บทที่ 152 บริกรดูแลใส่ใจมากกว่าเขา
หลังจากผู้หญิงทั้งสองเห็นมู่น่อนน่อน อากัปกิริยาบนใบหน้าก็พลันตื่นตระหนก จากนั้นก็แสร้งทำเป็นสงบแล้วส่งเสียงเรียกเธอ “คุณหญิงน้อยเฉิน”
“สาวๆ ทั้งสองคนคุยอะไรกันคะ ฉันจะมาร่วมสนุกด้วย พวกคุณไม่รังเกียจใช่ไหม”
มู่น่อนน่อนนั่งลงระหว่างผู้หญิงทั้งสองคน ศีรษะตั้งอกตรง มือวางกดลงบนกระโปรง สองขาตรงซ้อนพับเข้าด้วยกัน จัดท่าทางการนั่งสวยงามเป็นมาตรฐานกุลสตรี
เธอเข้าคลาสเรียนมารยาทตอนที่อยู่ในมหาวิทยาลัย ไม่อย่างนั้นเมื่อเธอมางานเลี้ยงแบบนี้คงตื่นสถานที่เป็นแน่
ผู้หญิงทั้งสองอับอายทำหน้าไม่ถูก ใจรับรู้ว่ามู่น่อนน่อนได้ยินบทสนทนาของทั้งสองเมื่อครู่แล้ว
คนที่ไม่ค่อยมีหน้า เมื่อนินทาคนอื่นลับหลัง แล้วตอนนี้มาถูกจับได้ ก็จะรู้สึกอับอาย
“คุณหญิงน้อยเฉินล้อเล่นอะไรคะ คุณยินดีจะร่วมพูดคุยกับพวกเรา แน่นอนว่าพวกเราน้อมรับด้วยความยินดีค่ะ” ผู้หญิงหนึ่งในนั้นรีบพูดประจบ
ผู้หญิงอีกคนตามน้ำทันที “ใช่ค่ะ คุณหญิงน้อยเฉินผิวของคุณดีมากเลย ดูแลยังไงคะ”
มู่น่อนน่อนผิวขาว เธอมองอย่างค่อนข้างอิจฉา
“ดูแลเหรอคะ” มู่น่อนน่อนหันหน้าไปมองเธอ คู่ดวงตาแมวเบิกโตเล็กน้อย เผยท่าทีแปลกใจมาก “แต่ไหนแต่ไรมาฉันไม่เคยดูแลค่ะ ฉันเกิดมาก็เป็นแบบนี้”
มู่น่อนน่อนพูดจบ ก็เหลือบมองหน้าหญิงสาวอย่างบอกว่านี่เป็นเรื่องจริง จากนั้นก็มองด้วยหน้าตาสงสัย “คางคุณสวยจัง เป็นแบบนี้มาตั้งแต่เกิดเหรอคะ”
หญิงสาวภูมิใจมาก “มันแน่นอนค่ะ”
“หืม งั้นถ้าฉันจะจิ้มดูหน่อยก็ไม่เป็นไรใช่ไหม” มู่น่อนน่อนแสดงท่าทางกระตือรือร้น
ในสถาบันภาพยนตร์ ที่ขาดไม่ได้ก็คือความงามตามธรรมชาติ ใบหน้าที่ผ่านใบมีด แวบแรกก็สามารถมองออกได้ทันที
หญิงสาวได้ยินแล้วสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย “เอ่อ…คางฉัน…ที่จริงมีการกระแทกมานิดหน่อย คุณหญิงน้อยเฉินต้องลงแรงเบาๆ หน่อยนะคะ…”
มู่น่อนน่อนยิ้ม “ได้ค่ะ”
รอยยิ้มของเธอทำให้หญิงสาวขนลุก
มู่น่อนน่อนเพิ่งยื่นมือไป หญิงสาวคนนั้นก็รีบยกมือขึ้นกุมใบหน้าตัวเอง คิดไม่ถึงว่าเพราะการรีบเกินไปกลับกลายเป็นใช้แรงเยอะมาก จนฝ่ามือกระแทกเข้าที่คาง
“อ๊ะ…คางของฉัน!” ผู้หญิงคนนั้นร้องเสียงแหลม ลุกขึ้นแล้ววิ่งหนีไป
ผู้หญิงอีกคนที่อยู่ข้างๆ เห็นดังนั้นก็ดวงตาเบิกกว้าง “เธอ…เธอทำคางเหรอ”
“ใช่ค่ะ” มู่น่อนน่อนขยิบตาให้เธอ แล้วโน้มตัวเข้าไปทำท่าทางลึกลับ “จะแอบบอกคุณนะคะ หน้าอกของเธอก็เคยทำค่ะ”
ดวงตาของหญิงสาวเบิกกว้างขึ้นอีก “สารเลว บอกว่าสวยตามธรรมชาติทุกอย่าง อาศัยหน้าพลาสติกมาแย่งผู้ชายฉัน แม่งเอ๊ย!”
พูดจบก็ลุกขึ้นจากไปอย่างโมโหโทโส
มู่น่อนน่อน “……..”
เธอแค่ไม่พอใจที่ผู้หญิงสองคนนั้นบอกว่าหน้าของเธอเป็นของปลอม อยากจะเอาคืนสักนิดหน่อย คิดไม่ถึงว่าทั้งสองคนจะแหกตัวเองขึ้นมาก่อน
“ตามหาคุณตั้งนาน คิดไม่ถึงว่าคุณจะอยู่ตรงนี้”
จู่ๆ เสียงของซือเฉิงหยู้ก็ดังมา ทันทีที่มู่น่อนน่อนเงยหน้าขึ้นมอง ซือเฉิงหยู้ก็เดินเข้ามาถึงตรงหน้าเธอแล้ว
เขาหน้าแดงเล็กน้อย ดูแล้วอาจจะดื่มไวน์ไปไม่น้อย
มู่น่อนน่อนเขยิบไปข้างๆ ให้พื้นที่นั่งแก่ซือเฉิงหยู้
“พี่ใหญ่ คุณเห็นเสี่ยวฉินไหมคะ” เธอตั้งใจจะกลับแล้ว อย่างไรเสียตอนนี้ก็ไม่ได้มีเรื่องอะไรอีก
ซือเฉิงหยู้ยิ้มพลางส่ายหน้า “ไม่เห็นครับ ไม่รู้ว่าไปไหน เดี๋ยวโทรเรียกเขาแล้วกันครับ”
“ก็ดีค่ะ”
เวลานี้บริกรคนหนึ่งดินผ่านมา มู่น่อนน่อนเรียกบริกรไว้ “รบกวนขอน้ำร้อนแก้วหนึ่งค่ะ”
ไม่นานบริกรก็เอาแก้วน้ำร้อนเข้ามาให้ มู่น่อนน่อนรับมาแล้วยื่นต่อให้ซือเฉิงหยู้ “พี่ใหญ่คะ คุณดื่มแอลกอฮอล์ไปมากแล้วนะ”
ทันใดนั้นซือเฉิงหยู้ก็ชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดว่า “ไม่ได้มากหรอกครับ”
เขาพูดจบก็ยื่นมือไปรับแก้วน้ำในมือของมู่น่อนน่อน แต่กลับจับมือที่ถือแก้วของมู่น่อนน่อนเอาไว้พอดี
มู่น่อนน่อนรู้สึกถึงอุณหภูมิของมือที่ไม่คุ้นเคย เกิดตกใจหนักขึ้นทันทีจึงปล่อยมือ แต่มือของซือเฉิงหยู้จับมือของเธอไว้พอดี เธอจึงต้องจับแก้วอีกครั้ง เธออยากจะปล่อยก็ปล่อยไม่ได้
มู่น่อนน่อนค่อนข้างขยะแขยงการถูกผู้ชายอื่นสัมผัส แต่เธอคิดว่าซือเฉิงหยู้ดื่มจนเมาแล้วตามัว จึงขมวดคิ้วพูดอย่างอดทนว่า “พี่ใหญ่คะ คุณเมาแล้ว ที่คุณจับอยู่คือมือของฉัน ไม่ใช่แก้วค่ะ”
แต่ซือเฉิงหยู้กลับทำเหมือนไม่ได้ยิน ยิ่งจับกระชับมือของเธอแน่นขึ้น ไม่มีเจตนาจะปล่อยแม้แต่น้อย
มู่น่อนน่อนทำการสะบัดออกอยู่ครู่หนึ่ง แต่กลับสลัดไม่หลุด
เธอขมวดคิ้วและกำลังจะลุกขึ้นยืน ทันใดนั้นร่างที่คุ้นเคยจู่ๆ ก็พุ่งเข้ามา ยื่นมือออกมาใช้แรงฟันลงบนมือของซือเฉิงหยู้ แต่ซือเฉิงหยู้ก็ยังไม่ปล่อยมือ
มู่น่อนน่อนเงยหน้าขึ้น แล้วก็เห็นใบหน้าไม่พอใจหนักของเฉินถิงเซียว
เขาเห็นซือเฉิงหยู้ไม่ปล่อย จึงตรงเข้าออกแรงดึงมือของมู่น่อนน่อน
ซือเฉิงหยู้จับแน่น เมื่อมือของมู่น่อนน่อนถูกดึงออกกะทันหันอย่างแรง นิ้วที่หลังมือล้วนเป็นสีแดงเถือก มันเจ็บเล็กน้อย และน้ำในแก้วก็หกออกมาหมด เนื่องจากความเฉื่อย ส่วนใหญ่จึงหกใส่ตัวของมู่น่อนน่อน “ชิงหนิง…”
ชุดแดงเปียกโชกเป็นวงกว้าง เดิมทีมันก็บางมากอยู่แล้ว หลังจากเปียกโชกก็ยิ่งโป๊มาก
เฉินถิงเซียวถอดสูทออกมาสวมลงบนกายของมู่น่อนน่อน จากนั้นก็สั่งว่า “ส่งพี่ใหญ่กลับไป”
เวลานี้มู่น่อนน่อนถึงเพิ่งพบว่าสือเย่ก็ตามหลังเฉินถิงเซียวมาด้วย
“คุณ…”
มู่น่อนน่อนอยากถามว่าเขามาได้อย่างไร ปรากฏว่าเพิ่งอ้าปากก็ถูกเฉินถิงเซียวลากไปยังด้านหลังห้องจัดเลี้ยงอย่างทารุณ
ตำแหน่งของพวกเขาในตอนนั้นอยู่ไม่ไกลจากประตูหลังห้องจัดเลี้ยง เฉินถิงเซียวก้าวฉับๆ ไปอย่างรวดเร็วมาก ท่าทางไม่อยากฟังมู่น่อนน่อนเลยแม้แต่นิดเดียว
มู่น่อนน่อนถูกเขาลากมาอย่างรุนแรง อยู่ในงานเลี้ยงเดินด้วยรองเท้าส้นสูงเป็นเวลานาน เดิมทีก็ปวดขาเจ็บเท้าอยู่แล้ว ตอนนี้จึงก้าวตามเฉินถิงเซียวไม่ทัน เพิ่งออกจากประตูหลังห้องจัดเลี้ยง ข้อเท้าก็พลันพลิก
มู่น่อนน่อนเจ็บจนสูดอาหารเย็น ส่วนเฉินถิงเซียวกำลังโกรธ ไม่สังเกตสถานการณ์ของเธอเลยแม้แต่น้อย ยังคงลากดึงเธอเพื่อจะเข้าไปในลิฟต์
จู่ๆ มู่น่อนน่อนก็ขาพลิกอีกครั้งอย่างคาดไม่ถึง
เธอเจ็บปวดจนน้ำตาจะไหล ตะโกนใส่เฉินถิงเซียวอย่างหมดความอดทน “คุณปล่อยมือฉันนะ!”
เช่นนั้นเฉินถิงเซียวถึงได้หยุดลง ตอนที่หันหน้าไปมองเธอ ใบหน้ายังคงไม่พอใจหนักเช่นเดิม
เพียงแต่ว่า เมื่อเห็นอาการน้ำตาซึมของมู่น่อนน่อน สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนฉับพลัน ก้มหน้าลงมองและถามว่า “เท้าแพลงเหรอ”
มู่น่อนน่อนพูดประชด “ใช่! ขอบคุณสำหรับสิ่งที่คุณทำ!”
เฉินถิงเซียวย่อตัวลงจะดูเท้าของเธอ มู่น่อนน่อนทนความเจ็บปวดก้าวถอยหลัง ก้มตัวลงถอดรองเท้าโยนใส่ตัวเขา แล้วเดินไปด้วยเท้าเปล่า
ที่ด้านข้างมีบริกรโรงแรมผ่านมา มองเธอด้วยหน้าตาแปลกใจ
มู่น่อนน่อนเหลือบมองบริกรอย่างเย็นชา “มองอะไรคะ ไม่เคยเห็นคนเดินเท้าเปล่าเหรอ”
บริกรโรงแรมเจ็ดดาวได้รับการฝึกฝนอย่างดี รีบโค้งให้และพูดว่า “ขอประทานโทษครับ ต้องการให้ผมเรียกหมอไหมครับ”
มู่น่อนน่อนหันหน้าไปเหลือบมองเฉินถิงเซียว เขายังยืนอยู่ตรงนั้น ด้วยสายตาที่คาดเดาไม่ได้
เธอเผยรอยยิ้มเย้ยหยันใส่เขา บริกรคนหนึ่งดูแลใส่ใจกว่าเขาเสียอีก