ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม – บทที่ 416 พูดจาได้น่าฟังขนาดนี้ ปากจะต้องหวานมากแน่ๆ

บทที่ 416 พูดจาได้น่าฟังขนาดนี้ ปากจะต้องหวานมากแน่ๆ

ตอนที่กินข้าว เฉินถิงเซียวกลับไม่ได้พูดอะไรออกมาเช่นกัน

แต่มู่น่อนน่อนมักจะรู้สึกว่าวันนี้เฉินถิงเซียวแปลกๆไป

จนกระทั่งมาถึงตอนกลางคืน หลังจากที่มู่น่อนน่อนกล่อมเฉินมู่นอนหลับไปแล้วเดินออกมา ก็เห็นเฉินถิงเซียวยืนอยู่ที่หน้าประตู

มู่น่อนน่อนไม่มีเตรียมรับมือมาก่อนชั่วขณะ ก็ได้ถูกทำให้ตื่นตกใจไปหมด

เธอสูดหายใจเข้าไปลึกๆ แล้วก็ได้มองไปทางเฉินถิงเซียวอย่างไม่สบอารมณ์ “คุณยืนอยู่ที่นี่ไปทำไม?”

ใบหน้าเย็นชาออกมา แต่ก็ไม่ได้ส่งเสียงพูดออกไป เฝ้าอยู่ที่หน้าประตูไปอย่างนี้ และไม่รู้ด้วยเหมือนกันว่าคิดจะทำอะไร

“ตามผมมา”

เฉินถิงเซียวทิ้งคำพูดสามคำนี้ออกมา แล้วผันร่างออกไป

มู่น่อนน่อนแสดงใบหน้างงงวยออกมา แต่ก็ยังเลือกที่จะตามไป

มาถึงห้องทำงานแล้ว เฉินถิงเซียวก็หยิบปากกาบันทึกเสียงด้ามหนึ่งออกมา

เฉินถิงเซียวกดปุ่มเล่นไปต่อหน้าเธอ

ปากกาบันทึกเสียงด้ามนี้ เป็นด้ามที่เฉินจิ่งหยุ้นเอาให้เฉินถิงเซียวฟังก่อนหน้านี้ด้ามนั้นนั่นเอง

ด้านในมีเสียงบทสนทนาที่คุ้นเคยดังออกมา

มู่น่อนน่อนนึกไม่ถึงว่าเฉินจิ่งหยุ้นจะบันทึกเสียงเอาไว้ ถึงแม้ว่าวิธีมันจะอยู่ในระดับต่ำไปหน่อย แต่ด้วยนิสัยที่เอาแน่เอานอนไม่ได้นี้ของเฉินถิงเซียวแล้ว ใครจะไปรู้ล่ะว่าหลังจากที่เขาได้ยินบันทึกเสียงจำพวกนี้ไปแล้วจะคิดอะไรขึ้นมาบ้าง

ตอนเที่ยงตอนที่เฉินถิงเซียวกลับมา มู่น่อนน่อนเธอทำให้เฉินจิ่งหยุ้นโกรธจนกลับไป เฉินถิงเซียวเองก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา นึกว่าเรื่องนี้มันจะจบไปแล้วเสียอีก

แต่นึกไม่ถึงว่าเฉินถิงเซียวจะรอเธออยู่ที่ตรงนี้

เนื้อหาที่อยู่ในบันทึกเสียงได้เล่นจนจบไปแล้ว เฉินถิงเซียวกอดอก มองจ้องเธอไปอย่างสงบเยือกเย็น

เขาไม่พูดอะไรออกมา บนใบหน้าไม่แสดงสีหน้าอะไรออกมาด้วยเช่นกัน

มู่น่อนน่อนคาดเดาไม่ถูกว่าภายในใจของเขากำลังคิดอะไรอยู่ ก็ต้องมองจ้องไปไม่พูดอะไรออกมา

“จำนวนแบบไหนที่จะสมใจคุณ?” เฉินถิงเซียวเอ่ยถามออกไปด้วยความเย็นชา

มู่น่อนน่อนนึกคำพูดที่ตัวเองเคยพูดขึ้นมา พูดไม่ออกไปชั่วขณะ

เฉินถิงเซียวหรี่ตาลงเล็กน้อย ก้าวเดินไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง ปลายรองเท้าของเขาได้ชนเข้ากับปลายรองเท้าของมู่น่อนน่อนเป็นที่เรียบร้อย

ทั้งสองคนอยู่ใกล้กันเกินไป มู่น่อนน่อนสามารถรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายที่เย็นยะเยือกจากบนร่างของเฉินถิงเซียวได้เลย

เธออยากจะถอยออกไปข้างหลังสักก้าวหนึ่ง ท่ามกลางการจับตามองของเฉินถิงเซียว เท้าของเธอก็เหมือนกับเกิดรากขึ้นมาก็ไม่ปาน ไม่กล้าจะขยับไปเลยสักนิด

ดวงตาดำสนิทของเฉินถิงเซียวได้หรี่ลงอย่างอันตราย น้ำเสียงดังขึ้นมาที่บนหัวของเธอไปอย่างไม่หนักไม่เบา “เปลี่ยนมาพูดอีกอย่างนึง คุณคิดว่าผมมีค่าเท่าไหร่?”

มู่น่อนน่อนได้พูดออกไปด้วยสมองที่ปลอดโปร่งอย่างมาก “ไม่…ไม่สามารถประเมินค่าได้เลย”

เพียงแต่ด้วยความประหม่า เสียงของเธอจึงพูดติดอ่างไปบ้าง

เฉินถิงเซียวเลิกคิ้วออกมาเล็กน้อย ราวกับคาดไม่ถึงอยู่บ้างว่ามู่น่อนน่อนจะพูดมาอย่างนี้

เห็นเฉินถิงเซียวเอาแต่ไม่พูดอะไรออกมา ภายในใจของมู่น่อนน่อนจึงอยู่ไม่สุขขึ้นมาบ้างอีกที

หรือว่าคำพูดของเธอมันปลอมจนเห็นได้ชัดเจนเกินไป เฉินถิงเซียวก็เลยไม่เชื่องั้นเหรอ?

แต่ว่า การกระทำต่อจากนั้นของเฉินถิงเซียว ได้ทำให้เธอหายสงสัยไป

จู่ๆเขาก็ยื่นมือไปแตะลงบนริมฝีปากของมู่น่อนน่อนไปเบาๆ แล้วใช้นิ้วลูบไล้

ในทันใดนั้นมู่น่อนน่อนก็ได้ยินเสียงที่เฉินถิงเซียวจงใจกดต่ำลง “พูดได้น่าฟังอย่างนี้ ปากจะต้องหวานมากแน่ๆ”

เสียงของเขาเดิมทีก็ทุ้มต่ำมากอยู่แล้ว ตอนที่จงใจกดต่ำออกมา ก็ยิ่งแสดงความเซ็กซี่ของผู้ชายที่สุกงอมเต็มที่แล้วเผยออกมามากขึ้น

มู่น่อนน่อนลำตัวแข็งค้างไป ปล่อยให้นิ้วมือของเฉินถิงเซียวกดลงบนริมฝีปากของเธอไปอย่างนั้น ทั้งๆที่ประดับไปด้วยการกระทำเย้าหยอกออกมา แต่เฉินถิงเซียวทำออกมาแล้วมันกลับไม่ได้รู้สึกไม่จริงจังเลยสักนิดเดียว

มู่น่อนน่อนนิ่งอึ้งไปสิบกว่าวิเต็มๆ กว่าจะมีปฏิกิริยากลับมาในทันที ปัดมือของเฉินถิงเซียวมือออก ถอยออกไปข้างหลังก้าวหนึ่ง “คุณเฉิน ช่วยระวังสถานะของคุณด้วยนะคะ อย่ามาทำอย่างนี้อยู่เรื่อยสิคะ”

“อ้อ” เฉินถิงเซียวตอบออกไปด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง

มู่น่อนน่อนเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาได้ยินหรือไม่ได้ยินกันแน่ จากนั้นก็ได้อธิบายกับเขาออกไปต่อ “คำพูดพวกนั้นที่อยู่ในบันทึกเสียง เพียงแค่พูดไปเพื่อยั่วโมโหพี่สาวคุณเท่านั้นเอง คุณอย่าไปคิดจริงจังเลย”

เฉินถิงเซียวตอบออกมาโดยที่ไม่พูดออกมาว่าเห็นด้วยหรือว่าไม่เห็นด้วย “อืม”

มู่น่อนน่อนสูดหายใจเข้าลึกๆไปด้วยความอดทน

ช่างเถอะ ก็คาดเดาว่าคนคนนี้กำลังคิดอะไรอยู่ไม่ออกอยู่เรื่อยอยู่แล้ว จึงไม่ไปสนใจมันแล้ว

หลังจากที่มู่น่อนน่อนออกไป เฉินถิงเซียวบิดนิ้วไปเบาๆ มุมปากเผยรอยยิ้มออกมา

……

เฉินจิ่งหยุ้นในช่วงหลายวันนี้ใช้ชีวิตผ่านไปได้ไม่ดีนัก

ตั้งแต่วันนั้นหลังจากที่เธอเอาบันทึกเสียงไปหาเฉินถิงเซียวแล้ว เฉินถิงเซียวก็เริ่มทำการยึดรวมอำนาจทั้งหมดในบริษัทไป

หลายปีนี้การตัดสินนโยบายเล็กใหญ่และทิศทางลมของในบริษัท ล้วนแล้วแต่จะมีเฉินถิงเซียวเป็นคนคุมหางเสือเอาไว้

ส่วนผู้ถือหุ้นเหล่านั้น ต่างก็เข้าใจกันทั้งนั้น ภายใต้การชักนำของเฉินถิงเซียว มันถึงจะสามารถทำให้พวกเขาทำเงินได้เยอะมากขึ้น

เมื่อสามปีก่อนหน้านั้น เฉินถิงเซียวไม่เคยได้บ่งบอกชัดเจนมาก่อนว่ามีความคิดที่จะยึดอำนาจทั้งหมดเอาไว้เอง ผู้ถือหุ้นเหล่านั้นแน่นอนว่าไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกมาเลยเช่นกัน

แต่ตอนนี้เฉินถิงเซียวคิดจะยึดครองอำนาจเอาไว้เอง ผู้ถือหุ้นเหล่านั้นแน่นอนว่าจะต้องเกิดการเปลี่ยนฝักเปลี่ยนฝ่ายไปทางเฉินถิงเซียวขึ้นมาทีละคน

ในแวดวงธุรกิจ ไม่มีมิตรและศัตรูอะไรอย่างสมบูรณ์ มีเพียงแค่ผลประโยชน์ร่วมกันเท่านั้น

ในชั่วเวลาสั้นๆสถานการณ์ในบริษัทเฉินซื่อของเฉินจิ่งหยุ้นได้เปลี่ยนเป็นเปราะบางขึ้นมา

เธอยังคงเป็นรองประธานบริษัทอยู่ แต่กลับไม่มีอำนาจในการออกสิทธิ์ออกเสียงเลย และไม่มีอำนาจที่แท้จริงเลยสักนิดเดียว

ปกติแล้วเรื่องที่จัดการโดยผ่านมือเธอ ก็เป็นเพียงแค่รายการสัญญาที่ไม่ได้สำคัญอะไรทั้งนั้นเลย

เธอถูกขจัดอำนาจทั้งหมดไปโดยสมบูรณ์ กลายเป็นคนที่จะมีก็ได้ไม่มีก็ได้คนหนึ่งในบริษัทเฉินซื่อ

เฉินจิ่งหยุ้นคิดพิจารณารอบด้านแล้ว สุดท้ายก็ตัดสินใจที่จะไปหาเฉินถิงเซียวอยู่ดี

เพียงแต่ว่าตอนที่เธอไปถึงที่ประตูทางเข้าห้องทำงานแล้ว ก็ถูกเลขาของเฉินถิงเซียวขวางเอาไว้ “ท่านรองประธาน มีผู้บริหารระดับสูงหลายท่านกำลังรายงานการทำงานอยู่ด้านในครับ”

“จะให้ฉันรออยู่ข้างนอกงั้นเหรอ?” เฉินจิ่งหยุ้นกวาดสายตามองเข้าไป เลขาไม่พูดอะไรออกมาทันที แต่กลับไม่ได้ปล่อยให้เข้าไปเช่นกัน

ในตอนนี้ ผู้บริหารระดับสูงหลายท่านที่มาหาเฉินถิงเซียวเพื่อรายงานการทำงานที่ด้านในได้เดินออกมากันแล้ว

พวกเขาเห็นเฉินจิ่งหยุ้น ก็ได้เรียกตามกันออกมา “ท่านรองประธาน”

เฉินจิ่งหยุ้นพยักหน้าออกมาด้วยสีหน้าเหมือนเคย แล้วก็ก้าวเดินเข้าไป

พอปิดประตูลง เธอก็เดินเข้าห้องทำงานของเฉินถิงเซียวไปด้วยความโกรธจัด “ถิงเซียว!”

เฉินถิงเซียวเงยหน้าขึ้นมาจากกองเอกสาร มองไปทางเฉินจิ่งหยุ้นด้วยใบหน้าเรียบเฉยไร้อารมณ์

เฉินจิ่งหยุ้นที่จากเดิมแสดงท่าทีคุกคามออกมา พอถูกเขามองมาอย่างนี้ ความหยิ่งทะนงได้เลือนหายไปครึ่งหนึ่งทันที

“ถิงเซียว ตอนนี้นายหมายความว่าอะไรกัน คิดจะขจัดอำนาจทั้งหมดของฉันไปเหรอ? ผู้ถือหุ้นพวกนั้นสิ่งที่พวกเขาหวังมีเพียงแค่ผลประโยชน์ทั้งนั้น พวกเขาเชื่อถือได้เหรอ? ฉันเป็นญาติที่เกี่ยวข้องทางสายเลือดของนายนะ ฉันสิถึงจะเป็นคนคู่ควรให้นายเชื่อใจมากที่สุด!”

สือเย่เข้ามาส่งเอกสาร พอผลักประตูเข้ามาก็ได้ยินคำพูดนี้ของเฉินจิ่งหยุ้นเข้า

เขาตระหนักได้ว่ามาผิดเวลา จึงคิดจะถอยออกไป

แต่เฉินถิงเซียวก็ได้เห็นเขาเรียบร้อยแล้ว จึงส่งเสียงออกไป “เอาเข้ามา”

สือเย่จำต้องเอาเอกสารมาส่งให้ตรงหน้าโต๊ะทำงานของเฉินถิงเซียว

มีคนนอกอยู่ เฉินจิ่งหยุ้นจึงไม่ได้พูดคำที่ได้พูดออกมาเมื่อกี้นี้ต่ออีก

เธอเตรียมที่จะรอให้สือเย่ออกไปก่อน แล้วค่อยพูดออกไปต่อ แต่ตอนที่สือเย่กำลังจะไปนั้น กลับถูกเฉินถิงเซียวเรียกเอาไว้ “เดี๋ยวก่อน”

เฉินถิงเซียวกับสือเย่พูดคุยกัน ทิ้งเฉินจิ่งหยุ้นเอาไว้อีกด้านหนึ่งไม่ไปสนใจ

เฉินจิ่งหยุ้นข่มกลั้นความโกรธเอาไว้ รอให้เฉินถิงเซียวกับสือเย่พูดคุยกันจบ

เพียงแต่ รอตอนที่สือเย่กับเฉินถิงเซียวคุยธุระกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว เฉินถิงเซียวพูดออกมาคำนึงว่า “เชิญท่านรองประธานออกไปด้วย”

การกระทำเหล่านั้นที่เฉินถิงเซียวได้ทำที่ในบริษัทช่วงนี้ สือเย่เองก็รู้เช่นกัน

เขาเดินตรงไปตรงหน้าเฉินจิ่งหยุ้น เชิญเธอออกไปอย่างอ้อมค้อมเป็นอย่างมาก “ท่านรองประธาน คุณชายยังมีงานต้องจัดการอยู่ครับ”

เฉินจิ่งหยุ้นไม่แม้แต่จะมองสือเย่เลยสักนิดเดียว เดินตรงเข้าไปตรงหน้าเฉินถิงเซียว หยิบเอกสารที่อยู่ด้านหน้าเขาโยนออกไปอีกด้านนึง “คำพูดที่ฉันพูดไปเมื่อกี้นี้นายได้ยินหรือเปล่า?”

ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม

ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม

Status: Ongoing

แม่ของมู่นอนน่อนคุกเข่าลงต่อหน้าของเธอ ขอให้เธอ แต่งงานแทนพี่สาวกับเฉินถึงเขียวผู้ชายที่ขี้เหร่และพิการที่ ชาวบ้านเล่าลือกัน ในคืนวันแต่งงาน ตอนที่เธอได้พบหน้า หล่อเหลาของชายคนนี้เธอตกใจมาก เฉินถึงเซียวพูดตรงๆ เลยว่าเธอน่าเกลียดมากๆ เดิมที่คิดว่าคงใช้ชีวิตต่างคนต่าง อยู่ แต่กลับถูกผู้ชายคนนี้กดอยู่ใต้รางกายอย่างรุนแรง”ไหน บอกว่าคุณทำไม่ได้ไง”ผู้หญิงตกใจ” ได้หรือไม่ได้ คำพูดของ เธอ ฉันไม่นับ! “บนหน้าของเฉินถึงเชียวแสดงออกถึงความ เจ้าเสน่ห์

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท