไป
หลินเย่หลิงกล่าว “ฉันกับคุณตา นำเรื่องนี้ไปตกลงกับตระกูลจั่วให้ชัดเจน พอตอนเที่ยงกลับมาแล้วมากินข้าวพร้อมกันนะ เธออย่าออกไปไหนละ และตอนเที่ยงรักษาเวลาด้วยนะ”
หลินเสียวเค่อกระซิบ “คุณป้าคะ จะไปยกเลิกงานแต่งงานหรือคะ? ให้พี่ชายของฉันแต่งกับจั่วอี้เฉินก็ดีแล้วนี่คะ?”
หลินเสียวเค่อพึ่งพาตัวเองมาตั้งแต่เด็กจึงกล้าที่จะพูดเช่นนี้กับคุณป้า
หลินเย่หลิงก็ไม่ได้พูดอ้อมค้อมกับเธอ กลับหัวเราะพลางกล่าวเสียด้วยซ้ำ “หนูคิดว่าพี่ชายของหนูเป็นอภิมหาเศรษฐีหรือไง? แต่งเมียไปคนนึงแล้วยังไม่พอ ยังอยากจะแต่งอีกคนหนึ่ง ไม่ต้องกลัวอายุสั้นกันแล้ว”
ทุกคนได้ยินเข้าก็ล้วนหัวเราะออกมาอย่างขบขัน
หลินเสียวเคอกล่าว “กลัวอะไร พี่ชายของหนูยอดเยี่ยมขนาดนี้”
หลินเย่หลิงเห็นสีหน้าไร้เดียงสาของเธอ แก้มกลมอ่อนเยาว์ราวกับจะบีบคั้นน้ำออกมาได้อย่างนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปบีบแก้มของเธอ “น่ารักจริงๆ กลับมาแล้วป้าจะคุยกับเธออีกทีนะ”
กล่าวจบ นางก็ขึ้นรถไปนายผู้เฒ่าหลิน ขับรถไปบ้านสกุลจั่ว
“เสียวเคอ เปลี่ยนกาน้ำชา ปลอกแตงโมให้พี่ชายของเธออีกรอบสิ”
“ห๊ะ!”
หลินเย่หลิงไม่อยู่ พวกเขายิ่งต้องการคว้าโอกาสที่จะเอาอกเอาใจเจียงซิ่วให้ดี ดูท่าว่าตอนนี้มีเพียงหลินเสียวเค่อเท่านั้น ที่พวกเขาจะสามารถพูดคุยด้วยสักหลายประโยคได้
ชายหนุ่มสกุลหลินรวมตัวกันที่ป่า
หลินเจ๋อคังกล่าว “พี่รอง ไปถอนหมั้นกับตระกูลจั่วอย่างนี้ ก็เป็นการทำให้สกุลจั่วเสียหน้าแล้ว ทั้งยังยั่วยุให้พวกเขาโกรธเคือง ที่จริงแล้วไม่คุ้มค่าเลยสักนิด โดยเฉพาะกับตระกูลหลินของพวกเรา เสียทั้งศักดิ์ศรี ทั้งชื่อเสียง”
หลินเจ๋อต้งกล่าวสำทับ “ใครว่าเป็นยังงั้นละ”
หลินเจ๋อเฉิงผู้เป็นผู้นำของชนรุ่นที่สองของตระกูลก็ยังคิ้วขมวดเป็นปมแน่น ตั้งแต่ตระกูลเจียงกลับมา พอรู้ว่าพื้นที่ชายแดนเจียงหนานจะไปตกอยู่ในมือของตระกูลไร้ชื่อเสียง เขาเคร่งเครียดจนยากจะข่มตานอนแล้ว ในใจเสียดายอย่างยิ่ง ในตอนแรกที่เจียงซิ่วกลับเข้าตระกูล ตระกูลของตนแสดงท่าทีอบอุ่น แล้วก็ยอมรับผิด เช่นนั้นพื้นที่ชายแดนของเจียงหนานก็จะไม่ตกไปถึงมือของคนอื่น ทว่าตอนนี้ความสัมพันธ์กับเจียงซิ่วยังตึงเครียดอยู่มากนัก “ให้ยัยหนูเสียวเค่อนั่นพูดสักหน่อยสิ”
หลินเจ๋งคังกล่าว “ขนาดเด็กน้อยสกุลหลินของพวกเราอายุสิบกว่าขวบก็เข้าใจเหตุผลแล้ว นางอายุสี่สิบกว่าปีแล้วกลับยังไม่เข้าใจ นางคงออกจากบ้านไปนานแล้วจริงๆ”
หลินเจ๋งเฉิงส่ายหน้าอย่างจนปัญหา “แต่เดิมเย่หลิงก็ไม่เข้าใจว่่าสิ่งไหนดีกับลูกชายของตน เมืองนี้ก็ไม่มีใครเหมาะสมแล้วนะ”
“ถ้าหากตระกูลจั่วยินยอม แล้วทำไมจะไม่ได้ละ?”
ภรรยาของหลินเจ๋อคังหวางเจียลี่ที่เดินผ่านมาเวลานี้ ทั้งยังกล่าวซ้ำอีกว่า “พี่รองพูดถูกต้องที่สุด เจียงซิ่วเกี่ยวข้องกับการตัดสินเลือกตัวแทนของพื้นที่ชายแดนเจียงหนาน ความแข็งแกร่งนี้ บุตรสาวตระกูลจั่วที่ไม่มีพ่อไม่มีแม่ จะไม่ยินยอมได้อย่างไร มีแต่จะตั้งตารอคอย!”
หลินเจ๋อคังกล่าว “ออกไป อย่ามายุ่มย่ามเรื่องที่นี่ ตอนบ่ายก็เตรียมอาหารให้ดีหน่อยเถอะ อย่าให้หลิงเยว่กับลูกรู้สึกว่าพวกเราไม่ใยดีพวกเขา”
หวังเจียลี่กล่าว “เตรียมไว้นานแล้วละ”
หลินเจ๋อเฉิงกล่าว “น้องสะใภ้กล่าวไม่ผิด แต่ว่าตอนนี้พูดอะไรก็สายไปเสียแล้ว นายผู้เฒ่าจะยังไม่เข้าใจเหตุนี้หรือ? แน่นอนว่าต้องเข้าใจดี ทว่าเขาจะโต้แย้งความตั้งใจของเย่หลิงได้หรือ?”
ตอนนี้เจียงซิ่วพูดกับครอบครัวอะไร พวกเขาล้วนพูดแบบนั้น ใครบอกให้พวกเขาอยากได้ผลประโยชน์จากตัวเจียงซิ่วกันละ
โทรศัพท์มือถือของเจียงซิ่วดังขึ้น เหลือบมองกลับเป็นเบอร์ที่ไม่คุ้นเคย ปกติแล้วเขาไม่รับเบอร์ที่ไม่รู้จัก ทว่าตอนนี้เขาไม่มีเรื่องอะไรจะพูดกับคนสกุลหลินอีกแล้วจริงๆ ดื่มชา ทานแตงโมอยู่คนเดียวย่อมเบื่อหน่าย เขาจึงรับโทรศัพท์ เสียงผู้หญิงอันอ่อนหวานดังมาจากปลายสาย “คุณชายเจียง…”
เจียงซิ่วได้ยินก็รู้สึกคุ้นหู “เธอคือใคร?”
เสียงผู้หญิงคนนั้นกล่าว “อะไรกัน จำเสียงของฉันไม่ได้หรือ?”
“คุ้นหู… คุ้นหู…”
เสียงผู้หญิงกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “เซียวเสว่ถงไง”
เจียงซิ่วกล่าว “ไม่แปลกใจที่จะเสียงเพราะขนาดนี้”
เซียวเสว่ถงกล่าว “ฉันขอเบอร์ของคุณมาจากพี่สาวหวังซินถง ตามหาตัวคุณไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริงๆ นี่ก็ไม่ได้เรื่องอะไรหรอก เพียงแต่อยากสวัสดีปีใหม่กับคุณ สวัสดีปีใหม่นะคะ”
เซี่ยวเสว่ถงตอนนี้คือพรีเซนเตอร์ระดับประเทศของแบรนด์ RV การเป็นพรีเซนเตอร์นี้ทำให้สถานะดาราตัวเล็กๆ ของเธอค่อยๆ มีแนวโย้มก้าวขึ้นสู่การเป็นดาราแถวหน้าของประเทศ เป็นผู้นำอย่างไร้ผู้ต่อกรของวงการบันเทิงในประเทศระยะหนึ่ง
ความโชคดีทั้งหมดนี้เป็นความช่วยเหลือของเจียงซิ่ว ความอยู่รอดในวงการบันเทิงนั้น พื้นหลังที่มีอำนาจสำคัญยิ่ง ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเธอไม่มีทางปล่อยผู้สนับสนุนใหญ่อย่างเจียงซิ่วไป
เรื่องประเภทถือวิสาสะค้นหาช่องทางติดต่อเพื่อผลประโยชน์ของตนนั้น คนหน้าบางอย่างเซี่ยวเสว่ถงไม่อาจทำได้ แต่เจียงซิ่วเป็นข้อยกเว้น เจียงซิ่วเคยช่วยเหลือเธอ ยิ่งไปกว่านั้นความสัมพันธ์ของทั้งสองคนก็สามารถนับได้ว่าเป็นมิตรสหาย
เธอยินดีที่จะติดต่อกับเจียงซิ่วอย่างยิ่ง
เรื่องนี้แต่เดิมเธอคิดว่าชายหนุ่มเป็นเพียงเด็กหนุ่มธรรมดาทั่วไป ในใจของเธอยังคงเหลือความรู้สึกหนักอึ้งอยู่ไม่น้อย ถึงแม้จะพบว่าเขามีพื้นหลังอันยิ่งใหญ่ ทำให้ครั้งหนึ่งเธอไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไร กระนั้นเซี่ยวเสว่ถงก็ไม่ได้ประเมินเสน่ห์ตนเองต่ำเกินไป หนุ่มน้อยสาวน้อยจำนวนนับไม่หวาดไม่ไหวชื่นชอบในตัวเธอก็ไม่ใช่เรื่องเท็จนี่นา
เจียงซิ่วกล่าว “สวัสดีปีใหม่!”
เซี่ยวเสว่ถงกล่าว “มีเวลาว่างไหม ออกมาดื่มสักหน่อยไหม?” ซุปเปอร์สตาร์เซี่ยวเชื้อเชิญ ในสมองของเธอหวนคิดถึงภาพการประมูลไข่มุกด้วยราคาสูงเสียดฟ้าของเจียงซิ่วครั้งนั้น ในใจพลันรู้สึกร้อนรุ่ม
เจียงซิ่วกล่าว “ได้ ที่ไหนละ?”
เซี่ยวเสว่ถงได้สอบถามจากหวังซินถงมาอย่างละเอียดแล้ว ตอนนี้เจียงซิ่วอยู่ที่ตี้ตู ตอนนี้เธอก็อยู่ที่ตี้ตู “ฉันส่งที่อยู่ให้คุณในมือถือแล้วกัน”
“ตกลง!”
วันนี้เซี่ยวเสว่ถงไม่ได้มาหาเจียงซิ่ว เจียงซิ่วก็สามารถไปหาเธอได้
เจียงซิ่วไม่รู้ว่าจะชดเชยให้กับจั่วอี้เฉินอย่างไร ในเมื่อบริษัทของจั่วอี้เฉินต้องการเซ็นสัญญากับเซี่ยวเสว่ถง เช่นนั้นก็ช่วยเหลือเธอสักครั้ง อย่างน้อยก็แสดงความจริงใจสักเล็กน้อย
เห็นเจียงซิ่วลุกขึ้นเดินออกไปด้านนอก หลินเจ๋อเฉิงที่รออยู่ก็ลุกขึ้นกล่าว “เธอจะไปแล้วหรอ? บางที่ที่แม่เธอเพิ่งบอก…”
เจียงซิ่วกล่าว “ฉันมีเรื่องด่วน”
เห็นเจียงซิ่วเดินออกไปไกล หลินเจ๋อต้งกล่าวอย่างไม่ยินยอมว่า “เรื่องอะไรจะมาสำคัญกว่าการทานอาหารรวมญาติของสกุลหลิน” น้ำเสียงมีความไม่พอใจอยู่มาก สามารถบอกได้ว่า สกุลหลินไม่มีพื้นที่ในใจของเจียงซิ่วแม้แต่น้อย
เขารู้สึกโชคที่สกุลเจียงสูญสิ้นลงแล้ว หาไม่แล้วใจของเจียงซิ่วจะต้องโน้มเอียงไปทางฝั่งนั่นเป็นแน่ ใครจะรู้ว่าเจียงซิ่วเกลียดชังสกุลเจียงมากยิ่งกว่าสกุลหลินนัก
“พ่อ ผมก็ออกไปเที่ยวนะ”
“ผมไปด้วย!”
ผู้เยาวน์พวกนี้อยู่ติดบ้านกันเสียที่ไหน พอเห็นวันนี้มีผู้นำออกไปแล้ว แต่ละคนก็พากันตามออกไป ทำให้ผู้อาวุโสต่างรู้สึกหดหู่
สถานที่นัดของเซี่ยวเสว่ถง ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นคลับที่เป็นส่วนตัวอย่างมาก ประเภทที่คนธรรมดาไม่อาจมาได้ ไม่เช่นนั้นหากถูกพบตัวเข้า ไม่ถึงสิบนาทีก็จะถูกปิดล้อมจนก้าวขาไม่ออก
สถานที่ที่เธอเลือกคือคลับริมทะเลสาบ งดงามอย่างโบราณ สถานที่พิเศษเช่นนี้ในตี้ตูส่วนใหญ่ถูกเก็บรักษามาจากยุคโบราณ ตั้งคุณสมบัติสูงไว้สูงมาก คนธรรมดาไม่อาจเอื้อมถึง
อีกทั้งสถานที่นี้ใหญ่โตยิ่ง เจียงซิ่วช่วงหนึ่งยังไม่อาจมงหาคนเจอ พอดีกับที่เซี่ยวเสว่ถงโทรมา จึงมองเห็น เดินผ่านภูเขาน้ำพุจำลอง ทางเดินหน้าก้านมีเงาร่างอันคุ้นเคยที่ไม่คุ้นเคยอย่างยิ่งอยู่
นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญอย่างแน่นอน เมื่อวานพบหน้า วันนี้ก็ยังพบหน้าอีก
เป็นจั่วอี้เฉินนี่เอง!
เจียงซิ่วลังเลว่าตัวเองจะต้องไปทักทายหรือไม่ เวลานี้จั่วอวี้เฉินกำลังสนทนากับเพื่อนผมสั้นย้อมสีกาแฟอย่างเผ็ดร้อน
เจียงซิ่วยังไม่ทันได้ตัดสินใจ ฝั่งนั้นกลับเดินมาทางเขา
“ตามข่าว ควรจะมาที่นี่ไม่ผิดแน่…” เป็นพี่โยวที่มากับจั่วอี้เฉิน ตั้งแต่พวกเธอได้ข่าวว่าเซี่ยวเสว่ถงจะมาปรากฎตัวที่นี่ พวกเธอก็รีบมาอย่างไม่หยุดพัก
ตอนนี้เจิ้งเม่าจู๋จิ้นของพวกเธอต้องการชนะใจดาราสาวเล็กๆ ที่กำลังโด่งดัง
จั่วอี้เฉินพบว่าทางเดินด้านหน้าตนถูกคนปิดกั้น หันหน้าไปมอง กลับชะงักไป ถึงแม้จะพบเจอเจียงซิ่วเพียงครั้งเดียว แต่กลับสามารถจดจำได้ เพราะว่าคนผู้นี้มีความสำคัญอย่างมาก เป็นธรรมดาที่จะจำเจียงซิ่วได้ “เป็นคุณนี่เอง! บังเอิญเกินไปแล้ว คุณก็อยู่ที่นี่หรือ?”
เจียงซิ่วกล่าว “ใช่แล้ว!”
พี่สาวโหลวกล่าวอย่างสงสัย “รู้จักกันหรือ?”
จั่วอี้เฉินตอบคำ หลังจากนั้นก็กล่าวกับเจียงซิ่ว “ขออภัย ทางฉันยังมีธุระ คุณไปก่อนเถอะ ไว้มีโอกาส พวกเราค่อยพบกัน”
เจียงซิ่วบนใบหน้ามีรอยยิ้มน้อย “หรือไม่ พวกเราไปด้วยกัน?”
ถึงแม้เป็นเพียงคำพูดไม่กี่คำ แต่เจียงซิ่วก็เดาเป้าหมายที่เธอมาที่นี่ได้แล้ว จะต้องได้ยินข่าวมาแน่นอน รู้ว่าเซี่ยวเสว่ถงอยู่ที่นี่ จึงมาที่นี่เพื่อประชาสัมพันธ์
บนใบหน้าเฉยชาของจั่วอี้เฉินดูไม่เป็นธรรมชาติเล็กน้อย “ไม่ละ พวกเราทางนี้มีเรื่องสำคัญมากจริงๆ ไว้ครั้งหน้านะ หากมีโอกาส” พูดจบ ก็ลากพี่โยวไป
“โอ้ คุณเดินไปผิดทางแล้ว”
ถ้าคำพูดนั้นคือการมาหาเซี่ยวเสว่ถง ก็สมควรไปทางข้างหน้าเจียงซิ่ว เขาเพิ่งจะเดินผิดแล้วสอบถามพนักงานที่นี่ไปครั้งหนึ่ง ทว่าจั่วอี้เฉินกลับป้องกันเจียงซิ่วเหมือนกันโจร ยิ่งเจียงซิ่วร้องบอก เธอยิ่งลากพี่โยวออกเดินเร็วขึ้น ด้วยเกรงจะสาย เช่นนั้นแล้วเธอจะมาเอาเรื่องเจียงซิ่ว
“ที่แท้เขาคือใครกันแน่ ทำไมเธอหลบเลี่ยงเขาขนาดนี้ คนโรคจิตหรือ?” พี่โยวถามอย่างสงสัย
จั่วอี้เฉินกล่าว “เป็นเขา คนสกุลหลินคนนั้น”
“อ๊ะ เช่นนั้นเขา…”
พี่โยวกล่าว “จะหลบเขาทำไม ฉันโทรไปหาหลิวต้าเซ่า ให้หลิวต้าเซ่ามาจัดการกับเขา ให้เขาคนนั้นรู้ตัวว่า ระหว่างเธอกับเขานั้นห่างชั้นกัน”