ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม – บทที่ 293 ไม่อนุญาตให้เธอหลุดรอดไปแม้แต่ปลายก้อย

บทที่ 293 ไม่อนุญาตให้เธอหลุดรอดไปแม้แต่ปลายก้อย

หลังจากสิ้นเสียงมู่น่อนน่อนแล้ว บรรยากาศในห้องก็เข้าสู่ความเงียบงันทันที

ทั้งสองคนยืนจ้องหน้ากัน ต่างไม่มีท่าทีลดละกันเลย

ชั่วครู่ เฉินถิงเซียวก็เริ่มถอนหายใจออก น้ำเสียงปนอาการเหนื่อยล้าที่ยากจะแสดงให้เห็น “พวกเขายังลังเลกับผมอยู่ทั้งนั้น ผมไม่สามารถให้คุณเอาตัวเองเป็นหนูทดลองได้”

หลายปีที่ผ่านมานี้ เขาได้ตรวจสอบคดีของแม่ของเขามาโดยตลอดแต่ก็จับจุดไม่ได้สักที พอวันไหนที่เริ่มมีเบาะแสขึ้นมาเล็กน้อย มันจะหายวับไปกับตาทันที

เขาเองเคยคิดว่า หรือว่าเขาคิดเองเออเองไปฝ่ายเดียว

บางทีคดีที่เขากับแม่ของเขาถูกลักพาตัวไปนั้น ก็เป็นเพียงแค่อุบัติเหตุเท่านั้นเอง

จนถึงขั้น เกิดเรื่องขึ้นคุณท่านเฉิน

ก่อนหน้าที่คุณท่านเฉินจะเกิดเรื่องขึ้นนั้น เคยมาเขา พร้อมทั้งบอกว่าให้ผ่านตอนช่วงตรุษจีนไปได้อย่างปลอดภัยก่อน เขาจะเอาเรื่องที่เขาอยากจะรู้มาบอกเขาทั้งหมด

ทว่า คุณท่านเฉินกลับไม่ได้ผ่านช่วงตรุษจีนไปได้อย่างปลอดภัย

เช้าแรกของวันตรุษจีน ก็ตกบันไดลงมา พอตื่นขึ้นมา ก็เสียสติจนเป็นบ้าไปแล้ว

จากนั้น มู่น่อนน่อนก็ถูกคนใส่ร้ายว่าเป็นคนทำร้ายคุณท่านเฉิน

เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นนี้เป็นสิ่งที่ใครบางคนในตระกูลเฉินตักเตือนเขาเอาไว้

ใครสักคนในตระกูลเฉิน ไม่อยากให้เขารู้ถึงความจริงที่อยู่เบื้องหลังในคดีที่เกิดขึ้นกับมารดาของเขา พวกเขาเลยใช้คนที่อยู่ข้างตัวเขาเพื่อเอามาข่มขู่เขาอย่างไม่หยุดหย่อน

มู่น่อนน่อนส่ายหน้าไปมา “แม้ว่าฉันไม่เอาตัวเองไปเป็นหนูทดลอง แล้วสามารถคิดว่าเป็นคนนอกไม่เข้าไปสนใจได้ไหมล่ะ?”

เธอพูดจบ จากนั้นก็พูดกำชับอีกประโยค “เรื่องของคุณปู่ ตกลงว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น คุณย่อมรู้สาแก่ใจมากกว่าฉัน แม้ว่าฉันไม่ได้ทำอะไรก็ตาม พวกเขาก็ไม่ยอมปล่อยฉันไปอยู่ดี ฉันแค่ไม่เข้าใจว่า ทำไมพวกเขาถึงคิดวางแผนกับคุณมากมายขนาดนี้ด้วย”

ช่วงสองสามวันมานี้มู่น่อนน่อนคิดอยู่หลายตลบ

ตอนที่คุณท่านเฉินเกิดเรื่องขึ้น เธอก็สงสัยเฉินชิงเฟิงกับเฉินเหลียน

เพราะว่าในคืนวันส่งท้ายปีเก่า เธอเคยเห็นเฉินชิงเฟิงกับเฉินเหลียนทำตัวลับๆ ล่อๆ เข้าไปในห้องหนึ่ง หลังจากนั้นคุณท่านเฉินก็เกิดเรื่องขึ้น ส่วนเธอก็ถูกใส่ร้าย

เรื่องเหล่านี้ดูจากสถานการณ์แล้วเป็นการจงใจตั้งแต่แรก

เธอไม่รู้ว่าทำไมต้องทำแบบนั้นมาโดยตลอด และก็ไม่รู้ว่าเฉินถิงเซียวนั้นปกปิดอะไรไว้ จนถึงตอนที่เฉินมู่หายตัวไป มู่น่อนน่อนถึงได้เข้าใจอะไรขึ้นมาบ้าง

ตอนที่พวกเขาออกมาข่มขู่เฉินถิงเซียวในเวลานั้น ก็ต้องการควบคุมเฉินถิงเซียวเอาไว้ด้วย

พวกเขาอยากให้เฉินถิงเซียวเชื่อฟังคำสั่งของพวกเขา

เมื่อมู่น่อนน่อนพูดจบ ก็เงยหน้าจ้องตาเฉินถิงเซียว

เธอคิดว่า ถ้าเกิดเฉินถิงเซียวพูดสถานการณ์ความจริงกับเธอออกมาสักเล็กน้อยก็พอแล้ว

ส่วนเฉินถิงเซียวก็แค่เปลี่ยนเรื่องไปแทน “ผมหิวแล้ว”

“หิวก็ออกไปกินข้างนอกสิ” มู่น่อนน่อนพูดจบ ก็ตะแคงตัวหันข้างเพื่อถอยให้ ท่าทางแสดงว่าให้เขาสามารถกลับไปได้แล้ว

เฉินถิงเซียวไม่เพียงไม่ได้เดินออกไปเท่านั้น ในทางกลับกันยังนั่งลงบนโซฟาตัวใหญ่อย่างไม่แยแสทันที พลางเอ่ยว่า “ผมทำกับข้าวไม่เป็น”

มู่น่อนน่อนไม่มีท่าทีใจอ่อนสักนิด “ไปกินร้านอาหารสิ”

ท่าทางการแสดงออกเฉินถิงเซียวก็เหมือนกับปกติ น้ำเสียงดูเป็นทางการแถมยังทำตัวสบาย “อาหารที่ร้านอาหารมันไม่อร่อย”

มู่น่อนน่อนเดินมาหยุดตรงด้านหน้าของเขา “คุณจงใจหาเรื่องเพื่ออยากจะอยู่ที่นี่กับฉันใช่ไหมเนี่ย?”

เฉินถิงเซียวเอนหลังพิง จากนั้นก็พูดอย่างเป็นทางการ “เราจดทะเบียนกันมาแล้วนะ”

ถ้าไม่อยากให้เฉินมู่มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน เธอก็คงไม่รีบร้อนที่จะจดทะเบียนกับเฉินถิงเซียวขนาดนั้นหรอก

เธอแค่รู้สึกว่า การที่มีชื่อเฉินมู่ในทะเบียนบ้านนั้น การทำเช่นนั้นจะมีความรู้สึกที่พึ่งพึงขึ้นมาบ้าง

แม้ว่าจะเห็นหน้ากันแค่ครั้งเดียว เธอก็จะให้เฉินมู่รู้ว่า พ่อกับแม่รักเธอมาก

สุดท้ายมู่น่อนน่อนก็ไม่ได้ใจจืดใจดำที่ไล่ตะเพิดเฉินถิงเซียวออกไป เธอตาเขม็งใส่เฉินถิงเซียว “รอเดี๋ยว”

จากนั้น เธอก็หันตัวเดินไปยังห้องครัว

เฉินถิงเซียวมองตามมู่น่อนน่อนที่เดินเข้าห้องครัวไป จากนั้นเขาก็เริ่มใช้สายตาประเมินห้องเช่าของมู่น่อนน่อน

เป็นห้องธรรมดาหนึ่งห้องนอนหนึ่งห้องรับแขก ไม่ใหญ่เลย แต่ว่าสะอาดมาก เครื่องใช้ในห้องก็ไม่ได้มีเยอะแยะ เมื่อเปรียบกับคอนโดของเขาแล้วดูจืดชืดไปเล็กน้อย แต่ว่ามันอบอวลไปด้วยกลิ่นอายของมู่น่อนน่อน

เฉินถิงเซียวนวดดวงตาตนเอง พลันเอนพิงกับโซฟาและผล็อยหลับไปอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว

ตอนที่มู่น่อนน่อนทำกับข้าวเสร็จและเดินออกมานั้น ถึงได้เห็นว่าเฉินถิงเซียวนอนหลับสนิทไปแล้ว

เธอลังเลอยู่ชั่วครู่ จนสุดท้ายก็ยื่นมือออกไปเพื่อสะกิดเฉินถิงเซียว “กินข้าวได้แล้ว”

เฉินถิงเซียวลืมตาขึ้นมา ดวงตาที่เพิ่งจะตื่นยังมีความมึนงงอยู่บ้าง เห็นได้อย่างชัดเจนว่าตอนนี้เขายังตื่นไม่เต็มที่

มู่น่อนน่อนเห็นเขาลืมตาแล้ว และเตรียมดึงมือกลับ ทว่าไม่คิดเลยว่าเฉินถิงเซียวจะยื่นมือออกมาจากนั้นคว้ามือเธอเอาไว้ทันที

ไม่ใช่เพียงแค่นั้น หลังจากเขาดึงมือเธอเอาไว้แล้ว ก็ใช้แรงเล็กน้อยดึงตัวเธอเข้าสู่อ้อมอกของตนเองไปตามแรงดึง

มู่น่อนน่อนที่ยืนอยู่ พอถูกเขาดึง การทรงตัวไม่มั่นคง จนเซถลาเข้าสู่อ้อมอกของเขาทันที

แผงอกของชายหนุ่มทั้งกำยำทั้งแข็งแกร่ง มู่น่อนน่อนที่เซถลาไปอยู่ในอ้อมอกของเขา ถูกกระแทกจนเจ็บอยู่บ้าง

สีหน้าของมู่น่อนน่อนแสดงอาการโกรธอยู่บ้าง “เฉินถิงเซียว!”

ส่วนเฉินถิงเซียวทำเป็นหูทวนลม พลางใช้มืออีกข้าวกอดช่วงเอวของมู่น่อนน่อนเอาไว้อย่างรวดเร็ว เพื่อกอดเธอเอาไว้แน่นในอ้อมกอดของตนเอง

เฉินถิงเซียวหมกมุ่นอยู่กับการซุกไซ้สูดดมบริเวณช่วงต้นคอของมู่น่อนน่อน น้ำเสียงแหบพร่า “ตอนที่ผมอยู่ที่คอนโดคนเดียว พอหลับก็จะฝันถึงคุณตลอดเลย ทุกครั้งที่กอดตัวเองยังมีความรู้สึกนั้นอยู่ แต่พอตื่นขึ้นมา กลิ่นอายของคุณมันไม่หลงเหลือเอาไว้เลย ทำไมคุณถึงใจจืดใจดำจัง จัดการเผาวิลล่าซะจนไม่เหลือชิ้นดีเลย..”

ถ้าวิลล่ายังอยู่ อย่างน้อยเขาก็ยังหากลิ่นอายอันคุ้นเคยแบบนั้นได้บ้าง

มู่น่อนน่อนไม่คิดเลยว่าจู่ ๆ เขาจะพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา จนตัวแข็งทื่อขึ้นมาเล็กน้อย

มู่น่อนน่อนเริ่มขัดขืน แต่รู้ตัวว่าไม่ขยับสักนิด

เธอรู้ว่าเฉินถิงเซียวคนนี้อาจจะจัดอยู่ในพวกวัวพวกควาย

พอเอ่ยเรื่องเผาวิลล่าขึ้นมา เธอก็โมโหปรี๊ดขึ้นมาทันที

“ฉันใจจืดใจดำเหรอ? ถ้าฉันใจจืดใจดำจริง ก็คงไม่ช่วยเอาปากกาหมึกด้ามนั้นออกมาให้คุณหรอก รู้ตั้งแต่แรกฉันก็คงเอาปากกาหมึกด้ามนั้นปล่อยให้มันไหม้ไปกับวิลล่าก็คงดี!”

“แต่ว่าคุณก็ไม่ได้ทำนี่” น้ำเสียงของเฉินถิงเซียวเปลี่ยนท่าทีทันที “คุณทำไม่ลง”

มู่น่อนน่อนตะลึงเล็กน้อย และไม่อยากจะคุยกับเขาเรื่องนี้ต่อแล้ว “ปล่อย ไม่งั้นต่อไปคุณก็อย่าคิดที่จะเข้ามาในบ้านฉันอีก”

การข่มขู่ของเธอเริ่มเห็นผลได้บ้าง

แขนเฉินถิงเซียว ที่กอดตรงช่วงเอวของเธอเริ่มปล่อยออก มู่น่อนน่อนฉวยโอกาสผุดลุกขึ้นมาทันที ทว่าคิดไม่ถึงเลยว่าเฉินถิงเซียวจัดการกดศีรษะเธอและประทับรอยจูบเธอทันที

มู่น่อนน่อนหายไปนานมากแล้ว …

เดือนที่แล้วตอนอยู่ที่ซิดนี่ย์ เฉินมู่ก็หายตัวไป สภาพอารมณ์ของมู่น่อนน่อนก็ไม่ดีเลย นอกจากเขาจะพยายามคิดหาวิธีให้คนมาดูแลเธอให้ดี เพื่อให้เธอได้สบายใจขึ้นมาบ้างแล้ว เขาก็ไม่มีความคิดฝันหวานอะไรเลย

การจูบของเฉินถิงเซียวก็เหมือนกับตัวตนของเขา มันทั้งชั่วร้ายและเอาแต่ใจ

แถมยังใช้แรงซะจนต้องการกลืนกินมู่น่อนน่อนลงไปทั้งตัว ทั้งก้าวร้าวราวกับต้องการจะครอบครองทุกอย่างที่เกี่ยวกับเธอ

ชายหนุ่มมีพรสวรรค์ทางด้านนี้เฉพาะตัวอยู่แล้ว มือทั้งสองข้างของมู่น่อนน่อนถูกมือข้างหนึ่งของเขาจับเอาไว้แน่น ส่วนมืออีกข้างหนึ่งของเขานั้นก็ประคองท้ายทอยของเธอเอาไว้ เพื่อเป็นการควบคุมเธอเอาไว้แน่นๆ ไม่อนุญาตให้เธอหลุดรอดไปได้แม้เพียงปลายก้อย

รอจนเวลาที่สติสัมปชัญญะของมู่น่อนน่อนกลับมาได้ เธอก็เปลี่ยนมาแทนที่ตำแหน่งกับเฉินถิงเซียวแล้ว ร่างกายของเธออยู่บนโซฟาแถมเสื้อผ้ายังหลุดลุ่ยอีกต่างหาก

ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม

ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม

Status: Ongoing

แม่ของมู่นอนน่อนคุกเข่าลงต่อหน้าของเธอ ขอให้เธอ แต่งงานแทนพี่สาวกับเฉินถึงเขียวผู้ชายที่ขี้เหร่และพิการที่ ชาวบ้านเล่าลือกัน ในคืนวันแต่งงาน ตอนที่เธอได้พบหน้า หล่อเหลาของชายคนนี้เธอตกใจมาก เฉินถึงเซียวพูดตรงๆ เลยว่าเธอน่าเกลียดมากๆ เดิมที่คิดว่าคงใช้ชีวิตต่างคนต่าง อยู่ แต่กลับถูกผู้ชายคนนี้กดอยู่ใต้รางกายอย่างรุนแรง”ไหน บอกว่าคุณทำไม่ได้ไง”ผู้หญิงตกใจ” ได้หรือไม่ได้ คำพูดของ เธอ ฉันไม่นับ! “บนหน้าของเฉินถึงเชียวแสดงออกถึงความ เจ้าเสน่ห์

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท