การจูบของเฉินถิงเซียวอ้อยอิ่งลดระดับเคลื่อนจากริมฝีปากลงเรื่อย ๆ ยามเมื่อจุมพิตลงบริเวณซอกคอในเวลานั้น กลับถูกมือของมู่น่อนน่อนวางเอาไว้ทันที “กินข้าวเถอะ”
“ผมกินของอย่างอื่นก่อนได้นะ” น้ำเสียงของเฉินถิงเซียวแหบพร่า ทั้งเอ่ยไปด้วย ก็ก้มศีรษะจุมพิตมือของเธอ
พร่ำจูบครั้งแล้วครั้งเล่า การจุมพิตลงบนมือของเธออย่างแผ่วเบา ทั้งอ้อยอิ่งทั้งถลำลึกกับความรักอย่างลึกซึ้ง ราวกับว่าถ้าเธอไม่เอามือออกก็จะไม่ยอมลดละ
สีหน้าของมู่น่อนน่อนร้อนผ่าว แต่ว่าไม่ได้ปล่อยให้เฉินถิงเซียวทำตามใจอยาก
เธอรีบยื่นมือออกมาผลักศีรษะของเฉินถิงเซียวออกไป “จะกินข้าว หรือจะกลับไปกินที่บ้านของคุณเอง”
ลูกกระเดือกของเฉินถิงเซียวขยับอย่างยากลำบาก พลางใช้ศีรษะมุดลงตรงไหปลาร้าของเธอ แถมคุยกับเธออย่างจริงจัง “ให้ผมกินสักนิดหนึ่งได้ป่ะล่ะ?”
มู่น่อนน่อนถึงกลับไม่รู้จะทำหน้ายังไงดี เรื่องพรรค์นี้ยังเอามาคุยกันแบบนี้ได้ด้วยเหรอ?
สุดท้ายผลลัพธ์ที่ได้ แน่นอนว่ามู่น่อนน่อนไม่ตกลง
ทั้งสองคนจัดเสื้อผ้าเล็กน้อย จากนั้นก็นั่งกินข้าวที่โต๊ะกินข้าวที่อยู่ด้านหน้า
อพาร์ทเม้นท์ของมู่น่อนน่อนเป็นห้องเดี่ยวหนึ่งห้องนอนหนึ่งห้องรับแขก ห้องครัวกับห้องรับแขกมันติดกัน
โต๊ะกินข้าวก็เล็กมาก
มู่น่อนน่อนไม่ได้ตั้งใจอะไรเป็นพิเศษพลางจัดการให้เฉินถิงเซียว นั่งลงตรงตำแหน่งประจำเวลากินข้าวของตนเอง พลางทำอาหารแบบบ้านๆ สองอย่าง
ความอยากอาหารของเธอก็ไม่ค่อยมีมากเท่าไหร่ เลยไม่ได้กินเยอะ ในทางกลับกันเฉินถิงเซียวกินเยอะมาก
เฉินถิงเซียวกินเร็วแถมกินเยอะ แต่ว่าไม่ใช่พวกสัตว์ที่กินตะกละตะกลามแบบนั้น ทว่าในทางกลับกันดูเจริญตาเพลินหูเพลินตาดี
นิสัยแบบนี้ แค่รับรู้ แต่ไม่สามารถอธิบายออกไปได้จริงๆ
แม้ว่าเธอรู้ว่าผู้ชายที่อยู่ตรงหน้านี้ เป็นผู้ชายที่นิสัยขึ้นๆ ลงๆ ผิดมนุษย์มนาอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว แต่ว่านิสัยที่อยู่รอบตัวของเขาก็ไม่สามารถปกปิดได้
หลังจากที่มู่น่อนน่อนกินข้าวเสร็จแล้ว ก็เอนหลังพิงเก้าอี้แล้วนั่งมองเขากินข้าว
ทั้งคู่ไม่ได้นั่งกินข้าวกันเงียบๆ มานานมากแล้ว
เมื่อลองพิจารณามองอย่างละเอียดรอบคอบแล้ว ถึงได้รู้ว่าสีหน้าของเฉินถิงเซียวดูไม่ดีเลย ผอมโซกว่าครั้งที่แล้วที่เธอเจอลงไปอีกเล็กน้อย
มู่น่อนน่อนมองไปมองมา จากนั้นก็หลุดปากถามออกมาหนึ่งประโยคทันที “กินข้าวตรงเวลาบ้างไหมเนี่ย?”
คำพูดเพิ่งหลุดออกจากปาก มู่น่อนน่อนก็เม้มริมฝีปากทันที “ฉันก็แค่…..”
เฉินถิงเซียวเงยหน้าชำเลืองมองเธอ ดวงตาดำขลับอันลึกซึ้งเปล่งประกายออกมา และไม่ปกปิดอาการมีความสุขที่อยู่ในสายตาสักนิดเลย
คำพูดที่คิดอยู่ในตอนท้ายแม้ว่ามู่น่อนน่อนไม่ได้พูดออกมาก็ตาม
แต่ว่ามันเป็นประโยคที่เป็นห่วงเขา จนถึงขั้นทำให้เขาดีใจขนาดนี้…
“กินตรงเวลาสิ แต่ว่ากับข้าวข้างนอกมันไม่อร่อยเท่ากับที่คุณทำให้กันนี่” เฉินถิงเซียวเป็นคนพูดไม่เก่ง แต่ว่าตอนที่เขาพูดด้วยท่าทางจริงจังเช่นนี้ ฟังดูแล้วเหมือนเป็นคำหวานหยอดเหลือเกิน
มู่น่อนน่อนหลุบตาต่ำ “กินอิ่มก็กลับได้แล้ว”
เฉินถิงเซียวนิ่งอยู่ชั่วครู่ จากนั้นถึงได้พูดต่อ “ผมขอไปล้างจานแล้วค่อยกลับ”
“ไม่ต้องเลย…” มู่น่อนน่อนยังพูดไม่ทันขาดคำ เฉินถิงเซียวก็ลุกขึ้นยืนแล้ว จากนั้นก็เอาจานที่อยู่บนโต๊ะอาหารยกเข้าไปในห้องครัวทันที
มู่น่อนน่อนลุกพรวดเพื่อห้ามเขาทันที ทว่าในเวลานั้นเองก็ได้ยินเสียงเคาะประตูทางด้านนอก
ดึกป่านนนี้ใครมานะ?
มู่น่อนน่อนมองลองช่องตาแมว ก็เห็นว่าเป็นเสิ่นเหลียง
ตอนที่เธอเปิดประตูให้ ก็ถามอย่างแปลกใจทันที “เสี่ยวเหลียง ทำไมมาดึกขนาดนี้?”
สีหน้าของเสิ่นเหลียงดูเหนื่อยล้ามาก เห็นได้ชัดว่าเพิ่งเขียนบทเสร็จก็รีบมาหาเธอทันที
เธอยกเท้าขึ้นและเตะกล่องที่วางกองอยู่ที่พื้นออกไปกล่องหนึ่ง จากนั้นก็พูดว่า “คนในกองถ่ายเอาลิ้นจี่มาจากบ้านที่ต่างจังหวัด เอามาให้ฉันสองลัง ทางที่ฉันกลับบ้านก็ผ่านบ้านแก ก็เลยเอามาให้แกลังหนึ่ง”
เสิ่นเหลียงพูดไป พร้อมทั้งเดินเข้ามาในห้องมู่น่อนน่อนด้วย
มู่น่อนน่อนก็เดินตามมาทางด้านหลัง จากนั้นก็คุกเข่าลงและอุ้มลังลิ้นจี่เข้ามาในห้องหนึ่งลัง “ดึกขนาดนี้แล้วยังจะมาอีก แกให้ฉันไปเอาก็หมดเรื่องแล้ว”
“แกไม่มีรถ ฉันผ่านทางอยู่แล้วก็เลยเอามาให้แกเลย” เสิ่นเหลียงเดินมุ่งหน้าไปทางโซฟา และนั่งลงบนโซฟาทันที
เวลานี้เอง เสียงของเฉินถิงเซียวก็ดังเล็ดลอดออกมาจากห้องครัว “มู่น่อนน่อน น้ำยาล้างจานหมดแล้ว”
ห้องครัวติดกับประตูบ้าน ตอนที่สองคนเดินผ่านนั้นก็ผ่านห้องครัว แต่ว่าเสิ่นเหลียงมัวแต่สนใจคุยกับมู่น่อนน่อน ดังนั้นเลยไม่รู้ว่าในห้องครัวมีคนอยู่ด้วย
บรรยากาศพลันเงียบลงถนัดตา
เสิ่นเหลียงเองคอไปทางมู่น่อนน่อน ทว่าในแววตานั้นเขียนตัวอักษรตัวโต เอาไว้อย่างชัดเจน “แกซ่อนผู้ชายอีกคนเอาไว้”
มู่น่อนน่อนอยากจะร้องไห้ออกมาจริง ๆ เลย ตอนที่จะอ้าปากตอบกลับ หางตาก็เห็นเฉินถิงเซียวเดินออกมาจากห้องครัวแล้ว
เขาเพิ่งจะพูดกับมู่น่อนน่อนไปว่าน้ำยาล้างจานหมดแล้ว คอยอยู่ตั้งนานมู่น่อนน่อนก็ไม่ยอมตอบกลับมาสักที ตนเองเลยเดินออกมาเองเลย
พอเขาเดินออกมาก็เจอกับเสิ่นเหลียงทันที
เสิ่นเหลียงก็เห็นเฉินถิงเซียว และ… ผ้ากันเปื้อนสีชมพูลายดอกที่อยู่บนตัวเขาอีก
ผ้ากันเปื้อนผืนนี้เสิ่นเหลียงไปซื้อเป็นเพื่อนมู่น่อนน่อน มู่น่อนน่อนเพิ่งจะมาได้ไม่กี่วันเองแถมพอทำอะไรก็ไม่ค่อยใส่ใจสักเท่าไหร่ ดังนั้นเสิ่นเหลียงก็เลยลากเธอไปซื้อของ
ผู้ชายสูงใหญ่ตัวโต ใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวกางเกงสแล็คสีดำ แต่กลับผูกผ้ากันเปื้อนสีชมพูลายดอก แถมยังพับแขนเสื้อเดินออกมาจากห้องครัวอีก…
ภาพที่เห็นดูแล้วควรน่าจะเป็นบ้านที่แสนอบอุ่นมาก
ทว่า พอผ้ากันเปื้อนมันอยู่บนตัวเฉินถิงเซียว มันกลับทำให้รู้สึกขัดหูขัดตาพิกล
แม้ว่าจะใส่ผ้ากันเปื้อนสีชมพูลายดอกอยู่ก็ตาม แต่กลับไม่มีความอ่อนโยนเลยสักนิด บรรยากาศก็ยังคงเดิม
เสิ่นเหลียงลุกพรวดขึ้นจากโซฟาทันทีด้วยอาการสติหลุด พลางเอ่ยปากเรียก “บอสใหญ่เหรอคะ?”
“อื้อ” เฉินถิงเซียวส่งเสียงตอบรับ พลางหันหน้าไปทางมู่น่อนน่อน “น้ำยาล้างจานล่ะ?” บรรยากาศเริ่มเบาลงเล็กน้อย
“อยู่ในตู้” มู่น่อนน่อนชำเลืองมองเสิ่นเหลียงเล็กน้อย จากนั้นก็เดินไปในห้องครัว “เดี๋ยวฉันหยิบให้คุณเอง”
อ่างล้างหน้าในห้องครัวมันแคบมาก มู่น่อนน่อนเลยเอาสิ่งของต่างๆ จัดเก็บไว้ในตู้แทน
เธอหยิบน้ำยาล้างจานออกมา พลางเงยหน้าขึ้นมองเฉินถิงเซียว “คุณ… ออกไปก่อนเถอะ”
“ผมล้างจานให้เสร็จก่อนแล้วค่อยกลับ” สีหน้าเฉินถิงเซียวไร้ความรู้สึกพลางดึงขวดน้ำยาล้างจานที่อยู่ในมือของเธอมา จากนั้นก็เดินไปยังซิงค์ล้างจาน และก้มตัวลงล้างจานต่อ
เฉินถิงเซียวไม่เคยทำแบบนี้มาก่อนเลย พอเวลาลงมือทำเห็นได้ชัดว่ามันไม่ถนัดมือมาก แต่ว่าตั้งใจล้างมากกว่าคนทั่วไปเสียอีก
เฉินถิงเซียวพูดคำไหนคำนั้น หลังจากที่ล้างจานเสร็จแล้วก็ไม่ได้อ้อยอิ่งอยู่นาน พลันกลับทันที
เสิ่นเหลียงที่นั่งมองทุกอย่าง จนเวลาที่เฉินถิงเซียวออกไปแล้ว เธอยังตกอยู่ในภวังค์อยู่เลย “ตกลงว่าพวกแกสองคนคือยังไงกัน? ตกลงว่าเลิกกันแล้ว หรือยังไม่ได้เลิกกันแน่?”
เสิ่นเหลียงมองทั้งสองคนไม่ออก
มู่น่อนน่อนแกะลังลิ้นจี่ออก พร้อมทั้งพูดไปด้วย “แยกกันอยู่สักพัก”
เสิ่นเหลียงโยนหินถามทาง “งั้นก็หมายความว่า พวกแกยังรู้สึกดีต่อกันอยู่งั้นสิ?”
มู่น่อนน่อนชะงักเล็กน้อย จากนั้นก็พยักหน้า “อื้อ”
ก่อนหน้านี้ที่เธอหนีไปอยู่ต่างประเทศ ไม่ใช่เป็นเพราะว่าเธอไม่รักเฉินถิงเซียวแล้ว
แต่เป็นเพราะว่า เธอไม่สามารถที่จะรักคนคนเดียว แต่กลับให้คนอื่นมาคอยควบคุมตนเอง จนตนเองเสียอิสรภาพไป
ในความรู้สึกเช่นนี้ เธอต้องการเอาตัวเองวางให้อยู่เท่ากับตำแหน่งของเฉินถิงเซียว และไม่ให้เฉินถิงเซียวมาควบคุมเธออยู่ตลอดเวลา