ในตอนนี้กำลังอยู่ตรงแยกสัญญาณไฟจราจร สือเย่ชะโงกหัวไปดู ก็เห็นว่าที่เฉินถิงเซียวชี้นั้นเป็นรูปถ่ายกลุ่มคนที่อยู่ด้านหลังของมู่น่อนน่อน
มองดูเพียงพริบตาเดียว สือเย่ก็ไม่เห็นว่ามันไม่มีอะไรที่ผิดปรกติ
สือเย่ยังพูดตอบอย่างจริงจังว่า“คนที่ผ่านไปมาไงครับ”
เฉินถิงเซียวเงยหน้าขึ้น น้ำเสียงจริงจัง“คนเหล่านี้เมื่อก่อนไม่เคยเห็นมาก่อน”
ใบหน้าสือเย่มึนงง “ห๊า?”
หลายเดือนมานี้ เฉินถิงเซียวไม่เคยไปที่ซิดนีย์ มู่น่อนน่อนที่เขาเห็น ก็เป็นมู่น่อนน่อนที่ดูผ่านรูปถ่ายเท่านั้น
หรือตลอดเวลาทุกครั้งที่เขาดูรูปของมู่น่อนน่อน ก็จำทุกคนที่ปรากฏอยู่บนรูปถ่ายของมู่น่อนน่อนได้ ?
ในใจของสือเย่ยังคงแปลกใจเล็กน้อย ก็ได้ยินเสียงเข้มๆของเฉินถิงเซียวถามว่า“ให้คนไปเช็กดูว่าคนพวกนี้เป็นใคร และให้พวกเขาคอยจับตาดูอย่างใกล้ชิดด้วย”
“ครับ”สือเย่รับคำ
สือเย่ขับรถไปจอดลงตรงหน้าคอนโด
เขามองดูเฉินถิงเซียวเดินเข้าไปแล้ว ถึงได้จากไป
เฉินถิงเซียวเปิดประตู ในห้องมืดสนิท
เขาเอื้อมมือไปเปิดไฟภายในห้อง แล้วเดินตรงเข้าไปในห้องนอน
ภายในห้องนอนมีรูปของมู่น่อนน่อนติดอยู่เต็มไปหมด
ภาพเหล่านี้ เป็นภาพถ่ายที่ในช่วงไม่กี่เดือนนี้ ที่เขาส่งลูกน้องไปซิดนีย์เพื่อถ่ายภาพแล้วส่งกลับมาให้ บางรูปก็ชัด บางรูปก็เบลอ
ต่อให้เป็นภาพที่เบลอและมองเห็นเป็นเพียงภาพเงา เฉินถิงเซียวก็ลบทิ้งไม่ลง แต่กลับไปล้างอัดรูปมาด้วยตัวเอง
เฉินถิงเซียวถอดเสื้อคลุมออก ค่อยๆม้วนแขนเสื้อขึ้นไปจนถึงแขน หยิบเอาสายเชื่อมต่อไปที่หน้าเครื่องปริ้น แล้วต่อโทรศัพท์เชื่อมเข้ากับเครื่องปริ้น ปริ้นภาพของวันนี้ออกมา
……
มู่น่อนน่อนหลับไปในกลางดึก ก็สะดุ้งตื่นเพราะเสียงเพลงที่ดังกึกก้อง
เธอลืมตาขึ้นในความมืด นอนอยู่บนเตียงอย่างมึนงงอยู่ครู่หนึ่ง ถึงฟังออกว่าเสียงเพลงที่ดังขึ้นนั้นดังมาจากข้างบ้าน
วัยรุ่นนั้นมีพลังงานล้นเหลือเธอรู้ดี แต่มีพลังงานแล้วไม่มีความเกรงใจปาร์ตี้เปิดเพลงเสียงดังรบกวนคนอื่นอย่างนี้มันได้เหรอ ?
มู่น่อนน่อนลุกขึ้นจากเตียง เดินไปที่ริมหน้าต่าง เปิดผ้าม่านตรงมุมแล้วมองออกไป
บ้านที่เธออยู่กับบ้านข้างๆมีเพียงกำแพงรั้วเท่านั้นที่กั้นกันอยู่ มองออกไปจากห้องเธอ ก็เห็นกองไฟที่ลุกโชนอยู่ในสวนของบ้าน และคนที่นั่งล้อมรอบอยู่
กองไฟนั้นให้แสงสว่างมาก ระยะห่างก็ไม่ได้ไกลกันนัก มู่น่อนน่อนก็จำคนบางคนในนั้นได้ทันที เป็นคนที่เธอเจอตรงหน้าประตู ในตอนกลางวันตอนที่เธอออกไปกินข้าว
เธอจำรูปร่างของพวกเขาได้และจำเสื้อผ้าที่พวกเขาสวมใส่ในตอนกลางวันได้
ที่ตรงนี้อยู่ห่างจากตัวเมืองมาก คนส่วนใหญ่ที่พักอาศัยอยู่ที่นี่ล้วนเป็นคนแก่วัยเกษียณ แต่เด็กวัยรุ่นกลุ่มนี้แตกต่างไป หากจะจำได้ก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร
ในกลุ่มของพวกเขามีบางคนที่มู่น่อนน่อนไม่เห็นหน้าในตอนกลางวัน มีทั้งผู้ชายและผู้หญิง ทำตัวลับๆล่อๆดูก็รู้ว่าไม่ได้กำลังทำเรื่องดีอะไรอยู่ ……
พวกเขาส่งเสียงดังขนาดนี้ ที่เดือดร้อนไม่ได้มีแค่มู่น่อนน่อนคนเดียว แต่ไม่มีใครออกมาห้ามปรามพวกเขา
คนกลุ่มนี้ดูไปแล้วก็ไม่น่าเอาตัวเข้าไปแลกด้วยสักเท่าไร และมู่น่อนน่อนที่ตัวคนเดียวแถมยังท้องอีกด้วย ก็จึงไม่กล้ามีปากเสียงอะไรเป็นเรื่องธรรมดา
เธอกลับมาที่เตียง ดึงผ้าห่มคลุมศีรษะ คลุมไว้อย่างมิดชิด แต่ก็ยังปิดกั้นเสียงที่ดังเหล่านั้นไม่ได้
จนกระทั่งใกล้จะรุ่งสาง เสียงถึงได้ค่อยๆเงียบลง
ตลอดทั้งคืนมู่น่อนน่อนนอนหลับไม่สนิท เช้ามาก็จึงไม่สดชื่น ปิ้งขนมปังสองแผ่นอย่างอ่อนเพลีย และจะต้มไข่อีกฟองเพื่อกินเป็นอาหารเช้า
และในขณะที่เธอกำลังจะต้มไข่ ด้านนอกก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
มู่น่อนน่อนมองไปยังประตูแวบหนึ่ง คิ้วก็ขมวดเล็กน้อย แต่ก็เดินไปที่ประตู
มองจากรอยแยกของประตู ก็เห็นว่าเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง มู่น่อนน่อนจึงเปิดประตู
หญิงสาวพูดทักทายเธอก่อน “สวัสดีค่ะ!”
“สวัสดีค่ะ มีอะไรหรือเปล่าคะ ? ”มู่น่อนน่อนเปิดบานประตูแค่ครึ่งเดียวแล้วเอาตัวขวางประตูไว้ ไม่ได้กะจะให้หญิงสาวเข้ามาในห้อง
หญิงสาวใส่เสื้อฮู้ดสีชมพู ท่อนล่างใส่กางเกงขาสั้นที่แทบจะปิดก้นเอาไว้ไม่มิด ดูแล้วอายุก็น่าจะยังไม่มากเท่าไร
ในตอนที่มู่น่อนน่อนกำลังประเมินหญิงสาวอยู่นั้น ตัวหญิงสาวเองก็กำลังประเมินเธออยู่เช่นกัน
สายตาของหญิงสาวจับจ้องไปที่ท้องของมู่น่อนน่อน จากนั้นก็เลื่อนไปมองที่ใบหน้าของมู่น่อนน่อน พูดเป็นภาษาอังกฤษกับเธอว่า “ขอเข้าห้องน้ำหน่อยได้ไหม ? ที่บ้านของเพื่อนฉันมีคนเยอะเกินไป อยากจะเข้าห้องน้ำต้องเข้าคิว ฉันรีบมาก”
มู่น่อนน่อนลังเลอยู่สองวิ แล้วพูดว่า“ขอโทษนะ สามีของฉันอยู่ในห้องน้ำ เขาเป็นโรคท้องผูก หากเธอไม่รังเกียจที่จะรอสักหนึ่งชั่วโมง……”
“โอ้พระเจ้า……”หญิงสาวทำท่าทางตกใจ “ ฉันเห็นใจคุณจริงๆ”
จากนั้น หญิงสาวก็หันหลังเดินจากไป
มู่น่อนน่อนก็รีบปิดประตูลงทันที
แต่แล้ว หลังจากที่เธอปิดประตูลง ก็ไม่ได้เดินไปที่ห้องครัวทันที แต่กลับมองลอดผ่านรอยแยกของประตูดูภาพของด้านนอก
จากรอยแยกตรงประตู เธอเห็นหญิงสาวคนนั้นเดินออกไปก็เจอผู้ชายอีกคนพอดี
ไม่รู้เหมือนกันว่าหญิงสาวพูดอะไรกับผู้ชายคนนั้น ผู้ชายคนนั้นก็มองมายังที่ประตูห้องของมู่น่อนน่อน
แม้มู่น่อนน่อนจะรู้ ว่าพวกเขามองไม่เห็นเธอ แต่เธอก็หวาดกลัวเล็กน้อย
วัยรุ่นกลุ่มนี้น่าจะไม่ใช่คนดีอะไร
เด็กหญิงคนเมื่อกี้คงไม่ได้ตั้งใจจะมาขอเข้าห้องน้ำจริงๆ เป็นไปได้ว่าเธออาจจะมาดูลาดเลาว่าอยู่คนเดียวหรือเปล่า
วัยรุ่นอายุแค่สิบกว่าปีชอบหาเรื่องตื่นเต้น ไม่ว่าเรื่องอะไรก็คงลงมือทำได้ทั้งนั้น
มู่น่อนน่อนเป็นคนที่ไม่เคยมองคนอื่นในแง่ร้าย แต่พฤติกรรมของเด็กวัยรุ่นกลุ่มนี้ก็ช่างน่าสงสัยจริงๆ
กลับมาที่ห้องครัว ความอยากที่จะกินอาหารเช้าของมู่น่อนน่อนก็ไม่มีแล้ว
ไม่งั้นก็ย้ายออกไปอยู่ที่อื่นก่อนสักพัก ?
มู่น่อนน่อนยิ่งคิด ก็ยิ่งรู้สึกไม่สบายใจ
คนข้างบ้านกลุ่มนั้นเมื่อคืนก็ปาร์ตี้กันแล้วทั้งคืน ในตอนนี้น่าจะกำลังนอนหลับกันอยู่ หากเธอออกไปตอนนี้ ก็ไม่น่าจะเจอพวกเขา
เมื่อคิดได้ดังนั้น มู่น่อนน่อนก็จัดเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าไปชุดหนึ่ง แล้วสะพายออกจากบ้านไป
เธอไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหลบหนีไปก่อน
มู่น่อนน่อนล็อกประตูเรียบร้อย สำรวจดูรอบๆบริเวณ แน่ใจว่าไม่มีใคร ก็เดินออกไปอย่างสบายใจ
เพียงแต่ว่า ในตอนที่เธอเดินมาถึงที่สวน ก็เพิ่งจะเห็นว่าที่ตรงกำแพงมีคนยืนอยู่
เป็นคนในพื้นที่ผมทองตาสีฟ้า สวมเสื้อสีแดง ใบหน้าอ่อนเยาว์แต่ตัวสูงมาก ดูออกว่าอยู่ในวัยที่กำลังโต ดังนั้นเขาจึงดูผอมและไม่สมส่วน
มือข้างหนึ่งของเขายันไปที่กำแพง ยกยิ้มมุมปากอย่างชั่วร้าย“ สวัสดีครับ คนสวย”
มู่น่อนน่อนก้าวถอยหลังไปอย่างไม่รู้ตัว พยักหน้าให้เล็กน้อยเหมือนทักทาย หันหลังให้แล้วจะเดินเลี่ยงไปอีกทาง
เมื่อเห็นว่ามู่น่อนน่อนกำลังจะเดินไป ชายคนนั้นก็เดินตามไปทันที
เขาเดินตามมู่น่อนน่อนแล้วพูดเป็นภาษาอังกฤษไปด้วยว่า“อย่าเพิ่งรีบไปสิ เมื่อวานเราเพิ่งจะเจอกันไม่ใช่เหรอ ? คุณจำผมไม่ได้เหรอ?”
มู่น่อนน่อนทำทีเป็นไม่ได้ยิน แล้วเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น
แต่ว่า เด็กชายคนนั้นตัวสูงกว่าเธอมาก ขาก็ยาวกว่า แค่ไม่กี่ก้าวก็ตามมาทัน จับเธอไว้แน่นแล้วเริ่มพูดตามตื๊อไม่หยุดว่า“ผมกำลังพูดกับคุณอยู่ คุณไม่ได้ยินเหรอ ? คุณฟังภาษาอังกฤษไม่รู้เรื่องเหรอ ? คุณมาจากไหน ? ”