มู่น่อนน่อนร้อนใจ “คุณปู่พูดอะไรกับคุณกันแน่ คุณบอกหน่อยได้ไหม คุณเป็นแบบนี้ฉันกังวลนะคะ!”
เฉินถิงเซียวนั่งลงข้างเตียง
มู่น่อนน่อนยืนอยู่ตรงหน้าเขา เขาต้องเงยหน้าขึ้นถึงจะเห็นหน้ามู่น่อนน่อน
“คุณปู่พูดว่า…”
เฉินถิงเซียวพูดคำเหล่านี้แล้วจู่ๆ ก็หยุด
มู่น่อนน่อนรอฟังต่อ คิดว่าคุณปู่เฉินพูดเรื่องสำคัญกับเฉินถิงเซียว
เห็นมู่น่อนน่อนฟังด้วยสีหน้าจริงจัง เฉินถิงเซียวจึงพูดต่อให้จบ “ให้เรามีลูกเพิ่มอีกหลายๆ คน”
น้ำเสียงและสีหน้าของเฉินถิงเซียวจริงจังมาก
มู่น่อนน่อนชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะรู้ตัวว่าเฉินถิงเซียวหลอกเธอ
เธอยื่นมือออกไปนวดศีรษะเฉินถิงเซียวหนึ่งที “ฉันกำลังจริงจังมาก คุณมาล้อเล่นอะไรเนี่ย!”
เฉินถิงเซียวจับมือเธอแล้วดึงเข้าไปในอ้อมแขน “เป็นความจริง”
เมื่อน้ำเสียงลดลง ปากของเขาก็กดตามลงมาทันที
มู่น่อนน่อนเข้าใจแล้วว่าเฉินถิงเซียวไม่อยากบอกเธอ
ไม่ว่าเรื่องอะไรที่ไม่อยากบอกเธอ เฉินถิงเซียวจะทำบางสิ่งเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของเธอ
เรื่องอะไรของเธอเขารู้หมด แต่เขามักจะมีความลับเสมอ มักจะมีเรื่องราวมากมายที่ไม่ให้เธอรู้
มู่น่อนน่อนกัดริมฝีปากเขาอย่างโกรธๆ
เธอไม่เบาแรง กัดริมฝีปากของเฉินถิงเซียวจนกลิ่นคาวเลือดกระจายไปทั่วปาก
เฉินถิงเซียวชะงักไปเล็กน้อยครู่หนึ่ง ก่อนจะจูบล้ำลึกหนักหน่วงขึ้น
“อือ…ฉันขอดู…” มู่น่อนน่อนลิ้มรสเลือด อยากดูว่าเธอกัดไปแรงแค่ไหน
ปรากฏว่าเฉินถิงเซียวไม่ฟังสิ่งที่เธอพูด เขากดศีรษะเธอมาจูบอย่างป่าเถื่อนหนักหน่วง
จูบยาวนานจนใบหน้าเธอแดงเรื่อ
เมื่อนอนสงบลงบนเตียง เธอได้ยินเสียงปลดเปลื้องเสื้อผ้า
เมื่อเอียงศีรษะมอง ก็เห็นเฉินถิงเซียวกำลังถอดเสื้อผ้า
ทันทีที่เข้านอน ต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดนอน
เพียงแต่เฉินถิงเซียวถอดเสื้อผ้าแล้วไม่ได้เปลี่ยนเป็นชุดนอน แล้วตรงมาถอดเสื้อผ้าของเธอ
มู่น่อนน่อนมีลางสังหรณ์ไม่ดี ดึงเสื้อผ้าตัวเองไว้แล้วถามเขา “คุณจะทำอะไรเฉินถิงเซียว”
“ถอดเสื้อผ้านอน” เฉินถิงเซียวโน้มตัวคร่อมเธอ ตั้งหน้าตั้งตาปลดกระดุมเสื้อเธอทีละเม็ด
เขาเพิ่งถอดเสื้อผ้า ทันทีที่มู่น่อนน่อนเงยหน้าขึ้นก็เห็นร่างกายเปลือยเปล่าของเขาชัดเจน…
เธอเอียงหน้าหนีพลางยื่นมือหยุดเขา “ฉันนอนในชุดนอนก็ได้ ไม่ต้องถอดหรอก”
“สวมเสื้อผ้าไว้มันอึดอัด” เฉินถิงเซียวหาเหตุผลมาเสริม
แน่นอนว่ามู่น่อนน่อนสู้ไม่ได้…
เขาดันเธอเข้าไปในผ้าห่ม แล้วโอบกอดมู่น่อนน่อนจากด้านหลัง
เขากอดเธอจากด้านหลัง ท่าทางแบบนี้…
มู่น่อนน่อนพูดเสียงสั่น “เฉินถิงเซียว คุณปล่อยฉัน…”
“อยู่เฉยๆ” เสียงเฉินถิงเซียวแหบพร่า
มู่น่อนน่อนร้องไห้โดยไม่มีน้ำตา
แบบนี้จะให้เธอหลับได้อย่างไร และเธอก็ไม่ใช่ท่อนไม้ เธอก็มีความรู้สึกนะ!
“นอนไม่หลับเหรอ” เสียงของเฉินถิงเซียวดังขึ้นอีกครั้ง “งั้นคุณจูบผมสิ”
เฉินถิงเซียวไม่ค่อยร้องขอแบบนี้ ไม่ต้องพูดถึงการใช้น้ำเสียงเปราะบางเหมือนปลอบประโลม
มู่น่อนน่อนใจอ่อน หันไปจูบเขา
แน่นอนว่าคุณปู่เฉินต้องพูดเรื่องอะไรกับเขาเป็นพิเศษ ถึงได้ทำให้เฉินถิงเซียวแปลกไปแบบนี้
คนที่พูดน้อย ยากที่จะค้นหาอารมณ์จากการแสดงออกและคำพูด แต่น่าแปลก ตอนนี้มู่น่อนน่อนสัมผัสอารมณ์ที่แปลกไปของเขาได้อย่างง่ายดาย
จูบของมู่น่อนน่อนทำให้เฉินถิงเซียวผ่อนคลายพึงพอใจ ในนาทีต่อมาเขาก็ปล่อยมู่น่อนน่อนแล้วลุกออกจากเตียงเดินไปที่ห้องน้ำ
มู่น่อนน่อนเรียกอย่างประหลาดใจ “เฉินถิงเซียว?”
เขายังไม่ได้…
เฉินถิงเซียวหันกลับไปมองเธอ ด้วยสีหน้าที่ค่อนข้างอดกลั้น “พอแล้ว”
มู่น่อนน่อนไม่ค่อยเข้าใจ เพราะเธอเห็นตรงนั้นเขายังตื่นตัวอยู่
เนื่องด้วยมันดึกมากแล้ว ไม่มีเฉินถิงเซียวมารบกวนเธอ ไม่กี่นาทีมู่น่อนน่อนก็หลับไป
เฉินถิงเซียวออกมาด้วยร่างกายเย็นชื้น หลังจากใส่ชุดนอนก็เห็นว่ามู่น่อนน่อนหลับไปแล้ว
เขาเอาชุดนอนมาใส่ให้มู่น่อนน่อนอย่างทะนุถนอม เคลื่อนไหวบางเบา เมื่อมู่น่อนน่อนลืมตาสะลึมสะลือก็ถูกเขากล่อมให้หลับอีกครั้ง
ว่ากันว่าผู้ชายใช้ส่วนล่างร่างกายไตร่ตรอง
ประโยคนี้ไม่ถูกต้องนัก
การเสพติดระหว่างชายหญิงเป็นเรื่องง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาที่กอดคนที่รักไว้ในอ้อมแขน
แต่บางครั้ง ความพึงพอใจในจิตใจสำคัญกว่าความพึงพอใจทางกายภาพ
……
วันรุ่งขึ้น
วันส่งท้ายปีเก่า
มู่น่อนน่อนตื่นขึ้นด้วยเสียงฝีเท้านอกประตู
“กี่โมงแล้ว”
เธองัวเงียถามเฉินถิงเซียว
น้ำเสียงตอนเช้าของเฉินถิงเซียวแหบแห้ง “ยังเช้ามาก หลับอีกหน่อยไหม”
มู่น่อนน่อนส่ายหน้า “ไม่แล้ว”
ถึงแม้ว่าจะถูกปลุกขึ้นมา แต่เธอไม่นอนแล้ว
ทั้งสองลุกขึ้นเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วออกไปด้วยกัน
เพราะมันเป็นเทศกาลที่สำคัญที่สุดของปี ใบหน้าของคนรับใช้ที่พวกเขาพบตลอดทางต่างยิ้มแย้มแจ่มใส
เมื่อทั้งคู่มาถึงห้องอาหาร โทรศัพท์มือถือของมู่น่อนน่อนก็ดังขึ้น
เป็นเซียวซู่เหอโทรเข้ามา
มู่น่อนน่อนลังเลครู่หนึ่ง แต่ก็ยังรับสาย
เซียวซูเหอที่อยู่ในสายสอบถามเธออย่างสำรวจ “น่อนน่อน แกจะกลับมากี่โมง ฉันจะได้ให้คนเตรียมตัวให้พร้อมล่วงหน้า”
เรื่องกลับบ้านพ่อแม่ช่วงปีใหม่ ที่จริงมู่น่อนน่อนไม่ได้นึกถึงมันเลย
เธอแทบจะไม่มีความรู้สึกใดๆ ต่อตระกูลมู่แล้ว ความสัมพันธ์แม่ลูกกับเซียวซู่เหอเป็นเท็จไปแล้ว
มู่น่อนน่อนตัดสินใจตอบไปตามตรง “เมื่อถึงเวลาฉันจะให้คนส่งของไปให้ค่ะ ถ้าคุณยุ่ง ก็ให้คนรับใช้รับไว้ให้ก็พอ”
คำพูดของเธอ ทำลายความฝันสุดท้ายอันน้อยนิดของเซียวซู่เหอ
แต่เมื่อเซียวซู่เหอคิดไปถึงวันนั้นที่เธอไปหามู่น่อนน่อน กลับถูกเฉินถิงเซียวขับไล่
ดังนั้นเธอจึงถามมู่น่อนน่อนว่า “เฉินถิงเซียวให้เธอกลับมาใช่ไหม”
“อะไร” มู่น่อนน่อนไม่รู้ว่าเซียวซู่เหอจะดึงเฉินถิงเซียวมาเกี่ยวข้องทำไม
“ครั้งก่อนที่ฉันทะเลาะกับพ่อแก เดิมทีฉันไปหาแกที่บ้าน ปรากฏว่าพวกเขาหลอกฉันว่าแกไม่อยู่บ้าน ฉันรออยู่ข้างนอก จนตอนเย็นเฉินถิงเซียวกลับมา ก็ไล่ฉันทันที”
เซียวซู่เหอคิดไปถึงท่าทีของเฉินถิงเซียววันนั้นยังรู้สึกค่อนข้างกลัวอยู่เลย
มู่น่อนน่อนชะงักไปครู่หนึ่ง “ครั้งที่เสิ่นชูหานให้คุณไปพักด้วยก่อนหน้านี้น่ะเหรอ”
“ใช่