บทที่ 178 ข่มขู่มู่น่อนน่อน
มู่น่อนน่อนกับเฉินถิงเซียวไปทานอาหารเป็นเพื่อนคุณปู่เฉินแล้วตั้งใจจะกลับ
ก่อนกลับ คุณปู่เฉินเรียกมู่น่อนน่อนไว้ “เธออยู่ก่อน ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย”
คลุกคลีมาหนึ่งวัน มู่น่อนน่อนสัมผัสได้ว่าคุณปู่เฉินเป็นคนที่เข้าถึงง่าย อาจจะมีอารมณ์แปลกๆ อยู่บ้าง แต่มันก็ไม่เป็นปัญหา
ดังนั้นเมื่อเธอได้ยินว่าคุณปู่เฉินบอกว่าต้องการคุยกับเธอ จึงเดินตามไปโดยไม่ลังเล
บังเอิญว่าเดินไปแค่สองก้าว ก็ถูกเฉินถิงเซียวจับไว้
เห็นสีหน้าคุณปู่ตระกูลเฉินเปลี่ยนไป มู่น่อนน่อนจึงรีบขยิบตาให้เฉินถิงเซียว ทำปากพูดกับเขาว่า “ปล่อยเร็ว”
คุณปู่เฉินถอนหายใจที่ไม่สามารถตีเหล็กให้กลายเป็นเหล็กกล้าได้ “ฉันแค่จะพูดกับเธอสองประโยค ฉันจะกินเธอได้หรือไง”
“โอ้” เฉินถิงเซียวแกล้งตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง แล้วปล่อยมู่น่อนน่อน
คุณปู่ตระกูลเฉินถลึงตาใส่เขา เหมือนกับหวังจะได้วิ่งไปตีเขาสักที
มู่น่อนน่อนรีบเดินเข้าไปช่วยประคองคุณปู่เฉินเข้าไปในห้อง
หลังจากเข้าไป คุณปู่เฉินปรับอารมณ์ร้อนก่อนหน้านี้ในทันที เปลี่ยนสีหน้าเป็นสงบลง
“ฉันรู้ว่าเมื่อก่อนเธอไม่เต็มใจแต่งงานกับถิงเซียว” ทันทีที่เขาเปิดปากพูด คำพูดที่ออกมาทำให้มู่น่อนน่อนตกใจมาก
เธอไม่ได้ตอบในทันที รอให้คุณปู่เฉินพูดต่อไป
“เธอเป็นเด็กฉลาด ธรรมชาติแล้วคงมองออกได้ว่าถิงเซียวรักเธอ ในเมื่อแต่งงานให้เธอแล้ว ก็ให้เป็นคุณหญิงน้อยของตระกูลเฉินโดยชอบธรรม เราตระกูลเฉินจะไม่ปฏิบัติต่อคนของตระกูลในทางไม่ดี”
ถึงแม้คุณปู่เฉินจะแสดงจุดยืนของตัวเอง แต่ในขณะเดียวกันก็ข่มขู่มู่น่อนน่อนด้วย
ถ้าเธอนอกใจเฉินถิงเซียว ไม่ต้องรอให้เฉินถิงเซียวลงมือ คุณปู่เฉินจะไม่มีทางปล่อยเธอแน่
มองออกได้ว่าคุณปู่เฉินรักเฉินถิงเซียวมากจริงๆ
ก็ไม่น่าแปลกใจว่าเฉินถิงเซียวที่รังเกียจตระกูลเฉิน เมื่อรู้ว่าคุณปู่ตระกูลเฉินโทรมาบอกให้เขากลับตระกูลเฉิน เขายังยินดีจะกลับมา
สำหรับการข่มขู่ของคุณปู่เฉิน มู่น่อนน่อนก็ไม่รังเกียจ กลับกันยังยิ้มและพูดว่า “คุณปู่คะ ระหว่างมนุษย์กับมนุษย์เป็นกันและกัน ระหว่างฉันกับเฉินถิงเซียว และคุณกับเฉินถิงเซียวก็เป็นแบบเดียวกันค่ะ”
คุณปู่เฉินดีต่อเฉินถิงเซียว โดยธรรมชาติแล้วเฉินถิงเซียวก็จะฟังคำพูดของเขา
เฉินถิงเซียวดีต่อเธอ โดยธรรมชาติแล้วเธอก็จะไม่มีการเอาใจเป็นอื่น
เมื่อได้ยินคำพูดนี้คุณปู่เฉินก็ชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหัวเราะเสียงดังลั่นขึ้นมาฉับพลัน “สาวน้อยเกทับเก่งใช้ได้ทีเดียวนะ เอาล่ะ รีบไปเถอะ อย่าปล่อยให้เจ้าเด็กบ้านั่นรอนาน ไม่อย่างนั้นจะหันมาหัวร้อนใส่ฉันอีก”
“งั้นฉันไปก่อนนะคะ มีเวลาจะมาหาคุณอีกค่ะ”
เมื่อมู่น่อนน่อนออกไป ก็ไม่เห็นร่างของเฉินถิงเซียว
เดินออกไปข้างนอก ก็เห็นเฉินถิงเซียวยืนคุยอยู่กับเฉินอินหย่า
ต้องบอกว่า ท่วงท่าการยืนของตระกูลเฉินนั้นยอดเยี่ยมมาก เฉินอินหย่าดูสวยงาม ส่วนเฉินถิงเซียวก็สุดยอดในหมู่ผู้ชาย ทั้งสองยืนอยู่ด้วยกัน ช่างเจริญตาสบายใจ
มู่น่อนน่อนตั้งใจจะเดินเข้าไปหลังจากสองคนนั้นคุยกันจบ แต่เหมือนเฉินถิงเซียวจะมีตายาวมาถึงหลังหัว จู่ๆ ก็หันหน้ามามองยังทิศทางของเธอ
มู่น่อนน่อนจึงจำต้องเดินเข้าไป
เฉินอินหย่าก็มองมาตามสายตาของเฉินถิงเซียวด้วย เมื่อเธอเห็นมู่น่อนน่อน ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย ดวงตาเกิดแววประหลาดใจแวบขึ้นมาฉับพลัน “เธอ…”
เฉินถิงเซียวไม่ได้ต้องการแนะนำมู่น่อนน่อนให้เฉินอินหย่ารู้จัก ตรงเข้าไปโอบไหล่ของเธอและจะเดินออกไป “ไปเถอะ”
เฉินอินหย่าส่งเสียงเรียกเขาอย่างไร้สติ “พี่ชายสาม”
ในบรรดาตระกูลเฉินรุ่นหลัง ซือเฉิงหยู้เป็นพี่ใหญ่ ที่สองคือพี่สาวฝาแฝดของเฉินถิงเซียว ตามการจัดอันดับ เฉินถิงเซียวเป็นลำดับที่สาม
ทุกคนในตระกูลที่เด็กกว่าเฉินถิงเซียวล้วนเรียกเขาว่าพี่ชายสาม
เฉินถิงเซียวไม่ได้หันกลับไป แต่มู่น่อนน่อนหันกลับมามองเฉินอินหย่าอย่างเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม
เฉินอินหย่าคิดไปถึงสิ่งที่ตัวเองพูดกับมู่น่อนน่อนก่อนหน้านี้ หน้าก็แดงขึ้นมาโดยทันที
ตอนที่ยังเด็กเธอเล่นสนุกกับเฉินถิงเซียวอย่างดี ต่อมาแม่ของเฉินถิงเซียวเกิดเรื่อง เขาสองคนออกไปจากบ้านเก่าและไม่มีความสนิทสนมอีก ต่อมาได้ยินว่าเฉินถิงเซียวเกิดปัญหากับร่างกายจนเสียโฉม เธอก็ไม่ได้ติดต่อกับเฉินถิงเซียวอีกเลย
แม้ว่าเธอจะไปเป็นพิธีกรสถานีโทรทัศน์ ก็ไม่ได้เปิดเผยตัวว่าเป็นคนของตระกูลเฉิน เพราะกลัวว่าคนอื่นได้รู้ภายหลังแล้วจะถามเธอเรื่องของเฉินถิงเซียว เธอรู้สึกอับอาย
ไม่กี่วันที่ผ่านมาหลังจากที่มีการเปิดเผยโฉมหน้าที่แท้จริงของเฉินถิงเซียว ความคิดของเธอก็เริ่มกระตือรือร้น คิดหาเวลาไปพบเฉินถิงเซียว
เพราะท้ายที่สุดแล้วเฉินถิงเซียวนั้นเป็นทายาทสืบทอดบริษัทเฉินซื่อที่แท้จริงเพียงผู้เดียว ในอนาคตเขาจะเป็นผู้รับผิดชอบทั้งตระกูลเฉิน พวกพี่น้องทุกคนทั้งหญิงชายล้วนต้องพึ่งพาบารมีของเขา
เธอยังไม่ทันได้ทำอะไร ก็ได้ยินว่าเฉินถิงเซียวพาภรรยาหมาดๆ กลับมาบ้านเก่า เธอจึงกลับมาพบเป็นพิเศษ
แต่คิดไม่ถึงว่าผู้หญิงก่อนหน้านี้ที่เธอคิดว่าพวกลูกพี่ลูกน้องพากลับมาค้างคืน ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นภรรยาหมาดๆ ของเฉินถิงเซียว!
ก็ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นจะพูดจาไร้สาระต่อหน้าเฉินถิงเซียวหรือไม่…
เฉินอินหย่าคิดว่าตัวเองยังต้องหาโอกาสไปหาเฉินถิงเซียวอีกครั้ง ต้องพยายามเชื่อมความรู้สึกดีๆ กับเฉินถิงเซียว…
……
ในรถ มู่น่อนน่อนที่นั่งอยู่เบาะหลัง แผ่นหลังพิงพนัก ลืมตาจ้องมองหลังคารถด้วยสายตาว่างเปล่า
เฉินถิงเซียวเอื้อมมือไปลูบศีรษะของเธอ “เหนื่อยเหรอ”
“นิดหน่อย”
ที่จริงมันไม่ใช่แค่นิดหน่อย เธอรู้สึกเหนื่อยมาก
ถึงแม้ว่าเฉินถิงเซียวจะให้เธอไม่ต้องมีภาระทางจิตใจ ให้เธอเป็นตัวของตัวเอง แต่เธอจะไม่มีภาระทางจิตใจได้อย่างไร
เฉินถิงเซียวรังเกียจตระกูลเฉิน แต่เขาไม่สามารถแยกความสัมพันธ์กับตระกูลเฉินได้ ถึงแม้เธอจะใช้ชีวิตอยู่กับเฉินถิงเซียว แต่ก็ยังคิดว่าจะทำตัวดีๆ กับตระกูลเฉิน ไม่สร้างปัญหาให้เขา
ระมัดระวังตัว กลัวจะผิดพลาด จะพูดจะถามคุณปู่เฉิน เธอต้องระวังกิริยา
เฉินถิงเซียวดึงเธอเข้าอ้อมแขน เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นเหนือศีรษะของเธอ “ต่อไปถ้าไม่มีอะไรก็จะไม่กลับไปบ้านเก่าแล้ว”
“คุณจะไม่กลับไปเยี่ยมคุณปู่เหรอ ฉันคิดว่าเขาอยากให้คุณกลับไปเยี่ยมเขา” มู่น่อนน่อนพิงอกของเขา น้ำเสียงอู้อี้
จู่ๆ เสียงของเฉินถิงเซียวก็เย็นชาขึ้นมา “ต่อให้ผมไม่กลับไปเยี่ยมเขา เขาก็ยังกินได้นอนหลับอยู่สบายเหมือนเดิมนั่นแหละ”
มู่น่อนน่อนยืดตัวขึ้น พบว่าสีหน้าของเฉินถิงเซียวเปลี่ยนไปอย่างที่คิด
“เกิดอะไรขึ้น” ก่อนหน้านี้ยังดีๆ อยู่เลยไม่ใช่เหรอ
เฉินถิงเซียวไม่ได้พูดอะไร แค่เอนศีรษะเข้าไปจูบเธอ
มู่น่อนน่อนดันเขา ด้านหน้ายังมีสือเย่ขับรถอยู่นะ!
แต่เฉินถิงเซียวกลับไม่สนใจ จับศีรษะของเธอไว้แล้วจูบเธอต่อไป
สือเย่นั่งตัวตรงไม่ชำเลืองมอง
ใครจะมาเข้าใจความรู้สึกของคนหนุ่มสาวที่หย่าร้างในเวลานี้
ทันทีที่จูบเสร็จ ทั้งสองก็หายใจหอบเล็กน้อย
เฉินถิงเซียวกอดเธอโดยไม่พูดอะไร แต่กลับมีความคิดบางอย่าง
เช้าตรู่ ที่เขาล่วงหน้าไปหาคุณปู่ ก็เพราะไปสอบถามรายละเอียดในคดีของแม่เขาในปีนั้น
ตอนนั้นคุณปู่พูดอย่างไรน่ะเหรอ
“เรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว คนเราต้องมองไปข้างหน้า ถ้าวิญญาณของแม่แกอยู่บนสวรรค์ ก็คงหวังให้แกมีชีวิตที่ดีของตัวเอง มองไปข้างหน้า”
ความหมายในคำพูดโดยนัยและโดยนอกของคุณปู่เฉิน ก็คือไม่ให้เขาสืบเรื่องของแม่ในปีนั้นอีก
เพราอะไรไม่ให้เขาสืบ
กลัวว่าเขาจะสืบพบเรื่องน่ากลัวอะไรงั้นเหรอ
แต่เขาจะต้องสืบให้ได้