เฉินถิงเซียวหลับตาลงอย่างสบายอารมณ์และถามว่า “สือเย่บอกคุณเหรอ”
มู่น่อนน่อนกำลังจะพูด ก็ได้ยินเสียงเฉินถิงเซียวพูดด้วยน้ำเสียงที่แฝงอะไรบางอย่าง “เขามีเบอร์คุณเหรอ กู้จือหยั่นก็มือเบอร์คุณด้วยไหม”
“………..” ตอนนี้เหมือนจะไม่ใช่เวลามาพูดถึงเรื่องนี้นะ
มู่น่อนน่อนเม้มริมฝีปาก และพูดอย่างหมดหนทาง “เอาเถอะ คุณไม่อยากพูดก็ช่าง”
เธอพูดแบบนี้ เป็นคำพูดที่เจือความไม่พอใจในน้ำเสียง ปรากฏว่าเฉินถิงเซียวตอบกลับตรงๆ ว่า “อืม”
มู่น่อนน่อนโยนเครื่องเป่าผมลงบนโซฟาอย่างโมโห “คุณเป่าผมเองไปเลย!”
เฉินถิงเซียวลืมตา แล้วดึงมู่น่อนน่อน น้ำเสียงจริงจังมาก “คุณเป็นผู้หญิงซึ่งควรทำเรื่องพวกนี้ จะทิ้งขว้างครึ่งๆ กลางๆ ได้ยังไง”
“แล้วไง?” มู่น่อนน่อนถลึงตาใส่เขา
เฉินถิงเซียวดึงเธอเข้าอ้อมแขน “ก็ไม่แล้วไง แต่ยังต้องลงโทษหน่อย”
มู่น่อนน่อนเชิดหน้าอย่างไม่ยอม
วินาทีต่อมา ทันใดนั้นเฉินถิงเซียวก็เอาเธอวางลงบนโซฟา แล้วยื่นมือไปจั๊กจี้เธอ
“อ๊า——”
ชั่วขณะนั้นมู่น่อนน่อนไม่ทันได้ป้องกันตัว จึงกรีดร้องเพราะการกระทำของเฉินถิงเซียว เห็นท่าไม่ดีจึงคิดจะพลิกตัวขึ้นแล้ววิ่งหนี
แต่เธอนั้นไหนเลยจะเป็นคู่ต่อสู้ของเฉินถิงเซียว
เฉินถิงเซียวยื่นมือผลักเธอกลับไป
เขารู้จุดอ่อนไหวบนตัวของเธอดีกว่าตัวเธอเองอีก ทันทีที่เขาลงมือ มู่น่อนน่อนก็หยุดหัวเราะไม่ได้เลย
“เฉินถิงเซียว คุณปล่อยนะ……ฮ่าฮ่าฮ่า……”
ช่วงแรกๆ มู่น่อนน่อนยังพอรับไหว ช่วงหลังๆ เริ่มร้องขอความเมตตา
เมื่อเธอหัวเราะจนน้ำตาไหล ในที่สุดเฉินถิงเซียวก็ปล่อยและประคองเธอขึ้น
เฉินถิงเซียวเช็ดน้ำตาที่หางตาให้เธอ แล้วถามเธอว่า “ลงโทษไม่ได้ผลเหรอ”
มู่น่อนน่อนปัดมือเขา “คุณอย่ามาพูดกับฉัน! อ่อนมาก!”
“ผมอ่อนเหรอ” เฉินถิงเซียวเลิกคิ้ว “งั้นมาลองอีกครั้ง”
มู่น่อนน่อนฉวยโอกาสตอนที่เขาเผลอ ลุกขึ้นวิ่งหนีไป เธอวิ่งเข้าไปในห้องนอนและล็อคประตู “คืนนี้คุณนอนข้างนอกไปเลย!”
เฉินถิงเซียวหน้าคล้ำทันที “มู่น่อนน่อน!”
ได้ยินน้ำเสียงที่กำลังอดกลั้นความโมโหของเฉินถิงเซียว มู่น่อนน่อนก็ชอบใจมาก
อย่างไรก็ตาม เป็นไปไม่ได้ที่มู่น่อนน่อนจะปล่อยให้เฉินถิงเซียวนอนข้างนอก สุดท้ายก็ยังปล่อยเขาเข้าไป
เพียงแต่ กระทั่งตอนที่กำลังจะหลับ มู่น่อนน่อนก็คิดได้ลางๆ เหมือนว่าเฉินถิงเซียวยังไม่ได้ตอบคำถามเธอเลย
ความสามารถในการเปลี่ยนเรื่องของเฉินถิงเซียว ยิ่งเก่งกาจขึ้นเรื่อยๆ เลยจริงๆ
……
วันต่อมา
ตอนที่มู่น่อนน่อนตื่น เฉินถิงเซียวไม่ได้อยู่ข้างๆ แล้ว
คิดถึงเรื่องเมื่อวานขึ้นมา ตอนนี้มู่น่อนน่อนไม่ค่อยวางใจในตัวเฉินถิงเซียวเลย
เธอลุกขึ้นนั่งบนเตียง โทรหาเฉินถิงเซียว
ขณะรอสายถูกเชื่อมต่อ เธอยังค่อนข้างไม่สบายใจอยู่เล็กน้อย แต่ดีที่เฉินถิงเซียวรับสายเร็วมาก
“ตื่นแล้วเหรอ” ทางฝั่งเฉินถิงเซียวเงียบมาก ได้ยินเพียงเสียงลมหายใจแผ่วเบา ไม่มีเสียงอื่นแม้แต่น้อย
มู่น่อนน่อนถามเขา “คุณอยู่ห้องทำงานเหรอ”
“อืม” เฉินถิงเซียวส่งเสียงตอบ เสียงพลิกเอกสารดังมา
“งั้นคุณทำงานเถอะ ฉันไม่รบกวนคุณแล้ว”
มู่น่อนน่อนวางสายไปก่อน
……
เฉินถิงเซียววางมือถือลง สายตากลับไปสู่รายงานผลการตรวจดีเอ็นเอที่เขาเพิ่งอ่านไปครึ่งทาง
เสียงเขาพลิกเอกสารที่มู่น่อนน่อนได้ยินเมื่อครู่ ความจริงแล้วเป็นเสียงที่เขาพลิกดูรายงานผลการตรวจดีเอ็นเอ
เขาดูช้ามาก เมื่อดูมาถึงตอนท้าย ทันใดนั้นเขาก็หัวเราะเย็นชาด้วยน้ำเสียงต่ำๆ
สือเย่ที่ยืนอยู่หน้าโต๊ะทำงาน เห็นเฉินถิงเซียวพลิกเอกสารดูแล้วหัวเราะกับตัวเอง ขนบนร่างกายก็ต่างพากันลุกเกลียว
เขาลดสายตาลง ไม่กล้าดูรายงานผลทดสอบดีเอ็นเอตรงหน้าเฉินถิงเซียว
ผลตรวจดีเอ็นเอนี้ เป็นเมื่อเช้าเฉินถิงเซียวสั่งให้เขาไปเอามา
เขาไม่กล้าเปิดดูข้างใน ไม่มีทางเดาได้ว่าผลทดสอบดีเอ็นเอนี้เป็นของใคร แต่ก็เดาได้ลางๆ ว่าเกี่ยวข้องกับตระกูลเฉิน
สือเย่ผงกศีรษะเล็กน้อย และพูดว่า “คุณผู้ชาย ถ้าคุณไม่มีเรื่องอะไรแล้ว ผมขอตัวออกไปก่อนนะครับ”
เฉินถิงเซียวดันผลรายงานการทดสอบดีเอ็นเอไปตรงหน้าเขา “เอานี่ส่งไปที่บ้านเก่า”
สือเย่ยื่นมือไปหยิบขึ้นมา “ระบุผู้รับเป็นใครครับ”
เกี่ยวข้องกับตระกูลเฉินอย่างที่คาดไว้
เฉินถิงเซียวเอนหลังพิงเก้าอี้ น้ำเสียงค่อนข้างเลื่อนลอย “ตามใจ”
ตามใจ?
สือเย่ไม่ได้ถามมากอีก หันหลังแล้วเดินออกไป
……
ตกเย็น ทันทีที่เฉินชิงเฟิงเข้าประตูบ้าน ก็มีคนรับใช้มาต้อนรับ รับเสื้อโค้ตในมือของเขาไป และพูดว่า “คุณท่าน ก่อนหน้านี้มีคนส่งพัสดุส่งด่วนมาชิ้นหนึ่ง ด้านบนไม่ได้ระบุผู้ส่งและผู้รับ คุณจะเปิดมันตอนนี้เลยไหม”
ตอนนี้คุณท่านเฉินอยู่ในสภาพไม่ได้สติ โดยธรรมชาติแล้วเฉินชิงเฟิงจึงกลายเป็นผู้นำตระกูลคนใหม่ของตระกูลเฉิน ในบ้านมีเรื่องอะไร ตามปกติแล้วจึงต้องรายงานเขา
พัสดุส่งด่วน?
เฉินชิงเฟิงครุ่นคิดครู่หนึ่ง ก่อนจะส่งเสียงว่า “เอามา”
คนรับใช้ได้ยินดังนั้นจึงหันหลังเดินไปเอาพัสดุส่งด่วนมาให้
เฉินชิงเฟิงฉีกพัสดุส่งด่วนเปิดออก ล้วงหยิบเอาซองน้ำตาลออกมา
เขาชั่งน้ำหนักดูครู่หนึ่ง มันหนักนิดหน่อย ข้างในมีเอกสารอยู่
เขาเปิดซองน้ำตาลออก สอดมือไปหยิบเอกสารข้างใน
เพียงแต่ เอกสารข้างในเพิ่งโผล่แค่มุม สีหน้าเฉินชิงเฟิงก็ขุ่นมัวทันที
มือของเขาแข็งทื่ออยู่กับที่ พูดด้วยสีหน้าคล้ำว่า “ออกไปให้หมด!”
คนรับใช้เดาไม่ออกว่าทำไมเฉินชิงเฟิงถึงเปลี่ยนท่าทีรวดเร็วเช่นนี้ แต่ไม่กล้าถามมาก ทุกคนต่างรีบร้อนเดินออกไป
ขณะที่พวกคนรับใช้ทุกคนกำลังออกไป เฉินชิงเฟิงก็พูดอีกครั้งว่า “เดี๋ยวก่อน”
“คุณท่าน ยังมีเรื่องอะไรอีกเหรอ” คนรับใช้ที่เดินรั้งท้ายหันหน้ากลับมา
เฉินชิงเฟิงน้ำเสียงขุ่น “ไปเรียกคุณผู้หญิงมา”
คนรับใช้รู้ว่าคุณผู้หญิงที่เขาพูดถึงก็คือเฉินเหลียน
ไม่นานเฉินเหลียนก็มา
“พี่คะ เกิดอะไรขึ้นเหรอ” เฉินเหลียนรู้ว่าปกติถ้าเฉินชิงเฟิงไม่มีเรื่องอะไรจะไม่เรียกเธอมา ครั้งนี้รีบร้อนเรียกเธอมา แน่นอนว่าต้องมีเรื่องด่วน
เฉินชิงเฟิงยื่นซองน้ำตาลให้เธอด้วยสีหน้าหนัก “ดูนี่”
เฉินเหลียนประหลาดใจเล็กน้อย รับซองกระดาษแล้วดึงเอาเอกสารข้างในออกมา แค่ดูแวบแรก เธอก็มีสีหน้าตกใจมาก “นี่คือ……”
เฉินชิงเฟิงแววตาเข้มขึ้น “เป็นถิงเซียว เขารู้แล้ว”
เฉินเหลียนตัวสั่นไปหมด น้ำเสียงแปร่งพูดออกมาว่า “นี่ นี่ๆๆ เป็นไปได้ยังไง! เขา……เขารู้ได้ยังไง จะเป็นคนอื่นหรือเปล่า”
“คนที่รู้ว่าเฉิงหยู้เป็นลูกนอกสมรสของผม นอกจากเขายังมีใครอีก เขากำลังยั่วโมโหผม!” เฉินชิงเฟิงหัวเราะเยาะ ในแววตาเต็มไปด้วยประกายโหดเหี้ยม “ต่อให้เขารู้แล้วยังไง ผมมีเล่ห์กลสุดท้ายอยู่ในมือ เขาจะทำอะไรผมได้”
“พี่คะ……ถิงเซียวเขา……เขาฉลาดมาก พวกเรา……” เฉินเหลียนตัวสั่นราวกับล่อนแกลบ “ไม่นะ……”
เฉินชิงเฟิงสงบกว่าเธอ เขายื่นมือไปจับไหล่ของเธอ “ไม่ต้องเป็นห่วง ลูกสาวเขาอยู่ในมือผม ตราบใดที่เขายังต้องการลูกสาว ก็ไม่สามารถทำอะไรกับเราได้ โดยธรรมชาติแล้วจะไม่กล้าพูดเรื่องนี้ออกไปแน่”
“ทำไมลูกสาวของถิงเซียวถึงอยู่ในมือคุณได้” หลังปีใหม่เฉินเหลียนกลับไปประเทศM จึงไม่รู้ว่าต่อมาเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้าง