The King of the Battlefield – ตอนที่ 242

ตอนที่ 242

บทที่ 242: สกายลอร์ด (จบตอน)

เลราเจขมวดคิ้ว
“ ทำไมถึงยังไม่มีใครมารายงานข่าว”

ดูเหมือนศัตรูใหม่ที่ปรากฏตัวจะแข็งแกร่งมาก เป็นเพราะจำนวนทหารไล่ล่าของมันลดลงมากถึง 200,000 นาย
มันเชื่อว่าการส่งราชาปีศาจเก่งๆไปพร้อมกับทหารจำนวน 400,000 ตนก็เพียงพอแล้ว โดยไม่จำเป็นต้องคิดมากและให้ความสนใจอะไรมากมาย เพราะยังไงมันก็ไปด้วยตนเองไม่ได้ เนื่องจากต้องเฝ้ารอยแยกของเกรโมรี่
แต่มันก็ต้องฉุกใจคิด…

‘นี่ข้าตัดสินใจผิดพลาดหรือเปล่า?’
ถึงตอนนี้ข่าวชัยชนะของพวกมันน่าจะมาถึงได้แล้ว
ทหารของมันน่าจะเด็ดหัวศัตรูไปแล้ว แต่พวกนั้นยังไม่กลับมา ไม่มีสัญญาณแห่งชัยชนะ หรือความพ่ายแพ้ใดๆทั้งสิ้น

การคำนวณของมันไม่ผิด
เลราเจมี ‘ดวงตาที่สามารถอ่านกระแสสงครามได้อย่างทะลุปรุโปร่ง’ เมื่อมีสงครามใดๆเกิดขึ้นมันสามารถคำนวณตัวแปรทั้งหมดออกมาได้ และจากการสันนิษฐานว่ามีการแทรกแซงจากบางอย่าง ทำให้เลราเจตัดสินใจส่งหน่วยไล่ล่าจำนวน 400,000 ตนออกไป ซึ่งนั่นก็เพียงพอแล้ว
การคำนวณนั้นถูกต้อง นี่เป็นเรื่องจริงตราบใดที่คู่ต่อสู้ไม่มีประสบการณ์ในการ ‘ต่อสู้’ มากกว่าตัวมัน
เท่าที่ผ่านมายังไม่มีใครเป็นเช่นนั้น เลราเจไม่ได้ถูกเรียกว่า ‘ราชาปีศาจแห่งสงคราม’ โดยไม่มีเหตุผล
อย่างน้อยในแง่ของสงครามมันเป็นตัวตนที่พิเศษที่มีชีวิตและลมหายใจเข้าออกเพื่อการต่อสู้
มันถูกต้องแล้วที่จะคิดว่าศัตรูแข็งแกร่งเกินความคาดหมาย

“ ข้าจะเพิ่มความเร็วในการทำลายรอยแยกของเกรโมรี่”
เลราเจตัดสินใจว่าจะกำจัดเกรโมรี่เร็วขึ้น มันเบื่อและเหนื่อยหน่ายกับการนั่งเฝ้าอยู่ที่นี่ทั้งวัน มันอยากทำ “สงคราม” จริงๆสักที
ยังไงเกรโมรี่ก็อยู่ในระดับผู้นำที่แข็งแกร่งที่สุดของฝ่ายตรงข้าม มันจะต้องเป็นการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่แน่ๆ

“ แต่ถ้าท่านทำเช่นนั้น ปิศาจที่จ่ายพลังงานจะไม่รอด”
ปีศาจบางตนพูดอย่างกังวล
สิ่งที่จำเป็นในการเปิดรอยแยก คือเวทมนตร์บริสุทธิ์ของปีศาจพิเศษบางตัว เลราเจใช้พลังของพวกมันพื่อค้นหาและเปิด ‘ประตู’ ในรอยแยก การทำเช่นนั้นพวกมันจะต้องปล่อยพลังงานจนถึงขีดจำกัดกระทั่งพลังชีวิตลดต่ำลง แต่เลราเจไม่สนใจ
“ การเสียสละเพื่อสิ่งที่ดีกว่าเป็นสิ่งจำเป็น การเปิดรอยแยกล่าช้าอาจทำให้เกิดปัญหาที่ไม่คาดคิดขึ้น “
มีตัวแปรเกิดขึ้นได้มากมาย ตอนนี้ฝ่ายปฏิปักษ์อาจมารวมตัวกันแล้ว และมีความเป็นไปได้ที่เดียโบลจะปรากฏตัวขึ้น มันจะทำให้เกรโมรี่อาจเดินหมากได้อีกครั้ง
ดังนั้นการจัดการเกรโมรี่ให้รวดเร็วก่อน ย่อมดีกว่าสำหรับการเคลื่อนไหวครั้งต่อไปของมัน

“ หากความเร็วยังเป็นเช่นนี้จะต้องใช้เวลาอีกประมาณ 65 วัน กว่าจะนำตัวนังเกรโมรี่ออกมาได้ ข้าไม่อยากเสียเวลาแล้ว ข้าต้องการเปิดรอยแยกในวันนี้”
เพื่อย่นระยะเวลา 65 วัน มันคิดว่าต้องสูญเสียปีศาจสำหรับจ่ายพลังงานประมาณ 50,000 ตน
ยังไงก็ตาม หากประสบความสำเร็จในการจู่โจมวันนี้ การสูญเสียทหารปีศาจจำนวน 50,000 ตนย่อมคุ้มค่า

‘ดวงตา’ ของเลราเจกำลังบอกมันว่าสงครามครั้งนี้ควรจบลงอย่างรวดเร็ว
ผู้ใต้บังคับบัญชาของของมันเงียบสนิทไม่มีใครคัดค้านอีก คำพูดของเลราเจนั้นถือเป็นสิทธิ์ขาด และมันไม่เคยพูดผิด

“ สิ่งที่เราต้องการคือชัยชนะและสร้างโลกใหม่! เพื่อท่านบาอัลเราจะต้องไม่แพ้!”
เลราเจตะโกนปลุกใจทหารปีศาจของมัน

ตึง! ตึง! ตึง!
เหล่าปีศาจกระแทกอาวุธลงบนพื้นเสี่ยงสนั่น ก่อนจะพุ่งปรี่เข้าสู่รอยแยก

“ จงอย่าเกรงกลัวการเสียสละ! สิ่งสำคัญที่สุดคือชัยชนะ!”
มันเกิดมาเพื่อที่จะชนะ บทบาทของมันคือการปูทางแห่งความรุ่งเรืองอันไม่มีที่สิ้นสุด

เลราเจหยิบคันธนูออกมา มันคือสิ่งประดิษฐ์ที่ยิ่งใหญ่
‘อินเฟอร์โน่’ ธนูที่แข็งแกร่งที่สุดในอันเดอร์เวิล์ด ซึ่งมีแต่เลราเจเท่านั้นที่สามารถใช้ได้
เมื่อมันง้างสายธนูเวทมนตร์จำนวนมหาศาลก็เริ่มก่อรูปร่างเป็นลูกศร

วูม!
อำนาจพลังนั้นเผาผลาญและสามารถเจาะผ่านได้ทุกอย่าง หากรวมพลังของเลราเจกับชีวิตทหารปีศาจอีก 50,000 ตน แม้แต่รอยแยกก็ไม่อาจทานทนได้

‘เกรโมรี่ จะไม่มีที่ให้เจ้าซ่อนอีกต่อไป’
ดวงตาของเลราเจเปล่งประกาย
ถ้ามันเข้าสู่รอยแยกและเด็ดหัวของเกรโมรี่ออกมาได้ ตัวแปรอื่นๆจะไม่มีทางถูกสร้างอีก
ฟุบ!
ไม่นานหลังจากนั้นเลราเจก็ปล่อยลูกธนูของมัน พลังงานสีดำทรงพลังพุ่งทะลวงผ่านเข้าสู่อากาศ และเมื่อมันสัมผัสรอยแยก

บูมมมมมมมมมมมมม!
ด้วยเสียงที่หนักหน่วงพื้นที่รอบๆถึงกับบิดเบือน
รอยแยกเต็มไปด้วยพลังเวทมนตร์สีดำ และหลังจากนั้นไม่นานพื้นหลังของรอยแยกก็เริ่มเปลี่ยนไป

ณ ที่แห่งนั้นปรากฏเป็นโลกอันดำมืดมีป้อมปราการขนาดใหญ่ตั้งอยู่หลายแห่ง ปีศาจจำนวนมากกางปีกออกขณะมองที่เลราเจ และท่ามกลางปีศาจทั้งหมดเธออยู่ที่นั่น เทพปีศาจหญิงเพียงผู้เดียว เกรโมรี่!

“ เจ้ายังงดงามเช่นเดิม”
เลราเจยิ้มแล้วพูด
ในความเป็นจริงหลายคนหลงใหลในความงามของเธอ คุณสามารถพูดได้ว่าฝ่ายปฏิปักษ์ส่วนใหญ่ล้วนเป็นเช่นนั้น ปีศาจลุ่มหลงในความงามและความรักฟังดูเป็นคำที่ไม่เหมาะกับพวกมันจริงๆ

“ เจ้าก็ยังคงน่าเกลียดเหมือนเช่นเดิม”
เกรโมรี่พูดด้วยท่าทางไม่สบายใจ
ยังไงก็ตามแค่น้ำเสียงของเธอก็สามารถทำให้ใครก็ตามที่ได้ฟังต้องเข่าอ่อน ดูเหมือนความพยายามของพระเจ้าทั้งหมดจะถูกใช้ไปกับการสร้างของเธอออกมา
แต่เลราเจเป็นเทพปีศาจแห่งสงคราม ตัวมันมีอยู่เพียงเพื่อการทำสงครามเสน่ห์ของหญิงสาวย่อมไม่มีผล

“ วันนี้จะเป็นวันสุดท้ายของเจ้า หากไม่อยากอับอายนักก็พยายามสู้กับข้าให้ดีที่สุดแล้วกัน”

“บาอัลพาเรากลับไปยังดินแดนที่สัญญาไว้ไม่ได้หรอกเลราเจ เขาไม่มีอำนาจมากพอที่จะฟื้นฟูแผ่นดินที่เต็มไปด้วยความตายนั่นได้ สุดท้ายมันก็เป็นเพียงความหวังลมแล้งๆ”
เลราเจขมวดคิ้ว ร่างอันใหญ่โตของมันสั่นอย่างเห็นได้ชัด

“หุบปาก บาอัลเป็นผู้ยิ่งใหญ่ และเราก็มีพัฒนาที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ถึงเวลาที่จะกลับไปกันสักที ข้าไม่ต้องการอยู่ในโลกปลอมๆอีกต่อไป!”

เกรโมรี่แสดงความสงสารออกมา
“ คนที่ติดอยู่ในความฝันคงไม่ใช่ข้า แต่เป็นเจ้า”

มันเหมือนเลราเจติดอยู่ในความเพ้อฝันด้วยดวงตาที่มืดบอด คำพูดต่างๆไม่อาจส่งผ่านไปถึงมันได้
เกรโมรี่กัดริมฝีปาก พลังแห่งการล่อลวงไม่ได้ผลกับเลราเจ ตอนนี้อัตราการชนะของเธอต่ำมาก

“เราจะสู้”
ภายใต้คำสั่งของเกรโมรี่, 26 ราชาปีศาจตะบึงออกไปต่อสู้ ราชาปีศาจทั้ง 26 ตนและเหล่าปีศาจ 26 กลุ่มเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเกรโมรี่ อย่างไรก็ตาม ราชาปีศาจภายใต้เลราเจมีถึง 38 ตน

“เกรโมรี่เจ้าฆ่าตัวตายเองนะ”
เลราเจยกคันธนูขึ้น
พลังเวทย์ของมันหายไปเกือบ 20% ตอนบังคับเปิดรอยแยก แต่แค่นี้ก็เพียงพอที่จะต่อสู้กับเกรโมรี่แล้ว

‘ดวงตาแห่งสงคราม’ ของเลราเจบอกมันว่าอัตราชนะที่ได้เท่ากับ 100%
ชัยชนะอย่างสมบูรณ์แบบ! ไม่มีทางที่มันจะแพ้

เมื่อดูจากจำนวนและคุณภาพของกองทัพ รวมถึงพลังในฐานะเทพปีศาจ เห็นได้ชัดว่าเลราเจเหนือกว่ามาก
เกรโมรี่ไม่ได้เป็นเทพปีศาจสายต่อสู้ มันไม่ได้เป็นคู่ที่เหมาะสมกันแต่แรกแล้ว สิ่งที่เธอทำได้คือหยุดการเคลื่อนไหวของเลราเจชั่วคราวเท่านั้น

“มาเริ่มกันเถอะ!”

เลราเจยิ้ม

เปรี้ยง!
ขณะที่มันก้าวขาก็เกิดเสียงดังขึ้น
แต่มันไม่ใช่เสียงที่สร้างโดยเลราเจ
มันเป็นเสียงกระแทกที่เกิดจากบางสิ่งในระยะไกล

‘นี่มัน?’
ในขณะที่เลราเจหันศีรษะไป มันก็สังเกตเห็นสิ่งมีชีวิตขนาดยักษ์จากระยะทางหลายร้อยไมล์ กำลังพุ่งดิ่งตรงมายังที่นี่ด้วยความเร็วมหาศาล
ราวกับว่าเกาะใหญ่กำลังเคลื่อนที่ มีสิ่งมีชีวิตเพียงอย่างเดียวที่สร้างแรงกดดันได้ขนาดนี้

“ …สกายลอร์ด”
เกรโมรี่พูด

อย่างไรก็ตามเกรโมรี่ไม่เพียงรู้สึกได้ถึงตัวตนของสกายลอร์ดเท่านั้น

เปรี้ยง! ตูม! ตะตุตูม!
เสียงระเบิดดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง พื้นดินสั่นสะเทือน ตอนนี้การระเบิดสามารถเห็นได้ในระยะสายตาของพวกเขาแล้ว
ด้วยการระเบิดนั้น ออร่าพลังของใครบางคนที่คุ้นเคยเป็นอย่างมากก็แผ่เข้ามา และเมื่อพวกมันเข้ามาใกล้ดวงตาของเกรโมรี่ก็เกิดการสั่นไหวเล็กน้อย

“เขาคือ…”

“ ไม่น่าเชื่อ”
ราชาปีศาจภายใต้คำสั่งของเกรโมรี่ก็สังเกตเห็นเช่นกัน

ปีกสีเทาสองคู่!

“เกรโมรี่ เจ้าดูเหมือนจะรู้อะไรบางอย่างเกี่ยวกับมัน”
เลราเจพูด มันรู้สึกหงุดหงิดมากที่มีคนมาขัดจังหวะการต่อสู้
เกรโมรี่สงบดวงตาที่สั่นเทาของเธอก่อนจะหันไปหาเลราเจและพูดว่า

“ เขาคือ…”
จริงๆแล้วเธอไม่ได้คาดหวังอะไรมาก ตอนขอให้เขาช่วยค้นหาชิ้นส่วนของรอยแยกก็เพราะไร้ซึ่งหนทางเท่านั้น ยังไงก็ตาม เธอไม่คิดว่าเขาจะมีพลังมากจนสามารถนำสกายลอร์ดมาด้วย

เกรโมรี่พูดต่อไป
“ เขาคือราชาปีศาจตนที่ 27ของข้า, ‘ราชาปีศาจแห่งเถ้าสีเทา’, มูยอง”

***

มูยองได้ข้อสรุปว่าสกายลอร์ดนั่นยากที่จะทำให้เชื่อง หรืออย่างน้อยมันจะไม่เกิดขึ้นภายในหนึ่งหรือสองวันเป็นแน่
ยังไงก็ตามมูยองยังประสบความสำเร็จอยู่ สกายลอร์ดกินปีศาจไปทั้งหมด 400,000 ตน ตามที่คาดไว้การเคลื่อนไหวของสกายลอร์ดชะลอตัวลงเล็กน้อย

‘ถึงฉันจะใช้กำลังบังคับมันได้ แต่คงใช้เวลานานเกินไปสำหรับการฟื้นตัว’
จากนี้ไปมันเป็นการแข่งขันกับเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเกรโมรี่แพ้ มันจะกลายเป็นจุดจบ หากเขาต้องเปลืองพลังไปกับสกายลอร์ดมูยองจะไม่สามารถสู้เลราเจได้
และแล้วมูยองก็ได้ข้อสรุป

‘ฉันจะไปหาเลราเจทั้งๆแบบนี้แหละ’
แน่นอนว่าถ้าทุกอย่างเป็นไปตามแผน แต่บางครั้งก็จำเป็นต้องตอบสนองต่อสถานการณ์เฉพาะหน้าด้วย และสำหรับตอนนี้นี่คือการเคลื่อนไหวที่ดีที่สุด

มูยองไม่จำเป็นต้องกำราบสกายลอร์ดเอง แต่ให้เลราเจทำแทน!

ก๊าซ!
เนื่องจากสกายลอร์ดไม่สามารถจับมูยองได้มันจึงส่งเสียงร้อง ก่อนที่จะสร้างหนวดจำนวนมากเพื่อโจมตีมูยอง มูยองหันไปสู้บางครั้งก่อนจะบินหนีอย่างรวดเร็วในขณะที่รักษาระยะห่างอย่างเหมาะสม ดังนั้นหลังจากไม่กี่ชั่วโมงของการดิ้นรนเขาก็สามารถไปถึงค่ายที่เลราเจอยู่

‘ฉันมาทัน’
แต่มีบางสิ่งที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น เขาไม่คิดว่าประตูรอยแยกจะถูกเปิดไปแล้ว
แม้สงครามยังไม่เริ่ม แต่เขารู้สึกว่ามันจะเริ่มอีกในไม่ช้า
มูยองเร่งความเร็วมากขึ้น และในเวลานั้นสายตาของเขาก็ได้พบกับเกรโมรี่

“ เขาคือ…”
ดวงตาของเกรโมรี่สั่นไหวอย่างเข้าใจยากราวกับเธอไม่รู้ว่ามูยองจะมาถึงในเวลานี้
ไม่สิ ดูเหมือนเธอจะตกตะลึงจากการปรากฏตัวของชายที่เธอไม่คาดหวังและไม่เคยคิดถึงมากกว่า
เกรโมรี่ยังแนะนำมูยองต่อไป

“ เขาคือราชาปีศาจตนที่ 27ของข้า, ‘ราชาปีศาจแห่งเถ้าสีเทา’, มูยอง”

<ภารกิจ ‘ราชาปีศาจแห่งกองทัพที่ 27’ เสร็จสิ้นแล้ว>
<อันดับราชาปีศาจแห่งกองทัพที่ 27 ได้เพิ่มจาก A+ เป็น S >
<คุณได้รับฉายา ‘ราชาปีศาจแห่งเถ้าสีเทา’>
<ผู้ใช้มูยองเริ่มใช้ความพยายามอย่างมากจนกลายเป็นราชาปีศาจของเทพปีศาจเกรโมรี่!>

The King of the Battlefield

The King of the Battlefield

ในตอนที่มนุษยชาติอยู่ในสภาวะที่ใกล้ล่มสลาย มูยองมือสังหารอันดับหนึ่งของ ‘ป่าแห่งความตาย’

กำลังนั่งคุกเขารอรับความตายเนื่องจากเนื้อตัวเต็มไปด้วยบาดแผลที่ยากแก่การรักษา เขากวาดสายตามองไปรอบๆตัวซึ่งตอนนี้เต็มไปด้วยซากศพมากมาย เขาเคยทำงานอย่างหนักเพื่อคนพวกนี้

และในวันนี้เขาก็เป็นคนจบทุกอย่างด้วยมือของตนเอง แต่เมื่อมูยองลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เขาก็พบว่าปาฏิหาริย์นั้นมีจริง ตัวเขายังไม่ตาย! นอกจากนี้มูยองยังพบว่าตัวเองได้ย้อนเวลากลับมายัง 40 ปีที่แล้ว

เขาเลือกที่จะเดินสู่หนทางใหม่ และต่อสู้กับเหล่าเทพปีศาจทั้ง 72 ตน….

Show more

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท