มู่น่อนน่อนถามเฉินมู่: ” หนูลงมาจากไหนจ๊ะ? ”
” ลงมาจากบันไดชั้นบนค่ะ ” เฉินมู่ชี้ไปบนเพดานแล้วพูด
มู่น่อนน่อนเพิ่งจะสังเกตว่ามันได้ของคฤหาสน์หลังนี้ทั้งสูงและยาวมาก เมื่อได้ยินคำพูดของเฉินมู่เธอรีบหันขวับไปมองเฉินถิงเซียว
เฉินถิงเซียวเห็นว่ามู่น่อนน่อนกำลังจ้องตัวเองอยู่ ก็ทำที่ไม่รู้ไม่ชี้ เขาขมวดคิ้ว และไม่รู้ว่าหยิบลูกอมเม็ดหนึ่งมาจากไหนพร้อมกับส่งให้เฉินมู่
จากนั้นก็พูดเสียงเรียบ ” รางวัล ”
เฉินมู่อมลูกอมไว้ในปาก รู้สึกพอใจพร้อมกับวิ่งหนีไปแล้ว
ไหนๆ ก็โดนเฉินมู่เจอตัวแล้ว เฉินถิงเซียวก็เดินทอดน่องเข้ามาข้างใน แล้วถามมู่น่อนน่อน: ” เมื่อก่อนเธอเคยทำอาหารด้วยเหรอ? ”
มู่น่อนน่อนมองหน้าเขา แล้วตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา: ” ไม่รู้สิ ”
เธอเสียความทรงจำไปแล้ว เธอจะจำเรื่องมาก่อนได้ยังไง?
คำตอบของเธอทำให้เฉินถิงเซียวสำลัก
มู่น่อนน่อนคิดไปคิดมา จึงถามเขาว่า: ” คุณนึกทุกอย่างออกแล้วหรือไง? ”
” ไม่งั้นจะให้เป็นยังไงล่ะ? ” พอพูดถึงเรื่องนี้แล้ว สีหน้าของเฉินถิงเซียวก็เปลี่ยนไปดูไม่ค่อยดีนัก ระหว่างคิ้วดูมีกลิ่นอายของความเคร่งขรึม
แต่มู่น่อนน่อนกลับไม่ได้รู้สึกหวาดหวั่นแต่อย่างใด แต่กลับมีความรู้สึกถึง ” การเป็นผู้ร่วมทุกข์ร่วมสุข ” ส่งออกมา
มู่น่อนน่อนหั่นผักพลางพูดไปว่า: ” ฉันประสบอุบัติเหตุเมื่อสามปีก่อน คุณก็ความจำเสื่อมเมื่อสามปีก่อนเหมือนกัน ถ้างั้นอุบัติเหตุที่เราเจอมันคือที่เดียวกันหรือเปล่า? ”
” ชายคู่หมั้น”ที่ชื่อลี่จิ่วเชียนเป็นสถานะปลอมๆ ก่อนหน้านี้เขาคุยเรื่องนั้นกับเธอ ก็คงต้องยกเลิกไป
เฉินถิงเซียวไม่ได้ยืนยันคำตอบ: ” ไปสืบเดี๋ยวก็รู้เองแหละ ”
มู่น่อนน่อนชะงักมือแล้ว ชายตามองเขา
เฉินถิงเซียวอาจจะพอมีแนวโน้มที่จะเจออยู่บ้าง แม้ว่าผ่านไปสามปีแล้ว เดี๋ยวถ้าอยากจะสืบหาเรื่องพวกนี้ก็ง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือ
ไม่ผิดไปจากที่ลี่จิ่วเชียนพูดเลยจริงๆ เธอตอบตกลงเงื่อนไขของเฉินถิงเซียว จริงๆ ก็เป็นเพราะมันได้ประโยชน์มากกว่าปฏิเสธยังไงล่ะ
เธอจะได้คอยอยู่ข้างๆ เฉินมู่ และยังได้รู้เรื่องราวของตัวเธอในอดีตด้วย
มู่น่อนน่อนไม่พูดอะไรต่อ
ในเรื่องพวกนี้ ใจของเฉินถิงเซียวหนูขีดจำกัดดี ไม่ต้องให้เธอพูดเยอะ
เฉินถิงเซียวรู้สึกเหมือนกำลังสนุก และคอยยืนมองเธอทำอาหารในครัวอยู่เป็นนานสองนาน
ตอนที่มู่น่อนน่อนจะไปหยิบชามก็เกือบจะชนเข้ากับตัวเขา จึงพูดด้วยอารมณ์กระฟัดกระเฟียด: ” คุณอย่ายืนขวางมือขวางเท้าฉันได้ไหม ”
เฉินถิงเซียวยืนกอดอก: ” บ้านของผม ผมจะอยู่ตรงไหนก็ได้ ”
น้ำเสียงงี่เง่านี้นี่มัน……
มู่น่อนน่อนไม่ไหวที่เขาทำตัวน่าเบื่อ เธอเบื่อที่จะสนใจเขาแล้ว
………
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป มู่น่อนน่อนทำกับข้าวเสร็จพอดี
มาถึงเวลากินข้าว เฉินถิงเซียวพบว่า อาหารสามสี่ชามตรงหน้าดูเป็นอาหารที่มีหน้าตาน่ารักน่าชัง
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำให้เฉินมู่แน่นอน
นอกนั้นที่เหลือสองจานที่เป็นกับข้าวและน้ำซุป น่าจะเป็นกับข้าวสำหรับเขาและมู่น่อนน่อน
เฉินถิงเซียววางตะเกียบลงอีกฝั่ง: ” มู่น่อนน่อน! ”
” หือ? ” มู่น่อนน่อนตอบอย่างใจลอย เธอยิ้มตาหยีแล้วคีบอาหารให้เฉินมู่ ” ลองกินอันนี้ดูสิจ๊ะ มันคือ ‘ เจ้ากระต่ายน้อย ‘ ใช่ไหมนะ? ”
เฉินถิงเซียวยื่นมือกุมขมับตัวเอง น้ำเสียงดูโมโหขึ้นไปอีกขั้น ” ในตู้เย็นไม่มีของทำกับข้าว หรือเธอคิดว่าเราล้มละลายว่างั้น? ขัดสนขนาดถึงกับต้องกินกับข้าวแค่สองจานเนี่ยนะ? ”
มู่น่อนน่อนไม่ได้เงยหน้ามอง แถมยังตอบอย่างไม่ใส่ใจอีกว่า ” คุณไม่อยากกินก็ไปให้คนใช้ทำไปสิ ฉันก็ไม่ได้บังคับให้คุณต้องกินสักหน่อย ”
เฉินถิงเซียวได้ยินดังนั้น ก็หน้านิ่วคิ้วขมวด เขายังไม่ทันได้พูด คนใช้ก็เข้ามาบอกว่า ” ผู้ช่วยสือมาแล้วครับ ”
เฉินถิงเซียวมองมู่น่อนน่อน จากนั้นก็ถอนหายใจแล้วลุกออกไป
เมื่อเขาเดินออกไปแล้ว มู่น่อนน่อนจึงเงยหน้าขึ้นแล้วมองไปยังทางที่เขาเดินออกไป
ผู้ชายคนนี้ก็ไม่น่ากลัวอะไรนี่นา
ภายในห้องหนังสือ
สือเย่ก็พาคนเข้ามา พร้อมแบกเอกสารกองโตเอาไว้รอเฉินถิงเซียว
เฉินถิงเซียวเข้ามาแล้ว เมื่อเห็นเอกสารมากมายก็ถึงกับตกตะลึงไปสักพัก
ก่อนหน้านี้เขาสั่งให้สือเย่ สืบหาเรื่องราวของเขามาก่อน เช่นเรื่องระหว่างเขากับมู่น่อนน่อน แล้วจัดแจงเป็นเอกสารมาให้เขา
แต่ไม่นึกว่ามันจะเยอะขนาดนี้
เฉินถิงเซียวใช้มือเคาะขอเอกสารเบาๆ และถามว่า ” อยู่ในนี้หมดเลยเหรอ? ”
สือเย่ตอบกลับด้วยความสุภาพ: ” อันนี้คือส่วนที่ค่อนข้างสำคัญครับ ถ้าคุณชายต้องการข้อมูลที่ละเอียดกว่านี้ อาจจะต้องใช้เวลาในการจัดการครับ ”
เฉินถิงเซียวพลิกเอกสารในมือดูหน้าสองหน้า ก็ตอบไปว่า ” เข้าใจแล้ว ”
หลังจากที่สือเย่ออกไปแล้ว เฉินถิงเซียวก็เลยดูเอกสารนั้นอยู่ภายในห้องหนังสือ
เรื่องราวในนั้นมันช่างคาดไม่ถึง ดูเหมือนเขากำลังนั่งอ่านเรื่องราวของคนอื่นอยู่
เขาน่าเบื่อขนาดนั้นเลยเหรอ ปลอมตัวเป็นรุ่นน้องแล้วไปหลอกมู่น่อนน่อนเนี่ยนะ?
ไหนจะมู่น่อนน่อนก็น่าเบื่อพอกัน ทำเป็นแอ๊บอยู่นั่นแหละ?
ถ้าไม่แอ๊บจะดูดีซะที่ไหน….อืม แต่ก็แค่ดูสบายตากว่าผู้หญิงคนอื่นนิดหน่อยเท่านั้นเอง
พอได้นั่งอ่านแล้ว เฉินถิงเซียวก็ไม่ออกจากห้องหนังสืออีกเลย
ที่ห้องอาหารชั้นล่าง
เฉินมู่กินข้าวอิ่มแล้วก็ไปวิ่งตามอำเภอใจ เพราะไม่เห็นว่าเฉินถิงเซียวลงมา มู่น่อนน่อนก็อดไม่ได้ที่จะแปลกใจ
เฉินถิงเซียวจะไม่มากินข้าวเรื่องจริงๆ เหรอ?
ขี้งอนอะไรเบอร์นั้น?
มู่น่อนน่อนหาคนใช้แล้วถาม : ” เฉินถิงเซียวล่ะคะ? ”
คนใช้ตอบด้วยน้ำเสียงสุภาพ: ” คุณชายอยู่ห้องหนังสือค่ะ ”
มู่น่อนน่อนลังเลไปสักพัก ก็ตัดสินใจขึ้นไปชั้นบนเพื่อหาเฉินถิงเซียว
เมื่อเธอเดินไปถึงหน้าประตูห้องหนังสือแล้ว ก็ยกมือขึ้นของประตู
ผ่านไปครู่ใหญ่ ภายในห้องก็มีเสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่มตอบกลับมา : ” มีอะไร? ”
มู่น่อนน่อนตอบกลับ: ” ฉันเอง ”
ไม่นานนัก ก็มีเสียงก้าวเดินใกล้เข้ามา จากนั้นประตูก็ถูกคนข้างในเปิดออก
เฉินถิงเซียวยืนอยู่หน้าประตู ไม่ได้แสดงเป็นเชิงว่าให้เธอเข้าไป เพียงแค่ถามเสียงเนือยๆ : ” มีอะไร? ”
มู่น่อนน่อนถามลองเชิงไปว่า: ” คุณไม่กินข้าวเหรอ? ”
เฉินถิงเซียวเหมือนกำลังพิจารณาอะไรบางอย่าง ไม่กี่วินาทีต่อมาก็ตอบว่า: ” ต้มบะหมี่เนื้อชามนึง ”
” บะหมี่เนื้อ? ” ที่เขากำลังใช้ให้เธอไปต้มบะหมี่ให้เขาอยู่ใช่ไหม?
เหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ เฉินถิงเซียวก็พูดเพิ่มขึ้นมาอีกประโยค: ” เผ็ดนิดเดียว ”
พอเขาพูดจบ ก็ใช้คางชี้มู่น่อนน่อน เป็นเชิงว่า ไปได้แล้ว
มู่น่อนน่อนรู้ตัวก็เดินหันตัวลงไปชั้นล่าง แต่ก็หันหน้ากลับมา: ” เฉินถิงเซียว คุณเห็นฉันเป็นอะไร ที่ฉันทำอาหารให้มู่มู่ก็เป็นเพราะฉันเต็มใจ คุณมีสิทธิ์อะไรสั่งให้ฉันทำอาหารให้คุณ? ”
” ก่อนหน้านี้ไม่ใช่ว่าคุณให้ผมหาเรื่องในอดีตหรือไง? อยากดูไหมล่ะ? ” เฉินถิงเซียวถอยหลังไปเล็กๆ เผยให้เห็นว่าภายในห้องหนังสือก็มีเอกสารกองใหญ่ตั้งอยู่
เอกสารพวกนั้นน่ะตรงกับสายตาของมู่น่อนน่อนพอดี
มู่น่อนน่อนถาม: ” มันคืออะไรน่ะ? ”
เฉินถิงเซียวฉีกยิ้ม ภายในรอยยิ้มนั้นดูมีเลศนัย: ” เธออยากดูไหมล่ะ ”
มู่น่อนน่อนสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะหันตัว แล้วเดินลงไปชั้นล่างเพื่อทำบะหมี่ให้เฉินถิงเซียวโดยไม่พูดไม่จา
นึกไม่ถึงเลยว่าคนที่ดูเย็นชาอย่างเฉินถิงเซียวจะกินเผ็ดกับเขาด้วย
มู่น่อนน่อนอยากจะใส่พริกขี้หนูลงไปให้เขาสักหนึ่งกำมือ แต่คิดไปคิดมาก็ช่างมันเถอะ
เธอยกชามบะหมี่ขึ้นไป แล้ววางลงตรงหน้าเฉินถิงเซียวยังไม่ค่อยเต็มใจนัก: ” บะหมี่ของคุณน่ะ ”
เฉินถิงเซียวไม่พูดพร่ำทำเพลง ก็นั่งลงกินบะหมี่ข้างๆ
แต่พอเขากินได้แค่คำเดียว ก็ต้องตะลึง
นี่คือรสชาติที่คุ้นเคย
เขาอดไม่ได้ที่จะหันไปมองหน้ามู่น่อนน่อน
พอดีกับมู่น่อนน่อนที่กำลังพลิกเอกสารไปมา เมื่อเห็นเนื้อหาของหน้าแรกแล้ว เธอก็หันมามองเฉินถิงเซียว: ” อย่างกับเด็กแน่ะ “