บทที่185 ความเกี่ยวข้องกันของการจูบกับการล้างมือ
ถอดรองเท้าออก มู่น่อนน่อนถึงได้พบว่าหลังเท้าของตัวเองได้ถลอกบวมแดงไปหมดแล้ว
มีรองเท้าลุยหิมะกั้นเอาไว้ก็สามารถถูกรองเท้าส้นสูงเหยียบจนเป็นอย่างนี้ได้ มันก็พอที่จะบ่งบอกได้ว่ามู่หวั่นขีเกลียดเธอเข้ากระดูกแค่ไหน
สีหน้าของเฉินถิงเซียวนิ่งขรึม เงยหน้าขึ้นมองเธอ สายตาดูไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่นัก
มู่น่อนน่อนหลุบคอกลับมาเล็กน้อย “ไม่เจ็บเลยสักนิด…”
นึกถึงเรื่องที่เท้าเธอเคล็ดเมื่อก่อนหน้านี้ขึ้นมาทันที เธอกลืนน้ำลายแล้วพูดออกไป “นิดๆหน่อยเท่านั้นเอง”
เฉินถิงเซียวไม่พูดอะไร เพียงแค่เอาถุงเท้าสวมให้เธอให้เรียบร้อย
สีหน้าของเขายังคงมืดครึ้ม แต่การกระทำกลับอ่อนโยนอย่างมาก
มู่น่อนน่อนคิดว่าเฉินถิงเซียวเองก็ไม่ได้แสดงออกมาเสียจนน่ากลัวอะไรขนาดนั้น
เธอนึกเรื่องที่ลิฟต์เมื่อกี้นี้ขึ้นมา เอ่ยถามเฉินถิงเซียวออกไปด้วยความอยากรู้ “เมื่อกี้นี้ในลิฟต์คุณทำอะไร? ลิฟต์ตกลงไปหรือเปล่า? มู่หวั่นขีคงไม่เป็นอะไรหรอกใช่มั้ย…”
เขาเอ่ยนิ่งๆออกมา “ไม่ตายง่ายๆหรอก”
แค่คำง่ายๆพวกนั้น ทำเอาคอของมู่น่อนน่อนเย็นวูบขึ้นมา
ไม่ตายง่ายๆ นั่นมันจะต้องเจ็บหนักแน่ๆเลย
……
กลับมาถึงบ้าน เฉินถิงเซียวกดร่างของมู่น่อนน่อนให้นั่งลงไปบนเตียง ผันร่างเดินออกไปหายามา
ตั้งแต่เรื่องที่มู่น่อนน่อนเท้าเคล็ดครั้งที่แล้ว ในห้องก็ได้วางกล่องยาเอาไว้กล่องนึง ด้านในมียาสำหรับรักษาแผลจากการฟกช้ำชนิดต่างๆอยู่ด้วย
เฉินถิงเซียวนั่งขัดสมาธิลงบนพื้นพรมตรงหน้าเตียงนอน เอาเท้าของมู่น่อนน่อนวางลงไปบนเข่าของตัวเอง บีบยาลงบนนิ้วมือเล็กน้อย หลุบตามองลงไป เพ่งความสนใจไปกับการทาให้เธออย่างตั้งอกตั้งใจ
ทันทีที่กลับห้องมา เสื้อสูทบนร่างของเฉินถิงเซียวไม่ทันได้เปลี่ยน แม้ว่าจะเพียงแค่นั่งขัดสมาธิลงบนพื้นไปอย่างไม่ใส่ใจ แต่ออร่าความเยือกเย็นที่ออกมาจากร่างนั้นมันกลับไม่ได้ลดน้อยลงไปเลยสักนิด
มองจากทางมู่น่อนน่อนแล้ว เห็นได้แค่เพียงผมสั้นที่ดูเป็นระเบียบเรียบร้อยของเขา ขนตากะพริบลงเบาๆ และปลายจมูกนิดๆ
มู่น่อนน่อนเอียงหัวเล็กน้อยก็เห็นเขากำลังขมวดคิ้วออกมาเล็กน้อย เม้มริมฝีปาก จ้องหลังเท้าเธอไปด้วยสายตาที่จดจ่อ เหมือนกับว่ากำลังคิดจัดการกับปัญหาช่องโหว่ของโครงการที่แก้ยากบางอย่างอยู่เลย
ยังคงเป็นสายตาเยือกเย็นดังเดิม แต่น่าแปลกที่มันกลับทำให้เธอรู้สึกว่าเฉินถิงเซียวในตอนนี้นั้นอ่อนโยนอย่างมาก หลายครั้ง ยิ่งมีสิ่งที่เปลือกนอกดูแข็งกระด้าง ภายในจะยิ่งน่าประทับใจ
มู่น่อนน่อนนึกถึงตอนที่เจอเฉินถิงเซียวครั้งแรกขึ้นมา เขาบุกเข้ามาในห้อง สีหน้าท่าทางและน้ำเสียงที่หยิ่งพยศนั้น ให้เธอคิดยังไงเธอก็คิดไม่ถึงว่าจะมีวันนึงที่ผู้ชายคนนั้นจะมาทายาให้เธออย่างอ่อนโยนอย่างนี้ได้
มู่น่อนน่อนเกิดความคิดนึงขึ้นมา ส่งเสียงเรียกออกไป “เฉินถิงเซียว”
“อืม” เฉินถิงเซียวไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาด้วยซ้ำ มือที่กำลังช่วยเธอทายาอยู่นั้นก็ไม่ได้หยุดลง
เขานึกว่ามู่น่อนน่อนเรียกเขาเพราะมีเรื่องอยากจะพูด แต่สุดท้ายรออยู่สักพักนึงก็ยังไม่ได้ยินมู่น่อนน่อนพูดอะไรออกมาอีก เขาจึงต้องเงยหน้าขึ้นไปมองเธอ
โชคดีที่เขาทายาให้มู่น่อนน่อนไปประมาณนึงแล้ว จึงเอ่ยถามออกไป “เป็นอะ…”
คำพูดตรงท่อนหลังของเขายังไม่ทันได้หลุดพูดออกมา ก็ถูกประกบจูบเข้ามา
น้อยมากที่มู่น่อนน่อนจะเป็นฝ่ายจู่โจม
เขาเพียงแค่งงงวยอยู่สักพัก ลุกยืนขึ้น แล้วก็ได้กดร่างของมู่น่อนน่อนกลับลงไปบนเตียง
ก็คงเป็นเพราะว่ามู่น่อนน่อนมีปฏิกิริยาที่ตอบกลับออกมาเสียจนเร่าร้อนเกินไป กลิ่นอายจากร่างของเฉินถิงเซียวเพียงไม่นานก็ได้เปลี่ยนมาหนักขึ้นกว่าเดิม
ตอนที่ทั้งสองคนจูบกันจนแทบจะไม่แยกออกจากกันนั้นเอง จู่ๆเฉินถิงเซียวเหยียดลุกขึ้นมา ไฟในดวงตายังคงไม่มอดดับลง เอ่ยด้วยเสียงแหบพร่าออกมา “ผมไปล้างมือก่อน”
มู่น่อนน่อนมองเงาร่างเบื้องหลังที่เดินออกไปของเขา คิดไปด้วยความสับสนเล็กน้อย จูบกับล้างมือมันเกี่ยวอะไรกัน?
ตอนที่มู่น่อนน่อนมีปฏิกิริยาตอบกลับออกมา เสื้อผ้าบนตัว ก็ได้หายไปหมดแล้ว
น้ำเสียงที่ฟังดูชั่วร้ายของเขา เอ่ยถามเธอด้วยน้ำเสียงอันแผ่วเบา “ตอนนี้รู้แล้วใช่มั้ยว่าทำไมผมถึงต้องไปล้างมือ?”
หน้าของมู่น่อนน่อนเดิมทีก็ได้แดงจนไม่เหลือเค้าเดิมอยู่แล้ว ในตอนนี้พอถูกเขาถามมาอย่างนี้ ก็ยิ่งหน้าแดงจนเลือดแทบจะหลั่งรินออกมา กัดริมฝีปากจ้องมองเขา
เฉินถิงเซียวถูกเธอจ้องมาจนหัวใจแทบจะอ่อนยวบไปหมด
เขาโน้มตัวลงไปจูบเธอ “ทั้งๆที่คุณชอบผมมากแท้ๆ”
มู่น่อนน่อนทั้งอายทั้งโกรธ กำลังจะแย้งกลับไป แต่เขากลับจูบเข้ามาที่ริมฝีปากของเธอ
……
วันต่อมา
มู่น่อนน่อนตื่นตอนเจ็ดโมงจนเป็นนิสัย เป็นกิจวัตรที่จะต้องตื่นขึ้นมา
แต่สุดท้ายพอเธอขยับ ก็ถูกผู้ชายที่อยู่ข้างๆกดกลับลงไปบนเตียง
ในน้ำเสียงทุ้มต่ำของเฉินถิงเซียวแฝงไปด้วยความงัวเงียจากการที่เพิ่งตื่นนอน “คุณไม่ได้เข้าทำงานเสียหน่อย จะตื่นตั้งแต่เช้าไปทำไม?”
มู่น่อนน่อนจึงนึกออกขึ้นมา วันนี้ตนไม่ต้องไปทำงานที่บริษัทมู่ซื่ออีก
พอคิดอย่างนี้แล้ว ก็ยังเกิดความรู้สึกโหวงๆอยู่บ้างๆ
ในใจของเธอคิดอย่างนี้ จึงพูดออกไปอย่างไม่รู้ตัว
เฉินถิงเซียวที่อยู่ข้างๆลุกขึ้นมานั่งเตรียมที่จะลงจากเตียง เอ่ยพูดคำที่ฟังดูมีความหมายลึกซึ้งออกมา “ผมไม่ไปทำงานก็ได้นะ อยู่บ้านเพื่อเติมเต็มสิ่งที่ขาดหายไปของคุณ”
มู่น่อนน่อน “…”
เธอเอื้อมมือไปจับเอวเล็กของตัวเองเล็กน้อย เอ่ยพูดออกไปอย่างไม่สบอารมณ์เท่าไหร่นัก “คุณรีบไปทำงานเถอะ!”
“เมื่อคืนคุณไม่เห็นจะเป็นอย่างนี้เลย ตอนนี้พอได้กันแล้วก็จะถีบหัวส่งกันเสียแล้ว?” เฉินถิงเซียวพูดคำพูดที่ไร้เหตุผลออกมา แต่สายตาของเขามันกลับดูจริงจังสุดๆไปเลย
มู่น่อนน่อนมั่นใจมากว่าชั่วชีวิตนี้เธอคงจะทำตัวไร้ยางอายเหมือนอย่างเฉินถิงเซียวไม่ได้แน่
นึกถึงเรื่องเมื่อคืน มู่น่อนน่อนซุกกลับเข้าไปในผ้าห่มพร้อมใบหน้าที่แดงไปถึงหู ห่อร่างของตัวเองเอาไว้จนแน่น “รีบไปได้แล้ว!”
“เสียมารยาท” ในน้ำเสียงของเฉินถิงเซียวแฝงไปด้วยความทะเล้น โน้มตัวลงมากอดเธอแล้วจูบผ่านผ้าห่มที่กั้นอยู่ “คุณนอนอีกสักพัก”
จากนั้น ในห้องน้ำก็มีเสียงน้ำดังขึ้น
เธอสลบไสลไปท่ามกลางเสียงน้ำพวกนี้
ตอนที่ตื่นขึ้นมาอีกที เธอก็ถูกอาหูปลุก
“คุณหญิงน้อย คุณตื่นแล้วหรอคะ?”
เธอนึกว่าอาหูจะมาปลุกเธอไปกินข้าว จึงยันร่างให้ลุกขึ้นนั่งแล้วเดินออกไปด้านนอกพร้อมตะโกนออกไป “ฉันกำลังจะลงไปเดี๋ยวนี้ค่ะ”
ด้านนอกเงียบไปหลายวิ กว่าเสียงของอาหูจะดังเข้ามาอีกครั้ง “คุณหญิงน้อย คุณท่านมาแล้วค่ะ”
คำพูดที่ไม่มีปี่มีขลุ่ยของอาหู ทำเอามู่น่อนน่อนจับต้นชนปลายไม่ถูกขึ้นมาเล็กน้อย “คุณท่านคนไหน?”
อาหูพูดเสริมมาอีกประโยคนึง “คนจากทางบ้านเดิมค่ะ”
คุณท่านเฉิน?
มู่น่อนน่อนสั่นไปทั้งร่าง สมองก็ตื่นเต็มตาขึ้นมาทันที
“ฉันจะไปเดี๋ยวนี้ค่ะ”
เธอพูดจบ ก็ลงจากเตียงไป รีบวิ่งเข้าห้องอาบน้ำไป
หลังจากที่ได้ล้างหน้าแปรงฟันไปอย่างง่ายๆแล้ว ก็สวมเสื้อผ้าแล้วก็ลงไปข้างล่าง
ยังดีที่อยู่ที่บ้าน เลยไม่ต้องแต่งหน้า
เฉินถิงเซียวอยู่ที่ปากทางขึ้นลงบันได ก็เห็นเข้ากับเฉินอันหลินกำลังนั่งอยู่บนโซฟาตรงห้องโถง
อาหูกำลังเสิร์ฟชาให้เขา ด้านหลังของเขามีบอดี้การ์ดสองคนยืนกันอยู่เหมือนอย่างกับเทพผู้คอยเฝ้าพิทักษ์ประตูไม่มีผิด
มู่น่อนน่อนเดินลงไปพลาง พร้อมทั้งคิดถึงจุดประสงค์การมาวันนี้ของคุณท่านเฉินไปพลาง
ตอนกลางวันเฉินถิงเซียวไม่อยู่บ้าน คุณท่านเฉินจะต้องรู้อยู่แล้ว
ดังนั้นแล้วคุณท่านเฉินมาหาเธอ