ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม – บทที่ 369 เธอไม่กล้าไป

บทที่ 369 เธอไม่กล้าไป

เฉินมู่เอาโทรศัพท์ให้ไปอย่างว่าง่าย “พี่สาว โทรศัพท์”

มู่น่อนน่อนรับโทรศัพท์ไป วางไปที่ข้างใบหู ส่งเสียงเรียกไปคำนึง “คุณเฉิน”

เธอพูดจบ ถึงตระหนักได้ว่าเมื่อกี้ตนได้เปิดเผยไปว่าตนรู้เรื่องตัวตนของเขาไปตามจิตใต้สำนึกเรียบร้อยแล้ว

เฉินถิงเซียวเหมือนกับไม่ได้แปลกใจเลยสักนิดเดียวที่มู่น่อนน่อนรู้ตัวตนของเขา เพียงแค่เอ่ยออกมาด้วยเสียงทุ้มต่ำ “คุณผู้หญิงท่านนี้ รบกวนช่วยบอกที่อยู่ผมด้วย ผมจะไปรับเธอเดี๋ยวนี้”

เสียงของเขาฟังไปแล้วสุขุมมากเลย ประดับไปด้วยน้ำเสียงคำสั่งเชิงออกคำสั่งของผู้ที่อยู่ระดับสูงเอาไว้ ทำให้คนอื่นยอมทำตามคำสั่งไปโดยไม่รู้ตัว

มู่น่อนน่อนตอบกลับไป “ได้ค่ะ”

เสียงของเธอเพิ่งจะหลุดออกไป เฉินถิงเซียวก็ได้วางสายไป

มู่น่อนน่อนประหลาดใจขึ้นมาเล็กน้อย เขาไม่ต้องบอกลาเฉินมู่เลยสักคำเลยเหรอ?

วางสายไปโต้งๆอย่างนี้เลย?

……

ณ บริษัทเฉินซื่อ

เลขาหอบเอาข้อมูลเข้าไปในห้องทำงานประธานบริษัท เห็นเฉินถิงเซียววางสาย ลุกยืนขึ้นหยิบเสื้อคลุมตัวนอกขึ้นมามีท่าทีที่เตรียมจะออกไปข้างนอกเข้าพอดี

เลขารีบเร่งฝีเท้าเดินเข้าไป เอ่ยออกไปอย่างระมัดระวัง “ท่านประธาน หลังจากสิบโมงมีประชุมสำคัญอยู่นะครับ”

“เอาไว้ก่อน” เฉินถิงเซียวไม่แม้แต่จะมองเขา เดินตรงออกไปข้างนอก

ท่านประธานใหญ่บอกว่าต้องการเลื่อนออกไปแล้ว เลขาก็ต้องไม่มีอะไรจะพูดอยู่แล้ว

เลขาเดินตามเฉินถิงเซียวไปข้างนอกด้วยกัน แล้วเอ่ยถามออกไป “เลื่อนไปถึงเมื่อไหร่ครับ?”

“ตอนที่ฉันกลับมา” เฉินถิงเซียวหยุดฝีเท้าลง เหล่มองเลขาไปแวบนึง ตรงระหว่างคิ้วย่นออกมาเล็กน้อยบ่งบอกถึงความทนไม่ไหวของในตอนนี้

กลุ่มเลขาและผู้ช่วยของเขากลุ่มนี้ ไม่มีใครถูกใจเขาเลยสักคนเดียว

เลขาถูกสายตาของเขามองเข้ามาแล้ว ก็ได้หุบปากเงียบไปทันที หายใจแรงๆก็ยังไม่กล้าหายใจออกมาเลย

คนขับรถเห็นเฉินถิงเซียวกำลังจะออกไปข้างนอก จึงได้เดินตามเข้าไป

เฉินถิงเซียวเอ่ยออกไปอย่างไม่แยแส “ไม่ต้องตาม ฉันจะขับรถไปเอง”

“แต่ว่าคุณผู้หญิงบอกว่า…”

“นายฟังเธอหรือว่าจะฟังฉัน?” เฉินถิงเซียวได้ยินอย่างนั้นแล้ว ก็ได้หันหน้าไป หรี่ตามองไปทางคนขับรถ “รับเงินของฉัน อย่าไปฟังคำพูดของคนอื่น?”

คนขับรถเห็นสีหน้าของเฉินถิงเซียวผิดไป จึงได้เอ่ยอธิบายออกไปทันที “ไม่..ไม่ใช่อย่างนั้นนะครับ ท่านประทาน…”

เฉินถิงเซียวเดิมทีก็ไม่ได้สนใจฟังคำพูดไร้สาระของเขาอยู่แล้ว ตรงเข้าไปผลักเขาออกแล้วขึ้นรถไป

เขาสตาร์ทรถไปพลาง ต่อสายไปหาเฉินจิ่งหยุ้นไปพลาง

เมื่อกี้ตอนที่อยู่ในสายเขาไม่ได้ถามผู้หญิงที่โทรหาเขาคนนั้นเลยว่าทำไมถึงได้อยู่กับเฉินมู่ได้

ถึงแม้ว่าจะไม่ต้องถามออกไปเขาเองก็สามารถคาดเดาออกอยู่บ้าง

ทันทีที่กดรับสายไป เสียงไม่พอใจของเฉินจิ่งหยุ้นก็ได้ดังขึ้นมาจากทางปลายสาย “ถิงเซียว ฉันกำลังจะโทรหานายอยู่พอดีเลย การประชุมกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว ตัวนายล่ะ?”

หลังจากที่เฉินถิงเซียวฟื้นขึ้นมาเมื่อสามปีก่อน เฉินจิ่งหยุ้นก็เข้าไปทำงานในบริษัทเฉินซื่อด้วย

ในช่วงเวลาแบบนี้ เฉินถิงเซียวไหนเลยจะไปสนใจอะไรกับการประชุม

ถึงแม้ว่าเขาจะมีชื่อเสียงในเรื่องของการบ้างาน

แต่ระหว่างงานกับลูกสาว อะไรที่สำคัญกับเขากว่ากัน ในใจเขาย่อมรู้ดี

เสียงของเขาเยือกเย็นอย่างมาก “แต่จากนี้ไปอย่าให้ซูเหมียนเข้ามาเหยียบตระกูลเฉินอีกแม้แต่ครึ่งก้าว ฉันจะเห็นแก่หน้าเธอ บอกเธอก่อน ถ้าฉันเห็นเธออยู่ที่ตระกูลเฉินอีก อย่ามาหาว่าฉันไม่เกรงใจแล้วกัน”

“ถิงเซียวนายพูดอะไรกันห๊ะ? ฉันถามว่าตอนนี้นายอยู่ไหน? กำลังจะ…” เฉินจิ่งหยุ้นไม่รู้ว่าเฉินถิงเซียวไปโกรธอะไรมา จู่ๆถึงได้โทรมาพูดเรื่องพวกนี้กับเธอ

เฉินถิงเซียวไม่สนใจว่าเฉินจิ่งหยุ้นจะพูดอะไรเลย ได้วางสายไปทันที

หลังจากที่วางสายไป เฉินถิงเซียวได้พบว่าข้างหน้ารถติด ผ่านไปไม่ได้สักพักนึงเลย

เขาต้องหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาผู้หญิงคนนั้นไปอีกครั้ง

……

มู่น่อนน่อนกับเฉินมู่กำลังรออยู่ที่ในร้านอาหารอยู่สักพักนึงแล้ว ก็ไม่เห็นเฉินถิงเซียวจะมาเลย แต่กลับได้รับสายของเขามาแทน

“ทางผมรถติดนิดหน่อย รบกวนให้คุณช่วยรออีกสักแป๊บนึงนะครับ ถ้าไม่สะดวกจริงๆ ก็สามารถพาเธอไปส่งที่โรงพักก่อนได้เลย”

ในน้ำเสียงของชายหนุ่มฟังไม่ออกถึงความรู้สึกเป็นกังวลเลยสักนิดเดียว สงบนิ่งเสียงจนไม่เหมือนกับพ่อที่มาหาลูกคนหนึ่งเลย

มู่น่อนน่อนเอ่ยออกไปอย่างไม่สบอารมณ์นัก “ฉันสะดวกมาก”

เด็กเล็กขนาดนี้ เฉินถิงเซียวใจแข็งพอที่จะให้เธอส่งไปสถานีตำรวจ

วางสายไป มู่น่อนน่อนก็ได้พาเฉินมู่ออกจากร้านอาหารไป

ประเด็นสำคัญเลยก็คือเด็กน้อยนั่งไม่อยู่แล้ว ชอบอยู่ไม่นิ่งเป็นธรรมชาติอยู่แล้ว

ทางเฉินถิงเซียวรถติดอยู่นาน รอจนตอนที่เขามาแล้ว มู่น่อนน่อนก็ได้พาเฉินมู่ไปสวนสาธารณะที่อยู่ใกล้ๆแถวนั้นไปเรียบร้อยแล้ว

ตอนที่มู่น่อนน่อนกับเฉินมู่กำลังนั่งยองๆมองดูมดย้ายบ้านอยู่ที่ขอบๆพงหญ้าในสวนอยู่นั้นเอง ด้านหลังก็มีเสียงทุ้มต่ำอันไพเราะของผู้ชายดังเข้ามา “มู่มู่”

เฉินมู่มองมดย้ายบ้านไปอย่างตั้งอกตั้งใจ จดจ่อไปมากเกินไปจึงไม่ได้ยินเฉินถิงเซียวเรียกเธอเลย

แต่มู่น่อนน่อนก็ได้เป็นคนหันหน้าไปก่อน

เธอหันหน้าไป ก็เห็นผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่กำลังสาวเท้าก้าวใหญ่ๆเดินมาทางนี้ สายตาของเขาเพ่งความสนใจไปที่ร่างของลูกชิ้นน้อยที่อยู่ข้างๆ

เมื่อก่อนหน้านี้มู่น่อนน่อนกับเสิ่นเหลียงเดินช็อปปิ้งกันเสร็จก็เย็นมากแล้ว ก็ยังได้พาเฉินมู่ไปกินข้าวอีก รอเฉินถิงเซียวอยู่นานขนาดนี้ ในตอนนี้ก็ได้ตกกลางคืนไปแล้ว

ไฟถนนในสวนสาธารณะในตอนนี้ได้สว่างขึ้นมาพอดี ใบหน้าดุดันเสียจนดูเย็นชาออกมาเล็กน้อยของชายหนุ่มอยู่ภายใต้การส่องสว่างของแสงไฟ เห็นได้ชัดว่าอ่อนโยนลงเยอะเลย

เดิมทีแล้วเฉินถิงเซียวก็เป็นผู้ชายที่หน้าตาหล่ออยู่แล้ว พอมองดูอย่างนี้แล้ว จึงยิ่งเพิ่มให้ภาพทิวทัศน์สวยงามจนทำให้จิตใจเบิกบานมากยิ่งขึ้น

มู่น่อนน่อนอดไม่ได้ที่จะมองตาค้างไป

เฉินถิงเซียวเดินเข้าไปใกล้ โค้งตัวลงไปเล็กน้อย แขนยาวทั้งสองข้างยืดออกไป แล้วก็ย่อตัวนั่งลงยองๆบนพื้นอุ้มเฉินมู่ขึ้นมา

เฉินมู่เกิดความสงสัยขึ้นมาก่อนแป๊บนึง จากนั้นตอนที่เห็นคนที่อุ้มเธอชัดเจนแล้วว่าเป็นเฉินถิงเซียว ส่งเสียงเรียกออกไปด้วยความดีใจ “เฉินชิงเซียว!”

มู่น่อนน่อนตกตะลึงขึ้นมา เม้มปากยิ้มออกมา

เฉินถิงเซียวหรี่นัยน์ตาสีดำลงเล็กน้อย น้ำเสียงไม่ดีนัก “เรียกพ่อ”

เฉินมู่ดูดลงบนไปบนใบหน้าของเขาอย่างคนเจ้าเล่ห์อย่างมาก “คุณพ่อ!”

ในดวงตาของเฉินถิงเซียวได้มีความอ่อนโยนแวบผ่านออกมาเล็กน้อยเสียจนยากที่จะสังเกตเห็นได้

ลูกชิ้นน้อยนี้ก็ไม่รู้ว่าได้นิสัยจากใครมา ทุกครั้งจะต้องจงใจเรียกชื่อของเขาท้าทายอำนาจเขา รอจนสีหน้าเขาเปลี่ยนไป เธอถึงได้ยอมเรียกพ่อออกมาทันที

เขาแน่ใจมากว่า นิสัยของลูกชิ้นน้อยไม่ได้ได้มาจากเขา และก็ไม่ได้ได้มาจากซูเหมียนด้วยเช่นกัน

เฉินถิงเซียวแตะหัวเธอ กวาดมองไปมาอยู่ที่บนร่างของเฉินมู่ไปอย่างละเอียด เมื่อแน่ใจแล้วว่าเธอปลอดภัยดี จึงได้หันหน้าไปมองผู้หญิงที่เงียบมาโดยตลอดที่กำลังยืนมองอยู่ข้างๆคนนั้น

เพียงแค่มองไปแวบเดียว เขาก็คิดว่าผู้หญิงคนนี้ให้ความรู้สึกคุ้นเคยกับเขาอย่างมาก

แต่เขาก็นึกไม่ออกเลยว่าไปเคยเจอเธอมาจากที่ไหน

มู่น่อนน่อนเพียงแค่ถูกเฉินถิงเซียวจ้องมาอย่างนี้ ในใจก็เกิดความรู้สึกแปลกๆขึ้นมา จึงส่งเสียงพูดออกไป “ในเมื่อคุณก็มารับมู่มู่แล้ว งั้นฉันขอตัวกลับก่อนนะคะ”

ถึงแม้ว่าคำพูดของเธอจะพูดไปอย่างนี้ แต่ว่าเท้าของเธอกลับไม่ขยับไปเลย

ไม่ใช่ว่าเธอไม่ไป แต่เป็นเพราะเฉินถิงเซียวไม่ได้พูดอะไรออกมา เธอเลยไม่กล้าไป

เธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมตัวเองถึงได้กลัวผู้ชายแปลกหน้าคนหนึ่งได้ขนาดนี้ แต่ว่าข้อมูลที่ถ่ายทอดออกมาในหัวของเธอก็เป็นอย่างนี้

เฉินถิงเซียวไม่ได้พูดอะไรออกมา เธอไม่สามารถไปได้

“ขอบคุณคุณมากที่ดูแลมู่มู่ อยากได้ค่าตอบแทนอะไรหรือเปล่า?”

ในที่สุดเฉินถิงเซียวก็ได้พูดออกมา ถึงแม้ว่าจะเป็นคำขอบคุณ แต่ว่าเห็นใบหน้าไร้อารมณ์ของเขาแล้ว มันทำให้มู่น่อนน่อนไม่ได้รู้สึกถึงการถูกขอบคุณเลยสักนิดเดียว

มู่น่อนน่อนส่ายหน้าออกไป “ไม่ต้องหรอกค่ะ ไม่ว่าเป็นใครที่เจอเรื่องแบบนี้ก็ไม่มีทางจะไม่สนกันได้หรอก จากนี้ไปคุณต้องดูแลลูกให้ดีนะคะ”

ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม

ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม

Status: Ongoing

แม่ของมู่นอนน่อนคุกเข่าลงต่อหน้าของเธอ ขอให้เธอ แต่งงานแทนพี่สาวกับเฉินถึงเขียวผู้ชายที่ขี้เหร่และพิการที่ ชาวบ้านเล่าลือกัน ในคืนวันแต่งงาน ตอนที่เธอได้พบหน้า หล่อเหลาของชายคนนี้เธอตกใจมาก เฉินถึงเซียวพูดตรงๆ เลยว่าเธอน่าเกลียดมากๆ เดิมที่คิดว่าคงใช้ชีวิตต่างคนต่าง อยู่ แต่กลับถูกผู้ชายคนนี้กดอยู่ใต้รางกายอย่างรุนแรง”ไหน บอกว่าคุณทำไม่ได้ไง”ผู้หญิงตกใจ” ได้หรือไม่ได้ คำพูดของ เธอ ฉันไม่นับ! “บนหน้าของเฉินถึงเชียวแสดงออกถึงความ เจ้าเสน่ห์

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท