Girl, I’ll Teach You Cultivation – ฉันจะสอนเธอบ่มเพาะเอง – ตอนที่ 317

ตอนที่ 317

บทที่ 317

บทเรียนขั้นพื้นฐานของลัทธิฟ้า

เมื่อจัวอี้เฉินกับโยวเจี่ยเดินเข้าไป ก็พบว่าห้องโถงใหญ่อยู่ในสภาพเละเทะไม่เป็นระเบียบ ราวกับโดนทำลายอย่างน่ากลัว ด้านในมีคนอยู่ไม่น้อยที่จะกล้าเดินเข้าไป แต่เมื่อสังเกตดี ๆแล้ว ก็ทำให้จัวอี้เฉินนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่งเมื่อเห็นหลิวฉวนจือคุกเข่าและกรีดร้องจนตัวสั่นเทาข้างผู้ชายคนหนึ่ง

เมื่อมองเห็นภาพนั้นทำให้เธอพูดอะไรไม่ออก ทั้งไม่เข้าใจและเห็นใจในเวลาเดียวกัน แต่ในใจของเธอก็ถูกแทนที่ด้วยความอยากรู้อยากเห็นไปเสียแล้ว มีคนเคยพูดไว้ว่าในเข่าของผู้ชายมีทองคำอยู่ แล้วทำไมเขาต้องคุกเข่า? สุดท้ายแล้วคือใคร เรื่องอะไร ทำไมหลิวฉนจือถึงถูกบังคับให้คุกเข่าล่ะ

เมื่อเธอก้าวไปด้านหน้า เมื่อมองเห็นได้ชัดเจนแล้วก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา ที่แท้ก็เป็นเขา ดวงตางามทั้งสองข้างก็เบิกโพลงขึ้นทันที ประหลาดใจกับแสงนั้นที่ปรากฏขึ้น เขาคือลูกชายของน้าเย่หลิง เธอจำชื่อของเจียงซิ่วไม่ได้ด้วยซ้ำไป

โยวเจี่ยที่อยู่ด้านข้างเธอก็ตกตะลึงไม่แพ้กัน เธอไม่สามารถทำอะไรได้เลย ชายคนนี้แข็งแกร่งจนทำให้เธอสั่นกลัว ตอนนี้ถึงกับนั่งคุกเข่าราวกับอ้อนวอนขอให้ยกโทษให้ แต่ดูเหมือนว่าชายคนนี้พึ่งจะพบกันครั้งแรกก็วันนี้ “อี้เฉิน คนนั้นใช่…”

“คุณเจียง ไว้ชีวิตผมเถอะ….”

“ผมโง่เองที่ไม่รู้จักไท่ชาน ผมไม่ต้องการจัวอี้เฉินแล้ว ผมยกให้ ยกเธอให้คุณเลย…”

จัวอี้เฉินไม่อยากจะเชื่อสายตาตนเอง ในใจของเธอหลิวฉวนจือราวกับหล่นลงมาจากที่สูง มันมาก่อนความไม่เข้าใจ ความเห็นใจ ไม่ยอม กลับกลายเป็นความสูญเสียที่ลึกอยู่ภายในใจ

ผู้คนรอบข้างต่างมุงดูด้วยความเหยียดหยาม

“พี่ใหญ่?”

ในหน้าของกู่ตงเล่อเต็มไปด้วยความขมขื่น เข้าอยู่กับพี่ใหญ่มานานพอสมควร ที่แท้เขาก็เป็นแค่คนอ่อนแอคนหนึ่งเท่านั้น นี่ทำให้ใบหน้าของเขาร้อนขึ้นมา ขายหน้าจนไม่กล้าที่จะเงยหน้าขึ้นมา

“ยังไงก็ตายอยู่แล้ว ทำไมไม่ยืนตายซะล่ะ?” เจียงซิ่วพูด

หลิวฉวนจือส่ายหัวอย่างตกใจ “ไม่..คุณเจียง ผมพูดผิดไปแล้ว ผมหยาบคายใส่คุณ ไว้ชีวิตผมเถอะ ต่อจากนี้ผมจะไม่มาให้คุณเห็นหน้าอีก ไว้ชีวิตผมเถอะ”

คุณงามความดีของเจียงโหลวเซี่ย หลิวฉวนจือเคยได้ยินผ่านมามากมาย โดยเฉพาะจากปากเซี่ยวหยวนฉาน เซี่ยวหยวนฉานน่ะเทิดทูนเจียงซิ่วยิ่งกว่าใครๆ ไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่เซี่ยวหยวนฉานจะไปที่เกาหลูหยาเพื่อเป็นสักขีพยานการต่อสู้ของสวรรค์ เจียงซิ่วคนเดียวก็ฆ่าคนที่แข็งแกร่งเท่าๆ กับเขาไปถึงยี่สิบสามสิบคน ทำให้ชื่อเสียงของประเทศน่าเกรงขามขึ้น ทำให้เขาประหลาดใจมา

ประเทศจีนในนานาชาติไม่ได้มีอะไรที่น่าเกรงขามมาก่อน ทำให้กองกำลังใต้ดินของยุโรปมีความเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก คนที่แข็งแกร่งที่สุดในประเทศจีนน่ะไม่ใช่อะไรที่เจียงลั่วเซี่ยแต่งตั้งตนเองแน่ๆและก็ไม่ใช่คนในประเทศที่พูดกัน คนที่เรียกคนแรกคือชาวต่างชาติต่างหาก

และยิ่งกว่านั้นได้ยินมาว่าคนโหดร้ายคนนี้ฆ่าคนอย่างกับคนนั้นไม่มีค่าอะไร

เขาฆ่าคนราวกับเป็นปีศาจ

ท่วงท่าที่สง่างามเมื่อคู่ตอนนี้ไม่มีอีกต่อไปแล้ว เวลานี้เขาต้องการแค่เพียงรักษาชีวิตตนเองไว้เท่านั้น ไม่รู้ว่าน้ำมูกและน้ำตาของเขานั้นไหลออกมาตอนไหน เขาทำอะไรกับเรื่องพวกนี้ไม่ได้แล้ว คนกี่คนที่อยู่ด้านหน้าเขาก็ตายกันหมดด้วยใบหน้าที่หวาดกลัวนั้น

มองไปยังหลิวฉวนจือเป็นเช่นนั้น จัวอี้เฉินก็ไม่รู้ว่าควรหรือไม่ควรที่จะปรากฏตัวออกไป เธอรู้ดีว่าถ้าเธอปรากฏตัวออกไปจะทำให้หลิวฉวนจือตกที่นั่งลำบากมากกว่าเดิม ตอนที่เธอคิดจะหันหลังกลับ แต่ที่เขาสองคนทะเลาะกันก็เป็นเพราะเธอ ถ้าเธอเดินออกไปแล้วเกิดอะไรขึ้นมาจะทำยังไงดี?

เธอเดินผ่านไป เมื่อหลิวฉวนจือตกใจอยู่ครู่หนึ่งมองเห็นเธอ ก่อนจะดึงรั้งขากางเกงยีนส์ของเธอไว้ “น้องเฉิน ช่วยฉันด้วย ขอชีวิตฉันจากคุณเจียงที”

“ไม่อย่างนั้น..นายขอชีวิตเขา..เขา….ฉัน…..”

เธอแสดงออกถึงความเขินอายอย่างเห็นได้ชัด

เรื่องที่ผู้หญิงภูมิใจที่สุดก็คงไม่พ้นผู้ชายสองคนทะเลาะกันเพราะเธอ นั่นทำให้เธอรู้สึกภาคภูมิใจอย่างมาก ทำให้รู้ว่าผู้หญิงคนนี้มีเสน่ห์อย่างมาก ก็รอให้เธออายุเยอะแล้ว เลยวัยรุ่นมาแล้วก็ตามแต่ เรื่องนี้ก็ไม่เป็นแบบนั้นแล้ว พอมาเจอเรื่องแบบนี้เธอก็รู้สึกอับอายเป็นอย่างมาก คนที่อยู่รอบๆจะพูดถึงยังไงก็ได้

โดยเฉพาะเรื่องความแตกแยกระหว่างผู้ชายและผู้หญิง

“ไสหัวไปซะ ไปบอกเซี่ยวหยวนฉานด้วยล่ะว่าฉันจะรอเขามา”

“ขอบคุณครับ…”

“ขอบคุณมากคุณเจียง….”

หลิวฉวนจือลุกขึ้นก่อนจะออกไปจากหอประชุมช้าๆ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและตระหนกนั้นหายไปแล้ว เปลี่ยนเป็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้นและความอัปยศอดสูทันที แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้คนมากมายเช่นนี้ ใบหน้าของเขาก็ดูเหมือนหมดแรง เมื่อมาคิดอีกทียุคหานซิ่นปีนั้นก็ได้รับแต่ความอัปยศเหมือนกัน ชายคนเป็นสามีก็ควรจะยืดหยุ่นกันได้บ้าง

เขาคิดหาเหตุผลดีๆให้ตนเอง

จัวอี้เฉินมองเขาเดินออกไปก่อนกัดริมฝากแดงของเธอและคิดที่จะเดินออกไปปลอบเขา แต่ตอนนี้สิ่งที่เธอรับมือยากที่สุดก็คือตัวของเธอเอง คำปลอบโยนของเธออาจจะทำร้ายใจของเขาได้ เมื่อมองกลับมเธอก็อยากจะถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นจากเจียงซิ่วว่ามันเป็นเรื่องอะไรกันแน่ แต่ก็รู้สึกว่าตนเองนั้นไม่จำเป็น

ที่เธอมาที่นี่ก็เพราะหลิวฉวนจือต้องการให้เธอมา แต่ตอนนี้เธอจะอยู่ที่นี่ก็ไม่ถูกจะออกไปจากที่นี่ก็รู้สึกแปลกๆ

“พี่อี้เฉิน พี่จะไปแล้วหรอ?”

หลินเสี่ยวเข่อเปิดปากเอ่ย

“ไม่อย่างนั้นก็ไปนั่งเล่นที่บ้านพวกเราไหม?”

“เอาไว้คราวหน้านะ”จัวอี้เฉินส่ายหัวปฏิเสธ

ข่าวแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็วราวกับลมพัด คนที่ได้ยินข่าวส่วนมากก็ตกใจจนตาโต เหมือนได้ยินสารจากสวรรค์ หลานชายนอกสายเลือดของตระกูลหลินที่แท้จริงคือเจียงลั่วเซี่ย? ซ้ำยังอีกนิดเดียวเขาก็จะฆ่าหลิวฉวนจืออีกด้วย!

คนที่อยู่ฝั่งหลิวฉวนจือแต่แรกก็ตกใจไม่แพ้กัน ในตรุษจีนเรื่องนี้กลายเป็นที่พูดคุยของคนในตี้ตูระหว่างดื่มน้ำชาหรือหลังทานข้าวไปเรียบร้อยแล้ว

ในวันพฤหัสบดีหลินเย่หลิงก็ต้องพาเจียงซิ่วหลับไปที่เจียงหนาน เจียงซิ่วต้องการที่จะกลับไปบ้านของพ่อตาของเขา แต่เพราะเรื่องนี้ทำให้ต้องอยู่ต่ออีกสองวัน

ท้องฟ้ามีฝนตกลงมาปรอยๆ ทำให้อากาศเปลี่ยนเป็นเย็นจัด ใบหน้าที่อ่อนเพลียของจัวอี้เฉินนั้นยังแสดงความโศกเศร้าออกมา ดวงตาทั้งสองของเธอแดงและบวม ในมือของเธอถือร่มไว้คันหนึ่งเดินไปอย่างไร้จุดหมาย เมื่อใดก็ตามที่อยู่ในสถานการณ์แบบนี้ เธอก็มาถึงที่เขาหยินเป่าโดยไม่รู้ตัว มาที่หลุมศพของพ่อแม่ของเธอ

เมื่อคืนเธอร้องไห้อย่างหนัก คุณปู่ของเธอรับเธอเป็นลูกบุญธรรมหลังจากที่พ่อแม่ของเธอเสียไป นั่นคือลุงและน้าของเธอ ราวกับว่าไม่ได้แคร์ความรู้สึกของเธอเลยแท้แต่น้อย เจียงซิ่วก็แต่งงานมีภรรยาแล้ว ยังต้องมาแต่งงานกับเธออีก นั่นก็ไม่พ้นคำว่าภรรยาน้อยหรอกนะ เป็นเมียน้อยหรอ? ต่อให้เธอร้องไห้อ้อนวอนยังไงแต่ก็ไม่มีประโยชน์อะไรใช่ไหมล่ะ

เพื่อแลกกับความเย็นชานั้น ทำให้เธอต้องตอบแทนงั้นหรอ

เธอรู้ดี ถ้าพ่อแม่ของเธอยังอยู่ พวกท่านต้องทำใจไม่ได้แน่ๆ

“พ่อ….แม่….”

เมื่อมองไปที่หลุมศพที่แขวนรูปพ่อแม่ที่ยังอ่อนวัยยิ้มอยู่ น้ำตาก็ไหลลงมาอีกครั้ง เธอรู้สึกเหงาและหมดหนทางรู้สึกว่าวิญญาณของเธอนั้นว่างเปล่า

ฝนปรอยๆนั้นกระทบบนร่มสีดำ ลมเย็นประทะกับเค้าหน้าของเธอ วันที่มืดมนวันหนึ่งทำให้เธอรู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมาก

“เมื่อก่อนก็มีคนเป็นแบบเธอเหมือนกัน อยู่หน้าหลุมศพของพ่อแม่ ร้องไห้ออกมาอย่างเจ็บปวด เขารู้สึกว่าท้องฟ้ากำลังตกลงมาและโลกก็ถูกทำลาย หัวใจของเขาถูกความเยือกเย็นเข้าครอบงำ เดินอย่างกับคนที่ไม่มีชีวิต”

เมื่อได้ยินเสียงอันเศร้าโศกนั้นทำให้จัวอี้เฉินถึงกลับตกใจเมื่อหันไปมอง “ทำไมคุณ?”

“พวกตระกูลจัวไม่รู้ว่าเธออยู่ที่ไหน ฉันเลยเดาเอาว่าเธออาจจะอยู่ที่นี่?” เจียงซิ่วพูด

“แล้วทำไมคุณถึงเดาได้ล่ะ?” จัวอี้เฉินถาม

“เชื่อเรื่องชาติที่แล้วไหมล่ะ?” เจียงซิ่วย้อนถาม

“คนเรามีชาติหน้าจริงๆหรอ?” จัวอี้เฉินถามอย่างตกใจ

“ชาติที่แล้วน่ะคนที่ยืนอยู่หน้าหลุมศพพ่อแม่คือฉัน ส่วนคนที่ปลอบฉันน่ะคือเธอ เธอช่วยฉันไว้ ถ้าไม่ได้เธอตอนนี้ฉันก็คงตายไปแล้ว คงไม่มีฉันในตอนนี้” เจียงซิ่วพูด

จัวอี้เฉินรู้สึกว่าสิ่งที่เขาพูดทั้งหมดล้วนแต่ไม่มีเหตุผลเลย แต่สายตาของเจียนซิ่วนั้นมีแววของความเศร้าอยู่เช่นกัน “คุณกลัวว่าฉันจะไม่ปล่อยวางหรอ? ถ้าฉันยังไม่ปล่อยวาง ป่านนี้ฉันตายไปไม่รู้กี่รอบแล้ว”

“ก็จริง อาจจะเป็นเพราะว่าฉันอยู่มานานแล้ว ไม่ใช่คนแต่งงานหรอ? ไม่ว่าจะแต่งงานกับคนที่ตัวเองไม่ได้ชอบหรือแม้แต่ทิ้งให้คนอื่นเป็นน้อย ล้วนเป็นเรื่องที่ควบคุมไม่ได้ทั้งนั้น ชีวิตก็ต้องดำเนินต่อไปอยู่ดีนี่”เจียงซิ่วพูด

จัวอี้เฉินไม่ได้สนใจเขา

“วางใจเถอะ ฉันไม่หาเรื่องมาให้เธอหรอก ถ้าเกิดไม่ใช่ความสมัครใจจากเธอ ฉันก็ให้จะตระกูลจัวก้มหัวให้อยู่ดี”

เรื่องนี้ไม่ได้ยากเกินความสามารถของเจียงซิ่วแม้แต่น้อย

อำนาจของเจียงลั่วเซี่ยมีมากพอที่จะกดให้ตระกูลจัวไม่กล้าแม้จะเอ่ยออกมาเพียงหนึ่งคำ

จัวอี้เฉินมองเจียงซิ่วด้วยความแปลกใจ เธอได้ยินข่าวนี้มาบ้างและก็รู้สึกอึ้งไม่น้อยเลย น้องชายคนที่อยู่ตรงหน้าเธอคนนี้คาดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นคนที่ได้รับความนิยมมากในประเทศตอนนี้ แต่ตอนนี้ตาของเธอค่อยๆเบลอลง เจียงซิ่วยอมที่จะปล่อยเธอไป แต่ชะตาของเธอจะเปลี่ยนได้หรอ? ก็ไม่อยู่ดี “ฉันเป็นแค่เด็กกำพร้าที่ไม่มีความเจ็บปวดอะไรหลงเหลืออยู่แล้ว พวกคุณปู่ก็ยังให้ฉันไปแต่งงานกับคนที่ฉันไม่ได้รักอีก”

เธอรู้สึกได้ถึงความจริงใจของเจียงซิ่ว โดยเฉพาะเขายอมที่จะใช้ตัวเองทำให้ตระกูลจัวยอมก้มหัว แถมยังให้อิสระกับเธอ เริ่มจากการที่หลินเย่หลิงปรากฏตัว คนตระกูลนี้ก็ให้ความอบอุ่นกับเธอ

แต่ก็น่าเสียดาย ถ้าเจียงซิ่วยังไม่แต่งงานจัวอี้เฉินก็อาจจะตบปากรับคำ แต่ตอนนี้……..

“มาทำข้อตกลงกัน เธอมาอยู่กับฉันสามปี พอสามปีแล้วฉันจะปล่อยเธอไป ถึงตอนนั้นฉันจะทำให้เธอแข็งแกร่งจนตระกูลจัวไม่กล้าที่จะไร้มารยาทกับเธอ”

“คุณไม่มีทางเลือกได้หรอก!”

จัวอี้เฉินตาแดง เธอต้องแต่งงานกับเขาเพื่อไปเป็นเมียน้อยจริงๆน่ะหรอ? เธอรู้สึกอับอายจนไม่รู้จะไปมุดดินที่ไหน ไม่รู้เลยว่าอะไรจะเกิดขึ้นหลังจากนี้ “ยื่นมือมาให้ฉัน” เจียงซิ่วพูด

เมื่อจับชีพจรของเธอดูก่อนเจียงซิ่วจะพูด “เหมือนกับฉัน เธอมีบางอย่างที่พิเศษมากอยู่ในตัว”

“หนังสือเล่มนี้เธอเอาไปอ่าน มันคือบทเรียนพื้นฐานของลัทธิฟ้าของฉัน มีอะไรไม่เข้าใจก็มาถามฉัน”

Girl, I’ll Teach You Cultivation – ฉันจะสอนเธอบ่มเพาะเอง

Girl, I’ll Teach You Cultivation – ฉันจะสอนเธอบ่มเพาะเอง

Status: Ongoing

เจียงซิ่วเคยถูกเคลื่อนย้ายไปยังทวีปการต่อสู้นิรันดร์ เขามีชีวิตที่ยาวนานอยู่่ที่นั้น และได้สร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองอย่างยิ่งใหญ่ ทว่าเขาก็พบว่าตัวเองตื่นขึ้นมาในสถานที่แปลกๆ และยังค้นพบอีกว่าเขาได้กลับมาโลกที่ได้จากมา เกิดบ้าอะไรขึ้น? แล้วเขาจะทำอะไรต่อจากนี้? ติดตามเจียงซิ่วในขณะที่เขาเกี่ยวข้องกับชะตากรรมและเหตุการณ์บ้าบอที่ถูกเก็บไว้ให้เขาโดยเฉพาะ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท