ราชันมังกรแห่งสงคราม – ตอนที่ 54

ตอนที่ 54

“เหมิงหล่าง เจ้ากล้าตีข้าหรือ”

ใบหน้าของหลิวฮาวแดงขึ้น เขาลุกขึ้นทันทีเพื่อจะเอาคืนเหมิงหล่างแต่ทว่ากลับถูกหลี่ลี่เว่ยเขามารั้งตัวไว้ เพราะอย่างไรก็ตามครอบครัวของเหมิงหล่างก็มีอำนาจอยู่บ้างหากว่าไปลงมือทำร้ายจะเป็นหลิวฉาวเองที่เดือดร้อน

เจียงเป่ยเฉินเช็ดปากและลุกขึ้น

“นายพูดว่าอะไรนะ?”

“ลองพูดอีกทีสิ? “

“ฮ่าฮ่า นายหูหนวกงั้นหรอ? ฉันบอกว่า ฉันจะให้โอกาสนายรับลงทุนโครงการนี้อีกครั้ง!”

เหมิงหล่างกล่าวเย้ย

“ไม่ใช่ประโยคนี้!”

เจียงเป่ยเฉินส่ายหัวกล่าว

เหมิงหล่างประหลาดใจ และเหลือบมองไปยังขวดที่ว่างอยู่บนโต๊ะเขาหัวเราะออกมาและกล่าว

“ฉันบอกว่า… ”

แพล๊ง!! ไม่ทันที่จะพูดจบขวดที่วางอยู่บนโต๊ะก็ถูกฝาดเข้าที่หัวของเหมิงหล่างทำให้เวลานี้หัวของเหมิงหล่างมีเลือดไหลหยดลงมาเป็นอย่างมาก

“เวรเอ้ย เจียงเป่ยเฉิน แกกล้าลงมือหรอว่ะ?

คอยดูเถอะฉันจะฆ่าแก แม้แต่ตำรวจก็ช่วยแกไม่ได้! “

เหมิงหล่างตะโกน เขาไม่ได้เกรงกลัวเจียงเป่ยเฉินเลยแม้แต่น้อย ด้วยเขาเติบโตมาในสังคมที่ดีและเขารู้จักกับพวกทายาทรุ่นที่ 2 หลายคน มันจึงเป็นเรื่องง่ายที่เขาจะจัดการเจียงเป่ยเฉินที่เป็นเพียงนักธุรกิจคนนึงเท่านั้น

เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วกดโทรออกทันที

“เหมิงหล่าง เป่ยเฉินเขาเพียงแค่เมามากเกินไปเท่านั้น!”

ลี่เว่ยกล่าวอย่างรวดเร็วหมายจัดหยุดเขา แต่เหมิงหล่างก็พลักเขาออกไป

“ลี่เว่ยไม่ต้องมายุ่งเรื่องนี้ยังไงฉันก็ต้องฆ่ามันให้ได้!”

หลี่ลี่เว่ยไม่ทราบต้องทำยังไงจึงวิ่งไปหาเจียงเป่ยเฉิน “พี่เจียง คุณขอโทษเหมิงหล่าวเถอะ เพียงแค่นั้นเรื่องก็จบแล้ว! “

ถึงเขาจะทราบว่าเจียงเป่ยเฉินมีความสนิทกับตระกูลเหอ แต่ทว่าในความคิดของเขาเหมิงหล่าวนั้นมีอำนาจมากกว่าเพราะเขาเป็นเจ้าหน้าที่ของหน่วยงาน

“ก็ให้เขาลองดู ว่าจะหาใครมาช่วยเขาได้!”

เจียงเป่ยเฉินกล่าวพร้อมกับนั่งลงและดื่มต่อ

“ฮัลโหล?”

พี่ซูผมอยู่ที่ ฟูลมูนทาวเวอร์ ผมโดนทำร้ายคุณมาช่วยผมหน่อยได้หรือเปล่า…”

“คุณอยู่ที่ ฟูลมูนทาวเวอร์ แล้วงั้นหรอ?”

“ได้ๆ ผมจะรอคุณ! “

หลังจากวางสายแล้ว เหมิงหล่างก็หลันหัวเราะออกมา “เจียงเป่ยเฉิน ถ้าจะโทษก็โทษตัวนายเองเถอะ แต่ว่าฉันก็จะให้โอกาสนายถ้านายคุกเข่าขอโทษฉันตอนนี้ ฉันอาจจะปล่อยนายไป ไม่อย่างงั้นก็ตายไปซะ!”

ทันทีที่พูดจบ ก็มีเสียงดังมาจากด้านนอก เป็นเสียงของชายวัยกลางคนและวัยรุ่นคนหนึ่ง

ชายวัยกลางคนคือซูไห่เฟิงและอีกคนที่ตามมาคือซูเทียนเฉิง ทั้งสองคนมาที่นี่เพื่อที่จะมาขอโทษเจียงเป่ยเฉิน

“โอ้ว ลุงซู คุณก็มาที่นี่ด้วยหรอครับ”

เหมิงหล่างตกใจ เขาไม่คิดว่าซูไห่เฟิงจะมา

ซูไห่เฟิงชำเลืองมองเขาและไม่สนใจเขา จากนั้นก็พาซูเทียนเฉิงเดินเข้าไปหาเจียงเป่ยเฉินและกล่าว “นายน้อย! ผมพา เทียนเฉิง มาขอโทษคุณ เทียนเฉิง มีตาแต่ไม่เห็นเหลี่ยงซานไปทำให้คุณขุ่นเคืองใจที่ไปขับรถชนรถของคุณผมจะให้คนจัดการซ่อมให้มันกลับไปเป็นเหมือนเดิม และผมจะจ่ายค่าชดเชยให้คุณ 10 ล้าน!“

หลังจากกล่าวจบทั้งสองพ่อลูกก็โค้งคำนับทันที

“ลูกชายของผมทำผิด โปรดยกโทษให้ด้วย!”

เมื่อเห็นฉากนี้ เหล่าเพื่อนของเจียงเป่ยเฉินต่างพากันตกตะลึง

เหมิงหล่างขยี้ตาอย่างไม่เชื่อสายตาของตัวเอง เขาไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?

ซูไห่เฟิงและลูกชายของเขากำลังโค้งคำนับเจียงเป่ยเฉิน?

แถมยังให้ค่าชดเชย 10 ล้าน?

เขาเป็นบุคคลระดับสูงของหยุนไห่อีกทั้งยังเป็นคนของตระกูลซูอีกด้วย แต่ทว่าตอนนี้ทั้งสองกลับก้มหัวให้กับเจียงเป่ยเฉิน เขาไม่เข้าใจจริงๆว่ามันเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง คนอื่นๆต่างพากันตกใจและอดไม่ได้ที่จะเชื่อกับภาพที่เห็นตรงหน้า ถึงแม้ว่าเจียงเป่ยเฉินจะเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จมาก แต่ในฐานะของตระกูลซูแล้วก็ไม่จำเป็นต้องก้มหัวให้เขา?

มันเกิดอะไรขึ้น?

หลี่ลี่เว่ยใจเต้นอย่างรุนแรง ถึงเขาจะรู้ว่าเจียงเป่ยเฉินมีความสนิทใกล้ชิดกับตระกูลเหอ แต่ทว่าแม้แต่ตระกูลเหอเองก็ไม่สามารถทำให้คนของตระกูลซูก้มหัวได้ เว้นแต่ว่าเจียงเป่ยเฉินจะมีเบื้องหล้าที่น่าหวั่นเกรงกว่า! เมื่อคิดได้เช่นนี้ใจของหลี่ลี่เว่ยพลันเต้นแรงกว่าเก่าเขาพอจะเข้าใจแล้วเรื่องที่ตระกูลเหอยก หรงติ่ง ให้เจียงเป่ยเฉิน ตอนนี้เขาเข้าใจแล้ว!

มันไม่ใช่ตระกูลเหอที่ดูแลเจียงเป่ยเฉิน แต่เป็นเพราะตระกูลเหอเคารพเจียงเป่ยเฉิน!

“ลุงซู คุณเป็นอะไรไปหรือเปล่า ทำไมคุณต้องทำแบบนี้กับเข้า? เขาก็เป็นแค่นักธุรกิจ…”

“หุบปาก! ให้ใช้ให้นายพูด ถือดียังไงมาว่านายน้อย!”

ก่อนที่เหมิงหล่างจะกล่าวจบก็ถูกซูไห่เฟิงกล่าวขัดขึ้นและตบไปที่ใบหน้าเขาอย่างรุนแรงจนเขาถึงกับเซไปด้านข้าง

ทันใดนั้นใบหน้าของเขาพลันเปลี่ยนเป็นซีดขาว แต่เขาก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไมมันถึงเป็นแบบนี้เจียงเป่ยเฉินมันก็เป็นแค่นักธุรกิจธรรมดาไม่ใช่หรอ

“สิบล้าน แล้วก็ซ่อมรถให้เหมือนเดิม!”

เจียงเป่ยเฉินกล่าวออกมาเบาๆ “จากนี้อย่าได้นำรถหงฉีออกมาขับโดยไม่จำเป็น มันเป็นการดูหมิ่นรถหงฉี!”

“รับทราบ! ผมจะไม่เอาหงฉีออกมาขับอีกต่อไปแล้ว!”

ซูเทียนเฉิงกล่าวพร้อมกับพยักหน้าเหมือนดั้งลูกแมวน้อย

“นายน้อยไม่ต้องเป็นห่วง หงฉีของเราจะเอาจอดไว้แต่ในโรงรถเท่านั้น และผมจะไม่ให้เขาเอาออกไปขับเด็ดขาด!”

ซูไห่เฟิงกล่าว

“อืม ไปซ่อมรถให้ผม เสร็จแล้วนำไปที่บริษัทของผม!”

เจียงเป่ยเฉินโยนกุญแจรถลงบนโต๊ะ

ซูไห่เฟิงรีบหยิบกุญแจรถขึ้นมา จากนั้นวางกุญแจอีกดอกหนึ่งไว้บนโต๊ะ “นี่เป็นรถของผม ได้โปรดนำไปใช้ก่อน!”

เจียงเป่ยเฉินพยักหน้ารับและเก็บกุญแจ

จากนั้นซูเทียนเฉิงเหลือบมองไปที่เหมิงหล่างที่อยู่ข้างๆ พลันขมวดคิ้วและกล่าวว่า “เหมิงหล่างได้โทรหาผมเมื่อสักครู่บอกว่าได้มีเรื่องกับใครบางคน ไม่ทราบว่าคนคนนั้นเป็นคุณหรือเปล่า เพียงแค่นายน้อยกล่าวออกมา ผมจะจัดการเขาให้โดยทันที! “

เวลานี้ทุกคนมองไปยังเหมิงหล่างโดยทันที

เหมิงหล่างในเวลานี้หน้าซีดตัวสั่นเป็นอย่างมาก

เจียงเป่ยเฉินโบกมือกล่าว “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับนาย ไปเถอะ!”

นี่เป็นเรื่องระหว่างพวกเขาไม่ควรให้คนภายนอกมาแทรกแซง แต่ทว่าซูเทียนเฉิงได้มองไปที่เหมิงหล่างอีกครั้งหลักจากออกจากที่นี่เขาจะติดต่อหาหัวหน้าของเหมิงหล่างทันที

ในห้องส่วนตัว

“เฮ้ เป่ยเฉิน ฉันดื่มมากเกินไปแล้ว นายอย่าได้ถือสาฉันเลยนะ!”

เหมิงหลางกล่าว หยอกล้อก่อนหน้านี้เขาหยิ่งผยองเป็นอย่างมากแต่หลังจากที่ได้เห็นอำนาจของเจียงเป่ยเฉินแล้วเขาก็ไปกล้าที่จะทำเช่นนั้นอีกต่อไป

เจียงเป่ยเฉินเหลือบมองและกล่าว “คุกเข่าลงและขอโทษหลิวฮาว!”

“เป่ยเฉิน ให้คุกเข้าขอโทษมันมากเกินไปมั้ย?”

เหมิงหล่างกล่าวเสียงแข็ง เขามองไปที่หลิวฮาว หลิวฮาวเป็นเพียงแค่เศรษฐีใหม่ไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันกับเขาถ้าจะให้คุกเข่าเท่ากับการบอกให้เขาไปตาย

“พี่เจียง ไม่ ไม่ ไม่ ไม่ ยังไงพวกเราก็เป็นเพื่อนกัน…”

เจียงเป่ยเฉินหัวเราะ “เขาไม่ได้ปฏิบัติกับเราในฐานะเพื่อนด้วยซ้ำ! ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปฉันเจียงเป่ยเฉินไม่มีเพื่อเช่นนี้อีก!”

“เป่ยเฉิน ยังไงฉันก็เป็นเจ้าหน้าที่ นายจะให้ฉันคุกเข่าแบบนี้มันควรแล้วหรอ?”

เหมิงหล่างกล่าว

หากให้เขาขอโทษก็อาจจะพอทำได้แต่หากให้คุกเข่าด้วยมันไม่มีทางเป็นไปได้อย่างแน่นอน

กรี๊งง! โทรศัพท์ของเหมิงหล่างดังขึ้น

เป็นสายจากหัวหน้าของเขา

“เหมิงหลาาง แกถูกไล่ออกแล้ว จากวันนี้ไปแกไม่ต้แองมาทำงานแล้ว! “

จากนั้นสายก็ตัดไป

เหมิงหล่างทรุดตัวลงทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น บัดนี้ตัวตนและตำแหน่งที่ภาคภูมิใจเขาได้หายไปแล้ว เขาได้กลายไปเป็นเพียงคนธรรมดาแล้ว! ไม่ต้องคิดให้ปวดหัวก็สามารถทราบได้ว่าเรื่องทั้งหมดต้องเกี่ยวกับเจียงเป่ยเฉินเป็นแน่

เขาจึงคุกเข่าลงและกล่าว “พี่หลิว ฉันผิดไป โปรดยกโทษให้ฉันด้วย!”

จากนั้นเขาก็รีบเขาไปหาเจียงเป่ยเฉินและเกาะขาเขาไว้อย่างรวดเร็ว “เป่ยเฉิน ไม่ ไม่สิ พี่เจียง ฉันผิด ฉันรู้ว่าฉันมันผิด ฉันขอให้คุณช่วยบอกหัวหน้าให้ฉันหน่อย ฉันอยู่ไม่ได้แน่ถ้าไม่มีงานนี้!”

“ฉันขอร้อง”

เจียงเป่ยเฉินเย้ย “ขอร้องงั้นหรอ นายมันไม่คู่ควร! การที่คนแบบนายได้ตำแหน่งแบบนั้นไปมันเป็นอันตรายต่อประชาชนและประเทศ!”

เจียงเป่ยเฉินเตะเขาออกไป

“เอาล่ะวันนี้พอแค่นี้ ถ้านัดกันคราวหน้าอย่าได้พาคนแบบนี้มาอีกมันน่ารังเกียจ!”

เจียงเป่ยเฉินกล่าวกับทุกคนแล้วเดินออกไปอย่างรวดเร็ว

เหมิงหล่างนั่งอยู่บนพื้นอย่างเหม่อลอย บัดนี้เขาไม่เหลืออะไรอีกต่อไปแล้ว

…ตอนเย็นเจียงเป่ยเฉินได้ขับรถกลับไปที่บ้านตระกูลหวัง และเห็นมีรถจอดอยู่ด้วยหน้าของบ้านเขาไม่คิดว่าจะมีแขกมาที่บ้านในเวลานี้

“คุณป้า ผมไม่ได้เจอคุณมาหลายปีแล้วแต่ดูเหมือนคุณจะไม่ได้แก่ลงเลย หากไม่รู้จักกันผมคงคิดว่าคุณกับเสี่ยวหวู่เป็นพี่น้องกันสะอีก!”

บนโซฟา มีชายคนหนึ่งสวมสูทคุณภาพสูงกำลังกล่าวประจบเตวหยูหลาน

“จางชวน แหมม ไม่ได้เจอกันไม่กี่ปี ปากหวานขึ้นนะเรา!”

เตวหยูหลานมีความสุขอย่างมากกับคำชมของคนคนนั้นแม้เธอจะทราบว่านั้นเป็นคำประจบเธอก็ตาม เพราะเหตุที่ว่าเธอชอบเขาเป็นอย่างมาก เขาเป็นลูกชายของเพื่อนสนิทของเธอที่โตมากับลูกสาวของเธอ

เขาได้เดินทางไปเรียนที่ต่างประเทศและหลังจบการศึกษาที่นั้นจากนั้นได้เข้าทำงานกับบริษัทชั้นนำ

เธอตั้งใจที่จะให้จางชวนเป็นลูกเขยของเธอ แต่ใครจะไปคาดคิดว่าลูกสาวของเธอกลับต้องไปแต่งงานกับเจียงเป่ยเฉิน

แกร๊ก! ประตูถูกเปิดออก จางชวนคิดว่าหวังเสี่ยวหวู่นั้นกลับมาแล้วจึงรีบลุกหมายจะเข้าไปทักทาย เขากลับมาที่จันเพราะต้องการพบกับหวังเสี่ยวหวู่และเขาวางแผนที่จะสารภาพรักกับเธอ

แต่ภาพที่เห็นกลับเป็นชายแปลกหน้าเปิดเข้ามา

ทันใดนั้นเขาก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เขากล่าวด้วยใบหน้าที่เย็นชา

“คุณเป็นสามีของเสี่ยวหวู่หรอ”

ราชันมังกรแห่งสงคราม

ราชันมังกรแห่งสงคราม

Status: Ongoing

ห้าปีก่อน บริษัท ของพ่อของเขาถูกใครบางคนหักหลังทำให้เขาสูญเสียเงินไปมหาศาล

เจียงเป่ยเฉินได้รับความอัปยศอดสูต่อหน้าญาติพี่น้องเพื่อหาเงินมารักษาอาการป่วยของพ่อและยังถูกคู่หมั้นทอดทิ้งอย่างไร้ความปรานี

ห้าปีต่อมาเขากลับมาอย่างแข็งแกร่ง หมายมั่นที่จะกวาดล้างทุกคนที่เคยทำกับครอบครัวเขาไว้ และยืนอยู่บนจุดสูงสุดของโลก

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท