ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม – บทที่ 169 ร้ายกาจ!

บทที่ 169 ร้ายกาจ!

บทที่ 169 ร้ายกาจ!

มู่น่อนน่อนพอได้ยินประโยคนี้ของเขา ก็รีบผลักเขาออก “ไม่ได้ ต้องไป”

เธอรู้ว่านี่เฉินถิงเซียวไม่อยากให้เธอไปทำงานนอกสถานที่อีกแล้ว

เฉินถิงเซียวก็ไม่ได้พูดอะไร ดวงตาคู่นั้นจ้องมองเธอเงียบๆอยู่แบบนั้น เห็นชัดว่าในดวงตาไม่มีความรู้สึกอื่นใด แต่มู่น่อนน่อนจะมองอย่างไร ก็รู้สึกว่าแววตาเขาเหมือนมีความคับแค้นใจอยู่เล็กน้อย

“สัปดาห์เดียวก็กลับแล้ว……” มู่น่อนน่อนเบ้ปาก รู้สึกว่าตนเองอาจจะมองความรู้สึกในแววตาเขาผิดไป

เฉินถิงเซียวไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อยขนาดนั้น แค่ไปทำงานออกสถานที่สัปดาห์เดียวเท่านั้น

“อืม” เฉินถิงเซียวตอบรับ ดึงมือของเธอมา “ไปกินข้าวกันเถอะ”

……

ตกกลางคืนพอกลับมาถึงห้อง เฉินถิงเซียวก็โยนมู่น่อนน่อนลงบนเตียง “ให้สิทธิ์คุณเลือก ว่าตอนนี้จะทำช่วงที่ไม่อยู่หนึ่งสัปดาห์ให้ผมก่อน หรือว่ารอหลังจากกลับมาแล้วค่อยชดเชยให้ผม”

มู่น่อนน่อน“……”

เธอล้วนไม่อยากเลือก

มู่น่อนน่อนส่งเสียงฮึ่มในลำคอ พยุงแขนลุกขึ้นมานั่งเตรียมจะไปห้องน้ำ

นี่มันเป็นเรื่องที่ไม่ยุติธรรมไม่สมเหตุสมผล เธอไม่มีทางรับปากเฉินถิงเซียว

สรุป สุดท้ายเธอก็ถูกเฉินถิงเซียวจัดการในห้องน้ำไปหนึ่งครั้ง กลับมาที่คลอเคลียนัวเนียบนเตียงอยู่อีกพักหนึ่ง จึงยอมปล่อยเธอ

เช้าวันต่อมา เธอถูกเฉินถิงเซียวเรียกให้ตื่น

“ตื่นได้แล้ว”

เธอลืมตา ที่มองเห็นคือสภาพที่เฉินถิงเซียวแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว แตกต่างกับผู้ชายร้ายกาจในห้องน้ำเมื่อคืนราวกับเป็นคนละคน

มู่น่อนน่อนง่วงนอนมาก คนตื่นแล้ว น้ำเสียงยังคงแหบพร่าแบบคนเพิ่งตื่นนอน “กี่โมงแล้ว”

“หกโมง” เฉินถิงเซียวที่ล้างหน้าแปรงฟันเสร็จแล้ว น้ำเสียงเป็นปกติ

หกโมง กินข้าวล้างหน้าแปรงฟันครึ่งชั่วโมง ไปสนามบินชั่วโมงกว่า เฉินถิงเซียวแบ่งเวลาได้ดีมาก

มู่น่อนน่อนปิดตา คำนวณเวลาอย่างสะลึมสะลือ อยากจะนอนอีก

ใช้น้ำเสียงทุ้มต่ำน่าฟังของเขา เติมเชื้อไฟด้วยการกระซิบเบาๆข้างหูเธอ “ไม่อยากตื่นก็นอนต่อ”

พอเขาพูดอย่างนี้ มู่น่อนน่อนก็ตื่นขึ้นมาทันที

เฉินถิงเซียวทรมานเธอเมื่อคืน เช้านี้ยังมาปลุกเธอแต่เช้าขนาดนี้อีก เห็นชัดว่าไม่อยากให้เธอไปทำงานนอกสถาน

ที่ร้ายกาจ!

มู่น่อนน่อนกัดฟันพลิกตัวลุกขึ้นมานั่ง พึมพำหนึ่งคำ “ร้ายกาจ!”

เฉินถิงเซียวแววตาสว่างวาบ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร

……

เฉินถิงเซียวขับรถไปส่งมู่น่อนน่อนด้วยตนเองที่สนามบิน

ทั้งสองคนพบกับมู่เจิ้งซิวที่นั่น

นี่เป็นครั้งที่สองที่พบกับเฉินถิงเซียว หลังจากที่มู่เจิ้งซิวกลับประเทศมา

มู่เจิ้งซิวเอ่ยก่อนว่า “ให้คนขับรถมาส่งก็ได้ คุณยังต้องมาส่งน่อนน่อนที่สนามบินเป็นพิเศษ รบกวนคุณมากไปแล้ว ”

เฉินถิงเซียวได้ยินดังนั้น ก็ชำเลืองมองมู่น่อนน่อน “ก็ไม่ได้มีธุระอะไร”

สีหน้ามู่น่อนน่อนเรียบเฉย อดค่อนแคะเฉินถิงเซียวไม่ได้

เห็นชัดว่ายุ่งจะตาย กลับบอกว่าไม่มีธุระอะไรหน้าตาเฉย

มู่เจิ้งซิวพยักหน้าเล็กน้อย ดูเหมือนไม่คิดจะพูดอะไรต่ออีก

เฉินถิงเซียวกลับเอ่ยปากพูดขึ้นในตอนนี้อีกว่า “ไปเมืองCทางนั้น คงต้องรบกวนคุณปู่มู่ดูแลภรรยาผมด้วยนะครับ”

ต่อหน้าคนนอก ดูเหมือนว่าจะมีสีหน้าเย็นชาอยู่ตลอดเวลาซึ่งไม่แยแสราวกับว่าไม่มีอารมณ์ความรู้สึก แต่ก็ไม่สามารถปกปิดการข่มขู่คุกคามในน้ำเสียงของเขาได้

แม้แต่มู่น่อนน่อนยังฟังออก ก็ไม่ต้องพูดถึงมู่เจิ้งซิว

สีหน้าของมู่เจิ้งซิวเกร็งเล็กน้อย จากนั้นก็พูดตามน้ำอย่างใจเย็นว่า “น่อนน่อนเป็นหลานสาวแท้ๆของผม ต้องดูแลแน่นอน”

เฉินถิงเซียวได้ยินดังนั้น ได้แต่กระตุกมุมปาก แต่กลับไม่เห็นรอยยิ้ม

มู่เจิ้งซิวหันหน้าไปพูดกับมู่น่อนน่อนว่า “พวกเราเข้าไปกันเถอะ”

มู่น่อนน่อนเข็นกระเป๋าเดินทางเดินเข้าข้างใน ยังไม่ลืมที่จะหันไปทำท่าทางสัญลักษณ์โทรศัพท์กับเฉินถิงเซียว

เธอถึงเมืองCจะโทรหาเขา

เฉินถิงเซียวที่สวมชุดสูทสั่งตัดหรูหรา บวกกับร่างสูงใหญ่ ยืนอยู่ในสนามบินที่มีผู้คนเดินไปมา ก็เหมือนกับมีแสงออร่าอย่างนั้น ดึงดูดความสนใจของผู้คนเป็นพิเศษ มีความหยิ่งยโสเล็กน้อย แต่เห็นชัดว่าโดดเดี่ยว

มู่น่อนน่อนหันกลับมามองเขาหลายครั้ง จึงเดินเข้าไปที่จุดตรวจความปลอดภัย

เวลานี้ เธอจึงสังเกตเห็นว่าสีหน้าของมู่เจิ้งซิวแย่มาก

คงต้องเป็นเพราะถูกเฉินถิงเซียวข่มขู่เมื่อครู่ ใบหน้าชราของเขาไม่สามารถเอามันอยู่ จึงเป็นเช่นนี้

เฉินถิงเซียวแม้จะบอกให้มู่เจิ้งซิวดูแลเธอ แต่เธอก็ยังรู้จักกาลเทศะช่วยมู่เจิ้งซิวเข็นกระเป๋าสัมภาระ

มู่เจิ้งซิวไม่ได้เอาผู้ช่วยและเลขามาด้วย มู่น่อนน่อนได้แต่รับภาระคนเดียว

เห็นมู่น่อนน่อนดึงกระเป๋าสัมภาระในมือของเขาไป มู่เจิ้งซิวก็หันไปมองเธออย่างไม่รู้ตัว มู่น่อนน่อนยิ้มให้

เธอแทบจะไม่เคยใช้ชีวิตตามลำพังกับมู่เจิ้งซิวมาก่อน ตอนนี้กลับรู้สึกเขินๆเล็กน้อย

ดีที่มู่เจิ้งซิวก็ไม่ได้มีท่าทีจะพูดอะไรกับเธอมาก ขึ้นเครื่องบินแล้วต่างคนต่างพักผ่อน

……

สองชั่วโมงหลังจากนั้น เครื่องบินก็ลงจอดที่สนามบินนานาชาติเมืองC

ทางโรงแรมที่นั่นส่งรถมารับพวกเขา

มู่น่อนน่อนเปิดเครื่อง ก็พบว่ามีสายไม่ได้รับจากเฉินถิงเซียวสองสาย

เธอส่งข้อความกลับไปหาเฉินถิงเซียวว่า เพิ่งลงจากเครื่องบิน

ผ่านไปประมาณสองวินาที เธอก็ได้รับข้อความตอบกลับจากเฉินถิงเซียว คำเดียวสั้นง่ายๆ“อืม”

พอเธอวางโทรศัพท์มือถือลง ก็ได้ยินมู่เจิ้งซิวพูดว่า “คืนนี้ต้องไปร่วมรับประทานอาหาร ตอนบ่ายไม่มีอะไร”

พอมู่เจิ้งซิวขึ้นรถ ก็ปิดตาพักผ่อน ตอนพูด ตาก็ยังปิดอยู่

มาถึงโรงแรม มู่น่อนน่อนก็ไปอาบน้ำก่อน พอหัวถึงหมอน ก็หลับไปเลย

ตอนตื่นขึ้นมาก็เป็นเวลาบ่ายแล้ว

เธอโทรไปที่เบอร์ส่งอาหารของโรงแรม จึงเห็นโทรศัพท์มือถือของตนเอง

มีเพียงหนึ่งข้อความจากเฉินถิงเซียวที่ยังไม่ได้อ่าน ส่งที่อยู่ของโรงแรมมาให้ผม

มู่น่อนน่อนจินตนาการถึงเฉินถิงเซียวอยู่ที่โต๊ะทำงาน ท่าทางถือโทรศัพท์มือถือพิมพ์ข้อความส่งให้เธอพลางขมวดคิ้ว ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา

เธอรู้สึกว่าตนเองตอนนี้ก็เหมือนกับลูกสาวที่ออกมาทำงานนอกบ้าน และเฉินถิงเซียวก็เหมือนกับพ่อที่อดเป็นห่วงลูกสาวไม่ได้ ยังให้เธอส่งที่อยู่โรงแรมให้เขาอีกด้วย

การเปรียบเทียบแบบนี้แม้จะดูตลก แต่มู่น่อนน่อนก็ยังส่งที่อยู่โรงแรมให้กับเขา

……

เวลากลางคืน มู่น่อนน่อนไปร่วมรับประทานอาหารเป็นเพื่อนมู่เจิ้งซิว

คนที่มาร่วมรับประทานอาหารล้วนแต่เป็นผู้สูงอายุ ดูแล้วล้วนมีความสัมพันธ์อันดีกับมู่เจิ้งซิว

หลายวันต่อมา มู่น่อนน่อนถือว่าเข้าใจได้ว่า มู่เจิ้งซิวไม่ได้ไปทำงานนอกสถานที่อะไร เห็นชัดว่ามาติดต่อสานสัมพันธ์กับเพื่อนเก่า

ดังนั้นเขาจึงพามู่น่อนน่อนมาแต่ไม่พามู่หวั่นขีมา เกรงว่าด้วยเหตุนี้เขาคงจะรู้ว่าด้วยนิสัยหยิ่งยโสของมู่หวั่นขี อาจจะนำมาซึ่งความก่อเรื่องวุ่นวาย จึงไม่พาเธอมา

ตอนที่มู่เจิ้งซิวแนะนำตัวก็พูดว่า “นี่คือหลานสาวผม”

จากนั้นก็มีคนหยอกล้อขึ้นว่า “ที่บ้านผมก็มีหลานชาย หมั้นหมายกันเอามั้ยล่ะ!”

มู่เจิ้งซิวส่ายหน้า “นี่คงจะไม่ได้ หลานสาวผมแต่งงานแล้ว”

“ลูกหลานตระกูลไหนโชคดีขนาดนี้ ได้แต่งงานกับหลานสาวที่เรียบร้อยน่ารักขนาดนี้ของคุณ”

“ตระกูลเฉิน”

จากนั้นเป็นต้นมา ทุกคนก็รู้ว่ามู่น่อนน่อนคือคุณหญิงน้อยของตระกูลเฉิน

ในใจมู่น่อนน่อนรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองเล็กน้อย

มู่เจิ้งซิวไม่เพียงมาสังสรรค์กับเพื่อนเก่า ยังใช้สถานะความเป็น“คุณหญิงน้อยตระกูลเฉิน”ของมู่น่อนน่อนมาเสริมหน้าให้ตัวเองอีกด้วย

ในเมื่อเขาไปต่างประเทศหลายปีขนาดนี้ ความสัมพันธ์กับเพื่อนเก่าก็เริ่มห่างหายจืดจางไปบ้าง

แต่ถ้าหากเขามีหลานสาวที่แต่งเข้าตระกูลเฉินเป็นคุณหญิงน้อย คนพวกนี้ต่อให้ความสัมพันธ์ห่างเหินกันอย่างไร ก็ต้องไว้หน้าเขาบ้าง

ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม

ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม

Status: Ongoing

แม่ของมู่นอนน่อนคุกเข่าลงต่อหน้าของเธอ ขอให้เธอ แต่งงานแทนพี่สาวกับเฉินถึงเขียวผู้ชายที่ขี้เหร่และพิการที่ ชาวบ้านเล่าลือกัน ในคืนวันแต่งงาน ตอนที่เธอได้พบหน้า หล่อเหลาของชายคนนี้เธอตกใจมาก เฉินถึงเซียวพูดตรงๆ เลยว่าเธอน่าเกลียดมากๆ เดิมที่คิดว่าคงใช้ชีวิตต่างคนต่าง อยู่ แต่กลับถูกผู้ชายคนนี้กดอยู่ใต้รางกายอย่างรุนแรง”ไหน บอกว่าคุณทำไม่ได้ไง”ผู้หญิงตกใจ” ได้หรือไม่ได้ คำพูดของ เธอ ฉันไม่นับ! “บนหน้าของเฉินถึงเชียวแสดงออกถึงความ เจ้าเสน่ห์

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท