บทที่ 211: สกายลอร์ด (ตอนจบ)
มันแสดงให้เห็นว่าอาซูลเกลียดการถูกเชื่อมโยงเข้ากับดันดาเลี่ยนมากแค่ไหน
ดูเหมือนสิ่งที่อาซูลแสดงออกจะเป็นความเกลียดชัง
เนื่องจากมูยองไม่เคยพบกับดันดาเลี่ยนเขาจึงจับสัมผัสเหมือนเมอร์ดูดันไม่ได้
“ ความสัมพันธ์ของนายกับดันดาเลี่ยนเป็นยังไง?”
เรื่องของดันดาเลี่ยนเป็นข้อมูลสำคัญ ดังนั้นมูยองจึงอดไม่ได้ที่จะถามแม้ตั้งใจว่าจะไม่ยุ่งเรื่องอื่นนอกจากการแลกเปลี่ยนไปแล้วก็ตาม
หากอาซูลเกี่ยวข้องกับดันดาเลี่ยน เขาอาจจำเป็นต้องพิจารณาการค้าของตัวเองใหม่
อาซูลถอนหายใจออกมา
“ ถึงซ่อนมันต่อไปก็คงไม่มีความหมายอีกแล้วสินะ ถูกต้องข้าเป็นบริวาลของเขา”
กล่าวอีกนัยหนึ่งเขาเป็นราชาปีศาจที่รับใช้ดันดาเลี่ยนอยู่
มูยองยกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
เขาคิดว่าดันดาเลี่ยนทำงานตามลำพังซะอีก แต่มันกลับมีราชาปีศาจที่ติดตามอยู่ด้วย?
“ อย่ามองข้าฉันด้วยสายตาแบบนั้น ข้าเหนื่อยและเบื่อกับคำโกหกของดันดาเลี่ยนจึงจากเขามานานแล้ว”
“ ราชาปีศาจถอนตัวจากเทพปีศาจได้ด้วยเหรอ?”
“ ราชาปีศาจต่างก็ถูกถูกดึงดูดโดยพลังของเหล่าเทพปีศาจ มันเป็นเรื่องธรรมดาที่จะจากไปหากปราศจากพลังอำนาจที่พวกเขาเคยหลงใหลมาก่อน เจ้าเข้าใจใช่มั้ย”
อาซูลคิดว่ามูยองเป็นราชาปีศาจเหมือนกัน และนั่นก็ไม่ผิดไปซะทีเดียว
มูยองกำลังเดินไปตามทางเส้นทางที่ใกล้เคียงกับการเป็นราชาปีศาจ และแนวโน้มของเขาก็เกือบจะเป็นราชาปีศาจอยู่แล้ว
‘ราชาปีศาจและความสัมพันธ์ของเทพปีศาจ’
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาคิดเกี่ยวกับมุมมองของพวกปีศาจ ราชาปีศาจอาจใกล้เคียงกับการเป็นทหารรับจ้างหรือพวกรับจ้างอิสระก็เป็นได้
ถ้างั้นราชาปีศาจได้รับอะไรจากเทพปีศาจที่มันทำงานรับใช้?
มันเป็นหัวข้อที่ควรค่าแก่การพิจารณา อย่างไรก็ตามมีบางอย่างเร่งด่วนกว่านั้น
“ ดันดาเลี่ยนอยู่ที่ไหน”
เทพปีศาจตนแรกที่เขาต้องการสังหารคือดันดาเลี่ยน มูยองหันหน้าไปถามอาซูลตรงๆ
“ ข้าเองก็ไม่รู้ ไม่มีใครในโลกสามารถทำนายตำแหน่งของเขาได้”
เขาพูดเหมือนกับดันดาเลี่ยนเป็นสายลมที่จับต้องไม่ได้
มูยองไม่ได้ถามอะไรเพิ่มเติมอีก
มูยองจะสามารถเชื่อใจอาซูลผู้ซึ่งเคยเป็นบริวารของดันดาเลี่ยนในอดีต สำหรับการผ่านสกายลอร์ดหรือไม่ หรือมูยองต้องการหาวิธีใหม่?
“ ถามเช่นนี้หมายความว่ายังไง ถ้าเจ้าไม่เชื่อใจข้าข้าก็ไม่รังเกียจถ้าเจ้าต้องการกลับไป แต่ขอบอกก่อนว่าข้าไม่คืนของให้เจ้าเด็ดขาด”
“ฉันตกลงจะไปกับนาย”
มูยองตัดสินใจแล้ว
เพราะไม่งั้นเขาต้องเสียสละกำลังพลจำนวนมหาศาลเพื่อผ่านมันไป
งูตัวนี้เป็นสิ่งมีชีวิตแบบนั้น มันไม่มีอัตตาและความรู้สึก มันแค่กลืนกินทุกสิ่งไม่เลือกหน้าและกินจุเสียด้วย
คงมีคำสั่งเดียวเท่านั้นที่ถูกมอบให้กับสกายลอร์ด ‘จงกินทุกอย่างที่เห็น’ นั่นทำให้มันสามารถหยุดยั้งได้แม้แต่กองทัพของเดียโบล
“ ถ้าเช่นนั้นก็มารอข้าที่นี่ตอนพลบค่ำ ในคืนนี้ ‘จุดอ่อน’ ของมันจะเผยออกมา ”
อาซูลไขว้แขนกอดอก
มูยองมองดูสกายลอร์ดจากระยะไกล
‘รู้สึกเหมือนได้เห็นจุดสุดยอดของสิ่งมีชีวิตเทียม’
มูยองไม่รู้ว่าใครเป็นคนสร้างมัน แต่พลังที่เขารู้สึกจากมันอยู่ในอีกระดับหนึ่ง หากเขาสามารถผ่ามันออกมาวิเคราะห์น่าจะรู้อะไรมากกว่านี้ มันน่าจะสามารถช่วยให้เขาแข็งแกร่งขึ้น
“ กระผมตรวจเจอผู้หญิงสองคนกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้ โปรดสั่งว่าผมควรจัดการยังไง?”
เบซองมินที่สวมเสื้อคลุมสีดำสนิทพูดขึ้น
หลังจากที่เป็นเอลเดอร์ลิชการรับรู้ของซองมินก็เพิ่มขึ้นไปด้วย มูยองสัมผัสได้เลือนลางมากในขณะที่ซองมินดูจะสังเกตเห็นชัดกว่า
หลังจากได้ยินว่ามันเป็นผู้หญิงสองคนเขาก็พอคิดออกว่าพวกเธอเป็นใคร
“ จับพวกเธอแบบมีชีวิตแล้วพามาให้ฉัน”
“รับทราบ”
วูม
ร่างของซองมินหายไปอย่างไร้ร่องรอย
มูยองมองไปยังทิศทางดังกล่าวด้วยความอยากรู้
‘การต่อสู้ระหว่างเอลเดอร์ลิชกับไฮเอลฟ์… ‘
เขาสนใจผลลัพธ์เล็กน้อย
***
จินเป็นไฮเอลฟ์ที่มีอันดับสูงที่สุด
เธอมีพลังศักดิ์สิทธิ์อันเปี่ยมล้น และมีระดับที่สูงกว่าเมื่อเทียบกับมังกรส่วนใหญ่ ในความแตกต่างนั้นเพียงพอที่จะทำให้เธอเปรียบได้กับมังกรโบราณตัวหนึ่ง
นอกจากนั้นเธอยังเป็นสาวกในเส้นทางแห่งดวงจันทร์ที่มีทักษะอำพรางตัวอย่างดีเยี่ยม
“ มอนสเตอร์พวกนั้นคืออะไร? ”
“ปา?”
จินกับสโนว์มองไปที่ขบวนของเหล่าภูติผีวิญญาณ
เดิมทีจินเป็นสมาชิกของชนเผ่าที่อาศัยอยู่ในบ้านเกิดของมันกรแห่งแสงเชนดาลตัน และเนื่องจากอิทธิพลของเชนดาลตันเธอจึงได้รับพลังแห่งแสงมาด้วย
แม้ว่าเธอจะติดตามมูยองเพื่อการฟื้นฟูและสร้างความปลอดภัยให้กับชนเผ่า แต่การที่มูยองหายตัวไปเป็นเวลาเกือบหนึ่งเดือนแล้วกลับมาพร้อมมอนสเตอร์พวกนี้ทำให้เธอเกิดความไม่ไว้วางใจ
‘เขานำมอนสเตอร์เหล่านี้ไปยังดินแดนของเทพปีศาจเพื่อสิ่งใดกันแน่?’
…การกระทำของมูยองนั้นเพียงพอที่จะสร้างความสงสัยให้กับเธอ นั่นเป็นสาเหตุที่เธอไม่สามารถติดตามเขาได้อย่างง่ายดาย นี่คือเหตุผลที่เธอซ่อนตัว
“ปาาา…”
สโนว์เอื้อมมือและทำท่าเหมือนจะวิ่งออกไปหามูยองจนจินต้องหยุดเธอ
“ อย่าทำเช่นนั้น ตัวตนที่บริสุทธิ์อย่างเจ้าจะได้รับอิทธิพลความชั่วร้ายเอาได้หากไม่ระวัง เจ้าต้องอยู่กับข้าก่อนที่เราจะรู้เจตนาของเขา”
จินมองพลังที่ซ่อนอยู่ของสโนว์ออก เธอจะกลายเป็นตัวตนแบบไหนขึ้นอยู่กับการเติบโตและเรียนรู้
แน่นอนว่าถ้าหากมูยองเป็น ‘ความชั่วร้าย’ สโนว์จะได้รับอิทธิพลจากเขาและเดินไปสู่เส้นทางแห่งการทำลายล้างโลก
เธอปล่อยให้มันเกิดขึ้นไม่ได้ หากโลกถูกทำลาย การฟื้นฟูเผ่าของเธอก็จะไร้ประโยชน์ทันที อย่างไรก็ตามนั่นไม่ได้หมายความว่าเธอต้องการทอดทิ้งเขา
เธอแค่ต้องการทราบความตั้งใจที่แท้จริงของเขา ดังนั้นในขณะที่ซ่อนตัวเธอก็แอบติดตามเขาไปโดยการใช้พลังของไฮเอลฟ์ ‘เงาแห่งจันทรา’
วูม!
พลังความมืดก่อตัวเป็นทรงกลมและหมุนวนขึ้นด้านบนจนเธอต้องเงยหน้าขึ้นมอง
และจากนั้นลิชที่โผล่ออกมาอย่างกะทันหันแล้วเข้าร่วมกับกองกำลังของมูยองก็ปรากฏตัวออกมาจากพลังงานดังกล่าว นี่เป็นครั้งแรกที่จินกับสโนว์ได้เจอกับเบซองมินผู้เป็นเอลเดอร์ลิช
คว้าง!
คฑาในมือของลิชตนนั้นส่งเสียงดังขึ้น
‘เราถูกจับได้แล้ว’
จินที่มีปฏิกิริยารวดเร็วสร้างบาเรียปกป้องสโนว์เอาไว้ก่อนจะตวัดมีดสั้นขึ้น ในช่วงเวลากระพริบตา มีดสั้นก็ส่องแสงเปล่งประกายราวกับเต็มไปด้วยวิญญาณแห่งดวงจันทร์
เคล้ง!
เสียงของอาวุธกระทบกันดังกังวานราวกับกระดิ่งแห่งความตาย
พรึ่บ!
หลังจากนั้นจู่ๆเปลวไฟสีดำก็ลอยขึ้นกลางอากาศ
หนึ่งดวง สองดวง สามดวง…
ตามพื้นดินถูกปกคลุมไปด้วยหลุมดำมืดมิด และจำนวนเปลวไฟดังกล่าวก็เพิ่มจำนวนขึ้นแบบทวีคูณ
แกว๊ก!
พอจินแตะไปที่ใบหูของตัวเอง รูปร่างของเธอก็เปลี่ยนเป็นนกอินทรีสีขาวขนาดใหญ่ เมื่อใดก็ตามที่เธอกระพือปีกสายลมรุนแรงจะถูกส่งออกไปต่อสู้กับเปลวไฟ
จากนั้นลิซก็ปักคฑาลงที่พื้นเสียงดังสนั่น
พื้นที่หลายเมตรรอบๆถูกปกคลุมไปด้วยความมืดทันที และภายในนั้นมือสีดำก็โผล่พรวดออกมาพยายามคว้าจับไฮเอลฟ์
คว้าง!
จินไม่สามารถหลีกเลี่ยงมือสีดำจำนวนเป็นหมื่นได้จึงอ้าปากกว้างปล่อยระเบิดอนุภาคแสงจำนวนมากออกมา
มือสีดำจำนวนมากที่เข้ามาใกล้เธอหายไป แต่ยังไงก็ตามเธอไม่สามารถกำจัดมันออกไปได้ทั้งหมด เท้าของจินถูกจับข้างหนึ่งกำลังถูกมือสีดำลากลงพื้นอย่างช้าๆ
‘หืม?’
ลิชจับคฑาของตัวเองและหมุนมันในอากาศ จากนั้นสิ่งที่ดูเหมือนประตูก็ถูกเปิด
ด้วยเสียง ‘ตึง’ ประตูสีดำขนาดใหญ่ถูกสร้างขึ้นในอากาศ และหลังจากที่ประตูถูกเปิดออก ค้างคาวสีดำก็ถูกปลดปล่อย
กี๊ซ! กี๊ซ!
จำนวนของมันมีมากจนไม่อาจนับได้
ไม่ว่าเธอจะกำจัดไปมากแค่ไหนทั้งหมดก็ดูไม่ลดลงและยังพุ่งเข้ามาที่เธอ
พวกมันกัดปีกและกระชากขนของเธอจนหลุดลุ่ย
อย่างไรก็ตามด้วยระดับของไฮเอลฟ์อย่างเธอ ไม่มีทางที่จะพ่ายแพ้ให้กับมอนสเตอร์อย่างค้างคาวทมิฬ
ตึง!
ซองมินเปิดประตูอีกบาน
‘น่าตกใจจริงๆนานมาแล้วที่ฉันต้องใช้ประตูถึงสองบานในการต่อสู้”
เคล้ง!
เมื่อประตูเปิดขึ้น เงาของมอนสเตอร์ที่เคลื่อนไหวเงอะงะก็แสดงตัวออกมา หลังจากเห็นพวกมันแล้วจินก็รู้สึกหวาดหวั่นทันที
‘อาชญากรเงา!’
เป็นไปได้อย่างไรที่ลิชจะอัญเชิญมอนสเตอร์เช่นนี้ออกมาจากอากาศได้อย่างง่ายดาย!
อาชญากรเงามีลูกเหล็กและโซ่ผูกมือเท้าของพวกมันไว้ อย่างไรก็ตามพวกมันสามารถเพิ่มความยาวของโซ่ได้อย่างอิสระ
อาชญากรเงาสองสามร้อยตัวปรากฏขึ้นก่อนจะเหวี่ยงลูกเหล็กไปทางจินราวกับตกปลา
พลังและความเร็วของพวกมันไม่สามารถปฏิเสธได้
มันยากมากที่จินจะหลีกเลี่ยงโซ่บอลเหล็ก และเหล่าค้างคาวในเวลาเดียวกัน
เคล้ง!
หลังจากป้องกันได้หลายครั้ง ร่างกายของเธอก็ถูกโซ่และลูกเหล็กมัดตัวในที่สุด
โคร่ม!
เธอกลับมาเป็นร่างมนุษย์และร่วงลงสู่พื้น
ซองมินก้มหัวลงเล็กน้อยหลังจากมองสโนว์ที่กำลังสั่นเทาอยู่ข้างๆ
“ เจ้านายของผมปรารถนาที่จะพบพวกคุณทั้งสอง”
***
มูยองมองสโนว์และจินผู้ที่ถูกมัด
“ปา! ปา!”
สโนว์กระโดดชูมือขึ้นเหมือนจะให้เขาอุ้มก่อนจะเอาหน้าถูไปมาที่ขาของเขา
ในทางกลับกันการแสดงออกของจินนั้นมืดมนอย่างถึงที่สุด
“ เจ้าวางแผนจะทำอะไรกันแน่?”
” เธอกำลังพูดถึงเรื่องอะไร?”
“ เจ้าใช้มอนสเตอร์พวกนี้ทำลายเมืองต่างๆแล้วตอนนี้ยังอยู่กับ…ราชาปีศาจ”
เธอกำลังพูดถึงอาซูล
มูยองยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ
“ถ้าเธอต้องการจากไปก็ออกไปได้เลย ฉันจะไม่ขวาง”
มันดูน่าเสียดายเล็กน้อยที่ต้องละทิ้งพลังการต่อสู้ของจิน แต่ถ้าเธอไม่อยากช่วย เขาก็ไม่ง้อ
“ ข้าไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่าความตั้งใจของเจ้าคืออะไร”
“ ฉันจะไปที่ดินแดนเทพปีศาจ พวกเอลฟ์คงไม่ชอบมันหรอก”
เธอรู้สึกเหมือนถูกประตูปิดใส่หน้า อย่างไรก็ตามจินกัดริมฝีปากของเธอ
“ข้า…จะไปกับสโนว์”
‘สโนว์?’
“ ข้าไม่ยอมให้เธอถูกอิทธิพลของเจ้าครอบงำเด็ดขาด”
จินรู้ว่าศักยภาพที่ซ่อนเร้นของสโนว์นั้นยิ่งใหญ่เพียงใด
ศักยภาพของเธอเปรียบได้กับมูยองเลยทีเดียว
แต่ถ้าพลังของเธอได้รับอิทธิพลจากเขา มันจะกลายเป็นพลังแห่งความชั่วร้าย
เธอต้องการหยุดสิ่งนั้นไม่ให้เกิดขึ้น
มูยองมองเธอออกจากสายตาที่จินส่งมา
การใช้สำนวนที่ว่าสโนว์อาจได้รับอิทธิพล นั่นหมายความว่าเธอมีความระมัดระวังตัวมาก
สโนว์เคยเป็นนักบุญในอดีต และตอนนี้ก็เป็นตัวตนที่ไม่มีใครรู้จัก อย่างไรก็ตามหากมีสิ่งหนึ่งที่แน่นอนก็คือเธอจะต้องเติบโตขึ้นจนมีพลังที่สามารถต่อสู้กับราชาปีศาจและแม้กระทั่งเหล่าเทพปีศาจได้แน่นอน
และเพื่อต่อสู้กับพวกมัน เธอไม่สามารถได้รับอิทธิพลจากเขา นี่เป็นสิ่งที่มูยองก็เห็นด้วย
“ งั้นก็ตามใจ”
มูยองมองไปในอีกทางหนึ่ง ท้องฟ้าค่อยๆจมลงสู่ความมืด
ถึงเวลาแล้ว
***
อาซูลพบจุดอ่อนของสกายลอร์ด
“ ทุกๆสิบสี่วันสกายลอร์ดจะลอกคราบ และมันเป็นไอ้โง่ที่กินแม้แต่คราบของตัวเอง ต้องขอบคุณจุดนี้มันเลยกลายเป็นช่องโหว่ที่เกิดขึ้นในทุกๆ 14 วัน”
เนื่องจากมันต้องใช้พลังในการลอกคราบจึงมีพื้นที่บางส่วนที่มันไม่สามารถให้ความสนใจได้
“ มันยังไม่ใช่ตัวเต็มวัยใช่ไหม”
เมื่อมูยองถามอาซูลก็พยักหน้า
“ มันยังโตได้อีก ทั้งการป้องกันและโจมตีของมันจะเพิ่มขึ้นทำให้มันเป็นมอนสเตอร์ที่น่ากลัวมาก”
ดูเหมือนว่ามันจะถูกสร้างขึ้นมาให้วิวัฒนาการได้อย่างต่อเนื่องเพื่อทนต่อการโจมตีของเดียโบล
อาซูลเจาะรูเข้าไปในคราบที่สกายลอร์ดลอกออกมา
“ เราต้องรีบเดินทางก่อนที่มันจะกินคราบทั้งหมด ข้าไม่แน่ใจว่าเราสามารถทำทันไหมในเวลาแค่นี้…”
อาซูลมองไปที่กองทัพของมูยอง มีมอสนเตอร์มากมายที่มาพร้อมกับมูยอง
“ จากนี้ไปทุกคนห้ามส่งเสียง”
เตือนเสร็จอาซูลก็รีบเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เขาเจาะรูแล้วโผล่ออกไปอีกด้านหนึ่ง
มูยองและกองทัพของเขาก็เคลื่อนตัวเร็วขึ้นเล็กน้อยเช่นกัน
วี้ดดด!
ขณะนั้นเสียงผิวปากก็ได้ยินจากที่ใดที่หนึ่ง
“ บัดซบ!”
อาซูลขมวดคิ้ว
ครืน!
พื้นดินสั่นสะเทือน สกายลอร์ดเริ่มเคลื่อนไหว
โชคดีที่เป้าหมายไม่ใช่มูยองแต่เป็นบางอย่างที่กำลังเริ่มโจมตีสกายลอร์ด
บึม! ตูม!
ท่ามกลางการระเบิดทั้งโลกดูเหมือนจะถูกปกคลุมไปด้วยเปลวไฟ
-โจมตี!
เสียงคำสั่งดังแว่วมา
อัศวินขี่ม้านำมอนสเตอร์หลากหลายสายพันธุ์ออกมาโจมตีสกายลอร์ด อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่อาจสร้างความเสียหายใดๆให้กับมัน
และแทนที่จะพุ่งไปหาสกายลอร์ด ตอนนี้มูยองกลับมุ่งไปหาผู้ที่โจมตีสกายลอร์ดอย่างรวดเร็ว
‘บาลตัน’
ผู้พิทักษ์อาณาเขตของเขา บาลตัน!
หนึ่งในผู้ที่มูยองดึงขึ้นมาจากความตาย
มูยองมอบหมายให้เขาดูแลอาณาเขตในดินแดนเทพปีศาจเอาไว้
แต่ทำไมบาลตันถึงมาโจมตีสกายลอร์ดอยู่ที่นี่?