ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม – บทที่136 กระตือรือร้นที่จะต่อสู้กับเขา

บทที่136 กระตือรือร้นที่จะต่อสู้กับเขา

บทที่136 กระตือรือร้นที่จะต่อสู้กับเขา

ณ บริษัทเสิ้งติ่ง

เฉินถิงเซียวกลับไปถึงห้องทำงาน ก็ต่อสายภายในไปหาเลขา “เรียกประธานกู้มาหน่อย”

ในบริษัทเฉินถิงเซียวมีลิฟต์ส่วนตัว ที่ขึ้นมาจากที่จอดรถโดยตรง ภายในบริษัทคนที่เคยเห็นหน้าเขา นอกจากเลขาแล้วก็มีแต่พวกระดับสูงเท่านั้น

พวกระดับสูงรู้ว่าเขาคือบอสใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังของบริษัทเสิ้งติ่ง แต่กลับไม่รู้ว่าเขาคือเฉินถิงเซียว

ส่วนที่รู้ว่าเขาคือเฉินถิงเซียว แล้วยังรู้ว่าเขาคือบอสใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังของบริษัทเสิ้งติ่งนั้น มีเพียงแค่ซือเฉิงหยู้ ฟู้ถิงซี กู้จือหยั่นสามคนนี้เท่านั้น

เมื่อเช้าตอนที่มู่น่อนน่อนออกไปจากโรงแรมจีนติ่งนั้น น่าจะเจอกับกู้จือหยั่นและฟู้ถิงซี

ฟู้ถิงซีด้วยความที่มีภารกิจติดตัว เลยเป็นคนที่รอบคอบมาก

ถ้าอย่างนั้นคนที่ปิดปากไม่สนิท ก็คงมีแค่กู้จือหยั่น

ผ่านไปครู่หนึ่ง เลขาก็โทรกลับมาหาเฉินถิงเซียวว่า “เลขาของประธานกู้บอกว่าเขาออกไปดูงานกะทันหันครับ ตอนนี้เขาไปอยู่ที่สนามบินแล้ว……”

ถึงแม้จะอยู่แค่ในสายโทรศัพท์ แต่ความเงียบของฝั่งนั้นก็ทำให้เลขารู้สึกกดดันมาก พอพูดถึงท่อนหลัง เสียงก็เบาลงจนแทบไม่ได้ยินแล้ว

“หึ”

เพิ่งจะสิ้นเสียง เธอก็ได้ยินเฉินถิงเซียวหัวเราะเสียงเย็นทีหนึ่ง จนเธออดไม่ได้ที่จะขนลุกซู่

“ฉันรู้แล้ว ให้คนเรียกเสิ่นเหลียงขึ้นมา”

เฉินถิงเซียววางสายไป แล้วรอให้เสิ่นเหลียงขึ้นมา

นิสัยที่พอทำผิดแล้วก็วิ่งหนีของกู้จือหยั่นนั้น ไม่เคยเปลี่ยนไปเลยจริงๆ

ผ่านไปไม่นาน เสิ่นเหลียงก็ขึ้นมาถึง

ตอนที่เสิ่นเหลียงเคาะประตู ในใจก็ยังรู้สึกประหลาดใจ เมื่อกี้มีคนบอกเธอว่าบอสใหญ่ของบริษัทเสิ้งติ่งเรียกหาเธอ สิ่งแรกที่เธอคิดก็คือกู้จือหยั่นใช้ตำแหน่งอำนาจเรียกหาตัวเธอ เธอเลยปฏิเสธทันที

แต่เลขากลับเตือนเธออย่างเต็มที่ว่า “บอสใหญ่ของบริษัทเสิ้งติ่ง ไม่ใช่ประธานกู้”

ที่จริงแล้วกู้จือหยั่นก็ยังเป็นแค่พนักงานอย่างนั้นหรือ ?

“เข้ามา”

ภายในห้องมีเสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่มที่คุ้นหูดังออกมา

เสิ่นเหลียงผลักประตูออกด้วยความประหลาดใจ ตอนที่เธอมองดูใบหน้าของเฉินถิงเซียวนั้น ก็ต้องเบิกตาโตทันที

“เฉิน……เฉินถิงเซียว ?”

เฉินถิงเซียวพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า “คุณเสิ่น”

จากในคำบรรยายของมู่น่อนน่อน เสิ่นเหลียงก็คาดเดาและรู้สึกว่าเฉินถิงเซียวคนนี้เป็นคนน่ากลัว

คิดไม่ถึงว่าคนๆนี้ที่แท้จะเป็นบอสใหญ่ของตัวเธอเอง!

ถึงแม้สีหน้าของเขาจะดูปกติมาก แต่เสิ่นเหลียงก็ยังรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล เธอโค้งคำนับเก้าสิบองศาให้เฉินถิงเซียวทีหนึ่ง แล้วพูดเสียงดังว่า “สวัสดีค่ะบอส!”

กลิ่นอายเลียแข้งเลียขาในน้ำเสียง ไม่ต้องพูดชัดเจน ก็แผ่ออกมาโดยอัตโนมัติแล้ว

เฉินถิงเซียวเลิกคิ้ว นิสัยของเพื่อนมู่น่อนน่อนผู้หญิงคนนั้นช่างแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว

มู่น่อนน่อนกลัวเขา แต่แทบไม่เคยเลียแข้งเลียขาเขาแบบนี้มาก่อน ดูเหมือนเธอจะกระตือรือร้นที่จะต่อสู้กับเขามากกว่า

เฉินถิงเซียวเอ่ยขึ้นเรียบๆ น้ำเสียงสงบไร้คลื่นลม “ที่เรียกคุณมา เพราะมีเรื่องอยากจะรบกวนคุณ”

เสิ่นเหลียงรู้สึกตื่นเต้นมาก มู่น่อนน่อนบอกว่าผู้ชายคนนี้ไม่น่าเล่นด้วย แต่ดูท่าทางแล้วนิสัยไม่เลวเลยนี่

“ขอแค่เป็นสิ่งที่ไม่เกินความสามารถของฉัน ถึงแม้จะเป็นสิบเรื่องฉันก็ไม่มีปัญหาค่ะ”

ดูเหมือนเฉินถิงเซียวจะพึงพอใจกับคำตอบของเธอมาก ท่าทางก็เลยดูอ่อนโยนขึ้น “ผมติดต่อกู้จือหยั่นไม่ได้ คุณช่วยผมโทรไปถามให้หน่อยว่าเขาอยู่ที่ไหน”

แค่นี้เหรอ ?

เสิ่นเหลียงคิดว่าจะเป็นเรื่องใหญ่โตอะไรเสียอีก

ถึงแม้ว่าหลายปีมานี้เธอไม่เคยติดต่อกู้จือหยั่นเลย แต่กลับมีวิธีติดต่อเขาอยู่ทุกช่องทาง

ไม่มีทางเลือก คนเลวอย่างกู้จือหยั่นนั้นสามารถแทรกซึมเข้าไปได้ทุกที่อยู่แล้ว

บางทีจู่ๆก็โอนเงินผ่านAliPayให้เธอ แอบสมัครไอดีปลอมไปแอบติดตามเป็นแฟนคลับเธอในวีแชท ตอนที่ภาพยนต์เรื่องใหม่ของเธอออกมาเขาก็ซื้อตั๋วแบบเหมาโรง……

เสิ่นเหลียงโทรไปหาเบอร์ที่ช่วงนี้เขาชอบใช้โทรมาหา ปรากฏว่าปิดเครื่อง

จากนั้น เธอก็โทรหาเบอร์ที่เมื่อก่อนเขาเคยใช้ นั่นคือเบอร์ที่เขาเคยใช้สมัยเรียน หลังจากนั้นพอเกิดเรื่องนั้นขึ้นทั้งสองคนก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย

เธอเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเขายังจะใช้อยู่หรือเปล่า

เสิ่นเหลียงโทรติดแล้ว สัญญาณดังเพียงครั้งเดียว อีกด้านนั้นก็มีเสียงอันตื่นเต้นของกู้จือหยั่นดังขึ้น “เสิ่นเสี่ยวเหลียง !”

เสิ่นเหลียงทำเป็นไม่ได้ยินความตื่นเต้นในน้ำเสียงของเขา แล้วถามว่า “กู้จือหยั่นคุณอยู่ที่ไหน ?”

“ฉันอยู่ที่สนามบินไง !”

วินาทีต่อมา จู่ๆกู้จือหยั่นก็ถามขึ้นอีก “เสิ่นเสี่ยวเหลียง เกิดอะไรขึ้นกับเธอ ?”

หลายพี่ที่ผ่านมา เสิ่นเหลียงแทบไม่เคยติดต่อเข้าก่อนเลย เขาเลยคิดได้ทันทีว่าอาจจะเกิดอะไรขึ้นกับเสิ่นเหลียง

“ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่บอสใหญ่บอกว่าตามหาตัวนายไม่เจอ ให้ฉันช่วยติดต่อนายก็เท่านั้น” พอเสิ่นเหลียงพูดจบ ก็หันไปพูดกับเฉินถิงเซียวว่า “เขาบอกว่าเขาอยู่ที่สนามบินค่ะ”

ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าประโยคนั้นของเสิ่นเหลียงมีปัญหาตรงไหน กู้จือหยั่นที่อยู่อีกฝั่งถึงได้ด่าออกมาประโยคหนึ่งว่า “บ้าเอ๊ย!”

จากนั้น โทรศัพท์ของเฉินถิงเซียวก็ดังขึ้น

เฉินถิงเซียวเงยหน้าขึ้นแต่ก็ไม่ได้รีบร้อนกดรับโทรศัพท์ แต่กลับมองไปที่เสิ่นเหลียง “ขอบคุณมาก คุณกลับไปทำงานต่อเถอะ”

เสิ่นเหลียงเดินไปถึงริมประตู จู่ๆก็ได้ยินเฉินถิงเซียวพูดว่า “ผมดูภาพยนต์ของคุณแล้ว ในบรรดากลุ่มคนใหม่ที่เพิ่งเซ็นสัญญากับบริษัท คุณมีศักยภาพมากที่สุด”

เฉินถิงเซียวทำงานละเอียดรอบคอบ เขาจริงจังกับงานเป็นอย่างยิ่ง ตอนแรกกู้จือหยั่นอยากจะดึงเสิ่นเหลียงเข้ามาเซ็นสัญญากับเสิ้งติ่ง เขาก็เลยได้ดูภาพยนต์ที่เธอแสดงอยู่ท่อนหนึ่ง

งานไม่ใช่การเล่นเกม เขาไม่เคยใช้อารมณ์ในการตัดสิน

เสิ่นเหลียงเป็นคนที่มีศักยภาพมากจริงๆ

พอได้รับการยอมรับจากเฉินถิงเซียว เสิ่นเหลียงก็ค่อนข้างตื่นเต้น “ฉันจะพยายามค่ะ!”

เสิ่นเหลียงจากไปได้ไม่นาน กู้จือหยั่นก็กลับมา

เขาผลักประตูเข้าไปทันที สภาพเหงื่อท่วมตัวแค่ดูก็รู้ว่าวิ่งกลับมา ดูท่าทางรีบร้อนมาก

กู้จือหยั่นวิ่งตรงไปที่หน้าโต๊ะทำงาน “เสิ่นเสี่ยวเหลียงล่ะ ?”

“ไปแล้ว”

พอได้คำตอบกู้จือหยั่นก็ยิ่งร้อนรนกว่าเดิม “ไปที่ไหนแล้ว นายทำอะไรกับเธอ ?”

“ฉันจะไปทำอะไรเธอได้ ? ฉันก็แค่ให้เธอโทรหานาย แล้วก็บอกให้เธอออกไปได้” เฉินถิงเซียวเอ่ยปากอย่างไม่ทุกข์ไม่ร้อน คำพูดฟังดูบริสุทธิ์มาก

“บ้าเอ๊ย!นายแกล้งฉัน!” กู้จือหยั่นนั่งพับลงกับเก้าอี้ “แม่งเอ้ย ฉันตกใจแทบแย่!”

เขากับเฉินถิงเซียวรู้จักกันมานาน รู้ดีว่าเฉินถิงเซียวโหดเหี้ยมขนาดไหน ดังนั้นพอได้ยินว่าเขาไปหาเสิ่นเหลียง ก็เลยตกใจจนรีบวิ่งกลับมาทันที

เฉินถิงเซียวมองเขาด้วยสีหน้าเรียบเฉย “สารภาพมาด้วยตัวเองซะ”

กู้จือหยั่น “……”

สุดท้ายกู้จือหยั่นก็พ่ายแพ้ต่อคำขู่ของเฉินถิงเซียว เลยเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อเช้าออกมา

เขาคิดว่าเฉินถิงเซียวจะต่อยเขาทีหนึ่ง แต่เฉินถิงเซียวกลับไม่ทำ แต่ผลสุดท้ายที่ได้กลับไม่ได้ดีไปกว่าการโดนต่อยทีหนึ่งเสียเท่าไหร่นัก

“ปีหน้านายไม่ต้องหยุดพักแล้ว ทำงานให้ดีเถอะ” พอเฉินถิงเซียวพูดจบก็เหมือนว่ายังเห็นเขาสภาพแย่ไม่พอ เลยกัดเขาอย่างเย็นชาอีกประโยคหนึ่งว่า “ยังไงเสิ่นเหลียงที่อยู่ในฐานะดาราดาวรุ่ง ก็ไม่มีวันคบกับนายได้อยู่แล้ว เป็นชายโสดก็ต้องตั้งใจทำงาน”

กู้จือหยั่นกัดฟัน “เลิกคบกันเถอะ!”

เฉินถิงเซียวไม่ได้โมโหเลยแม้แต่น้อย แถมยังมีรอยยิ้มบนใบหน้า “เสิ่นเหลียงยังไม่มีผู้จัดการคนใหม่”

กู้จือหยั่นขี้ขลาดขึ้นมาในเสี้ยววินาที อดกลั้นความโกรธแล้วพูดว่า “ฉัน……ฉันเต็มใจทำงานเต็มที่!”

“งั้นเสิ่นเหลียงก็ปล่อยให้นายติดตามแล้วกัน” รอยยิ้มของเฉินถิงเซียวกว้างกว่าเดิม

กู้จือหยั่นพึมพำเสียงเบาทีหนึ่ง “หึ! นักเลงร้อยเล่ห์!”

……

ทางบริษัทมู่ซื่อทำประกาศประชาสัมพันธ์ฉุกเฉินเกี่ยวกับเรื่องของซือเฉิงหยู้

แต่เป็นเพราะซือเฉิงหยู้นั้นมีชื่อเสียงมาก แฟนคลับก็เยอะ การประกาศครั้งนี้เลยไม่เป็นผลแม้แต่น้อย

บริษัทมู่ซื่อต้านทานแรงกดดันม่ได้เลย

ช่วงหลายปีมานี้บริษัทมู่ซื่อกำลังเดินทางลงเขา เป็นเรื่องที่เห็นได้ชัดสำหรับทุกคน

สายสัมพันธ์ที่คุณปู่มู่เคยสร้างขึ้น หลังจากที่บริษัทมู่ซื่อเผชิญกับเรื่องราวหน้านี้แล้ว ก็เลิกสนับสนุนเขา

มู่น่อนน่อนหาโอกาสเข้าไปคุยกับมู่ลี่เหยียน “คุณพ่อคะ หรือว่า เรียกคุณปู่กลับประเทศไหมคะ ?”

ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม

ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม

Status: Ongoing

แม่ของมู่นอนน่อนคุกเข่าลงต่อหน้าของเธอ ขอให้เธอ แต่งงานแทนพี่สาวกับเฉินถึงเขียวผู้ชายที่ขี้เหร่และพิการที่ ชาวบ้านเล่าลือกัน ในคืนวันแต่งงาน ตอนที่เธอได้พบหน้า หล่อเหลาของชายคนนี้เธอตกใจมาก เฉินถึงเซียวพูดตรงๆ เลยว่าเธอน่าเกลียดมากๆ เดิมที่คิดว่าคงใช้ชีวิตต่างคนต่าง อยู่ แต่กลับถูกผู้ชายคนนี้กดอยู่ใต้รางกายอย่างรุนแรง”ไหน บอกว่าคุณทำไม่ได้ไง”ผู้หญิงตกใจ” ได้หรือไม่ได้ คำพูดของ เธอ ฉันไม่นับ! “บนหน้าของเฉินถึงเชียวแสดงออกถึงความ เจ้าเสน่ห์

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท