ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม – ตอนที่ 119 ลองคิดดูว่าจะจับผมให้อยู่หมัดยังไง

ตอนที่ 119 ลองคิดดูว่าจะจับผมให้อยู่หมัดยังไง

ตอนที่ 119 ลองคิดดูว่าจะจับผมให้อยู่หมัดยังไง

เฉินเจียฉินค่อนข้างประหลาดใจ:“พวกพี่รู้จักพี่ชายผมด้วยเหรอครับ?”

เขารู้ว่าซือเฉิงหยู้เป็นนักแสดง แต่เขาไม่รู้ว่าอยู่ในประเทศชื่อเสียงของซือเฉิงหยู้จะโด่งดังขนาดนี้

“รู้จักกันสิจ๊ะ อาจารย์ซือเฉิงหยู้เป็นผู้อาวุโสในวงการ การแสดงดีคนก็ดี มีแฟนคลับเยอะ!”เสิ่นเหลียงพูดจบก็ได้ล้วงมือถือออกมา:“อาจารย์ซือเฉิงหยู้คะ ขอร่วมเฟรมด้วยกันได้มั้ยคะ?”

“ได้สิครับ”ซือเฉิงหยู้ยิ้มอย่างละมุนละม่อม :“แต่เรื่องของวันนี้คุณต้องช่วยผมปิดเป็นความลับนะครับ”

“แน่นอนอยู่แล้วค่ะ!”หลังจากเสิ่นเหลียงเปิดกล้องมือถือเสร็จ ก็ได้ดึงมู่น่อนน่อนมา:“มาถ่ายด้วยกันเร็ว”

“ไม่ต้องแล้ว พวกเธอถ่ายเถอะ……”มู่น่อนน่อนไม่ได้ตามดารา แค่ชอบหนังที่ซือเฉิงหยู้แสดงมากเฉยๆ

เรื่องร่วมเฟรมแบบนี้ เธอก็ไม่ค่อยมีความสนใจเท่าไหร่

ซือเฉิงหยู้มองเธอด้วยรอยยิ้ม น้ำเสียงละไม:“คุณมู่ ก็ถือซะว่าสละชีพเพื่อสุภาพบุรุษหน่อยแล้วกันนะครับ”

ท่าทีของซือเฉิงหยู้ละมุนละม่อมเกิน มู่น่อนน่อนปฏิเสธไม่ได้อีก จึงได้แต่ยืนร่วมเฟรมด้วยกัน

ทั้งสามคนยืนอยู่ด้วยกัน เฉินเจียฉินเป็นคนถ่ายรูปให้กับพวกเขา

ซือเฉิงหยู้ยืนอยู่ตรงกลาง เสิ่นเหลียงกับมู่น่อนน่อนต่างก็ยืนอยู่ที่ข้างกายเขา

ถ่ายรูปเสร็จเสิ่นเหลียงรับมือถือมา ก็มีสายเรียกเข้าจากผู้จัดการ เธอไม่ได้ตัดสายทิ้งโดยตรง แต่ได้หันไปคุยกับมู่น่อนน่อน:“ผู้จัดการโทรหาฉันแล้ว ฉันต้องไปก่อนแล้ว”

มู่น่อนน่อนพยักหน้า:“เธอรีบไปเถอะ”

“งั้นฉันขอตัวก่อนนะคะ ลาก่อนค่ะผู้อาวุโส”เสิ่นเหลียงผายมือให้ซือเฉิงหยู้ หันหลังก็พุ่งออกไปจากร้านอาหารเลย

มู่น่อนน่อนหันหน้าไปมองเฉินเจียฉินกับซือเฉิงหยู้ นี่ถึงพบว่าหน้าตาของทั้งสองเหมือนกันจริงๆ

อาจจะเพราะมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกัน มู่น่อนน่อนรู้สึกซือเฉิงหยู้ก็หน้าตาคล้ายเฉินถิงเซียวมาก

เธอนึกถึงคราวก่อนตอนที่ทานข้าวที่จีนติ่ง ซือเฉิงหยู้ไปทักทายกู้จือหยั่น เห็นเฉินถิงเซียวอยู่ที่นั่นก็ไม่ได้พูดคุยกับเขา ดูท่าก็คงรู้เรื่องระหว่างเธอกับเฉินถิงเซียว

แต่เขาเป็นพี่ชาย(ลูกพี่ลูกน้องของ)ของเฉินถิงเซียว ช่วยเฉินถิงเซียวปิดบังก็เป็นเรื่องปกติ

เพื่อหลอกลวงเธอ เฉินถิงเซียวนี่ทุ่มสุดแรงใจจริงๆ

มู่น่อนน่อนยกมุมปากขึ้นอย่างห้ามใจไม่ได้ ในรอยยิ้มเต็มไปด้วยการเหน็บแนม

เหมือนซือเฉิงหยู้จะดูความคิดเธออก เก็บอารมณ์ของสีหน้าเล็กน้อย เปิดปากพูดอย่างจริงใจมาก:“ช่วยถิงเซียวหลอกคุณ ผมต้องขอโทษจริงๆครับ”

มู่น่อนน่อนเม้มปากและพูด:“คุณชายซืออย่าพูดแบบนี้เลยค่ะ ทุกคนมีจุดยืนที่แตกต่างกันเฉยๆค่ะ”

คุณชายซือ?

ซือเฉิงหยู้ยิ้มอย่างจนปัญญาและพูด:“ตอนนี้พวกคุณคือเตรียมตัวกลับบ้านเหรอครับ?ผมขับรถไปส่งพวกคุณครับ”

มู่น่อนน่อนมองเฉินเจียฉินด้วยความข้องใจทีนึง เฉินถิงเซียวอบรมสั่งสอนเขาเข้มงวดซะขนาดนั้น ถ้าพูดตามหลักแล้ว เขาเห็นพี่ชายแท้ๆของตัวเอง น่าจะไปกับพี่ชายแท้ๆตัวเองโดยตรงมั้ง

แต่ว่า ฟังน้ำเสียงของซือเฉิงหยู้ เขาก็จะกลับไปที่เฉินถิงเซียวอยู่ดี

ดูความข้องใจของมู่น่อนน่อนออก ซือเฉิงหยู้อธิบาย:“ผมงานยุ่งเกิน ไม่มีเวลาดูแลเสี่ยวฉิน เขาพักอยู่ที่ถิงเซียวกลับดีกว่าเสียอีกครับ”

……………

ซือเฉิงหยู้ขับรถส่งมู่น่อนน่อนและเฉินเจียฉินกลับมาที่วิลล่า

มู่น่อนน่อนกับเฉินเจียฉินเดินอยู่ด้านหน้า ซือเฉิงหยู้เดินตามอยู่ด้านหลังของพวกเขา เดินช้ากว่าครึ่งก้าว

มู่น่อนน่อนเข้าบ้านปุ๊บ ก็เห็นเฉินถิงเซียวลงมาจากชั้นบนพอดี

เขาเงยหน้าชายตามองมู่น่อนน่อนทีนึง สีหน้าท่าทางถือว่าเป็นธรรมชาติดี เพียงแต่ตอนที่เห็นซือเฉิงหยู้ที่เดินตามอยู่ข้างหลังเธอ เขาหรี่ตาขึ้นมา สีหน้าท่าทางไม่อาจคาดเดา

“ถิงเซียว”ซือเฉิงหยู้เปิดปากอธิบายก่อน:“พี่ทานข้าวที่ข้างนอก เจอเสี่ยวฉินพวกเขาพอดี ก็เลยแวะมาส่งพวกเขาน่ะ”

“อืม”เฉินถิงเซียวตอบคำนึง แล้วนั่งลงที่โซฟา พร้อมสั่งการให้บอดี้การ์ด:“รินน้ำชา”

มู่น่อนน่อนเห็นทั้งสองนั่งลงที่โซฟา หน้าตาเหมือนมีเรื่องจะคุยกัน เธอจึงดึงเฉินเจียฉินขึ้นไปชั้นบน

เฉินเจียฉินกลับถึงห้องนอนปุ๊บ ก็เริ่มเขียนการบ้าน แต่ไม่ได้เขียนการบ้านของเขาเอง แต่เขียนการบ้านของเพื่อนนักเรียนคนอื่น

เด็กคนนี้เพื่อหาเงินแล้วก็ฮึดสู้จริงๆ

มู่น่อนน่อนกลับห้องนอน อาบน้ำอาบท่าเสร็จออกมา ก็ได้รับข้อความที่เสิ่นเหลียงส่งให้เธอ

[คุณกับเฉินถิงเซียวมีอะไรกันหรือยัง?เขาไหวมั้ย?]

[ฉันรู้สึกในเมื่อเขาไม่เหมือนที่ล่ำลือกัน ด้านนั้นน่าจะโอเคอยู่มั้ง?]

มู่น่อนน่อนยิ้มอย่างจนปัญญา และตอบข้อความเธอ:[นอนเช้าๆหน่อย อย่าพูดเรื่องรกรุงรังพวกนี้]

เสิ่นเหลียงไม่เพียงไม่ฟังคำพูดเธอไปนอน กลับกันยังได้ส่งข้อความให้เธออีก

มู่น่อนน่อนกดมาฟัง

“ที่ฉันพูดไม่ใช่เรื่องรกรุงรัง ที่ฉันพูดเป็นเรื่องจริงจังเชียวนะ ถึงแม้การกระทำของเฉินถิงเซียวจะเกินไปหน่อย แต่คุณก็ต้องเอาเขาให้อยู่หมัดก่อน ไม่งั้นถ้าถูกมู่หวั่นขีนังแพศยานั่นรู้ว่า‘เฉินเจียฉิน’ก็คือเฉินถิงเซียว คุณว่าหล่อนจะกระโจนเข้ามาหามั้ย…….”

คำพูดของเสิ่นเหลียงได้ย้ำเตือนมู่น่อนน่อน

ก่อนหน้านี้มู่หวั่นขีก็จ้องจะจับ“เฉินเจียฉิน”อยู่แล้ว ถ้าให้เธอรู้ว่า“เฉินเจียฉิน”ก็คือเฉินถิงเซียว เธอจะต้องไม่ยอมวางมือยุติเรื่องราวแน่นอน

“ถึงเธอกระโจนมาแล้วจะทำไม เฉินถิงเซียวไม่ชายตามองเธอแม้แต่หางตาแน่นอน”

“เฉินเจียฉิน”ในเมื่อก่อนเธอไม่กล้าพูดแบบนี้ แต่ตอนนี้เขาคือเฉินถิงเซียว ยิ่งไม่มีทางชอบมู่หวั่นขีแล้ว

เธอเพิ่งส่งข้อความเสียงนี้ออกไป ก็ได้ยินทางประตูมีเสียงของเฉินถิงเซียวก้องมา:“ใช่เหรอ?คุณรู้จักผมดีขนาดนี้เลย”

มู่น่อนน่อนเงยหน้าขึ้นมาอย่างแข็งกระด้างแล้วมองไปที่ทิศทางของเฉินถิงเซียว ในหัววุ่นวายไปหมด

เขาขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?

เขาได้ยินเนื้อหาที่เธอคุยกับเสิ่นเหลียงแล้วงั้นเหรอ?

ดิ๊งด่อง——

เสิ่นเหลียงที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามตอบกลับอย่างไว มู่น่อนน่อนกดปุ่มปลดล็อคไว้ไม่ได้รีบร้อนดูข้อความใหม่ที่เธอส่งมา

“คุณขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ?”

“ที่ควรได้ยินก็ได้ยินหมดแล้ว”

เฉินถิงเซียวไม่ได้ตอบคำถามเธอตรงๆ แต่คำตอบของเขาก็เพียงพอแสดงที่จะให้เห็นว่าเขาได้ยินหมดแล้ว

ความอึดอัดบนใบหน้าของมู่น่อนน่อนบังยังไงก็บังไม่อยู่ เฉินถิงเซียวยกมุมปาก น้ำเสียงแฝงด้วยความรื่นรมย์เล็กน้อย:“ผมไปอาบน้ำก่อน คุณลองคิดดูดีๆ”

“คิดอะไรคะ?”

“ลองคิดดู ว่าจะเอาผมอยู่หมัดยังไง”

“……”เหอะๆ

…………..

เพราะการแอบช่วยเหลือลับๆของเฉินถิงเซียว บริษัทมู่ซื่อจัดการด้านมืดที่เป็นปัญหากวนใจของก่อนหน้านี้ ก็เริ่มขับเคลื่อนอย่างปกติ ไฟแนนซ์และผู้ร่วมงานที่หามาถึงที่ เยอะจนนับไม่ถ้วน

มู่ลี่เหยียนรู้สึกบริษัทมู่ซื่อจะเข้าสู่ความก้าวหน้าที่ก้าวกระโดดแล้ว ทุกวันมัวแต่ยุ่งกับการเข้าสังคม ดีใจมีความสุขจะแย่ ถึงขั้นอยากพามู่น่อนน่อนออกไปรู้จักพันธมิตรทางธุรกิจพวกนั้นด้วย

มู่น่อนน่อนได้ปฏิเสธโดยตรง:“ไม่ต้องแล้วค่ะ คุณพ่อพาพี่สาวไปเถอะค่ะ เฉินถิงเซียวไม่ชอบให้หนูไปร่วมงานทานข้าวค่ะ”

ตอนนี้พอมีเรื่องปุ๊บ เธอก็เอาเฉินถิงเซียวมาอ้าง ก็เป็นข้ออ้างที่ใช้ดีอยู่แฮะ

ความคิดของเธอกับมู่ลี่เหยียนไม่เหมือนกัน เธอเข้าใจเฉินถิงเซียว ถึงแม้เขาได้ช่วยบริษัทมู่ซื่อ แต่เธอมักจะรู้สึกว่าเรื่องมันแปลกประหลาดไม่ได้เรียบง่ายขนาดนี้

“ก็ได้”มู่ลี่เหยียนพยักหน้า และถามเธอ“ถิงเซียวว่างเมื่อไหร่ ลูกพาเขามาทานข้าวที่ตระกูลมู่หน่อยสิ”

ถึงขั้นเรียก“ถิงเซียว”แล้ว นี่คือจะประจบสอพลอลูกเขยคนนี้แล้วงั้นเหรอ?

ถึงแม้เธอไม่พาเฉินถิงเซียวกับตระกูลมู่ แต่ปากก็ยังได้ตอบว่า:“ได้สิคะ”

ระหว่างทางกลับบ้าน มู่น่อนน่อนให้คนขับจอดรถ เธอลงรถไปซื้อของ

โซนของใช้ประจำวันในซุปเปอร์มาร์เก็ต ส่วนใหญ่ล้วนติดโลโก้ของบริษัทมู่ซื่อไว้

มู่น่อนน่อนเดินไป ก็ได้ยินคนรอบข้างพูด:“ทำไมบริษัทมู่ซื่อยังไม่ล้มละลายอีกนะ ยังมีหน้าเอาสินค้าวางขายอยู่บนชั้นวางสินค้าอีก?”

“ก็นั่นน่ะสิ ผู้อยู่เบื้องหลังแข็งแกร่งหนิ สินค้ามีปัญหาก็พึ่งพาความสัมพันธ์กลบข่าวไว้ น่าขยะแขยงที่สุด!”

มู่น่อนน่อนยืนอยู่ที่หน้าชั้นวางสินค้าไปพักนึง ซื้อของอะไรนิดหน่อยก็ออกไปเลย

เธอรู้แผนของเฉินถิงเซียวแล้ว

บริษัทมู่ซื่ออยู่ในเรื่องที่“โรงงานถูกเปิดเผย”นี้ นอกจากทางวาจาไม่ได้มีการขอโทษที่จริงใจเท่าไหร่ และไม่ได้เจอการลงโทษที่ควรจะมีใดๆเลย

ไม่เพียงเท่านี้ บริษัทมู่ซื่อได้กลบข่าวด้านลบทุกอย่างไว้ พอเป็นแบบนี้ก็จะทำให้ผู้คนส่วนใหญ่ยิ่งเกิดความรู้สึกเกลียดชัง

ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม

ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม

Status: Ongoing

แม่ของมู่นอนน่อนคุกเข่าลงต่อหน้าของเธอ ขอให้เธอ แต่งงานแทนพี่สาวกับเฉินถึงเขียวผู้ชายที่ขี้เหร่และพิการที่ ชาวบ้านเล่าลือกัน ในคืนวันแต่งงาน ตอนที่เธอได้พบหน้า หล่อเหลาของชายคนนี้เธอตกใจมาก เฉินถึงเซียวพูดตรงๆ เลยว่าเธอน่าเกลียดมากๆ เดิมที่คิดว่าคงใช้ชีวิตต่างคนต่าง อยู่ แต่กลับถูกผู้ชายคนนี้กดอยู่ใต้รางกายอย่างรุนแรง”ไหน บอกว่าคุณทำไม่ได้ไง”ผู้หญิงตกใจ” ได้หรือไม่ได้ คำพูดของ เธอ ฉันไม่นับ! “บนหน้าของเฉินถึงเชียวแสดงออกถึงความ เจ้าเสน่ห์

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท