ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม – บทที่ 427 มู่น่อนน่อนสำหรับเขาแล้ว มักจะพิเศษอยู่เสมอ

บทที่ 427 มู่น่อนน่อนสำหรับเขาแล้ว มักจะพิเศษอยู่เสมอ

มู่น่อนน่อนกลับไปที่ห้องครัวอีกครั้ง มือทั้งสองข้างค้ำเคาน์เตอร์ครัวเอาไว้ สูดหายใจเข้าไปลึกๆ จากนั้นก็เริ่มติดไฟต้มน้ำ

เมื่อก่อนหน้านี้เธอทำอาหารให้เฉินถิงเซียวกิน เขาไหนเลยจะยอมเอาให้คนอื่นลง?

มู่น่อนน่อนสงบอารมณ์ลง แล้วต้มบะหมี่ต่อ

แต่ทว่า ครั้งนี้มู่น่อนน่อนได้ทำบะหมี่แห้งให้กับเฉินถิงเซียว

ตอนที่เธอยกออกไป เฉินถิงเซียวก็ไม่ได้อยู่ในห้องโถงใหญ่แล้ว

เธอถามสือเย่ออกไป “เฉินถิงเซียวล่ะ?”

“คุณชายไปห้องทำงานแล้วครับ” สือเย่ชี้ไปที่ชั้นบน

มู่น่อนน่อนมองไปทางชั้นบนไปแวบนึง พลางเอ่ยออกไป “งั้นฉันยกขึ้นไปให้เขา”

สือเย่แสดงใบหน้าประหลาดใจออกมา “คุณมู่ คุณ…”

เขานึกไม่ถึงว่ามู่น่อนน่อนจะมีความอดทนขนาดนี้

“ผู้ช่วยพิเศษสือเมื่อก่อนไม่ได้เรียกฉันว่าคุณมู่เสียหน่อย” มู่น่อนน่อนเอี้ยวหน้าไปมองเขา เอ่ยออกมาด้วยมุมปากที่ประดับไปด้วยรอยยิ้ม

สือเย่เรียกออกไปอย่างไม่ค่อยจะแน่ใจเท่าไหร่นัก “คุณหญิงน้อย?”

“ฉันขึ้นไปก่อนนะ” มู่น่อนน่อนพยักหน้าออกมาเล็กน้อย นับว่าเป็นการยอมรับออกไปว่าตนฟื้นความทรงจำกลับมาแล้ว

ใบหน้าของสือเย่เผยสีหน้ายินดีออกมา แต่พอนึกไปถึงสถานการณ์ของเฉินถิงเซียว ก็อดไม่ได้ที่จะมีความกังวลอยู่บ้างขึ้นมาอีก

เมื่อก่อนหน้านี้เฉินถิงเซียวมองดูเหมือนจะดีขึ้นมาบ้างเสียที แต่ผลสุดท้ายตอนนี้ก็มากลายเป็นแบบนี้ไปอีก ส่วนมู่น่อนน่อนกลับจู่ๆก็ฟื้นความทรงจำกลับมาได้อีก

คิดเสียว่าทางไปสู่ความสุขมันมักจะเต็มไปด้วยอุปสรรคแล้วกัน

……

มู่น่อนน่อนยกมือขึ้นไปเคาะประตูห้องทำงานของเฉินถิงเซียว

คนที่อยู่ด้านในไม่ได้ส่งเสียงออกมา

มู่น่อนน่อนจึงเปิดประตูเข้าไปโดยทันที

เพียงแต่ว่า พอเธอผลักประตูออก ก็มีของชิ้นหนึ่งปลิวเข้ามา มู่น่อนน่อนอี้ยวตัวไปเล็กน้อย หลบของที่เฉินถิงเซียวเขวี้ยงเข้ามาอย่างฉิวเฉียด

รอจนของชิ้นนั้นตกลงพื้น มู่น่อนน่อนเพ่งมองเข้าไป ถึงได้พบว่าของชิ้นนั้นเป็นแก้วกาแฟใบหนึ่ง ตกลงพื้นแต่ก็ไม่ได้แตกออก

ต่อจากนั้น เสียงตะโกนร้องออกมาด้วยความโมโหของเฉินถิงเซียวก็ได้ดังตามขึ้นมาติดๆ “ออกไป!”

มู่น่อนน่อนถูกเขาแผดเสียงใส่จนนิ่งอึ้งไปแป๊บนึง แล้วจึงได้ปิดประตูเดินเข้าไปหาเขา

ปัง!

ถาดรองวางลงบนโต๊ะหนังสือ เกิดเสียงปะทะกันขึ้นมาเล็กน้อย

ในตอนที่มู่น่อนน่อนเดินเข้ามาสายตาของเฉินถิงเซียวได้จรดไปที่ร่างของมู่น่อนน่อนอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้

มู่น่อนน่อนยกบะหมี่แห้งออกมาจากถาดรอง วางลงไปตรงหน้าเฉินถิงเซียว

เฉินถิงเซียวแสยะริมฝีปาก แต่กลับมองไม่เห็นรอยยิ้มออกมา “ทำเป็นแค่ต้มบะหมี่?”

มู่น่อนน่อนตอบไปอย่างตั้งอกตั้งใจ “ไม่ใช่ ฉันยังทำอาหารอย่างอื่นได้เยอะมาก คุณสามารถลองชิมดูก่อนได้”

เฉินถิงเซียวได้ยินแล้ว ครั้งนี้จึงได้ยิ้มออกมาจริงๆ เพียงแต่รอยยิ้มนั้นมันไม่ได้ไปถึงดวงตาเลย “ไปเอาความมั่นใจมาจากไหน ฉันจะต้องกินของที่เธอทำให้ได้?”

“ไม่ได้คิดอย่างนั้นเสียหน่อย” มู่น่อนน่อนไม่ได้หลุบตาลงเล็กน้อย มองไปแล้วก็ดูอารมณ์ดี

เฉินถิงเซียวยื่นมือไปหยิบตะเกียบขึ้นมาจากในจานอาหารมาคนไปสองที แล้วทำตะเกียบตกไป “บะหมี่เละไปแล้ว ไปทำมาอีกชาม”

มู่น่อนน่อนคิดว่าท่าทางที่เขาจงใจกลั่นแกล้งคนอื่นนั้นมันไร้เดียงสามากเลย

เมื่อก่อนเฉินถิงเซียวดีกับเธอสุดๆ ตอนนี้มาเป็นอย่างนี้ แน่นอนว่าทำให้เธอปรับตัวไม่ได้อยู่บ้าง

แต่ว่า ภายในใจของมู่น่อนน่อนรู้ดีเป็นอย่างมากด้วยว่าตอนนี้เฉินถิงเซียวเพียงแค่ภายในใจไม่มีความรู้สึกปลอดภัยเลยก็เท่านั้น

ในความเป็นจริงของทั้งหมดที่วางอยู่ที่ตรงหน้าเขา ล้วนแล้วแต่จะไม่ตรงกับสิ่งที่อยู่ในความทรงจำของเขาเลย

เขาจะปรับตัวไม่ได้ จะเปลี่ยนมาจนโมโหง่ายควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ ขี้หงุดหงิดขึ้น

แต่ยิ่งไปกว่านั้น เดิมทีแล้วเฉินถิงเซียวก็เจ้าอารมณ์เอาแน่เอานอนไม่ได้อยู่แล้ว

เพราะว่าเคยคิดแทนเฉินถิงเซียวอย่างเอาใจเขามาใส่ใจเรามาก่อน มู่น่อนน่อนก็เลยไม่ได้โกรธ

เธอหลุบตาลง โน้มตัวเข้าไป ยื่นมือไปเก็บตะเกียบที่ตกอยู่บนโต๊ะทำงานของเฉินถิงเซียวขึ้นมา คีบบะหมี่จากในจานขึ้นมา

เฉินถิงเซียวเห็นภาพอย่างนี้แล้ว ก็หรี่ตาลงมองไปทางมู่น่อนน่อน

มู่น่อนน่อนโค้งริมฝีปากออกมา ยิ้มไปให้เขา ดวงตาแมวส่องประกายงดงามดึงดูดใจคู่หนึ่งมองไปรอบๆ

เฉินถิงเซียวจิตใจว่อกแว่ก คิ้วขมวดลึกขึ้นเรื่อยๆ

ในทันใดนั้น มู่น่อนน่อนก็ได้ยื่นมือออกไปบีบคางของเฉินถิงเซียวเอาไว้ แล้วก็ได้คีบบะหมี่ที่อยู่มือยัดเข้าไปในปากของเขา

เฉินถิงเซียวได้ถูกการกระทำของมู่น่อนน่อนทำเอาตกตะลึงไปโดยสมบูรณ์ เบิกตากว้างออกมาอย่างเห็นได้ยาก เหม่อลอยออกมาเล็กน้อย

รอจนถึงตอนที่มู่น่อนน่อนดึงตะเกียบออกมา เขาก็เริ่มเคี้ยวขึ้นมาทันที

มู่น่อนน่อนอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา นี่ไม่ใช่ว่ากินลงไปอย่างว่าง่ายเหรอ?

ในตอนที่เฉินถิงเซียวมีการตอบสนองออกมา เมื่อกี้มู่น่อนน่อนทำอะไรกับเขาไป สีหน้าจึงมืดครึ้มออกมาทันที

เขาเหยียดตัวลุก “พรวด” ขึ้นมา กัดฟันเอ่ยออกมา “เธอออกไป! ไสหัวออกไปเดี๋ยวนี้!”

ผู้หญิงคนนี้ทำตามอำเภอใจสุดๆไปเลย

แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนกล้าทำอย่างนี้กับเขาเลย

“ยังดีๆอยู่ ทำไมถึงต้องให้ฉันไสหัวออกไปด้วย” มู่น่อนน่อนเองก็ไม่ได้โกรธขึ้นมาเลย จัดแจงเสื้อผ้าบนร่างตัวเอง เดินออกไปข้างนอกไปอย่างช้าๆอย่างใจเย็น

เพียงแต่ว่าเธอเดินไปได้ไม่ถึงสองก้าว จู่ๆก็หันกลับเดินเข้ามาอยู่ที่ตรงหน้าของเฉินถิงเซียวอีกที

ในนาทีก่อนที่เฉินถิงเซียวจะระเบิดออกมา เธอได้ยื่นมือไปกดลงบนไหล่ของเขา เขย่งเท้าจูบลงไปที่มุมปากของเขาไปเบาๆทีนึง

สถานการณ์ตึงเครียด

การเคลื่อนไหวมู่น่อนน่อนเป็นไปอย่างลื่นไหลทั้งยังเป็นธรรมชาติ

เธอจูบเสร็จแล้วก็ได้ถอยออกไปสองก้าวอย่างรวดเร็ว บนใบหน้าเป็นรอยยิ้มเหนือกว่าเผยออกมา แล้วชี้ไปที่บะหมี่แห้งที่อยู่บนโต๊ะ “อย่าลืมกินบะหมี่ให้หมด”

เธอพูดจบ ก็เดินนวยนาดออกไปข้างนอก

เฉินถิงเซียวใบหน้ามืดครึ้มออกมา เห็นเงาร่างของเธอหายไปจากด้านนอกประตู ยกเท้าเตะเก้าอี้คว่ำลงไป จนเกิดเสียงดังสนั่นขึ้นมา

ด้านนอก มู่น่อนน่อนกำลังจะปิดประตูลง ก็ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวจากด้านในห้องขึ้นมา เปิดประตูออกเพื่อแง้มประตูออกมานิดนึง

ทะลุผ่านช่องระหว่างประตู เธอเห็นเฉินถิงเซียวมีสีหน้าบึ้งตึงแววตามืดครึ้มอยู่ที่ภายในห้อง และเก้าอี้ที่ถูกเขาเตะไปทีนึงก็ไปไกลมาก

มู่น่อนน่อนปิดประตูห้องทำงานลงไปด้วยสีหน้าซีดลงเล็กน้อย

ถ้าเธอออกมาช้าอีกหน่อย สิ่งที่เฉินถิงเซียวเตะไปคงจะไม่ใช่เก้าอี้ แต่เป็นเธอแทนใช่มั้ย?

ด้วยนิสัยขี้โมโหของเฉินถิงเซียวแล้ว มันก็ใช่ว่าจะไม่มีความเป็นไปได้แบบนี้เกิดขึ้น

ตอนที่เธอรู้จักเฉินถิงเซียว เฉินถิงเซียวก็ได้รู้จักปิดซ่อนความรู้สึกของตัวเองได้มากแล้ว ช่วงเวลาส่วนใหญ่จึงไม่ได้แสดงความโกรธออกมาเลย

แต่เฉินถิงเซียวในตอนนี้ โกรธได้ง่ายมากเลยจริงๆ และก็ยังอารมณ์เสียออกมาได้ง่ายมาก

เมื่อเทียบกันดูแล้ว เฉินถิงเซียวที่อายุประมาณยี่สิบปี ดูเหมือนว่าจะไม่สุขุมเลย

มู่น่อนน่อนเจอสือเย่ที่ปากทางทางขึ้นลงบันได

เขาถามมู่น่อนน่อนออกมาอย่างหืดหอบ “คุณหญิงน้อย เกิดเรื่องอะไรขึ้นครับ?”

เมื่อกี้นี้เฉินถิงเซียวอาละวาดเสียงดังไปหน่อย สือเย่จึงเป็นกังวลว่าเฉินถิงเซียวจะทำเรื่องทำร้ายอะไรมู่น่อนน่อนขึ้นมา

ช่วงประมาณยี่สิบปีเป็นช่วงที่วัยรุ่นเลือดร้อน เฉินถิงเซียวในตอนนี้ไม่มีทางจะเห็นใจมู่น่อนน่อนแน่

“ไม่เป็นไร เขาแค่ทะเลาะกับตัวเองน่ะ” มู่น่อนน่อนพูดออกไป พลางอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา

สือเย่ฉีกมุมปากออกไปเล็กน้อยอย่างหมดคำพูด ตอนนี้ในตอนที่เขาเผชิญหน้ากับเฉินถิงเซียว ก็ต้องตอบสนองออกไปอย่างระมัดระวังไปหมด แต่มู่น่อนน่อนดันยังยิ้มออกมาได้อีก

พูดจากอีกมุมหนึ่งแล้ว นี่ก็ได้ยืนยันความคิดที่อยู่ในใจของเขาแล้ว ไม่ว่าเฉินถิงเซียวจะเปลี่ยนไปเป็นยังไง มู่น่อนน่อนสำหรับเขาแล้ว มักจะพิเศษอยู่เสมอ

สือเย่เห็นมู่น่อนน่อนเดินลงไปชั้นล่าง จึงถามเธอออกไป “คุณหญิงน้อยจะไปตอนนี้เลย?”

“อืม มู่มู่ยังอยู่ที่บ้านเสี่ยวเหลียง ฉันต้องไป เฉินถิงเซียวทางนี้คงต้องรบกวนคุณแล้ว มีเรื่องอะไรก็โทรหาฉัน” เฉินมู่กับเฉินถิงเซียวเธอต้องดูแลหมดทั้งคู่

เฉินถิงเซียวในตอนนี้ก็เหมือนกับระเบิดที่จะเดินไปอย่างไม่มีกำหนดเวลาลูกหนึ่ง ไม่มีเวลาตายตัวว่าจะระเบิดขึ้นมาตอนไหน ดังนั้นแล้วเฉินมู่ไม่อาจจะอยู่ที่บ้านได้

สือเย่ตามหลังเธอไป “งั้นผมจะให้คนไปส่งคุณนะครับ”

มู่น่อนน่อนปฏิเสธออกไป “ไม่ต้อง ฉันขับรถมา”

ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม

ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม

Status: Ongoing

แม่ของมู่นอนน่อนคุกเข่าลงต่อหน้าของเธอ ขอให้เธอ แต่งงานแทนพี่สาวกับเฉินถึงเขียวผู้ชายที่ขี้เหร่และพิการที่ ชาวบ้านเล่าลือกัน ในคืนวันแต่งงาน ตอนที่เธอได้พบหน้า หล่อเหลาของชายคนนี้เธอตกใจมาก เฉินถึงเซียวพูดตรงๆ เลยว่าเธอน่าเกลียดมากๆ เดิมที่คิดว่าคงใช้ชีวิตต่างคนต่าง อยู่ แต่กลับถูกผู้ชายคนนี้กดอยู่ใต้รางกายอย่างรุนแรง”ไหน บอกว่าคุณทำไม่ได้ไง”ผู้หญิงตกใจ” ได้หรือไม่ได้ คำพูดของ เธอ ฉันไม่นับ! “บนหน้าของเฉินถึงเชียวแสดงออกถึงความ เจ้าเสน่ห์

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท