The King of the Battlefield – ตอนที่ 240

ตอนที่ 240

บทที่ 240: สกายลอร์ด (3)

“ ดาวแห่งการทำลายล้าง!”

สมาชิกของหกลอร์ด, ราชาปีศาจโซระร้องด้วยความประหลาดใจ ดูเหมือนเธอจำดาวของมูยองได้ เธอพยายามรวบรวมดวงดาวจำนวนมากไม่แปลกที่เธอจะรู้ว่าดาวของมูยองเป็นประเภทอะไร

“เอนโรธทำไมเจ้าถึงกลายเป็นผู้ติดตามดาวแห่งการทำลายล้าง!”

เอนโรธไม่ตอบโต้ และการร้องโอดครวญของโซระก็ทำให้มูยองได้รับข้อมูลที่สำคัญมาก

‘ข้อมูลข่าวสารของศัตรูดูล่าช้าอย่างมาก’

โซระราชาปีศาจดอกกุหลาบเป็นผู้ติดตามเทพปีศาจลำดับที่ 3 วาสซาโก้

วาสซาโก้ที่มีฉายาว่า ‘ผู้ที่มองเห็นอีกด้านหนึ่ง’ โซระที่เป็นข้ารับใช้กลับยังไม่รู้ข่าวการพ่ายแพ้ของเอนโรธ

มันเป็นข้อพิสูจน์ว่าราชาปีศาจและเทพปีศาจส่วนใหญ่ไม่ทราบข่าวภายนอกอะไรเลย

หรือบางที…อามอนอาจปิดบังความจริงนี้โดยเจตนาก็ได้ เป็นไปได้ว่ามันไม่ต้องการให้ใครรู้ว่าเอนโรธราชาปีศาจที่แข็งแกร่งที่สุดของตนแพ้ให้กับมนุษย์เพียงคนเดียว

ไม่ว่าจะยังไงมันก็เป็นเรื่องดี

นอกจากนี้ พวกเทพปีศาจยังไม่รู้ว่ามูยองสามารถทำให้ราชาปีศาจกลายเป็นอันเดธได้

นั่นบ่งบอกถึงการขาดการเตรียมการและตรวจสอบมูยอง

ดังนั้นเขาจะได้รับประโยชน์สูงสุดก่อนที่พวกมันจะสังเกตเห็น

จุดแข็งที่สุดของมูยองคือข้อมูล ในทางตรงกันข้ามจุดอ่อนของพวกมันก็คือข้อมูลเช่นกัน

หากพวกมันรู้ คงไม่ส่งกองกำลังแยกออกมาเช่นนี้

พวกมันต้องพยายามทุ่มกำลังกำจัดเขาในครั้งเดียว

‘ก่อนที่พวกมันจะรู้ ฉันต้องได้รับพลังซะก่อน’

อย่างรวดเร็ว! เวลาไม่เคยรอใคร จากนี้ไปการต่อสู้อย่างรุนแรงของพลังปัญญาจะเริ่มขึ้น

‘ราชาปีศาจที่ทรงพลังที่สุดทั้งสิบแปดตน’

หากพวกมันร่วมมือกันก็พอจะเปรียบเทียบได้กับเทพปีศาจตนหนึ่งเลยทีเดียว

ถ้ามูยองสามารถเอาชนะราชาปีศาจทั้งสิบแปดตนได้ มันจะเป็นการส่งคำเตือนที่ดีสำหรับเหล่าเทพปีศาจ

“อามอนรู้เรื่องที่เจ้ากลายเป็นผู้ติดตามดาวแห่งการทำลายล้างหรือไม่ ? ”

อามอนเทพปีศาจลำดับที่ 7 ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับเวทมนตร์ทุกชนิด เจ้านายเดิมของเอนโรธ!

แต่ขนาดเวทมนตร์ของมันก็ยังไม่สามารถหยุดยั้ง ‘พลังแห่งความตาย’ ของมูยองได้

แล้วเวทต้องห้ามของวาสซาโก้จะต้านทานมูยองได้หรือไม่?

เขาเริ่มสงสัย มูยองเป็นคนประเภทที่ไม่สามารถต้านทานความอยากรู้อยากเห็นได้ เขาชูดาบแห่งความโกรธเกรี้ยวขึ้น

แซ่ด! แซ่ด!

สายฟ้าสีดำก่อตัวขึ้นรอบๆความโกรธเกรี้ยว

เวทมนตร์อัตโนมัติระดับ S ++ ซึ่งมีพลังทำลายล้างสูง โซ่สายฟ้าแห่งความมืด เปิดใช้งานโดยอัตโนมัติ

ยิ่งไปกว่านั้น ความสามารถอย่างหนึ่งของความโกรธเกรี้ยวคือ ‘เสริมความแข็งแกร่งของทุกการโจมตีและทักษะประเภทบาร์เรีย’ นั่นทำให้พลังทำลายของมันสูงกว่าปกติได้ถึงสองสามเท่า

เป็นทักษะที่โจมตีเพียงหนึ่งครั้ง แต่พลังทำลายของมันเทียบเท่าเวทมนต์ระดับสูงอย่างฝนอุกกาบาตเลยทีเดียว

เปรี๊ยะ!

เมื่อดาบแห่งความโกรธเกรี้ยวตวัดผ่าน สายฟ้าสีดำขนาดใหญ่ก็ฉีกกระชากพื้นที่ตรงหน้า

โซระควรเตรียมตัวรับมือและโจมตีมูยองตั้งแต่แรกเห็น

มันเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ที่เธอมัวแต่สนใจเอนโรธมากเกินไป

เปรี้ยง!!

สายฟ้าสีดำแพร่กระจายเป็นวงกว้างระเบิดและแผดเผาเหล่าปีศาจ กลายเป็นพายุกวาดล้างแนวหน้าของศัตรูหายไปจนสิ้น

“โจมตี”

หลังจากทำลายแนวหน้ามูยองก็เก็บความโกรธเกรี้ยว

ในเวลาเดียวกัน

ตึง! ตึง ตึง!

เหล่าวิญญาณและมอนสเตอร์ต่างๆเริ่มเคลื่อนที่ไปข้างหน้าอย่างบ้าคลั่งเพื่อทำลายศัตรูของพวกมัน

“ตานายแล้วเอนโรธ”

วูม! เอนโรธกลายเป็นเงาหายตัวเข้าไปยังสนามรบ

ตอนนี้เหลือเพียงจิ้งจอกเก้าหางห้าตัวที่ยังอยู่รอบๆมูยอง

จิ้งจอกเก้าหางที่แปลงร่างเป็นหญิงงาม พวกเธอเป็นวิญญาณที่ทรงพลังที่สุดของมูยอง

“ พวกเธอไปช่วยเอนโรธ”

“รับทราบ”

ในไม่ช้าเอนโรธก็ไปถึงใจกลางของเหล่าปีศาจ เขายืดมือออกไปด้านหน้า

อ๊ากก!

เหล่าปีศาจทำได้เพียงดิ้นรนเมื่อถูกใยแมงมุมหนาทึบที่เอนโรธสร้างขึ้นจับมัดไว้

สุนัขจิ้งจอกเก้าหางหยิบลูกปัดวิญญาณขึ้นมาแล้วพากันกระดิกหาง และทุกครั้งที่พวกเธอทำแบบนั้นลูกปัดจะเปล่งประกายก่อนที่แสงเจิดจ้าก็จะสาดออกไปแผดเผาเหล่าปีศาจ

มูยองมองไปที่ฝั่งของศัตรู

ราชาปีศาจกุหลาบ โซระ!

เธอถอยล่นจากการโจมตีฉับพลันของเขา?

ร่างกายของเธอสั่นเทิ่ม

“ เจ้า…เจ้าไม่สามารถทำสิ่งที่ต้องการได้เพียงเพราะมีเอนโรธคอยช่วย”

ถูกช่วยโดยเอนโรธ?

ไม่

มันตรงกันข้าม

มูยองไม่ได้ถูกช่วย แต่เป็นการควบคุมต่างหาก

อย่างไรก็ตามเอนโรธเป็นตัวดึงดูดความสนใจอย่างดี นั่นทำให้มูยองสามารถทำทุกอย่างได้ง่ายดายขึ้น

“ ฉันไม่มีเวลาให้เธอมากหรอกนะโซระ”

ทาร์แคนกำลังซื้อเวลา มูยองต้องการครอบครองสถานที่แห่งนี้ก่อนที่จะเพิ่มจำนวนหน่วยไล่ล่า และมันก็เป็นการสิ้นเปลืองเวลาที่จะยุ่งอยู่กับโซระ

หวือ!

ความโกรธเกรี้ยวสั่น มันต้องการดื่มเลือดของราชาปีศาจ

มูยองพยักหน้าราวกับเขากำลังตอบกลับว่าจะมันจะได้สมใจในไม่ช้า

ป้อมปราการถูกเผา ทุกอย่างถูกทำลาย และโซระคุกเข่าลงต่อหน้ามูยอง

มีกรงเหล็กจำนวนมากในบริเวณโดยรอบ

ในนั้นสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์ต่างๆที่ถูกเลือกโดยดวงดาว พวกเขามองมูยองและโซระด้วยสายตาที่ว่างเปล่า

“ สังหารข้าซะเจ้าคนไร้ยางอาย!”

มูยองยิ้ม

“ ฉันจะกำจัดของที่ยังมีประโยชน์ไปทำไม”

ถึงโซระจะพ่ายแพ้ แต่มูยองก็ยังอดนึกชมในใจเสียไม่ได้ เนื่องจากเธอสามารถทนการโจมตีได้ถึง 40 จาก 50 กระบวนท่าของวิชาดาบมูยอง

แม้แต่จิตวิญญาณเพลิงไอฟริทยังสามารถอยู่รอดได้เพียง 45 ดาบเท่านั้น นี่เท่ากับแน่นอนว่า เธอเป็นราชาปีศาจที่ทรงพลังที่สุดคนหนึ่ง

ถ้าเขาทำให้เธอกลายเป็นอันเดธที่ยังมีชีวิต เธอจะกลายเป็นประโยชน์กับเขาอย่างมาก

“เจ้าดาวแห่งการทำลายล้าง! วาสซาโก้จะต้องเอาคืนเจ้าแน่!”

“ คิดว่าฉันจะกลัวเหรอ”

หมับ!

มูยองคว้าผมของโซระ จากนั้นก็เรียกใช้งานศิลปะแห่งความตาย

เมื่อมีใครบางคนอยู่ในสภาวะใกล้ตาย เขาสามารถใช้พลังบังคับให้ผู้นั้นกลายเป็นครึ่งอันเดธได้

เวลาจะบอกเองว่า เวทต้องห้ามของวาสซาโก้ หรือว่าพลังแห่งความตายของมูยองนั้นใครจะเก่งกว่ากัน

อัก ..อ๊าก!

เมื่อพลังงานสีดำเริ่มกลืนร่างกายทั้งหมดของโซระ เธอก็ก้มศีรษะและดิ้นรน

‘มีผนึกเวทบางอย่างอยู่ในตัวเธอ’

มันเป็นเวทต้องห้ามของวาสซาโก้ เป็นเรื่องธรรมดาที่เทพปีศาจลำดับที่ 3 อย่างมันจะมีเวทที่ใช้ควบคุมมากมาย

มูยองขยายพลังแห่งความมืดของเขาออกไป

และหลังจากนั้นไม่นาน

<โซระราชาปีศาจกุหลาบ ผู้ซึ่งเป็นหนึ่งในหกลอร์ดถูกปนเปื้อน>

<เธออยู่ภายใต้การควบคุมของผู้ใช้ ‘มูยอง’แล้ว>

<ร่างกายของเธอเปลี่ยนไปและกลายเป็นอันเดธ>

<อันดับของทักษะศิลปแห่งความตายคือ ‘EX’ สเตตัสถูกพิ่มแล้ว>

<‘การให้สิทธิ์’ ถูกเพิ่ม ความสามารถที่ได้รับเป็นแบบสุ่ม>

ชื่อ: โซระ

เลเวล: 650

ประเภท: ราชาปีศาจ

พละกำลัง (490) ความว่องไว (4580) ความอดทน (50)

สติปัญญา 680 ภูมิปัญญา 700 ต้านทานเวท 700 พลังเวท 699

+ กุหลาบแห่งการอุทิศ (S+, เพิ่มกำลังใจพันธมิตร, ยกระดับสเตตัส), เถากุหลาบ (S+, การโจมตีวงกว้าง), กุหลาบอเวจี (S+, เวทมนตร์ทรงพลังประเภทบาร์เรีย)

+ ผู้ไล่ล่าเนบิวลา

+ ราชาปีศาจ, ลอร์ดทั้งหก

การดิ้นรนของโซระค่อยๆจางหายไป ในขณะที่มูยองพยักหน้าเมื่อดูค่าสเตตัสของโซระ

ความสามารถนั้นเปรียบได้กับเบซองมิน ถ้าคุณมองแค่พลังต่อสู้เบซองมินดูเหมือนจะเหนือกว่านิดหน่อย เนื่องจากเขาเพิ่งแข็งแกร่งขึ้นหลังจากที่ต่อสู้กับเอนโรธ

‘เวทต้องห้ามของวาสซาโก้’

พลังแห่งความตายของมูยองสามารถเอาชนะเวทต้องห้ามของวาสซาโก้ได้ นี่เป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจ และเป็นผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่ในการต่อสู้ครั้งนี้

เหนือเทพปีศาจลำดับที่ 3 มีเพียงสองคนเท่านั้น นั่นคือเทพปีศาจลำดับที่ 2 อากาเรส และเทพปีศาจลำดับที่ 1 บาอัล

นั่นหมายความว่ามูยองยังสามารถปลดปล่อยเวทผนึกของเทพปีศาจใดๆที่อยู่ในอันดับต่ำกว่าเทพปีศาจลำดับที่ 3 วาสซาโก้!

ในเวลานั้นมูยองหันหน้าไปดูกรงเหล็กทั้งหลาย

เหล่าเจ้าของดวงดาวที่ถูกจับมามีหลากหลายสายพันธุ์ รวมถึงมนุษย์ด้วย และจำนวนนั้นเกือบหนึ่งพัน

‘เสียเวลาเกินไปที่จะทำให้พวกเขาเป็นอันเดธ’

แน่นอนว่ามูยองสามารถกลืนกินดวงดาวได้ แต่ดูเหมือนจะไม่ได้อะไรมากนักจากพวกมัน ดวงดาวแห่งความสมบูรณ์เหมาะที่จะกลืนกินดวงดาวที่สว่างกว่าตนเองเท่านั้น แต่ดวงดาวในกรงเหล็กกำลังสูญสิ้นแสง

‘พวกมันสูญเสียสติปัญญาเกือบทั้งหมดไปแล้ว’

ด้วยสภาพย่ำแย่ดังกล่าว หากทิ้งไว้อย่างนั้นพวกเขาจะต้องตาย

อย่างไรก็ตาม

ทุกการกระทำของมูยองมีพลังแห่งการควบคุมแฝงอยู่

“จงฟัง”

มูยองพูดขึ้น

“ โซระไม่สามารถกักขังพวกนายได้อีกต่อไป”

พวกเขาเงยหน้าขึ้น และเริ่มมองมูยอง

แม้สติปัญญาส่วนใหญ่จะหายไป แต่พวกเขาก็สามารถขยับร่างโดยสัญชาตญาณ สำหรับจิตวิญญาณที่ดำมืดมูยองไม่ต่างกับแสงสว่าง

ดวงดาวที่สามารถดึงดูดดวงดาว

ดาวแห่งความสมบูรณ์ของมูยองเปรียบเสมือนกับดวงอาทิตย์ที่เจิดจ้า พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องหันมอง เหมือนกับดอกทานตะวันที่ต้องแหงนหน้าไปยังดวงอาทิตย์

“ พวกนายไม่มีให้กลับไปแล้ว”

มูยองมั่นใจพวกเขาจะไม่ถอดใจ หากมีอะไรเหลือให้กลับไป

“จงติดตามฉัน เมื่อไหร่ที่ดวงดาวเต็มท้องฟ้า เราจะสร้างโลกใบใหม่ด้วยกัน”

วูม!

ดั่งเสียงคำราม ดวงดาวแห่งความสมบูรณ์เปล่งแสงสีแดงเจิดจ้า ครอบคลุมดวงดาวนับพันดวง

ดาวหนึ่งพันดวงที่รวมกันนั้นไม่สามารถเทียบเคียงได้กับดาวแห่งความสัมบูรณ์แบบ

ดาวที่กำลังจะล้มตายเริ่มเปล่งแสงทีละดวงสองดวง เมื่อถูกแสงของดาวแห่งความสมบูรณ์แบบนำทาง พวกมันก็พากันตอบสนองหลายสิบหลายร้อย จนกระทั่งถึงหนึ่งพัน

<ดาวแห่งความสัมบูรณ์เริ่มส่องแสง>

โลกทั้งใบดูเหมือนจะเป็นสีแดง เมื่อดวงดาวแห่งความสมบูรณ์แบบเปล่งประกาย

และนั่นคือช่วงเวลาที่นอกจากดาวแห่งความสมบูรณ์แบบสีแดงแล้ว ดาวสีน้ำเงินที่ไม่มีอยู่ตั้งแต่แรกก็ปรากฏเพิ่มขึ้น

<ดวงดาวแห่งการนำทาง ‘ดาวกุหลาบ’>

The King of the Battlefield

The King of the Battlefield

ในตอนที่มนุษยชาติอยู่ในสภาวะที่ใกล้ล่มสลาย มูยองมือสังหารอันดับหนึ่งของ ‘ป่าแห่งความตาย’

กำลังนั่งคุกเขารอรับความตายเนื่องจากเนื้อตัวเต็มไปด้วยบาดแผลที่ยากแก่การรักษา เขากวาดสายตามองไปรอบๆตัวซึ่งตอนนี้เต็มไปด้วยซากศพมากมาย เขาเคยทำงานอย่างหนักเพื่อคนพวกนี้

และในวันนี้เขาก็เป็นคนจบทุกอย่างด้วยมือของตนเอง แต่เมื่อมูยองลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เขาก็พบว่าปาฏิหาริย์นั้นมีจริง ตัวเขายังไม่ตาย! นอกจากนี้มูยองยังพบว่าตัวเองได้ย้อนเวลากลับมายัง 40 ปีที่แล้ว

เขาเลือกที่จะเดินสู่หนทางใหม่ และต่อสู้กับเหล่าเทพปีศาจทั้ง 72 ตน….

Show more

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท