ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม – บทที่ 143 ความรู้สึกกลัวจนตัวสั่น

บทที่ 143 ความรู้สึกกลัวจนตัวสั่น

บทที่ 143 ความรู้สึกกลัวจนตัวสั่น

มู่น่อนน่อนได้ยินดังนั้นก็มีสีหน้าตกใจทันที กู้จือหยั่นหันข้างชี้ไปที่เฉินเจียฉินแล้วถามว่า“จ้างวานฆ่า คุณหมายถึงไอ้ตัวแสบเนี่ยนะ”

เฉินเจียฉินถลึงตาใส่กู้จือหยั่น“คุณสิไอ้ตัวแสบ”

ตำรวจฉีมองไปที่กู้จือหยั่นอย่างเคร่งเครียดจริงจัง“เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังทำคดี คุณอย่าเพิ่งแทรก”

กู้จือหยั่นโบกไม้โบกมือ พยักหน้าพูดว่า“ได้ๆๆ คุณถามต่อเลย”

ตำรวจฉีหันมามองเฉินเจียฉิน“วันนี้ตอนหกโมงเช้าคุณอยู่ที่ไหน”

มู่น่อนน่อนแม้จะสัมผัสได้ว่าเฉินเจียฉินตื่นเต้นเล็กน้อย แต่กลับไม่มีความประหม่าเลยสักนิด ตอบอย่างฉะฉานว่า“นอนอยู่ที่บ้าน”

ตำรวจฉีพยักหน้า“มีพยานมั้ย”

มู่น่อนน่อนเตรียมจะอ้าปากพูด ตำรวจฉีชำเลืองมองเธอ พูดกับเฉินเจียฉินว่า“ไม่นับคนในครอบครัว”

ถ้าเป็นเช่นนี้ มู่น่อนน่อนและเฉินถิงเซียวก็ไม่สามารถเป็นพยานได้

การสอบปากคำดำเนินมาถึงตรงนี้ก็ไม่สามารถดำเนินต่อไปได้แล้ว

เฉินเจียฉินแม้ถูกชี้ว่าเป็นผู้ต้องสงสัย แต่กลับไม่มีหลักฐานและพยานโดยตรง ดังนั้นตำรวจจึงได้แต่ปล่อยเขาไปก่อน แต่ต้องเตรียมตัวให้พร้อมรับหมายเรียกตลอดเวลา

……

เฉินเจียฉินและกู้จือหยั่นก็รู้จักกัน

ทั้งสองคนออกจากสถานีตำรวจ ก็พูดคุยกันตลอดเวลา

แต่อารมณ์ความรู้สึกของมู่น่อนน่อนกลับไม่ได้ผ่อนคลายลงอย่างนี้เหมือนพวกเขา

เบาะแสเรื่องแม่ของเฉินถิงเซียวที่แพร่ออกมาจากปากของเถาปิง คือใครเป็นคนบอกเขา

อย่างโดยตรงที่สุดก็มีเพียงญาติมิตรและเพื่อนรอบตัวเขา

ตอนนั้นแม่ของเฉินถิงเซียว ถูกโจรลักพาตัวไปขังไว้ที่นั่น และยังถูกข่มขืน คนที่รู้นอกจากพวกโจรที่จับไปและคนตระกูลเฉินแล้ว ยังมีชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในละแวกนั้นที่อาจจะรู้

ที่นั่นคือโรงงานร้าง สิบกว่าปีก่อนต้องมีคนอยู่น้อยมากแน่ แต่ขอแค่มีคนพักอาศัยอยู่แถวนั้น ก็อาจจะเป็นไปได้ว่าพบเห็นอะไรบางอย่าง

ถ้าหากพ่อของเถาปิงก็คือคนที่รู้เรื่อง……

จู่ๆมู่น่อนน่อนก็นึกถึงตอนนั้นที่เฉินถิงเซียวไปช่วยเธอ สุดท้ายจุดจบของสองคนนั้น ความรู้สึกกลัวจนตัวสั่นเกิดขึ้นในร่างกาย

“พี่น่อนน่อน พี่จะเดินไปไหน ขึ้นรถได้แล้ว”

เสียงของเฉินเจียฉินดังขึ้นข้างหู มู่น่อนน่อนจึงเรียกสติกลับมาได้ พบว่าสามคนที่เหลือยืนมองเธออยู่ด้านหน้ารถ แต่เธอยังคงเดินไปข้างหน้า

เธอรีบเดินกลับมา“ขอโทษค่ะ มัวแต่คิดอะไรอยู่……”

เธอเตรียมจะขึ้นรถ ก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นได้จึงถามพวกเขาว่า“ตอนนี้พวกคุณจะไปที่ไหน”

กู้จือหยั่นพูดว่า“ผมจะกลับไปที่บริษัทเสิ้งติ่ง ถ้าพวกคุณจะไปด้วยกัน ก็ทางเดียวกัน ถ้าไม่ไปผมก็จะแวะส่งพวกคุณที่โรงเรียนกับบริษัท”

มู่น่อนน่อนส่ายหน้าพูดว่า“ฉันนั่งรถกลับไปเองก็ได้ พวกคุณแวะไปส่งเสี่ยวเฉินหน่อย”

เธอพูดจบก็เดินไปเรียกรถที่ข้างทาง มีรถแท็กซี่ผ่านมาพอดี เธอก็จากไปทันที

เฉินเจียฉินก็สัมผัสได้ว่าท่าทางของมู่น่อนน่อนมีบางอย่างผิดปกติ หันไปถามกู้จือหยั่นอย่างสงสัยว่า“พี่น่อนน่อนเป็นอะไรไป”

เป็นเรื่องยากที่สีหน้าของกู้จือหยั่นไม่เหมือนปกติที่เฉื่อยชาขนาดนั้น นิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “อาจจะเป็นเพราะคุณถูกใส่ร้าย ดังนั้นก็เลยไม่สบายใจมั้ง คุณจะหาพี่ชายคุณที่บริษัทกับผม หรือจะกลับโรงเรียน”

“ไม่ไปโรงเรียนแล้ว ผมตรงกลับบ้านเลยดีกว่า”

……

กู้จือหยั่นส่งเฉินเจียฉินกลับบ้านแล้ว ก็ไปส่งข่าวที่บริษัทเสิ้งติ่ง

เขาตรงไปที่ห้องทำงานท่านประธาน

เฉินถิงเซียวนั่งทำงานเอกสารอยู่บนโต๊ะทำงาน กู้จือหยั่นเดินไปนั่งที่หน้าโต๊ะทำงาน“คุณไม่สนใจว่าเรื่องจัดการเป็นยังไงบ้างเลยเหรอครับ”

“ในเมื่อไม่ใช่เสี่ยวเฉินเป็นคนทำ ไม่มีหลักฐานพวกเขาก็ทำอะไรเสี่ยวเฉินไม่ได้”เฉินถิงเซียวพูดจบ จึงค่อยๆเงยหน้าขึ้น ดวงตาคู่นั้นราบเรียบสงบ

กู้จือหยั่นนิ่งเงียบอยู่หลายวินาที พูดว่า“เรื่องนี้คุณเป็นคนทำใช่มั้ย”

เฉินถิงเซียวหรี่ตามอง ถามว่า“เรื่องอะไร”

“คุณรู้ดีว่าผมพูดเรื่องอะไร!”กู้จือหยั่นสูดหายใจเข้าลึกๆ “ถิงเซียว ไม่เพียงแค่ผมที่สงสัยแบบนี้ ผมรู้สึกว่ามู่น่อนน่อนก็สงสัยแบบนี้”

เฉินถิงเซียวตอบอย่างไม่ต้องลังเล“ผมไม่ได้ทำ”

“จริงเหรอ”เห็นชัดว่ากู้จือหยั่นไม่เชื่อ

เฉินถิงเซียวแม้จะแต่เขารู้จักกับเฉินถิงเซียวมานานหลายปีเขารู้ดีถึงผลกระทบของเรื่องแม่ของเฉินถิงเซียวที่มีต่อเขา

แม้เฉินถิงเซียวบอกว่าไม่ได้ทำ เขาก็ไม่อยากจะซักอะไรอีก

……

มู่น่อนน่อนกลับมาที่บริษัท ก็พบกับมู่หวั่นขี

“ทำไม คุณพ่อไม่อยู่ที่บริษัท คุณก็คิดว่าไม่มีใครทำอะไรคุณได้เหรอ อยากมาก็มาอยากไปก็ไป ไม่มีความตั้งใจจะทำงานแล้ว!”

มู่หวั่นขีสองมือกอดอกพลางมองมาที่เธอ น้ำเสียงประชดประชันเสียดสี

มู่น่อนน่อนหัวเราะ“แล้วยังไงเหรอ คุณจะทำอะไรฉันได้”

“คุณ……”มู่หวั่นขีส่งเสียงฮึ่มในลำคอ ถูกเธอย้อนจนพูดไม่ออก

ในใจมู่น่อนน่อนยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกผิดปกติ

เธอคิดว่าคดีนี้อาจจะเกี่ยวข้องกับเฉินถิงเซียว เถาปิงรู้เรื่องแม่ของเฉินถิงเซียว อาจจะเป็นไปได้ว่าพ่อของเขาเป็นหนึ่งในคนที่รู้เรื่องคดีลักพาตัวในตอนนั้น

ไม่กี่วันต่อมา ตำรวจก็มาหาเฉินเจียฉินอีกครั้ง

ครั้งนี้ก็ยังเป็นมู่น่อนน่อนที่ไปเป็นเพื่อนเฉินเจียฉิน

ทางตำรวจไม่ได้มีหลักฐานอะไรใหม่ เพียงแค่สอบถามเพิ่มเติมเท่านั้น

ออกมาจากสถานีตำรวจ มู่น่อนน่อนรับสายของเสิ่นเหลียง“ไม่ได้กินข้าวด้วยกันนานแล้ว วันนี้ไปดูหนังด้วยกันนะ”

มู่น่อนน่อนไม่ได้ปฏิเสธ นัดแนะสถานที่ที่จะไปพบกับเสิ่นเหลียงทันที

เสิ่นเหลียงงานยุ่ง มู่น่อนน่อนถ้าไม่มีธุระอะไรก็ไม่อยากจะไปหาเธอ กลัวจะไปรบกวนเธอ มีแต่เธอหากมีเวลาว่างก็จะนัดมู่น่อนน่อนไปกินข้าวเดินช้อปปิ้งด้วยกันอะไรทำนองนี้

……

ทั้งสองไปกินข้าวด้วยกันในห้างสรรพสินค้า ต่อมาก็ไปดูหนัง ก่อนจะเข้าไปในโรงภาพยนตร์ จู่ๆเสิ่นเหลียงก็พูดขึ้นว่า“เฉินถิงเซียวเป็นเจ้านายผู้อยู่เบื้องหลังบริษัทเสิ้งติ่งเธอรู้ใช่มั้ย”

ความจริงแล้ววันนั้นที่เธอออกไปจากห้องทำงานของเฉินถิงเซียว ก็อยากจะโทรถามมู่น่อนน่อน แต่เพราะจู่ๆก็มีเรื่องมาขัดจังหวะ ก็เลยลืมไป

มู่น่อนน่อนชะงักไปเล็กน้อย พยักหน้าพูดว่า“รู้”

“เธอรู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ เรื่องใหญ่ขนาดนี้เธอกลับไม่บอกฉัน!”เสิ่นเหลียงตีที่ไหล่เธอเบาๆ

มู่น่อนน่อนนึกถึงความรู้สึกในตอนนั้น สีหน้าบนใบหน้าก็เปลี่ยนไปไม่ค่อยเป็นธรรมชาติ“ก็ตอนนั้นนึกไม่ออกว่าจะบอกเธอ”

“ก็ได้ ไปดูหนังกันก่อนเถอะ”เสิ่นเหลียงก็ไม่ได้พูดอะไรกับเธอมาก รีบผลักเธอเข้าไปในโรงภาพยนตร์อย่างตื่นเต้นมีความสุข

อาจจะเป็นเพราะเอ่ยถึงเฉินถิงเซียว ตอนที่ดูหนังมู่น่อนน่อนจึงจิตใจวอกแวกอยู่บ้างเล็กน้อย

ตอนที่หนังใกล้จะจบ เธอรับสายของเฉินถิงเซียว

“จะกลับเมื่อไหร่ ผมจะไปรับคุณ”

ตอนแรกมู่น่อนน่อนคิดจะปฏิเสธ แต่คิดไปคิดมาก็ตอบไปว่า“ใกล้แล้ว คุณมาเลยก็ได้”

ดูหนังจบออกมา เสิ่นเหลียงจะไปส่งเธอ

“เธอกลับไปก่อนเถอะ เฉินถิงเซียวจะมารับฉัน ระหว่างทางเธอระวังตัวด้วยล่ะ”มู่น่อนน่อนยิ้มแล้วพูด

เสิ่นเหลียงก็ยิ้มออกมาด้วย เดินทำท่าทางลับๆล่อๆมาตรงหน้ามู่น่อนน่อน“ตอนนี้เธอกลับให้เฉินถิงเซียวมารับเธอ บอกฉันมาตามความจริง พวกเธอพัฒนาไปถึงขั้นไหนกันแล้ว”

“รีบไปเถอะ”มู่น่อนน่อนผลักเธอ

“พวกเธอมีอะไรกัน……”

มู่น่อนน่อนอับจนหนทาง“ใช่ๆๆ เธอรีบไปเถอะ!

ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม

ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม

Status: Ongoing

แม่ของมู่นอนน่อนคุกเข่าลงต่อหน้าของเธอ ขอให้เธอ แต่งงานแทนพี่สาวกับเฉินถึงเขียวผู้ชายที่ขี้เหร่และพิการที่ ชาวบ้านเล่าลือกัน ในคืนวันแต่งงาน ตอนที่เธอได้พบหน้า หล่อเหลาของชายคนนี้เธอตกใจมาก เฉินถึงเซียวพูดตรงๆ เลยว่าเธอน่าเกลียดมากๆ เดิมที่คิดว่าคงใช้ชีวิตต่างคนต่าง อยู่ แต่กลับถูกผู้ชายคนนี้กดอยู่ใต้รางกายอย่างรุนแรง”ไหน บอกว่าคุณทำไม่ได้ไง”ผู้หญิงตกใจ” ได้หรือไม่ได้ คำพูดของ เธอ ฉันไม่นับ! “บนหน้าของเฉินถึงเชียวแสดงออกถึงความ เจ้าเสน่ห์

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน