The King of the Battlefield – ตอนที่ 233

ตอนที่ 233

ตอนที่ 233: แล้วเจ้าจะให้อะไรข้า (3)
**ขอเปลี่ยนคำว่า ‘เงื่อนไข’ จากตอนที่แล้วเป็นคำว่า ‘ปัจจัย’ นะครับ
เอนโรธ ราชาปีศาจในอดีต ตอนนี้กลายเป็นอันเดธแล้ว
มูยองกำลังคิดอยู่ว่าจะ ‘ใช้งาน’ เอนโรธอย่างไรดี
“ จงพูดสิ่งที่นายรู้เกี่ยวกับเทพเจ้าปีศาจ”
การกลายเป็นอันเดธ ร่างกายจะได้รับความเสียหายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้ว่ามูยองจะใช้บทสวดของ ‘อัลโนวา’ นำเอนโรธกลับมา แต่ก็อาจมีข้อบกพร่องในความทรงจำของเอนโรธ
ยังไงก็ตามเอนโรธต้องรู้เรื่องราวเกี่ยวกับสงครามระหว่างเทพปีศาจมากมายแน่ๆ ข้อมูลคือพลังและมูยองก็ต้องการมัน
เอนโรธหันหน้ามาด้วยสายตานิ่งเรียบ
“ ปีศาจจะบุกอันเดอร์เวิล์ด…การกำจัดผู้เป็นปฏิปักษ์ได้ถูกดำเนินการไปกว่าครึ่งแล้ว…”
นั่นหมายความว่า พวกมันจะออกจากโลกปีศาจและเข้าสู่ในอันเดอร์เวิล์ด พร้อมทั้งตั้งใจกำจัดสิ่งมีชีวิตรูปแบบอื่นๆทั้งหมดนอกเหนือจากเผ่าพันธุ์ตัวเอง โดยมีฝ่ายที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับพวกมันอยู่กลุ่มหนึ่ง ซึ่งถูกเรียกว่า ‘กลุ่มผู้ปฏิปักษ์’
“ กลุ่มผู้ปฏิปักษ์มีกี่คน?”
“ทั้งหมดมีห้าตน มูรมูร, เกรโมรี่, ฟอร์เนียส, ซีทรี และแอสโมดาย”
นี่คือเหตุผลที่กลุ่มผู้ปฏิปักษ์ถูกบังคับให้ต้องพ่ายแพ้ตั้งแต่แรก พวกมันมีจำนวนมากกว่าโดยคิดเป็นอัตราส่วนเทพปีศาจที่ 1 ต่อ 10 ตน
การที่ฝ่ายพวกเขาอดทนมานานกว่าสิบปีด้วยจำนวนแค่นั้นถือว่าน่าประทับใจ แต่ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว ทุกอย่างถูกเร่งให้เร็วขึ้น ด้วยสภาพเช่นนี้หากผ่านไปอีกสองสามปี กำลังของฝ่ายปฏิปักษ์จะต้องเหือดแห้งไปจนหมด
เอนโรธพูดต่อไป
“ ปีศาจลำดับที่ 54 ประสบความสำเร็จในการติดต่อกับ ‘มูรมูร’ …มันค้นพบ ‘ปัจจัย’ ของฝ่ายปฏิปักษ์ แต่เนื่องจากการรบกวนของผู้ไม่ทราบตัวตน และการเคลื่อนไหวของเดียโบลทำให้ทุกอย่างล่าช้าออกไป…”
คำพูดของเอนโรธขายหายไปบางส่วน เนื่องจากการกู้คืนความทรงจำที่ไม่สมบูรณ์ แต่หลายอย่างที่มันพูดออกมาก็ยังชัดเจน
“ปัจจัย? นายกำลังพูดถึง ‘ปัจจัยในการดับทำลาย’ ของเหล่าเทพปีศาจใช่หรือเปล่า”
“ถูกต้อง ข้าได้ยินเรื่องนี้จาก ‘มูรมูร”
“ แล้วปัจจัยที่ว่านี้คืออะไร?”
“…….”
เอนโรธเงียบ
มันคงไม่รู้แล้ว แม้ว่าจะเป็นราชาปีศาจที่แข็งแกร่งที่สุด แต่ ‘ปัจจัยแห่งการดับสูญ’ คงเป็นความลับท่ามกลางความลับแม้ของเหล่าเทพปีศาจ มันเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอนที่พวกเทพปีศาจจะบอกเอนโรธ
‘ฉันยังขาดข้อมูลอีกมาก’
มูยองถามต่อไปอีกสองสาม แต่เอนโรธกลับไม่รู้อะไรมากเท่าไหร่ แต่นั่นก็ทำให้เขารู้เกี่ยวกับเส้นแบ่งที่ชัดเจนระหว่างราชาปีศาจกับเทพปีศาจ
ตอนนี้เขาต้องการใครซักคนที่รู้เรื่องเทพปีศาจจริงๆ แต่คงมีเพียงเทพปีศาจเท่านั้นที่รู้เกี่ยวกับเทพปีศาจ และเทพปีศาจเพียงตนเดียวที่มูยองสามารถติดต่อได้ก็คือ ‘เกรโมรี่’
อย่างไรก็ตาม การไปหาเกรโมรี่อาจหมายความว่าเขาจะต้องเข้าสู่การต่อสู้ระหว่างเหล่าเทพปีศาจอย่างเต็มตัว ซึ่งมูยองยังไม่พร้อม
เขาต้องการข้อมูลมากกว่านี้ และในขณะนั้นก็มีผู้หนึ่งผุดขึ้นในใจของมูยอง
“ดันดาเลี่ยนมา บอกทุกสิ่งที่นายรู้เกี่ยวกับดันดาเลี่ยนมา”
หลังจากที่มูยองถาม เอนโรธก็พูดออกมาอย่างชัดเจน
“ผู้ทรยศ ปีศาจจอมวิปลาส เทพปีศาจใฝ่ต่ำ”
คำพูดที่เต็มไปด้วยความรังเกียจ ออกมามากกว่าที่มูยองคิด ยิ่งไปกว่านั้นเกี่ยวกับคำว่าใฝ่ต่ำ
‘แสดงว่ามันคงไม่มีใครคบ’
จริงๆมูยองเองก็ไม่เคยได้ยินว่ามีใครร่วมมือกับดันดาเลี่ยน นั่นหมายความว่าเทพปีศาจที่ง่ายที่สุดในการเข้าหาคือดันดาเลี่ยน และมูยองก็รู้จักคนที่สามารถช่วยให้เขาเข้าใกล้ดันดาเลี่ยนได้
“ เบซองมิน!”
เมื่อมูยองตะโกน วงเวทสีดำก็ถูกร่างขึ้นบนพื้น จากนั้นเบซองมินก็ปรากฏตัวออกมา
“ เจ้านายเรียกกระผม?”
มูยองพูดอย่างไม่ลังเล
“ ไปพาตัวอาซูลมา หากมันไม่ยอมร่วมมือ อนุญาตให้ใช้กำลังได้”
อาซูล! เดิมทีมันเป็นราชาปีศาจที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของดันดาเลี่ยน ซึ่งนั่นน่าจะทำให้มันรู้เรื่องเกี่ยวกับดันดาเลี่ยนเป็นอย่างดี
มูยองเคยขอให้อาซูลช่วยหาวิธีเดินผ่านทางที่ ‘สกายลอร์ด’ ขวางไว้ และเขาหนีไปเมื่อรู้มูยองจะทำสงครามกับเอนโรธ
เบซองมินคิดอยู่ครู่นึงก่อนจะโค้งคำนับ
“ กระผมขอเวลาสองวัน ”
“ ยิ่งเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดี”
“ กระผมขอทราบเหตุผลได้ไหม”
ดูเหมือนว่ามันจะทำให้เบซองมินสงสัยใคร่รู้ และมูยองก็ตอบเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา
“ ฉันอยากเจอดันดาเลี่ยน”
“ คุณกำลังพูดถึงเทพปีศาจอันดับที่ 71 ใช่ไหม? มันเป็นตัวตนที่อันตรายมากนะ”
ดันดาเลี่ยนมีชื่อเสียงในเรื่องการหลอกลวงมากว่าพลังซะอีก จำนวนเหยื่อที่ถูกมันหลอกนั้นนับไม่ได้ แม้แต่ ‘เมอร์ดูดัน’ ที่ครั้งหนึ่งเคยปกครองท้องทะเล ก็ยังถูกหลอกโดยดันดาเลี่ยนก่อนจะสูญเสียร่างไป
ยังไงก็ตาม ทริคเหล่านั้นไม่สามารถใช้กับมูยองได้
เนื่องจากทักษะในการเข้าถึงทุกข์สุขของสรรพสิ่ง รวมกับความสามารถมารถในการแยกแยะคำโกหกของมูยอง มันไม่ใช่การพูดเกินจริงเลยหากกล่าวว่าศัตรูธรรมชาติของดันดาเลี่ยนก็คือมูยอง ไม่เพียงแค่นั้น มูยองยังมีพลังของกาเบรียลอีก
“ พลังของมันใช้ไม่ได้ผลกับฉันหรอก”
“..กระผมเข้าใจแล้ว และจะไปจับตัวอาซูลมาให้เร็วที่สุด”
นั่นคือคำที่มูยองพูด มูยองจะไม่พูดอะไรถ้าเขาไม่มั่นใจ
เบซองมินซ่อนตัวเองในเงามืดอีกครั้ง
‘ดันดาเลี่ยน’ มูยองลูบคาง
มันรู้หลายสิ่ง และบางทีมันอาจจะรู้ความจริงของโลกนี้ก็ได้ ถ้ามันรู้ว่าโลกถูกทำลาย ดังนั้นบางทีมันอาจรู้เกี่ยวกับโซโลมอน มูยองต้องการพบมันเพื่อยืนยันสิ่งเหล่านั้น และถ้ามันไม่ยอมร่วมมือ …
‘ฉันอยากรู้ว่าจะเปลี่ยนเทพปีศาจให้กลายเป็นอันเดธได้หรือเปล่า’
มูยองยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ
“ ให้ตายเถอะ!”
นั่นคือสิ่งแรกที่อาซูลพูดเมื่อเห็นหน้ามูยอง
เบซองมินพูดว่าเขาจะใช้เวลาสองวัน แต่ความจริงเร็วกว่านั้น แค่ครึ่งวันผ่านไป อาซูลก็มาปรากฏอยู่ต่อหน้ามูยองแล้ว
การแสดงออกที่น่าอึดอัดใจของอาซูลดูเด่นชัดยิ่ง
“ เจ้ายังมีชีวิตรอดหลังถูกชาร์ซาซ่าโจมตี! ถึงจะจับข้าไว้แต่อย่าคิดว่าจะทำอะไรข้าได้?!”
อาซูลบ่นไปด่าไป แต่ก็ไม่สามารถขยับตัวได้ เป็นเพราะเบซองมินร่ายเวทพันธนาการเอาไว้
“ นายคิดว่าแค่ชาร์ซาซ่า จะทำอะไรฉันได้งั้นเหรอ?”
มูยองยิ้มเยาะ ในขณะที่อาซูลแสดงออกอย่างขุ่นเคือง
“ หรือว่าชาร์ซาซ่าแพ้? ถ้างั้นเจ้าก็ตกอยู่ในอันตรายที่ใหญ่กว่าแล้วล่ะ ราชาปีศาจเหล็กเอนโรธจะต้องเข้ามาโจมตีเจ้าในไม่ช้า! รูสเวลต์และเฟรด้าขุนพลของเขาจะต้องขย้ำเจ้าจนไม่เหลือซาก หากเจ้าไม่รีบปล่อยข้า เจ้าไม่รอดแน่นอน… !”
ดูเหมือนอาซูลไม่รู้ว่ามูยองเป็นผู้ที่ได้รับชัยชนะในสงครามทั้งหมด เนื่องจากะอาซูลหนีไปทันทีหลังจากได้ยินเรื่องราวของชาร์ซาซ่า เขาจึงไม่ทราบเกี่ยวกับสงครามที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น
แปะๆ!
มูยองปรบมือเบาๆ จากนั้นเอนโรธก็โผล่ขึ้นมาจากด้านหลังมูยอง
“ …นี่มันอะไรกัน! ทำไมเอนโรธถึงอยู่กับเจ้า!”
อาซูลตกตะลึง
ชาร์ซาซ่า, รูสเวลต์, เฟรด้า…พวกมันทั้งหมดเป็นราชาปีศาจที่มีชื่อเสียง และเจ้านายของพวกมันยังเป็นเอนโรธ
ชื่อเสียงของเอนโรธเป็นที่รู้จักกันดีว่าแข็งแกร่ง อย่างน้อยสำหรับราชาปีศาจ เอนโรธเป็นคนที่พวกเขาเคารพนับถือและหวาดกลัว อาซูลก็เป็นราชาปีศาจไม่มีทางที่เขาไม่รู้จักชื่อเสียงของเอนโรธ
“ เอนโรธเป็นลูกน้องของฉันแล้ว”
มูยองพูดอย่างเป็นธรรมชาติ
ดวงตาของอาซูลโตเท่าไข่ห่าน ร่างกายของเขาสั่นเทา มีบางอย่างที่เป็นไปไม่ได้เกิดขึ้นตรงหน้าเขา
“บะ… บ้าไปแล้ว”
“ มาเข้าเรื่องกันดีกว่า นายเป็นพ่อค้าหนิ และตอนนี้ฉันพร้อมที่จะทำการค้าขาย”
มูยองหันไปมองเบซองมิน
จากนั้นเบซองมินก็ปลดพันธนาการเวทออก
ถึงอาซูลจะเป็นอิสระ แต่ตอนนี้มันกลับไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ตามใจนึก มันรู้สึกกลัวเมื่อเต้องสบตากับเอนโรธ
‘ดูเหมือนว่าเขาจะกลัวเอนโรธมาก’
ถึงอาซูลจะเป็นราชาปีศาจเหมือนกัน แต่มันก็ยังสู้แม้แต่ชาร์ซาซ่าไม่ได้ ดังนั้นไม่ต้องพูดถึงเมื่ออยู่ต่อหน้าเอนโรธเลย ไม่แปลกที่อาซูลหนีไปตั้งแต่แรก เมื่อรู้ว่าเอนโรธเป็นผู้อยู่เบื้องหลังชาร์ซาซ่า
อาซูลหลับตาและพูด
“การค้า? ถ้าเจ้ารับปากว่าจะปล่อยข้าออกไปจากสถานที่ที่บ้าคลั่งนี้ ข้าจะรับฟังหนึ่งในความปรารถนาของเจ้า แต่มันจะต้องเป็นสิ่งที่ข้าสามารถทำได้ “
“ งั้นก็ไม่มีอะไรให้คิดมาก”
มูยองเดินไปหยุดอยู่ที่หน้าอาซูล จากนั้นเขาก็คว้าคออาซูลไว้แล้วจ้องมองอย่างจริงจัง
“ ดันดาเลี่ยนอยู่ที่ไหน?”
การแสดงออกของอาซูลเปลี่ยนไปอีกครั้ง มันตัวสั่นเทาด้วยความกลัวและดูสับสนมาก มันไม่รู้ว่าทำไมมูยองถึงต้องตามหาดันดาเลี่ยน
“ เจ้าตามหาดันดาเลี่ยนไปทำไม? แต่ไม่ว่าข้าจะทราบเหตุผลนั้นหรือไม่ ข้าก็ไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน มันก็สิบปีแล้วที่ข้าหนีจากเขามา ไม่มีทางที่ข้าจะรู้ว่าเจ้าวิตถารนั่นอยู่ที่ไหน?”
‘โกหกชัดๆ’ มูยองหัวเราะในใจ
อาซูลกำลังโกหก แม้มันจะพูดอย่างแนบเนียน แต่ทว่านั่นไม่อาจหลอกมูยองได้
‘ดูเหมือนว่าอาซูลยังมีหลงเหลือความภักดีต่อดันดาเลี่ยน’
อาซุลเดิมอยู่ภายใต้คำสั่งของดันดาเลี่ยน แม้ว่าเวลาผ่านไปนานแล้ว แต่เขานังมีความภักดีต่อมันอยู่
“ นายรู้ไหมว่าเอนโรธกลายมาเป็นลูกน้องของฉันได้ยังไง”
“ ไม่รู้ และข้าก็ไม่อยากรู้ด้วย!”
อาซูลได้กลิ่นอันตรายจากมูยอง ซึ่งตอนเจอกันครั้งแรกมันไม่ได้กลิ่นอะไรแบบนี้ สัญชาตญาณกำลังบอกมันว่าไม่ควรเข้าใกล้เขา มันเป็นความรู้สึกอันตรายที่อาจถึงตาย
มูยองไม่สนใจอาซูลและพูดต่อไป
“ ฉันสามารถเปลี่ยนราชาปีศาจให้กลายเป็นอันเดธได้”
“… !”
อาซูลมองเอนโรธอีกครั้ง
พอตั้งใจมองจริงๆก็ดูออกว่าเอนโรธไม่ปกติ เขาเคลื่อนไหวอย่างผิดธรรมชาติ จะมีไอ้บ้าคนไหนมีความคิดเปลี่ยนราชาปีศาจให้กลายเป็นอันเดธ!
ยิ่งไปกว่านั้นอันเดธนั้นคือเอนโรธ
“ อามอน…อามอนจะต้องคลั่งแน่ เจ้า…เจ้าไม่มีทางรับมือโทสะของอามอนได้แน่ ไม่ว่าเจ้าจะรับใช้เทพปีศาจตนไหนอยู่นั่นก็ไม่อาจทำให้เจ้าปลอดภัย”
อาซูลสั่นกลัวจริงๆแล้ว แม้แต่ฟันของมันยังสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ ดูเหมือนอาซูลยังคิดว่ามูยองเป็นราชาปีศาจเหมือนตัวเอง
“ ฉันไม่ได้รับใช้เทพปีศาจตนไหน และอามอนก็ไม่ใช่ตัวตนที่ฉันต้องกลัว”
โดยพื้นฐานแล้วมูยองไม่ใช่ปีศาจ แต่ถึงจะเป็นปีศาจเขาก็ไม่มีความคิดที่จะรับความช่วยเหลือจากใครเพื่อหลีกเลี่ยงอันตราย
อาซูลจ้องมูยอง หากเขาไม่มีเจ้านายหรือเทพปีศาจที่รับใช้ งั้นตัวตนของชายผู้นี้คืออะไร?
เขาไม่กลัวเทพปีศาจลำดับที่ 5 ผู้มีอานุภาพยิ่งใหญ่เช่นอามอนงั้นหรือ?
นั่นหมายความว่าเขากลายเป็นเทพปีศาจที่มีพลังทัดเทียมกัน?
ทว่ามีสิ่งหนึ่งที่แน่นอนแม้ว่าอาซูลจะพูดออกไปหรือไม่ หากแม้แต่เอนโรธยังกลายเป็นอันเดธแล้วไซร้ มีเหตุผลไหนที่มูยองจะทำกับเขาไม่ได้
มูยองกระชากคออาซูลเข้ามาใกล้
“ เหตุผลที่ฉันยังมีน้ำใจก็เพราะเราเคยทำการค้าขายกันมาก่อน อาซูลนายมีประโยชน์กับฉันจริงๆนะรู้ตัวหรือเปล่า? ฉันรู้ว่านายสามารถเชื่อใจได้อย่างน้อยก็ตอนที่เราทำการค้ากัน นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันหวังว่านายจะเห็นด้วย”
มันเป็นการล่อลวงของปีศาจที่แท้จริง
‘บัดซบเอ้ย!’
อาซูลรู้สึกเหมือนตกเข้าในหลุมบึงที่ลึกจนไม่สามารถตะเกียกตะกายขึ้นไปได้!

The King of the Battlefield

The King of the Battlefield

ในตอนที่มนุษยชาติอยู่ในสภาวะที่ใกล้ล่มสลาย มูยองมือสังหารอันดับหนึ่งของ ‘ป่าแห่งความตาย’

กำลังนั่งคุกเขารอรับความตายเนื่องจากเนื้อตัวเต็มไปด้วยบาดแผลที่ยากแก่การรักษา เขากวาดสายตามองไปรอบๆตัวซึ่งตอนนี้เต็มไปด้วยซากศพมากมาย เขาเคยทำงานอย่างหนักเพื่อคนพวกนี้

และในวันนี้เขาก็เป็นคนจบทุกอย่างด้วยมือของตนเอง แต่เมื่อมูยองลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เขาก็พบว่าปาฏิหาริย์นั้นมีจริง ตัวเขายังไม่ตาย! นอกจากนี้มูยองยังพบว่าตัวเองได้ย้อนเวลากลับมายัง 40 ปีที่แล้ว

เขาเลือกที่จะเดินสู่หนทางใหม่ และต่อสู้กับเหล่าเทพปีศาจทั้ง 72 ตน….

Show more

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท