มู่น่อนน่อนถามเธอ “ลูกถามถึงคุณน้าเสิ่นกับคุณลุงกู้ใช่ไหมจ๊ะ”
“ค่ะ” เฉินมู่พยักหน้าอย่างรวดเร็ว
“พวกเขากลับไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้วจ้ะ”
หลังจากที่มู่น่อนน่อนพูดจบ เธอจึงเห็นความผิดหวังปรากฏบนใบหน้าของเฉินมู่
เด็ก ๆ มักจะชอบความครึกครื้น
แล้วอีกอย่าง เฉินมู่ไม่เคยมีเพื่อนเล่นที่อยู่ในวัยเดียวกัน ทั้งวันจึงได้แต่เล่นของเล่นหรือดูการ์ตูนเท่านั้น
ถึงแม้มู่น่อนน่อนจะเล่นกับเธอได้ แต่โลกของเด็กๆ ก็ยังต้องการเพื่อนเล่นและความสนุกมากกว่านี้
มู่น่อนน่อนทนดูเธอเสียใจไม่ได้ จึงพูดว่า “คุณพ่อบอกว่าคืนนี้จะมาหาลูกจ้ะ”
“คุณพ่อจะมาเหรอคะ?” เฉินมู่ทวนคำพูดของมู่น่อนน่อน นัยน์ตาเป็นประกายดีอกดีใจ
“ใช่จ้ะ” มู่น่อนน่อนพยักหน้า ก่อนจะหยิบกระดาษทิชชูเช็ดมุมปากให้เฉินมู่ แล้วพูดว่า “ดังนั้นนะจ๊ะ ตอนนี้ลูกต้องตั้งใจกินข้าว ตอนเย็นลูกจะได้เจอเฉินชิงเซียวแล้ว”
เฉินมู่คงจะนึกสนุกพอได้ยินมู่น่อนน่อนเรียกเฉินชิงเซียวเหมือนกับเธอ เธอจึงหัวเราะออกมา “ฮ่าฮ่าฮ่า”
หลังจากที่เฉินมู่กินอิ่มแล้ว เธอก็เดินไปเล่นคนเดียว
อาจเป็นเพราะเฉินมู่เล่นคนเดียวมาตลอด เฉินมู่เล่นคนเดียวก็สนุกได้
มู่น่อนน่อนมองดูเธออยู่สักพัก แล้วเดินไปทำความสะอาดห้องครัว
ในเวลานี้เอง โทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้นมา
พอเห็นหมายเลขผู้โทรบนหน้าจอ มู่น่อนน่อนก็ลังเลเล็กน้อย ก่อนจะกดรับสาย
มู่น่อนน่อนกดรับสาย แล้วพูดออกมา “ลี่จิ่วเชียน”
ในน้ำเสียงของลี่จิ่วเชียนแฝงเสียงหัวเราะเล็กน้อย “ช่วงนี้ยุ่งนิดหน่อย ไม่มีเวลาโทรหาคุณเลย เป็นยังไงบ้างครับ”
มู่น่อนน่อนได้ยินเสียงพลิกเอกสาร มู่น่อนน่อนจึงถามเขาว่า “คุณไปทำงานเช้าขนาดนี้เลยเหรอคะ?”
ลี่จิ่วเชียนพูดกึ่งตลกกึ่งจริงจังว่า “สำหรับคนโสด จะทำงานหรือไม่ก็ไม่ต่างกันครับ”
มู่น่อนน่อนได้ยินแบบนี้ ก็อดที่จะรู้สึกผิดไม่ได้
ไม่ว่ายังไง คนที่ช่วยชีวิตเธอก็คือลี่จิ่วเชียน งานเลี้ยงย้ายบ้าน เธอกลับไม่ได้นึกถึงลี่จิ่วเชียนเลย
“คนไข้หญิงของคุณเข้าแถวรอคุณ คงจะยาวไปถึงสนามบินแล้วมั้งคะ” ลี่จิ่วเชียนมีชื่อเสียงมาก นอกจากคนไข้จริงบางส่วนแล้ว ยังมีผู้ป่วยสาวบางส่วนที่จงใจขอนัดให้เขาช่วยรักษา เพราะมีวัตถุประสงค์แอบแฝง
ลี่จิ่วเชียนได้ยินแบบนั้น ก็หัวเราะออกมาเบา ๆ “ผมอยากจะให้คุณนัดผมมากกว่า”
มู่น่อนน่อนจึงยอมเออออห่อหมกตามคำพูดของเขา แล้วพูดว่า “นัดคุณกินข้าว งั้นก็ไม่ต้องรอช้า วันนี้เลยไหมคะ”
ลี่จิ่วเชียนผงะไปเล็กน้อย “จริงเหรอครับ?”
“อืม เดี๋ยวฉันส่งตำแหน่งร้านไปให้นะคะ”
หลังจากที่มู่น่อนน่อนพูดจบ เฉินมู่ก็เรียกเธอออกไปข้างนอก
เธอคุยกับลี่จิ่วเชียนอีกไม่กี่คำก็วางสายไป เธอรีบเดินออกไปหาเฉินมู่
ลูกแก้วที่เฉินมู่เล่นกลิ้งเข้าไปในซอกโซฟา เธออยากให้มู่น่อนน่อนช่วยเอามันออกมาให้เธอ
……
ตอนกลางวัน มู่น่อนน่อนก็พาเฉินมู่ออกจากบ้านไป
เพื่อแสดงความจริงใจในเลี้ยงข้าว มู่น่อนน่อนจึงพาเฉินมู่ไปก่อนครึ่งชั่วโมง
เธอสั่งของว่างเล็กๆ น้อยๆ ให้เฉินมู่ก่อน แล้วนั่งรอลี่จิ่วเชียนมาตามนัด
ก่อนหน้านี้เธอความทรงจำเสื่อม ทำให้เธอกับลี่จิ่วเชียนใกล้ชิดกันมาก
แต่ตอนนี้เธอฟื้นความจำแล้ว เธอจำสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อสามปีที่แล้วได้ทั้งหมด
เมื่อสามปีที่แล้ว ลี่จิ่วเชียนปรากฏตัวขึ้นมากะทันหัน เธอไม่รู้ว่าเขาเป็นใครด้วยซ้ำ
รอจนเธอจะได้รู้ว่าลี่จิ่วเชียนเป็นใคร ก็เกิดเรื่องพวกนั้นขึ้นมาซะก่อน…
และลี่จิ่วเชียนก็ช่วยชีวิตเธอไว้
ตอนนี้เธอยิ่งสงสัยเกี่ยวกับตัวตนของลี่จิ่วเชียนมากขึ้นไปอีก
มู่น่อนน่อนไม่ได้รอนานมาก ลี่จิ่วเชียนก็เดินทางมาถึง
“ผมนึกว่าผมมาถึงเป็นคนแรกซะอีก”
ลี่จิ่วเชียนยกยิ้มและนั่งลงตรงหน้าเธอ แววตาของเขามองไปที่เฉินมู่ “ลูกสาวของคุณเหรอครับ?”
“อืม เธอชื่อเฉินมู่ค่ะ” มู่น่อนน่อนยกยิ้ม แล้วลูบศีรษะเฉินมู่ “ทักทายคุณลุงลี่สิลูก”
เฉินมู่ยังมีอาหารอยู่ในปาก ดังนั้นเธอจึงกล่าวทักทายอย่างไม่ชัดเจนว่า “สวัสดีค่ะคุณลุงลี่…”
“เด็กดี” ลี่จิ่วเชียนยกยิ้มจนตาหยี ทำท่าทางเหมือนไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์และสัตว์
ท่าทางแบบนี้ของลี่จิ่วเชียน เหมือนที่มู่น่อนน่อนได้เห็นเมื่อสามปีก่อน
ถึงแม้ลี่จิ่วเชียนจะดูเป็นคนบริสุทธิ์ แต่เขาก็ปรากฏตัวขึ้นมากะทันหันเกินไป ถึงแม้เขาจะมีบุญคุณที่ช่วยชีวิตมู่น่อนน่อนไว้ แต่เธอก็อดที่จะระวังตัวไม่ได้
“วันนี้เป็นอะไรครับ ทำไมเอาแต่มองผมตลอดเวลาแบบนี้?” ลี่จิ่วเชียนพูดอย่างนึกสนุก “หรือว่าคุณจะตัดใจจากเฉินถิงเซียว แล้วมาคบกับผม ผมเต็มใจมากเลยล่ะ”
มู่น่อนน่อนเลิกคิ้วขึ้น “คุณอยากเป็นคนรับเลี้ยงดูลูกเมียคนอื่นต่อหรือไง?”
ลี่จิ่วเชียนยกยิ้ม แล้วไม่พูดหัวข้อนี้ต่อ จึงถามว่า “เฉินถิงเซียวเป็นยังไงบ้างครับ”
“ยังดีค่ะ” สำหรับเธอแล้ว เฉินถิงเซียวยอมคุยกับเธอ ก็ถือว่าดีมากแล้ว
“งั้นก็ดีแล้วครับ” ลี่จิ่วเชียนพยักหน้า เหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ “ถ้าคุณต้องการ คุณพาเขาไปที่ที่ทำงานของผมได้ ผมจะช่วยแนะนำทางจิตวิทยาเขาดู เผื่อจะมีประโยชน์อะไรบ้าง”
มู่น่อนน่อนสีหน้านิ่ง “ขอบคุณนะคะ”
หลังจากที่เธอพูดจบ เธอก็ส่งเมนูให้ลี่จิ่วเชียน “สั่งอาหารกันก่อนเถอะค่ะ”
ลี่จิ่วเชียนหยิบเมนูขึ้นมา แล้วดูอย่างละเอียด
ตอนที่เขาก้มตาลง และมองดูเมนูอย่างตั้งใจ เขาก็ไม่ต่างจากผู้ชายธรรมดาทั่วไป
ถ้าต้องพูดว่ามีอะไรที่พิเศษ ก็คงจะเป็นที่เขาใจดีเป็นพิเศษ ความรู้สึกนี้แผ่กระจายออกมาจากภายในสู่ภายนอก
เขามีอารมณ์ขันเล็กน้อย แต่ก็นิ่งสงบ เป็นผู้ชายหัวกะทิที่เป็นที่นิยมในหมู่ผู้หญิงมาก
มีอาชีพที่ประสบความสำเร็จ เป็นผู้มีพรสวรรค์ในการอาชีพ และมีพื้นฐานทางเศรษฐกิจ
ถ้าเทียบกับเฉินถิงเซียว ก็ยังดูธรรมดาไปบ้าง
แต่ว่า ถ้าเป็นแค่คนธรรมดา จะช่วยชีวิตเธอจากเกาะได้ยังไง?
เธอเคยคุยกับเสิ่นเหลียงมาก่อน ตอนนั้นเฉินถิงเซียวได้รับบาดเจ็บสาหัส เฉินจิ่งหยุ้นรีบพาเฉินถิงเซียวออกไปรักษา แล้วยังพาทีมค้นหาและกู้ภัยกลับไปด้วย ต่อมา กู้จือหยั่นก็รีบไปตามหา แต่ก็หาเธอไม่เจอ
แล้วลี่จิ่วเชียนหาเธอเจอตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วพาเธอไปตั้งแต่เมื่อไหร่?
มู่น่อนน่อนมองไปที่ลี่จิ่วเชียนด้วยความละเมอ
“ถ้าคุณยังมองผมแบบนี้ ผมจะนึกว่าคุณจะเปลี่ยนใจ และตกหลุมรักผมแล้ว” ลี่จิ่วเชียนเงยหน้าขึ้นมาแล้วมองมาที่เธอ
มู่น่อนน่อนได้สติกลับมาทันที เธอถามอย่างใจเย็นว่า “สั่งอาหารเสร็จหรือยังคะ?”
ลี่จิ่วเชียนพยักหน้า สายตาของเขาเคร่งขรึมมากขึ้น “ครับ”
พออาหารถูกเอามาเสิร์ฟ ทั้งสองพูดคำตอบคำ ทำให้บรรยากาศดูอึดอัดขึ้นมาเล็กน้อย
ลี่จิ่วเชียนก็พูดขึ้นมาทันที “เกิดเรื่องขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ?”
ถึงแม้เขาจะไม่ได้พูดอย่างชัดเจน แต่มู่น่อนน่อนก็รู้ดี ว่าเขาหมายถึงเรื่องอะไร
“หลังจากที่ฉันไปหาคุณ วันนั้นระหว่างทางกลับบ้าน ฉันไปซื้อของที่ห้างสรรพสินค้า มีคนเอาระเบิดมาระเบิดที่ห้าง…” มู่น่อนน่อน สรุปสถานการณ์ในวันนั้นสั้นๆ แล้วพูดว่า “บางทีคงจะเป็นเพราะเสียงระเบิดกระตุ้น ก็เลยทำให้ฉันจำทุกอย่างได้”
บางครั้ง คนเราก็ชอบคุยกับคนฉลาด
เพราะคุยกับคนฉลาดสามารถช่วยลดการใช้เซลล์สมองได้มาก ไม่ต้องพูดวกไปวนมา เขาก็สามารถเดาทุกอย่างได้แล้ว
สีหน้าของลี่จิ่วเชียนไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรเลย เขาเพียงแค่พูดเบา ๆ “ยินดีด้วยนะครับ”