ตอนที่ 112 คุณเชื่อฟังหน่อย ผมจะดีกับคุณมาก
เฉินเจียฉินส่ายหัว:“เขาไม่รู้ครับ”
เฉินถิงเซียวหัวเราะเยาะ ถ้าไม่ใช่เฉินเจียฉินคลุกคลีอยู่กับมู่น่อนน่อน เขาอาจจะชมว่าเฉินเจียฉินมีความกล้าหาญและมีประสบการณ์
“นายกับมู่น่อนน่อนนี่มันยังไงกันแน่?”
ถึงว่าล่ะช่วงนี้พฤติกรรมของมู่น่อนน่อนดูผิดปกติ ที่แท้คือรู้สถานภาพของเขาแล้วนี่เอง
ถึงแม้เขาก็เคยคิดในทางด้านนี้มาก่อน แต่กลับคิดไม่ถึงว่าจะเพราะเธอมาเจอกับเฉินเจียฉิน
เฉินเจียฉินถามอย่างอ้ำๆอึ้งๆ:“เธอเป็นภรรยาของพี่จริงเหรอ?”
“ไม่งั้นล่ะ?”เฉินถิงเซียวยักคิ้วเล็กน้อย มองไปที่เขาเหมือนจะยิ้มแต่ไม่ยิ้ม
เฉินเจียฉินพูดด้วยความโกรธ:“ภรรยาของพี่เป็นคนขี้เหร่ไม่ใช่เหรอครับ?”
“นายพูดอีกรอบซิ”น้ำเสียงของเฉินถิงเซียวไม่เปลี่ยน แต่กลับน่าเกรงขามมาก
เฉินเจียฉินย่อมไม่กล้าพูดอีกรอบอยู่แล้ว แค่เล่ารายละเอียดเรื่องราวของหลายวันนี้ให้เฉินถิงเซียวฟังอย่างตามความเป็นจริง
พอพูดจบ เขายังได้ชมฝีมือการทำอาหารของมู่น่อนน่อนอย่างหนัก:“กับข้าวที่มู่น่อนน่อนทำอร่อยดีนะ”
เฉินถิงเซียวจ้องเขาด้วยสายตาแหลมคม:“นายเรียกเธอว่าอะไรนะ?”
ภายใต้การข่มเหงของเขา เฉินเจียฉินเปิดปากพูดเบาๆ“……พี่สะใภ้ครับ”
มู่น่อนน่อนหลบอยู่ที่ราวจับบันไดตรงชั้นสอง มองหน้าตาขี้ขลาดของเฉินเจียฉินแล้วรู้สึกคุ้นๆอย่างแปลกประหลาด
เหมือนบางครั้งตอนที่เธออยู่ตรงหน้าของเฉินถิงเซียว……ก็หน้าตาแบบนี้เลย
…………..
เฉินถิงเซียวสั่งให้สือเย่จัดเตรียมห้องนอนให้เฉินเจียฉิน พอเงยหน้า ก็เห็นมู่น่อนน่อนถือกระเป๋าเดินทางเดินลงมาจากชั้นบน
สายตาของเฉินถิงเซียวได้หยุดอยู่ที่กระเป๋าเดินทางของเธอหลายวินาที จากนั้นถึงพูดเสียงเย็นชา:“คุณทำอะไร?”
“คุณว่าล่ะ?”ตอนนี้เธอทำไม่ได้ที่จะอยู่ใต้ชายคาเดียวกันกับเฉินถิงเซียวอย่างจิตใจสงบเยือกเย็น
“ช่วยคุณหญิงน้อยยกกระเป๋าเดินทางไปที่ห้องนอนใหญ่”เฉินถิงเซียวมองมู่น่อนน่อนไว้ แต่คำพูดที่เขาพูดออกมากลับกำลังสั่งบอดี้การ์ดอยู่
บอดี้การ์ดรีบเดินหน้ามาหิ้วกระเป๋าเดินทางของมู่น่อนน่อน แล้วขึ้นไปห้องนอนใหญ่ที่เฉินถิงเซียวพักโดยตรง
มู่น่อนน่อนไม่ทันห้ามปรามพวกเขาเลยด้วยซ้ำ
มู่น่อนน่อนกัดริมฝีปาก หันหน้ามาพูดกับเขาอย่างเสียงดัง:“เฉินถิงเซียว คุณอย่าเกินไปนะ!”
น้ำเสียงของเฉินถิงเซียวราบเรียบ:“สามีภรรยานอนห้องเดียวกัน มีปัญหาอะไรเหรอครับ?”
มู่น่อนน่อนรู้สึกระดับความไร้ยางอายของเฉินถิงเซียวนี่ไม่ต่ำกว่าคนของตระกูลมู่เลยสักนิด
เธอเถียงเฉินถิงเซียวไม่ไหว ขี้เกียจพูดทฤษฎีกับเขาอีก ยกฝีเท้าจะเดินออกไปข้างนอก แต่ยังเดินไม่ถึงประตู ก็ถูกบอดี้การ์ดห้ามปรามเอาไว้
เธอเงยหน้ามองเฉินถิงเซียว:“คุณหมายความว่ายังไง?”
เฉินถิงเซียวไม่ได้ตอบเธอในทันที เขาลุกขึ้นมา จัดแขนเสื้อของตัวเองอย่างเอื่อยเฉื่อย สีหน้าเย็นชาจนผิดปกติ:“คุณนึกว่าประตูของตระกูลเฉิน คุณอยากเข้าก็เข้า อยากออกก็ออกงั้นเหรอ?”
มู่น่อนน่อนสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย
ข้างนอกต่างก็ลือกันหนาหูว่าเฉินถิงเซียวเป็นผู้ชายที่หน้าตาเสียโฉมไม่สามารถมีเซ็กซ์ได้ แต่แท้จริงแล้วเขาแข็งแรงมาก คนที่รู้ความจริงต้องเป็นคนที่สนิทชิดเชื้อกับเขามากแน่นอน
ส่วนตอนนี้มู่น่อนน่อนก็รู้ความจริงนี้ เพราะฉะนั้นเขาไม่ปล่อยเธอไปง่ายๆหรอก
เฉินถิงเซียวเห็นมู่น่อนน่อนสีหน้าเปลี่ยน ก็รู้ว่าเธอเข้าใจความหมายของคำพูดเขาแล้ว
เขาเดินมาที่ตรงหน้าของมู่น่อนน่อนอย่างช้าๆ ยกมุมปากขึ้น แต่รอยยิ้มนั้นกลับเยือกเย็น:“คนที่เข้ามาพัวพันกับผม ไม่สามารถหลุดพ้นไปง่ายขนาดนั้นหรอก ยิ่งไปกว่านั้นคุณเป็นภรรยาของผม อย่ามีความคิดที่เกินเลย และอย่าไปทำเรื่องที่ไร้ประโยชน์ ถึงคุณตาย ก็ต้องฝังอยู่แค่ข้างกายผม”
มู่น่อนน่อนแต่งเข้ามาที่ตระกูลเฉินใกล้สามเดือน ที่เห็นคือ“เฉินเจียฉิน”ที่ยโสโอหัง นี่ยังเป็นครั้งแรกที่เธอเห็นเฉินถิงเซียวเผยแววตาเหมือนสัตว์ดุร้ายที่เต็มไปด้วยความรู้สึกรุกรานและอันตราย
แววตานี้ไม่ใช่ลูกคนร่ำรวยธรรมดาที่จะมี กลับกันเหมือนมารปีศาจที่คลานออกมาจากความมืดชัดๆ
เธอนึกถึงการประเมินค่าที่เฉินเจียฉินมีต่อเฉินถิงเซียว:ปีศาจใหญ่
เฉินถิงเซียวมองสีหน้าของมู่น่อนน่อนด้วยความพึงพอใจ เสียงที่ทุ้มต่ำแฝงด้วยความอ่อนโยนที่ทำให้คนหวาดกลัว:“อย่าเผยแววตาที่กลัวขนาดนี้ออกมา คุณเชื่อฟังหน่อย ผมจะดีกับคุณมากๆ”
เธอกำลังกลัวอยู่เหรอ?
มู่น่อนน่อนกำฝ่ามือแน่น ถึงพบว่าฝ่ามือของตัวเองเปียกชุ่มด้วยเหงื่อแล้ว
เธอนึกถึงตอนที่อยู่ห้องเช่าอีก เธอผ่าเอากระสุนออกให้เฉินถิงเซียวที่ไม่ได้ฉีดยาชา ตลอดระยะเวลาที่ผ่าเอากระสุนออกเขาไม่ร้องสักแอะ และไม่ได้สลบไป
เธอควรจะคิดได้ตั้งนานแล้ว ผู้ชายที่มีความอุตสาหะที่เกินไปแบบนั้น เป็นไปได้ยังไงที่จะเป็นแค่คุณผู้ชายของตระกูลร่ำรวยที่จองหองและเผด็จการ เขาต้องมีความคิดลึกซึ้งกว่าคนไหนๆแน่นอน เขาต้องเป็นมารปีศาจที่คลานออกมาจากเหวลึกแน่นอน
มู่น่อนน่อนอ้าปาก กลับพบว่าตัวเองแม้แต่เปิดปากพูดก็ยังทำไม่ได้
เฉินถิงเซียวยื่นมือออกมาลูบหัวเธอ ท่าทางนุ่มนวลจนใกล้เข้าขั้นแปลกประหลาด:“คุณยังไม่ได้ดูห้องนอนเราดีๆเลย ผมพาคุณไปดู”
มู่น่อนน่อนขัดขืนไปครู่นึง แต่เฉินถิงเซียวไม่ได้เอามาใส่ใจ แต่ได้แข็งกร้าวดึงเธอขึ้นไปห้องนอนใหญ่ที่ชั้นบน
เขาพามู่น่อนน่อนไปที่ห้องเสื้อผ้า
มู่น่อนน่อนเข้าไปปุ๊บ ก็อึ้งค้างเลย
ในห้องเสื้อผ้า มีพื้นที่กว่าครึ่งที่แขวนเสื้อผ้าของสุภาพสตรีไว้ ทั้งหมดล้วนเป็นคอลเลคชั่นใหม่ในฤดูกาล มีทั้งกระเป๋าและรองเท้าด้วย
เสื้อผ้าเยอะขนาดนี้ เธอผลักเปลี่ยนกันใส่ทุกวันก็ยังต้องใส่หลายเดือนถึงจะใส่จนครบเลย
เฉินถิงเซียวยืนอยู่ข้างๆ สังเกตเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนแปลงของเธอ
กู้จือหยั่นเคยบอก ไม่มีผู้หญิงคนไหนที่ไม่ชอบของพวกนี้
เห็นสีหน้าของมู่น่อนน่อนเผยความตื่นตะลึงออกมา เฉินถิงเซียวพูด:“นี่ต่างก็เป็นเสื้อที่ผมให้คนเตรียมตามไซส์ของคุณ”
มู่น่อนน่อนหันมามองเขา ในดวงตาที่สวยงามมีความเยือกเย็น:“ดูท่าแล้วคุณเฉินนี่ถนัดทักษะ“ตบหัวแล้วลูบหลัง”มากเลยนะคะ!”
ในพจนานุกรมของคนอย่างเฉินถิงเซียวคงไม่มีคำว่ายอมรับผิดคำนี้หรอก ที่เขาอยากได้คือควบคุม กุมอำนาจทั้งหมดไว้ในมือ
เดิมทีฐานะแท้จริงของเขาคือมู่น่อนน่อนรู้ก่อน ในมือเธอกุมอำนาจไว้ยังไม่ได้ใช้ดีๆ ก็ถูกเฉินถิงเซียวดูออก หาเธอกับเฉินเจียฉินเจอ
เฉินถิงเซียวหัวเราะขึ้นมา:“คุณสามารถถือซะว่าอันนี้เป็นรสนิยมระหว่างสามีภรรยากัน จะเหมาะสมกว่า”
รสนิยมกับผีสิ!
มู่น่อนน่อนหน้าบึ้งเดินออกไป ไม่อยากพูดคุยกับเขา
ขืนเธอมองเฉินถิงเซียวอีกทีนึง ก็อดไม่ได้ที่อยากจะไปฉีกหน้าเขา แต่เธอก็ไม่กล้า วิธีที่ดีที่สุดก็คือไม่มองเขา
หลังจากออกไป เธอกลับไปห้องนอนที่ตัวเองพักก่อนหน้านี้ กลับพบว่าเตียงของห้องหายไปแล้ว
เธอหันหลังเดินไปที่ระเบียง หมอบอยู่ที่ราวกั้นดูปุ๊บ ก็เห็นบอดี้การ์ดกำลังยกเตียงเดินออกจากห้องโถง
“……”เฉินถิงเซียวนี่สมองมีปัญหาแน่ๆเลย!
เพื่อให้เธอกลับไปพักห้องนอนใหญ่ ถึงกับย้ายเตียงของเธอไปเลย
เฉินเจียฉินไม่รู้เดินออกมาจากตรงไหน เขาเดินมาที่ข้างกายเธอ เลียนแบบท่าทางเธอหมอบอยู่ที่ราวกั้นระเบียง มองไปตามสายตาของเธอ:“พี่ถิงเซียวก็ดีกับพี่อยู่นะ”
มู่น่อนน่อน:“เหอะๆ”
เฉินเจียฉินสีหน้าจริงจัง:“ถ้าเป็นผม พี่ถิงเซียวไม่ให้คนยกเตียงไปทิ้งหรอก แต่เขาจะโยนผมออกไปโดยตรงเลย”
มู่น่อนน่อนไม่ได้ถูกปลอบโยนเลย เธอมองเขาด้วยสีหน้าเย็นชา:“นายเป็นลูกพี่ลูกน้องแท้ๆของเขาหรือเปล่า?”
“ใช่สิครับ แม่ของผมกับพ่อของเขาเป็นพี่น้องกันแท้ๆ”เฉินเจียฉินแบมือ แสดงออกมาว่าตัวเองก็จนปัญญามาก