เฉินถิงเซียวหงุดหงิดเพราะน้ำเสียงของมู่น่อนน่อนอย่างเห็นได้ชัด แสงเทียนแม้ว่าจะมืดสลัวเล็กน้อย แต่ทั้งสองคนก็อยู่ใกล้กันมาก มู่น่อนน่อนยังคงสามารถมองเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปกะทันหันของเฉินถิงเซียวได้อย่างชัดเจน
ทั้งสองคนสบตากันอยู่อย่างนี้พักหนึ่ง
เฉินถิงเซียวก้าวถอยหลังหนึ่งก้าว เปิดปากพูดก่อน: “เป็นเพราะเฉินมู่”
มู่น่อนน่อนยิ้มกลับอย่างโมโห: “มู่มู่ยังเด็กอยู่ คุณหาแม่เลี้ยงที่ทั้งสวยทั้งอ่อนโยนและใจดีคนใหม่ก็ได้ ยังไงคุณก็ไม่ชอบฉัน ปล่อยฉันให้ไปตามยถากรรมละกัน ฉันจะได้ไม่ต้องกลับไปแย่งสิทธิการเลี้ยงดูมู่มู่กับคุณ”
เฉินถิงเซียวกลับไม่ได้พูดออกมาทันที ภายในห้องตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง
มู่น่อนน่อนเมื่อกี้พูดไปอย่างรู้สึกดีเท่าไหร่ ตอนนี้ก็รู้สึกประหม่ามากเท่านั้น
จู่ๆเฉินถิงเซียวก็เป่าเทียนดับ ในความมืดเธอมองไม่เห็นหน้าของเฉินถิงเซียว แต่กลับสัมผัสได้ถึงความกดอากาศต่ำที่แผ่ออกมาจากตัวเขา
วินาทีถัดมา เสียงของเขาดังมาจากในความมืด: “มู่น่อนน่อน ผมให้โอกาสคุณเรียบเรียงคำพูดใหม่อีกครั้ง”
มู่น่อนน่อนกำหมัดแน่น เม้มริมฝีปากและพูดว่า: “…ฉันหิวแล้ว”
ไม่ได้ตอบคำถามของเฉินถิงเซียวตรงๆ ถือได้ว่าเป็นการแสดงความอ่อนแอที่ตบตา
เฉินถิงเซียวไม่ได้พูดอะไรอีก หันหลังและเดินออกไปข้างนอก
มู่น่อนน่อนรีบเดินตามไป
ไม่รู้ว่าดวงตาของเฉินถิงเซียวมีฟังก์ชั่นมองเห็นตอนกลางคืนหรือเปล่า เดินอยู่ข้างหน้าฝ่าความมืดไปอย่างรวดเร็ว มู่น่อนน่อนทำได้เพียงย่างเท้าหนักบ้างเบาบ้างเดินตามไป
ตอนที่เดินลงบันไดก็เกือบจะก้าวพลาด
“อ๊า——”
เสียงตกใจของเธอเพิ่งจะร้องออกมา ก็รู้สึกว่ามีแขนข้างหนึ่งยื่นมาที่ตัวเธอ โอบรอบเอวของเธอไว้
มู่น่อนน่อนรีบคว้ามือเฉินถิงเซียวไว้แน่น เกาะไว้แน่นไม่ยอมปล่อย
เฉินถิงเซียวก็ไม่ได้สะบัดเธอออก พาเธอลงไปด้านล่างทั้งอย่างนี้
ในห้องชั้นล่างมีโต๊ะไม้เก่าอยู่ตัวหนึ่ง ด้านบนจุดเทียนหนึ่งแท่ง วางชามอาหารไว้สองสามใบ แมวตัวหนึ่งนั่งยองอยู่ที่มุมโต๊ะ ชายชรากำลังคีบเนื้อชิ้นหนึ่งวางไว้ข้างหน้าแมว มองดูแมวกินเนื้อด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน
ชายชราเห็นเฉินถิงเซียวพามู่น่อนน่อนลงมา รอยยิ้มบนใบหน้าก็ยิ่งอ่อนโยนยิ่งขึ้น: “พวกเธอมากันแล้ว รีบมากินข้าวเร็ว”
หลังจากมู่น่อนน่อนและเฉินถิงเซียวนั่งลงแล้ว ชายชราก็ถามเธอด้วยหน้าตาห่วงใยว่า: “ไข้ลดแล้วหรอ?”
มู่น่อนน่อนยิ้มบางๆ พูดเสียงนิ่มนวลว่า: “ตอนนี้รู้สึกดีขึ้นมากแล้วค่ะ ขอบคุณคุณลุงที่ให้ความช่วยเหลือนะคะ”
“งั้นก็ดีแล้ว” ชายชราก็ยิ้มตาม เอื้อมมือไปคีบเนื้อให้มู่น่อนน่อน: “กินข้าว”
ผัดผักสามอย่าง หนึ่งในนั้นดูเหมือนจะเป็นผักกวางตุ้ง อีกอันเป็นมันฝรั่งทอดกับหมูสไลด์ และอีกอันดูเหมือนจะเป็นผักดอง
อาหารประจำวันแบบง่ายๆ
มู่น่อนน่อนก้มตัวลงตักข้าวเข้าปาก พบว่าเป็นเบคอน
ชายชราเห็นเธอกินคำใหญ่ พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า: “แม่หนูพอกินได้มั้ย? ชนบทของพวกเราก็ไม่มีอะไรอย่างอื่น มีแค่พวกผักกวางตุ้งเบคอนนี่แหละ เธอกินชั่วคราวไปก่อนนะ”
มู่น่อนน่อนพยักหน้า: “อร่อยมากค่ะ”
คุณลุงคนนี้ยินยอมรับเลี้ยงพวกเขานั้นก็ถือเป็นความกรุณาอย่างมากแล้ว และยังเชิญพวกเขากินข้าว แน่นอนว่าขอบคุณยังแทบไม่ทัน จะกล้าจู้จี้จุกจิกที่ไหน
มู่น่อนน่อนสามารถปรับตัวได้ทั้งหมด จึงหันหน้าไปมองเฉินถิงเซียว
เฉินถิงเซียวกินข้าวหน้าตาสงบ เหมือนตอนกินข้าวที่บ้านตามปกติไม่มีอะไรแตกต่าง
เธอรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย คุณชายเฉินซึ่งปกติเป็นคนจู้จี้จุกจิกมาก ไม่คิดเลยว่าจะสามารถปรับตัวได้
เวลาที่คนแก่กินข้าวจะชอบคุยเล่น
มู่น่อนน่อนพูดคุยเป็นเพื่อนเขาเป็นระยะๆ ก็รู้ถึงสถานการณ์โดยพื้นฐานของชายชรา
ภรรยาของเขาเสียชีวิตไปเมื่อสิบกว่าปีก่อน ลูกๆในบ้านก็ล้วนไปในเมืองกันหมด เขาอาศัยอยู่ในภูเขาตัวคนเดียวมาโดยตลอด
พอกินข้าวเสร็จ มู่น่อนน่อนก็จะไปล้างจาน ชายชราเป็นตายยังไงก็ไม่ยอมให้เธอล้าง
มู่น่อนน่อนไม่ได้ เลยผลักเฉินถิงเซียวที่อยู่ข้างๆเล็กน้อย: “คุณไปล้าง”
เธอกับเฉินถิงเซียวทะเลาะกันมาก่อนหน้านี้ เดิมทีคิดว่าเฉินถิงเซียวคงจะไม่สนใจเธอแน่นอน คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะไปที่ห้องครัวล้างจานจริงๆ
ชายชราเห็นเฉินถิงเซียวไปล้างจาน ก็ไม่ได้ขวาง
รอเฉินถิงเซียวเดินไปห้องครัวแล้ว ชายชราถึงจะพูดกับมู่น่อนน่อนด้วยใบหน้ายิ้มแย้มว่า: “ความสัมพันธ์ของพวกเธอดีมากจริงๆ เหมือนฉันและภรรยาของฉันในตอนนั้นเลย”
มู่น่อนน่อนอึ้งไปสักพัก พูดว่า: “…หรอคะ?”
ไม่รู้ว่าคุณลุงคนนี้มองออกได้อย่างไร ว่าเธอกับเฉินถิงเซียวมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน
ชายชราพูดจบก็แค่มองเธออย่างยิ้มกริ่ม ไม่พูดอะไรเพิ่มอีก เริ่มไปแกล้งแมวอีกครั้ง
มู่น่อนน่อนลุกขึ้นเดินไปห้องครัว
ห้องครัวในชนบทเรียบง่ายมาก เพราะเป็นการทำอาหารแบบเผาฟืน บนพื้นห้องครัวเลยมีฝุ่น บนคานหลังคาก็มีฝุ่นสะสม
มู่น่อนน่อนตัวเองเห็นแล้วยังรู้สึกตกใจเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่าเฉินถิงเซียวจะยังสามารถยืนอยู่หน้าเตาฟืนล้างจานได้อย่างสงบ นี่ทำให้มู่น่อนน่อนเกือบจะสงสัยว่าเฉินถิงเซียวถูกเปลี่ยนตัวหรือเปล่า
ถึงยังไงเขาก็เป็นคุณชายผู้ร่ำรวยที่เติบโตมาอย่างหรูหราตั้งแต่เด็ก เมื่อก่อนเธอพาเขาไปเลี้ยงข้าว ร้านอาหารที่ไปดูธรรมดาไปสักนิด ก็ยังรู้สึกเหมือนกับว่าทำให้เขาได้รับความไม่เป็นธรรม
มู่น่อนน่อนเดินไปข้างๆเขาแล้วพูดว่า: “ให้ฉันล้างเถอะ”
“ยืนห่างๆหน่อย” เฉินถิงเซียวพูด แต่การเคลื่อนไหวในมือกลับไม่ได้หยุดลง
เขากำลังถือผ้าเช็ดทำความสะอาด เช็ดชามทีละใบทีละใบอย่างอดทน สีหน้ามองไม่ออกถึงความไม่เต็มใจหรือรังเกียจแม้แต่น้อย เหมือนกับท่าทางที่เขาทำงานตามปกติไม่แตกต่าง
มู่น่อนน่อนยืนอยู่ข้างๆ มองเฉินถิงเซียวล้างจานอย่างอดทน ทั้งเช็ดให้สะอาดแล้ววางกลับไป
หลังจากเขาวางชามใบสุดท้ายเสร็จแล้ว ก็เดินมาตรงหน้ามู่น่อนน่อน เอื้อมมือไปแตะหน้าผากเธอ แล้วแตะตัวเองอีกรอบ ขมวดคิ้วเล็กน้อยทันที
ยังร้อนอยู่นิดหน่อย
ลองใช้หน้าผากวัดอุณหภูมิ ที่จริงเป็นการกระทำที่ใกล้ชิดสนิทสนมกันมาก
มีช่วงเวลาสั้นๆครู่หนึ่ง มู่น่อนน่อนรู้สึกว่าเฉินถิงเซียวคนก่อนกลับมาแล้ว
เฉินถิงเซียวเช็คอุณหภูมิหน้าผากของเธอเสร็จแล้ว ก็เทน้ำเย็นครึ่งกะละมังมาวางไว้ข้างๆ พูดเสียงนิ่งๆว่า: “อีกสักพักยกขึ้นไปด้วยตัวเอง ตอนกลางคืนก็เปลี่ยนผ้าขนหนูเย็นแล้ววางทาบลงไปอีกสักหน่อย”
ในน้ำเสียงฟังไม่ออกถึงความเป็นห่วง แต่มู่น่อนน่อนก็พอใจแล้ว
เธอพยักหน้า: “อืม”
……
หลังจากล้างหน้าอย่างง่ายๆ มู่น่อนน่อนก็ยกกะละมังที่มีน้ำอยู่ครึ่งหนึ่งขึ้นมาชั้นบน ใช้ผ้าขนหนูที่ตัวเองใช้ก่อนหน้านี้จุ่มน้ำเล็กน้อย นอนลงบนเตียงแล้ววางบนหน้าผากอีกครั้ง
เธอหลับตาลงและคิดเรื่องต่างๆ
ที่บ้านคุณลุงมีห้องไม่มากนัก เฉินถิงเซียวคืนนี้จะนอนด้วยกันกับเธอ หรือจะไปนอนกับคุณลุง
เธอคิดว่า เฉินถิงเซียวน่าจะยอมนอนกับเธอมากกว่า
คิดแบบนี้ เธอก็ผล็อยหลับไปอย่างสะลึมสะลือ
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน มู่น่อนน่อนรู้สึกว่ามีคนกำลังหยิบผ้าขนหนูบนหน้าผากของเธอออก ลืมตาขึ้นดู ก็เห็นเฉินถิงเซียวนั่งอยู่ที่ข้างเตียงหยิบผ้าขนหนูบนหน้าผากของเธอออก หมุนตัวไปจุ่มในกะละมังจนเปียก บิดน้ำจนแห้งหยิบมาพับแล้วทาบลงบนหน้าผากของมู่น่อนน่อนใหม่อีกครั้ง
มู่น่อนน่อนขณะนี้เพิ่งรู้ว่าภายในห้องสว่างมาก มองตามแหล่งกำเนิดแสงไป พบว่าเป็นไฟฉายจากโทรศัพท์มือถือของมู่ถิงเซียวเปิดไว้
แม้ว่าโทรศัพท์มือถือจะไม่สามารถโทรออกได้ แต่ยังสามารถส่องแสงสว่างได้
เธอเอียงหัว เฉินถิงเซียวเลยวางผ้าขนหนูไม่ถนัด ดุเสียงเบาๆออกมาทีหนึ่ง : “อย่าขยับ”
มู่น่อนน่อนรีบนอนราบอย่างรวดเร็ว ให้เฉินถิงเซียววางผ้าขนหนูให้เธอได้สะดวก
เฉินถิงเซียววางผ้าขนหนูเสร็จแล้ว ก็ไปหยิบโทรศัพท์มือถือ
มู่น่อนน่อนถามเขาว่า: “กี่โมงแล้ว? เมื่อกี้คุณไปไหนมา?”