ตอนที่ 67 คุณอย่าขยับ ผมดูให้
จนกว่าใบหน้าทั้งสองข้างของมู่หวั่นขีนั้นได้บวมจนมองไม่ออกใบหน้าเดิมแล้ว เฉินถิงเซียวก็ยังสั่งให้หยุด
มีแต่มู่น่อนน่อนกลับทนเห็นไม่ไหวแล้ว เธอเตะเท้าเขาใต้โต๊ะเบาๆ แล้วเรียกเขาเบาๆ “เฉินเจียฉิน!”
เฉินเจียฉินหันมามองเธอ ก็เข้าใจว่าเธออยากให้เขาสั่งให้หยุด มือเรียวยาวของเขาเคาะบนโต๊ะไปสองที จากนั้นถึงได้เริ่มพูดอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก “พอแล้ว คุณมู่ช่างใจร้ายลงไปได้ ลูกสาวดั่งดอกไม้ ยังอดใจตีจนขนาดนี้”
ในน้ำเสียของเขาฟังทำนองแบบผู้ร้ายไม่ออกเลยสักนิด แต่กลับเหมือนเป็นท่านผู้ชมที่ดูตลกคนหนึ่งมากกว่า
มู่ลี่เหยียนรู้สึกคับข้องใจ แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรเขาได้ เขาก้มหน้ามองมู่หวั่นขีทีหนึ่ง แล้วหลบหน้าหนีเลยทันที
ใบหน้าที่บวมเหมือนหัวหมูของมู่หวั่นขี ช่าง…ช่างเห็นเข้าตาไม่ได้
เฉินถิงเซียวมองมู่หวั่นขีทีหนึ่ง อ้าปากอย่างช้า “สั่งสอนลูกสาวตัวเองสมควรครับ แต่ก็ไม่สามารถใจร้ายขนาดนั้นเหมือนคุณมู่ ยังไงก็ต้องเหลือทางหลังให้ตัวเอง”
เฉินถิงเซียวได้ตามเป้าหมายแล้ว ขี้เกียจอยู่ต่อไป หันมองมู่น่อนน่อนที่อยู่ข้างๆ ทีหนึ่ง น้ำเสียงอ่อนโยนลงอย่างเห็นชัด “กินอิ่มหรือยังครับ? ”
มู่น่อนน่อนวางแผนเค้กฝักท้องในมือที่ยังไม่หมดลง เก็บความตกกลัวบนใบหน้าไว้ พยักหน้า “อิ่มแล้วค่ะ”
“ไปเถอะ” เฉินถิงเซียวพูดจบ ก็ลุกขึ้นเดินออกไปข้างนอก
มู่น่อนน่อนรีบหยิบกระเป๋าเดินตามไป
เฉินถิงเซียวตัวสูงขายาว ตอนที่มู่น่อนน่อนเดิมตามไป เขาก็ได้เดินไปพอไกลแล้ว
เธอกำลังจะวิ่งน้อยๆ ก็เห็นเขาหันกลับมาทันที จากนั้นยืมอยู่ที่เดิมไม่ขยับ ราวว่ากำลังรอเธอ
อาจเป็นเพราะวันนี้เกิดเรื่องเยอะไปหน่อย และอาจเป็นเพราะได้รับการกระทบจากเซียวชู่เหอ จุจุดวงตาเธอก็แดงอีกแล้ว
ตอนเด็ก เธอเคยถูกเซียวชู่เหอพาไปสถานที่เครื่องเล่น แต่ครั้งนั้นมีมู่หวั่นขีไปด้วย
เซียวชู่เหอมุ่งอยู่แต่ดูแลมู่หวั่นขี ไม่มีเวลาดูแลเธอ ตอนนี้เธอยังเด็ก เห็นอะไรพลางมีความสนใจไปหมด ต่อมาก็หลุดไปจากด้านหลังพวกเขาสองคน เธอจ้องมองเซียวชู่เหอหายไปจากทุ่มกลุ่มผู้คน ไม่แม้แต่หันกลับมามองเธอ
ในตอนนั้น เธอคาดหวังให้เซียวชู่เหอหันกลับมามองหาเธอมาก
เฉินถิงเซียวเห็นเธอยืนเหม่อกับที่ไม่ขยับ ขมวดคิ้วแล้วเดินกลับมา “คุณเป็นอะไรครับ? ”
มู่น่อนน่อนหลบหน้าเช็ดน้ำตา พอเงยหน้าอีกครั้ง นอกจากดวงตาแดงพลางดูความไม่ปกติอย่างอื่นไม่ออก
“ลมแรงไปหน่อย ฝุ่นเข้าตา”
เธอคิดว่าตัวเองคำโกหกที่ตัวเองสร้างนั้นจะถูก “เฉินเจียฉิน” พูดออกมา แต่ไม่คิดว่าเขาไม่เพียงไม่ ยังก้มตัวลงอย่างใส่ใจเรื่องนี้ “คุณอย่าขยับ ผมดูให้”
มู่น่อนน่อนยังอยู่กับความซาบซึ้งที่ “เฉินเจียฉิน” ช่วยตัวเองในเมื่อกี๊อยู่ เลยยืนนิ่งไม่ขยับ เงยหน้าให้เขาดูตาของเธอ
แต่เธอลืมไปว่า “เฉินเจียฉิน” แม้จะทำเรื่องดีเป็นบางครั้ง แต่ก็ไม่ได้เป็นสุภาพบุรุษตัวจริง
เธอมอง “เฉินเจียฉิน” ที่ค่อยๆ ซูมกว้างเข้าตา ใบหน้าที่ยิ่งเข้าใกล้เรื่อยๆ ในใจมีความรู้สึกไม่ค่อยดี อยากหลบถอยออกไป
เฉินถิงเซียวมือเร็วรีบประคองท้ายทอยเธอไว้ ก้มหน้าแล้วจูบริมฝีปากเธอทีหนึ่ง พลางถอยออกไปอย่างเร่งรีบ
จากที่เขาจูบแล้วถอยออกไปนั้น ไม่เกินสองนาที
นานสักพักมู่น่อนน่อนถึงตั้งตัวกลับมา อยากปริปากด่าเขา แต่เมื่อกี๊เขาพึ่งช่วยเธอ
แต่ถ้าไม่ด่าเขา…เป็นไปไม่ได้!
“เฉินเจียฉิน!คุณช่วยเอาหน้าหน่อยได้ไหม!” มู่น่อนน่อนรู้ว่าตัวเองด่า “เฉินเจียฉิน” ก็จนคำพูดเลย
คิดวนไปมาก็นอกจากคำว่า “ไร้ความละอาย” “หน้าไม่อาย” เธอหาคำอื่นที่จะด่าเขาไม่ออกเลย
แต่เขาก็ยังไม่รู้จักผิด
“ มู่น่อนน่อน ฉันยอมจูบหน้าที่แย่ๆ ของเธอลงได้ เธอควรซาบซึ้งนะ” เขาพูดไป พลางยื่นมือไปจับครึ่งใบหน้าที่บวมช้ำของเธอ
มู่น่อนน่อนรีบตบมือเขาทิ้ง มองด้วยสายตาเย็นชา “อย่าลงไม้ลงมือนะ!”
“เฉินเจียฉิน” เหมือนน่าสนุกยื่นมือไปจับอีก มู่น่อนน่อนยื่นมือปัดมือเขาทิ้งอีก
แต่ว่า ครั้งนี้เธอกลับไม่ได้ดั่งคิด เพราะ “เฉินเจียฉิน” ได้จับมือเธอไว้แน่น
มือของหญิงสาวเหมือนไร้กระดูก พอจับไว้ในฝ่ามือช่างนุ่มนวลมาก
เฉินเจียฉินมีความได้ใจผ่านสายตา กดมือเธอไว้อีก ก่อนที่มู่น่อนน่อนจะโมโห พลางดึงเธอเดินเข้าไปข้างหน้า
“เธอปล่อยมือนะ!” มู่น่อนน่อนดิ้นรนอยู่ตลอด
เธอรู้สึกว่า “เฉินเจียฉิน” ในวันนี้ช่างเกินไปเป็นพิเศษ กลับกล้าจูบเธอกลางผู้คนในที่สาธารณะแบบนี้ และยังจับมือเธอด้วย
ที่นี่ไม่ไกลจากบริษัทมู่ซื่อมาก มีพนักงานบางส่วนมากินข้างที่นี่ ถ้าเกิดมีคนมาเห็นเข้า…
มู่น่อนน่อนรู้สึกว่า ถ้ายังเป็นแบบนี้อีกต่อไป เธอต้องถูก “เฉินเจียฉิน” กดดันจนบ้าแน่ๆ !
เธอดึงมือของ “เฉินเจียฉิน” ไม่ออก แต่ก็ไม่สามารถทำให้สถานการณ์วุ่นวายมาก กลัวทำให้คนอื่นต้องหันมาสนใจ สุดท้ายพลางถูกเขาจับมือมาถึงในรถ
หลังจากสองคนไปแล้ว มู่หวั่นขีที่หน้าบวมอย่างหมูเดินออกมาจากเสาประตูร้านอาหาร ดูรูปที่ตัวเองถ่ายตอนเมื่อกี๊ สายตามีความมืดเฉียบ
มู่น่อนน่อนฉวยโอกาสใช้นามคุณนางเฉิน ยังยุ่งเกี่ยวไม่ขาดกับน้องชาย เธอจะรอดูจุดจบขอสองคนนี้เป็นยังไง
วันนี้เธอต้องทนความลำบากมากขนาดนี้ จะไม่ยอมใจง่ายๆ เเน่นอน!
……
มู่น่อนน่อนถูก “เฉินเจียฉิน” พาไปที่คลินิก มาสก์หน้า แล้วทายาแก้อักเสบไป จากนั้นก็กลับมาทำงานที่บริษัทซื่อต่อ
มาถึงบริษัทซื่อ เธอพึ่งนั่งลงในช่อของตัวเอง พลางได้ยินคนข้างๆ พูดเรื่องมู่หวั่นขีลากลับบ้านพักผ่อนเลย
คนที่พูดเห็นมู่น่อนน่อนมาเเล้ว เสียงเบาลงทันที
ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ มู่น่อนน่อนก็ยังหูดีได้ยินเป็นคำๆ
“ฉันว่ามู่น่อนน่อนคนนี้ไม่ธรรมดา…เขาเพิ่มมาบริษัท ผู้บริหารในบริษัทก็เกิดเรื่องต่อๆ กัน ลาบ้าง…”
มู่น่อนน่อนคิดๆแล้ว ราวว่าเป็นแบบนั้นจริงด้วย
เริ่มแรกเป็นซุนเจิ้งหวา ต่อมาเป็นมู่หวั่นขี
แต่สิ่งนี้จะโทษเธอได้ไหม? เป็นพวกเขาที่หาเรื่องเธอก่อน!
ช่วงเวลาเลิกงาน มู่น่อนน่อนเก็บของกำลังจะออกไป พลางเห็นเลขามู่ลี่เหยียนเดินเข้ามาเลย
“คุณมู่ครับ ผู้อำนวยการเรียกคุณไปครับ”
มู่ลี่เหยียนเรียกเธอไปทำอะไร?
หรือเป็นเพราะเรื่องในกลางวันนี้ อยากจะแก้แค้นแทนมู่หวั่นขี
ว่าด้วยการเอ็นดูของมู่ลี่เหยียนต่อมู่น่อนน่อนนั้น นี่คือสิ่งที่เป็นไปไม่ได้
ฉะนั้นแล้ว มู่น่อนน่อนเลยพูดด้วยความอ่อนโยนอย่างตั้งใจนัก “โทษทีค่ะ ตอนนี้เป็นเวลาเลิกงาน ถ้าผู้อำนวยการมีเรื่องงานจะหาฉัน ฉันจะไปหาเขาพรุ่งนี้ ถ้าเป็นเรื่องส่วนตัว เขาจะโทรมาหาฉันแน่นอน และอีกอย่างฉันจะไปเยี่ยม “เพื่อนร่วมงานชาย” คนนั้นที่ทำงานเหนื่อยล้าจนล้มลงเพราะสาเหตุที่ฉันโดดงาน”
เลขามู่ลี่เหยียนอยู่กับเขามาหลายปี มากน้อยก็ต้องรู้สถานการณ์ของมู่น่อนน่อนบ้าง หน้าตาธรรมดา ไหวพริบลากช้า
เรื่องราวช่วงนี้ของบริษัทเขาก็รู้ แต่หลังจากคบหา ถึงรู้ว่ามู่น่อนน่อนไม่เพียงสวยขึ้นแล้ว คำพูดก็แรงมากขึ้น
เลขาพูดอย่างไม่ตายใจ “แต่ว่าประธานมู่ได้มอบหมายให้คุณไปหาเขาครับ”
การตอบสนองของมู่น่อนน่อนคือเป้กระเป๋าแล้วออกไปเลย