The King of the Battlefield – ตอนที่ 215

ตอนที่ 215

บทที่ 215: ราชาปีศาจเหล็กเอนโรธ (4)
ไฟทาร์รวมตัวกันรอบๆการทดสอบ
สำหรับทุกยุคสมัย การทดสอบผ่านคริสตัลทรงกลมขนาดใหญ่เป็น ‘ประเพณี’ ที่ยึดมั่นกันตลอดมา และผลลัพธ์จากมันก็กลายเป็นสิ่งที่ทุกคนให้ความเคารพนับถือ
อย่างไรก็ตามมีเพียงคนเดียวที่สามารถก้าวข้ามคลื่นลูกที่ 57 ได้ นั่นก็คือหัวหน้าใหญ่ของเผ่า แต่อนิจจาเขาเสียชีวิตไปแล้ว
ตามประเพณีผู้ที่เป็นรองหัวหน้าควรจะเข้ามาแทนที่ในฐานะผู้นำ แต่เขายังเยาว์วัยเกินไปและไม่แข็งแกร่งมากพอ ดังนั้นในตอนนี้ ‘ยาตาร์’ จึงต้องรับบทบาทหัวหน้าใหญ่แทนไปก่อน
“ อืม คงเป็นไปไม่ได้ที่โดเกบิจะก้าวข้ามคลื่นที่ 57 ได้”
“ แต่ก่อนหน้านี้ดยุคก็ยังพ่ายแพ้ให้กับเขา”
“ นั่นเป็นเพราะหัวหน้าใหญ่ของเราทำให้ดยุคอ่อนแอลง ไม่อย่างนั้นเขาคงทำไม่สำเร็จหรอก”
เกิดเป็นความคิดเห็นที่แตกต่าง
พวกเขามีจิตวิญญาณที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเป็นนักรบและเคารพผู้ที่แข็งแกร่ง อย่างไรก็ตามความแข็งแกร่งของมูยองยังไม่ได้รับการประเมินอย่างชัดเจนเหมาะสม
สองชั่วโมงเพิ่งผ่านไปและโดยปกติแล้วการทดสอบจะต้องใช้เวลาหลายวัน ยาตาร์ถือหอกของเขาขณะเงยหน้าขึ้นมองไปยังท้องฟ้า
พระอาทิตย์กำลังค่อยๆตกดิน
จากนั้น…เมื่อราตรีย่างกลายเข้ามาเหล่าปีศาจก็เริ่มเคลื่อนไหวอย่างกระตือรือร้น
“ กลับไปประจำตำแหน่ง”
“ เราจะไม่ไปช่วยเหลือรองหัวหน้าเผ่าหรือ?”
หนึ่งในไฟทาร์อาวุโสถาม
ที่จริงแล้วรองหัวหน้าเผ่าคือผู้ที่ใกล้เคียงกับตำแหน่งผู้สืบทอดมากที่สุดและยาตาร์เป็นเพียงผู้นำชั่วคราว ผู้ที่ไฟทาร์ติดตามอย่างแท้จริงคือโอการ์เท่านั้น
ยาตาร์ก็รู้ความจริงนี้ด้วย
อย่างไรก็ตามมันไม่สามารถทำตามความต้องการของทุกคนได้
ยาตาร์ลองส่งนักรบกลุ่มหนึ่งไปช่วยโอการ์แล้ว แต่ก็ไม่มีใครได้กลับมาอีกเลย
ทุกคนกำลังตกอยู่ในความสับสน และเขาจำเป็นต้องตัดสินใจ เขาไม่สามารถเสียสละนักรบอีกต่อไปได้เพราะต้องรักษาเผ่าพันธุ์ของตัวเองเอาไว้
“ หยุดคิดถึงเขาเถอะ ข้าไม่อาจส่งนักรบออกไปได้อีกแล้ว”
“นั่นมัน…!”
“ หากสถานการณ์ยังเป็นเช่นนี้เราเองก็จะไม่รอดเช่นกัน ต้นโพธิ์จะถูกโค่นและเผ่าพันธุ์ของเราจะถูกทำลาย”
เมื่อใดก็ตามที่ปีศาจเข้ายึดครองอาณาเขตสิ่งดังกล่าวจะเกิดขึ้น เพราะนั่นเป็นนิสัยของพวกมันที่จะทำลายสิ่งสำคัญที่สุดเสมอ
“ แต่วางใจเถอะข้าจะแก้แค้นให้กับรองหัวหน้าเอง ข้าจะสังหารชาร์ซาซ่าด้วยมือทั้งสองข้างนี้”
ยาตาร์กำหมัดแน่น
สงครามที่กินเวลายาวนานกว่าหนึ่งปี ในช่วงเวลานั้นชาร์ซาซ่าทำเหมือนพวกเขาเป็นของเล่น มันจับตัวไฟทาร์ไปและสร้างความอับอายให้ก่อนที่จะลงมือสังหารอย่างเหี้ยมโหด
จำนวนไฟทาร์ลดลงมากกว่าครึ่ง หากยังดำเนินต่อไปเช่นนี้พวกเขาจะไม่สามารถหลีกเลี่ยงการถูกฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ได้ ดังนั้นยาตาร์ต้องตัดสินใจครั้งใหญ่
ถ้าโอการ์รอดชีวิตมาได้ก็นับว่าโชคดี แต่ชาร์ซาซ่าไม่ใช่คนประเภทที่จะปล่อยให้ตัวประกันของมันมีชีวิตอยู่ได้นานนัก
“ พวกมันจะเข้ามาโจมตีในอีกสองวัน! เราต้องเตรียมพร้อมสำหรับสงครามที่จะเกิด เพื่อสังหารชาร์ซาซ่า การต่อสู้ของเหล่านักรบที่ยิ่งใหญ่จะเริ่มขึ้น!”
ตึง! ตึง! ตึง!
ยาตาร์กระทืบเท้าลงพื้นในขณะที่ไฟทาร์อื่นๆก็กระทืบเท้าตาม
สถานการณ์ของรองหัวหน้าเผ่านับว่าเลวร้าย แต่สิ่งที่ยาตาร์พูดนั้นเป็นเรื่องจริง หากพวกเขาต้องเสียสละมากกว่านี้โอกาสในชัยชนะของพวกเขาจะใกล้เคียงกับศูนย์
เพื่อก้าวย่างที่จะได้รับชัยชนะ…เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเดิมพันทุกอย่างในการต่อสู้ที่จะเกิดขึ้นในอีกสองวัน
* * *
ฮย๊าาาาาาาา!
ฉัวะ! ฉึก!
ช่วงเวลาเช้ามืด เหล่าปีศาจเร้นกายลอบปีนข้ามรั้วและกำแพงบุกเข้าไปในหมู่บ้านของไฟทาร์
การจู่โจมอย่างกะทันหัน!
มันเป็นเช้าก่อนที่จะครบสองวัน ปีศาจกว่าพันตนได้บุกโจมตีเหล่าไฟทาร์โดยที่พวกเขาไม่ทันตั้งตัว
“เหล่านักรบทั้งหลาย! คว้าอาวุธของพวกเจ้า! สังหารปีศาจชั่วให้หมด!”
ยาตาร์ตะโกนขึ้นขณะที่หักคอปีศาจตัวหนึ่งที่บุกรุกเข้ามาในบ้าน อย่างไรก็ตามเขาไม่เข้าใจ พวกปีศาจไม่เคยบุกแบบนี้มาก่อน
สิ่งเหล่านี้เป็นกลยุทธ์ที่แตกต่างจากที่ผ่านมาเป็นอย่างมาก
มันเป็นเพราะชาร์ซาซ่านั้นหยิ่งผยอง
มันมักสู้ซึ่งๆหน้าและได้รับชนะอย่างต่อเนื่องราวกับว่าไม่จำเป็นต้องลอบจู่โจมศัตรูที่อ่อนแอกว่า
แต่ทำไม ?
‘ข้อมูลรั่วไหลหรือไม่’
นั่นเป็นความคิดเดียวที่สมเหตุสมผล
ชาร์ซาซ่าคงจะไม่สบายใจกับสงครามที่เริ่มตึงมือ และด้วยข้อมูลที่รั่วไหลออกมา พวกมันจึงรู้ว่านี่เป็นเวลาที่จะบุกเข้าโจมตีไฟทาร์
ยาตาร์รีบออกจากที่พักของตัวเองอย่างรวดเร็ว
ทุกสิ่งในบริเวณใกล้เคียงกำลังถูกเผาไหม้ ซากศพของไฟทาร์กระจายไปทั่ว กลิ่นของร่างที่ถูกเผาเหม็นโชยคละคลุ้ง
“ เจ้าพวกปีศาจ! แน่จริงก็มาสู้กับข้ายาตาร์ผู้นี้!”
เขาควงหอกเล่มใหญ่ไปมาอย่างเกรี้ยวกราด จากนั้นปีศาจก็กรูไปหายาตาร์ราวกับพบเหยื่อ
ฟุบ ฟุบ
ปีศาจตัวเดียวนับว่าอ่อนแอ แต่หากเป็นปีศาจหลายตัวก็ถือเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
การรวมตัวกันของปีศาจสร้างเสียงสั่นสะเทือนไปทั่ว และทุกครั้งที่พวกมันพร้อมใจกันกางปีก สายลมรุนแรงจะพัดเปลวเพลิงบนร่างของยาตาร์ให้อ่อนแอลง
“ กลยุทธ์อ่อนหัด!”
ยาตาร์หมุนควงหอกของเขาเร็วขึ้น จากนั้นอากาศรอบด้านก็กลับสู่ปกติอีกครั้ง
ไม่ต่างจากสัตว์ร้ายที่กำลังบ้าคลั่ง ยาตาร์พุ่งเข้าหาปีศาจตัวแล้วตัวเล่าและฉีกพวกมันออกเป็นชิ้นๆ ไฟทาร์ที่รอดจากการลอบจู่โจมเริ่มหยิบอาวุธขึ้นสู้และปรับตัวเข้ากับสถานการณ์
อย่างไรก็ตามปีศาจยังไหลหลั่งเข้ามาเรื่อยๆเหมือนฝูงปลาในน้ำ เมื่อเทียบกันแล้ว ดูเหมือนจะมีปีศาจมากกว่าไฟทาร์อย่างน้อยถึง 10 เท่า
หากไฟทาร์จากทุกเผ่ารวมตัวกันทันการลอบจู่โจมเช่นนี้คงไม่ได้ผล ทว่าพวกเขายังอยู่ในระหว่างเตรียมการรวบรวมกองกำลังจากพื้นที่อื่น
‘ข้าไม่คิดว่าพวกมันจะบุกก่อนที่เราจะรวมตัวกัน’
‘ข้อมูลรั่วไหลจากไหนกันนะ?’
“เจ้าตัวงี่เง่าทั้งหลาย พวกแกไม่คิดบ้างเหรอว่าข้าจะจับตาดูหมู่บ้านนี้อยู่?”
เปรี้ยง!
ใช้เวลาเพียงเสี้ยววิ บอลสายฟ้าก็ถูกส่งเข้าไปที่กลางหลังของยาตาร์
“อ๊าก!”
ขณะที่ร้องด้วยความเจ็บปวดยาตาร์ก็หันไปยังทิศทางของศัตรู
มันเป็นปีศาจเปลือยกายล่อนจ้อน ผิวสีเหลือง ดูแตกต่างจากปีศาจตนอื่นๆ
และปีศาจที่สามารถควบคุมสายฟ้านามว่าชาร์ซาซ่าก็ได้ปรากฏตัวขึ้นต่อสายตาของเขา
“ เจ้านี่มันยุ่งไม่เข้าเรื่องจริงๆ พยายามขัดขวางความสุขของข้างั้นเหรอ? ฮึ? พวกเจ้าไม่มีวันเข้าใจศิลปะของข้าหรอก!”
ชาร์ซาซ่าทึ้งผมตัวเอง จากนั้นก็พูดขณะที่มองไปยังยาตาร์ ผู้ซึ่งดูเหมือนว่าเกือบจะหมดสติอยู่รอมมะร่อ
“ ไฟทาร์มีเลือดของนักรบไหลเวียนอยู่แล้วยังไง เมื่ออยู่ต่อหน้าความตายทุกเผ่าพันธุ์ล้วนไม่แตกต่างกัน ”
ชาร์ซาซ่าดูผ่อนคลายมาก
“ รองหัวหน้า…เกิดอะไรขึ้นกับรองหัวหน้าของเรา”
ยาตาร์พยายามยืนหยัดขึ้น แม้ว่าเลือดของเขาจะไหลออกมาจากบาดแผล แต่มันก็ถูกความร้อนกัดกร่อนและหายเป็นปกติอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตามอวัยวะภายในร่างของเขากลับถูกทำลายอย่างทั่วถึง
ซาซ่ายิ้มสดใส
“ เจ้านั่นยังมีชีวิตอยู่ด้วยสติที่ยึดมั่นกับอะไรบางอย่าง ข้าไม่คิดเลยว่ามันจะทนได้ขนาดนี้ แต่ในอีกหนึ่งหรือสองชั่วโมงนี้ก็ไม่แน่นัก เพราะอะไรก็เกิดขึ้นได้”
“ ถ้างั้น…ข้าจะสังหารเจ้าก่อน”
“เจ้างั้นรึ? ที่จะสังหารข้า?”
ชาร์ซาซ่าทำหน้าเย้ยหยัน
จากนั้นวงแหวนสายฟ้าก็ถูกสร้างขึ้นรอบตัวมัน
“ เจ้าคิดว่าตัวเองสามารถฝ่า ‘สายฟ้า’ ของข้าเข้ามาได้?”
แซ่ดดด !!!
กระแสไฟเริ่มแข็งแกร่งขึ้น
เกี่ยวกับกำแพงสายฟ้าที่ซาซ่าสร้างขึ้น มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถทะลุผ่านได้ แน่นอนว่ามันเป็นไปไม่ได้สำหรับไฟทาร์
ถึงแม้ว่าไฟทาร์จะเป็นผู้ล่าในบรรดามอนสเตอร์ แต่ในสายตาของราชาปีศาจพวกเขาก็ไม่ต่างไปจากเผ่าพันธุ์อื่นๆ เป็นเพียงสิ่งมีชีวิตที่อาจตายได้หากเผลอไปเหยียบเข้า
“ ไหนให้ข้าชมความสามารถของเจ้าหน่อย รับรองว่าแม้แต่นิ้วข้าก็จะไม่ขยับหนีไปไหน”
นี่ก็เป็นหนึ่งในเกมของเขา ชาร์ซาซ่าชอบเล่นเกมเช่นนี้
และยาตาร์ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเล่นตาม
ชาร์ซาซ่าพูดต่อ
“ ถ้าเจ้ายังไม่รีบล่ะก็ ไฟทาร์ทั้งหมดที่นี่จะต้องตาย”
กระทั่งขณะที่มันพูดร่างของเหล่าไฟทาร์ก็ยังถูกดับสังหารไปทีละร่าง เป็นเวลาเกือบหนึ่งปีแล้วตั้งแต่ชาร์ซาซ่าแสดงให้ทุกคนเห็นว่าตัวมันแข็งแกร่งไร้ทางต่อต้านเพียงใด
หากมีความเป็นไปได้ใดที่ยาตาร์จะประสบความสำเร็จก็คงเป็นเพราะความประมาทของซาซ่า
ยาตาร์ก็รู้เรื่องนี้เช่นกัน
เขาถือหอกและสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนที่จะวิ่งไปที่ชาร์ซาซ่า
เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ!!!
ทั่วทั้งร่างของยาตาร์ปริแตก ถึงแม้ว่าตามธรรมชาติไฟทาร์จะควบคุมเปลวไฟได้ด้วยรากของต้นโพธิ์ที่แขวนไว้รอบเอว
อย่างไรก็ตามมันไม่เกี่ยวกับสายฟ้าของซาซ่า กระแสไฟไหลทั่วร่างกายของยาตาร์ เจาะผ่านกระดูกสันหลังและสมองของเขา ยาตาร์กัดฟันแน่นเมื่อจิตใจเริ่มว่างเปล่าและสูญเสียการมองเห็น
“ อย่างน้อยต้องกำจัดเจ้าให้ได้…ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น!”
หลังจากหัวหน้าใหญ่ของเผ่าเสียชีวิต แม้ว่าเขาจะได้รับตำแหน่งนี้เพียงชั่วคราว แต่ยาตาร์ก็มีความรับผิดชอบมากพอ
หากสามารถยุติสงครามนี้ได้แม้ต้องตายเขาก็ยินยอม เพื่อการทำเช่นนี้เขาต้องสังหารชาร์ซาซ่าให้ได้ นั่นเป็นวิธีเดียวที่เขาสามารถรักษาหน้าที่ของตน
ยาตาร์เดินไปข้างหน้าอย่างช้าๆ
เขาผ่านกระแสไฟฟ้ารุนแรง และค่อยๆย่างก้าวไปข้างหน้าโดยมีเป้าหมายอยู่ที่หัวใจของชาร์ซาซ่า
เมื่อห่างกันเพียงสี่ก้าวชาร์ซาซ่าก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกกังวลเช่นกัน
ซาซ่าไม่เคยคาดคิดว่าไฟทาร์จะผ่านกำแพงดังกล่าวมาได้ อย่างไรก็ตามผลที่ออกมาทำลายความเชื่อเหล่านั้น
ตึง! ตึง!
เขายิ่งเข้าไปใกล้มากขึ้นทีละก้าวๆ
ตอนนี้ทั้งคู่อยู่ในระยะทางที่ลมหายใจของพวกเขาสามารถส่งถึงกันและกันได้
ร่างของชาร์ซาซ่าสั่นเบาๆ และนิ้วของเขาก็ขยับโดยไม่มีใครสังเกตเห็น
แซ่ดดดดดด!
กระแสไฟฟ้ากลายเป็นแข็งแกร่งมากขึ้น มันรุนแรงเป็นสองเท่าในขณะที่พุ่งผ่านไปทั่วร่างกายของยาตาร์ จากนั้นร่างกายทั้งหมดของยาตาร์ก็เริ่มหลอมละลาย
หากมาถึงจุดนี้สิ่งมีชีวิตจะไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อีกต่อไป หรือโดยปกติจะเป็นแบบนั้น
อย่างไรก็ตาม
เปรี๊ยะ!!!
ตึง!
ใบหน้าของยาตาร์เริ่มพังทลาย หอกของเขาโดนเผาจนกลายเป็นฝุ่น แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังยื่นมือออกมา
ตึบ!
เขาใช้มือแตะไปที่หน้าอกของชาร์ซาซ่า
นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด
“ ถึงแม้ว่าความห้าวหาญของเจ้าจะน่าชื่นชม แต่ถึงเวลาแล้วที่เจ้าจะต้องตาย”
ชาร์ซาซ่ายิ้มแต่ก็เต็มไปด้วยความรู้สึกเสียหน้า ชาร์ซาซ่าไม่คิดว่ายาตาร์จะสามารถทำลายความภาคภูมิใจของมันลงได้เช่นนี้
และในตอนนั้นเอง…
“ แกมันน่ารังเกียจจริงๆ”
เสียงดังมาจากด้านข้างจนชาร์ซาซ่าต้องเอียงศีรษะแปลกใจอยู่ครู่หนึ่ง
ชาร์ซาซ่าหันศีรษะของมัน
จากนั้นมันก็เห็นชายคนหนึ่งยืนอยู่ในวงล้อมของกระแสไฟฟ้าราวกับว่าไม่ได้รับผลกระทบอะไรเลย
ซาซ่าไม่คิดว่าจะมีผู้ใดเข้ามาใกล้ตัวเองได้โดยที่มันไม่รู้ตัวเช่นนี้
ยิ่งไปกว่านั้นชาร์ซาซ่าไม่ได้สังเกตเห็นชายคนนั้นจนกว่าเขาจะพูดขึ้น!
ทว่าชายคนนั้นไม่ได้มองมายังชาร์ซาซ่า
เขามองไปที่ยาตาร์ซึ่งกำลังจะดับสลายด้วยการถูกเผาไหม้
“ ตามที่สัญญาไว้ฉันจะรับผิดชอบเรื่องไฟทาร์เอง นายมีข้อขัดข้องอะไรอีกไหม?”
ยาตาร์มองไปที่ชายคนนั้น
เขามองไหล่ของชายคนนั้นและยิ้มอย่างมีความหวัง จากนั้นเขาก็ค่อยๆหลับตาในขณะที่ทรุดตัวลงกับพื้น
“เจ้าคือใคร?”
ชาร์ซาซ่าถามด้วยความรู้สึกระแวดระวังเล็กน้อย
ชายคนนั้นมองไปรอบๆราวกับไม่คิดว่าตัวเองจะอยู่ในเขตสงครามตอนปรากฎตัวออกมา
ยังไงก็ตามเขาไม่ได้แสดงความเกลียดชังใดๆต่อสงครามที่เกิดขึ้น มันเหมือนกับเขาจะเคยชินกับเหตุการณ์เช่นนี้อยู่แล้ว
“ ฉันคือผู้นำคนใหม่ของที่นี่”
สวูม!
ชายคนนั้นหยิบดาบออกมา
“ ส่วนเรื่องอื่นนายไม่จำเป็นต้องรู้”
เขาควงอาวุธของเขา
อาวุธสีดำที่กำลังปลดปล่อยความรู้สึกอันชั่วร้าย
ความชั่วร้ายที่ดูเหนือยิ่งกว่าความมืดมิดของราชาปีศาจ ชาร์ซาซ่าตระหนักถึงเรื่องนี้ได้โดยสัญชาตญาณ
ชายผู้นั้นกางปีกสีเทาทั้งหกของเขา ในเวลาเดียวกันสายฟ้าทั้งหมดก็แตกกระเจิงหายไป
กำแพงสายฟ้าหายไปในขณะที่เขากางปีก!
ชาร์ซาซ่ามองมูองราวกับไม่เชื่อสายตาตัวเอง อย่างไรก็ตามชายคนนั้นทำตัวราวกับว่าไม่มีอะไรพิเศษ
เช่นเดียวกับที่ซาซ่าทำก่อนหน้า ชายคนนั้นยิ้มก่อนจะพูดต่อไป
“ เพราะนายกำลังจะตายด้วยมือของฉัน”
วูม!
ทันใดนั้นลมกระโชกแรงก็พัดผ่านและเสื้อผ้าของมูยองก็กระเพื่อม
จากนั้นตัวเลขบนไหล่ของเขาก็ปรากฏอย่างชัดเจน
127!
……………………………

The King of the Battlefield

The King of the Battlefield

ในตอนที่มนุษยชาติอยู่ในสภาวะที่ใกล้ล่มสลาย มูยองมือสังหารอันดับหนึ่งของ ‘ป่าแห่งความตาย’

กำลังนั่งคุกเขารอรับความตายเนื่องจากเนื้อตัวเต็มไปด้วยบาดแผลที่ยากแก่การรักษา เขากวาดสายตามองไปรอบๆตัวซึ่งตอนนี้เต็มไปด้วยซากศพมากมาย เขาเคยทำงานอย่างหนักเพื่อคนพวกนี้

และในวันนี้เขาก็เป็นคนจบทุกอย่างด้วยมือของตนเอง แต่เมื่อมูยองลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เขาก็พบว่าปาฏิหาริย์นั้นมีจริง ตัวเขายังไม่ตาย! นอกจากนี้มูยองยังพบว่าตัวเองได้ย้อนเวลากลับมายัง 40 ปีที่แล้ว

เขาเลือกที่จะเดินสู่หนทางใหม่ และต่อสู้กับเหล่าเทพปีศาจทั้ง 72 ตน….

Show more

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท