มู่น่อนน่อนครุ่นคิดและถามฉินสุ่ยซานว่า “พ่อของเธอมีความเป็นมาอย่างไรกันแน่”
เธอได้ยินมาว่าครอบครัวของซูเหมียนไม่ธรรมดา แต่สำหรับสภาพแวดล้อมในครอบครัวของซูเหมียนนั้นก็ไม่ได้รู้ชัดเจนนัก
ตอนนี้เธอได้ยินฉินสุ่ยซานพูดแบบนี้แล้ว ก็เกิดความอยากรู้อยากเห็นขึ้นมาหลายส่วน
“ไม่รู้ และไม่มีใครรู้เช่นกัน” ฉินสุ่ยซานส่ายหน้า “ดังนั้นถึงได้บอกว่าเธออ่อนน้อมถ่อมตน เธอก็รู้ ตอนนี้ ยิ่งเป็นคนที่มีความเป็นมาที่ยิ่งใหญ่ ก็ยิ่งอ่อนน้อมถ่อมตน แต่ถ้าหากพบกับคนหรือเรื่องอะไร เช่นนั้นก็สามารถจัดการทิ้งภายในเศษเสี้ยวนาที”
“สรุปนะ เธอระวังซูเหมียนหน่อยดี”
รู้ว่าฉินสุ่ยซานเอ่ยเตือนด้วยความปรารถนาดี มู่น่อนน่อนก็พยักหน้า “ฉันรู้แล้ว ขอบใจนะ”
ฉินสุ่ยซานยิ้มโดยไม่ปฏิเสธ
เมื่อออกมาจากสตูดิโอของฉินสุ่ยซาน มู่น่อนน่อนก็ได้รับสายโทรศัพท์จากเฉินถิงเซียว
“กลางวันกินข้าวด้วยกัน ตอนบ่ายจะไปดูชุดเจ้าสาวเป็นเพื่อนคุณ”
“คุณว่างขนาดนั้น?”
“ผมเป็นแค่พนักงานคนหนึ่งเท่านั้น แน่นอนว่าต้องเห็นเรื่องของเจ้านายสำคัญที่สุด”
เฉินถิงเซียวถอนตัวออกมาแล้ว แต่ยังจะใช้เธอเป็นข้ออ้างอีก
ตอนนี้แม้ว่าบริษัทเฉินซื่อจะเป็นของเธอแล้วจริงๆ แต่คนที่จัดการดูแลก็ยังคงเป็นเฉินถิงเซียว
ถึงอย่างไร เธอก็ไม่มีความรู้เกี่ยวกับการจัดการบริหารพวกนี้แม้แต่น้อย
ในเมื่อเฉินถิงเซียวมีอารมณ์สุนทรีย์ มู่น่อนน่อนก็รับเอาไว้เป็นธรรมดา
ทั้งสองคนกินข้าวกลางวันด้วยกัน และไปดูร้านชุดเจ้าสาวเพื่อดูชุดเจ้าสาว
ร้านชุดเจ้าสาวก็เป็นกิจการที่อยู่ภายใต้ชื่อของบริษัทเฉินซื่อ ก่อนที่มู่น่อนน่อนจะเข้าไปดูชุดเจ้าสาว ก็ถูกสือเย่จัดการให้ทุกคนจากไปแล้ว
มู่น่อนน่อนรู้สึกว่า สือเย่คนนี้มีความสามารถรอบด้านมาก
“คุณให้เงินเดือนผู้ช่วยสือเท่าไร?” มู่น่อนน่อนรู้สึกอยากรู้ขึ้นมากะทันหัน
เฉินถิงเซียวหัวเราะ “คุณเดาสิ”
มู่น่อนน่อนทุบเขาไปทีหนึ่ง เฉินถิงเซียวจับมือเธอเอาไว้ ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งถึงได้เอ่ยว่า “จำไม่ได้แล้ว ถึงอย่างไรก็หลายล้านต่อปีนะ เงินเดือนก็เพิ่มขึ้นทุกปี ผมจำไม่ได้แล้วจริงๆ”
เมื่อเห็นท่าทางจริงใจของเฉินถิงเซียว มู่น่อนน่อนก็ไม่ทำให้เขาลำบากใจอีก
ทั้งสองพูดคุยกันไป พลางเดินไปทางร้านชุดเจ้าสาว
ผู้จัดการร้านนำพนักงานออกมาต้อนรับพวกเขาที่หน้าประตู
“คุณชายเฉิน”
เฉินถิงเซียวจูงมือมู่น่อนน่อนเดินเข้าไปข้างใน
จู่ๆเขาก็หยุดฝีเท้า หันหน้ามองไปทางผู้จัดการร้าน น้ำเสียงแฝงไปด้วยกลิ่นอายเย็นยะเยือก “คุณหญิงน้อย” สามคำนี้เรียกไม่เป็นหรือ ต้องให้ผมสอนพวกคุณไหม”
ผู้จัดการร้านมองมู่น่อนน่อนครู่หนึ่ง ลนลานโค้งตัวเอ่ยเรียกว่า “คุณหญิงน้อย!”
พนักงานร้านคนอื่นๆก็รีบทำตามผู้จัดการร้าน เอ่ยเรียกว่า “คุณหญิงน้อย”
มู่น่อนน่อนมองไปทางผู้จัดการร้านครู่หนึ่ง ก็พบว่าผู้จัดการร้านหลบสายตาอยู่บ้าง อีกทั้งบนใบหน้าพนักงานร้านคนอื่นๆก็มีสีหน้ากังวลใจ มีปัญหาแล้ว
มู่น่อนน่อนพิจารณามองพวกเธอเงียบๆ โดยไม่พูดอะไร
เฉินถิงเซียวพาเธอเดินเข้าไปด้านใน
ทั้งสองคนเดินเข้าไปได้ไม่กี่ก้าว ผู้จัดการร้านก็เรียกพวกเขาให้หยุดกะทันหัน “คุณชาย คุณหญิงน้อย ขอโทษด้วยนะคะ วันนี้ที่ร้านพวกเรายังจัดการชุดใหม่ที่เข้ามาไม่เรียบร้อย ด้านในรกมาก ไม่สู้พวกคุณค่อยมาดูชุดเจ้าสาวอีกครั้งเป็นอย่างไรคะ”
เฉินถิงเซียวหยุดฝีเท้า หันหน้ามามองผู้จัดการร้าน
สีหน้าเขาไม่น่ามอง นัยน์ตาเย็นชามาก
ผู้จัดการร้านไม่กล้าสบตาเขาตรงๆ ก้มศีรษะลงต่ำมาก มองดูแล้วหวาดกลัวเป็นอย่างมาก มู่น่อนน่อนยังสังเกตเห็นว่ามือของเธอกำลังสั่น
ความจริงแล้วมู่น่อนน่อนก็สามารถรู้สึกถึงกลิ่นอายกดดันที่แผ่ออกมาจากร่างของชายหนุ่ม แต่เธอชินแล้ว จึงไม่ได้กลัวเหมือนกับผู้จัดการร้านขนาดนั้น
สาเหตุที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือ คนที่ทำให้เขาโมโหไม่ใช่เธอ
เฉินถิงเซียวเงียบไปครู่หนึ่ง น้ำเสียงไม่สบอารมณ์เป็นอย่างมาก “เช่นนั้นหรือ รกมาก?”
น้ำเสียงของเขาแม้ว่าจะไม่สบอารมณ์ แต่ก็ยังอยู่ในขอบเขตที่รับได้ ผู้จัดการร้านที่หวาดกลัวแต่ก็ยังคงกัดฟันเอ่ยว่า “ค่ะ”
“เหอะ!” เฉินถิงเซียวหัวเราะเสียงเย็น น้ำเสียงไม่สบอารมณ์มากกว่าเดิม “คุณยังมีหน้ามาพูดกับผมว่า ‘ค่ะ’! ผมมอบหมายเรื่องนี้มาตั้งแต่สองวันก่อนหน้านี้ เพียงแต่เลื่อนมาวันนี้ถึงได้พาคนมา ส่วนคุณก็มาบอกกับผมว่าร้านรกมาก นี่คือความสามารถในการจัดการของคุณหรือ”
“ฉัน…ฉัน…” ผู้จัดการร้านตกใจจนพูดไม่ออก
มู่น่อนน่อนเม้มริมฝีปาก คิดจะโน้มน้าวเขา
ตอนนี้เองที่ด้านในมีเสียงหญิงสาวที่คุ้นหูดังลอยมา
“ทำไมจะต้องทำให้พนักงานคนหนึ่งลำบากใจด้วยล่ะคะ”
มู่น่อนน่อนหันหน้าไปก็เห็น ซูเหมียนสวมชุดสูทสีขาวบริสุทธิ์ออกมาจากด้านใน
ซูเหมียนเป็นหญิงสาวที่มีบุคลิกงดงามเพียบพร้อมที่สุดคนหนึ่งในบรรดาหญิงสาวที่มู่น่อนน่อนเคยพบมา
เธอสง่างามและงดงามมากเช่นกัน
ถ้าหากว่าซูเหมียนไม่คิดจะแย่งผู้ชายของเธอ เธอก็ชื่นชมซูเหมียนผู้หญิงคนนี้มาก
เมื่อครู่นี้มู่น่อนน่อนสังเกตเห็นว่าสีหน้าของผู้จัดการร้านและพนักงานในร้านผิดปกติ แต่คิดไม่ถึงว่าเป็นเพราะซูเหมียนอยู่ที่นี่
ก่อนที่พวกเขาจะมาที่นี่ เฉินถิงเซียวได้สั่งให้สือเย่มาจัดการให้คนออกไปหมดแล้ว
แต่ทำไมซูเหมียนยังอยู่ที่นี่อีก?
มู่น่อนน่อนเพียงแค่ครุ่นคิดเล็กน้อย ก็พบคำตอบแล้ว
ข่าวในงานเลี้ยงก่อนหน้านี้ออกมาปุ๊บ เกือบจะทุกคนล้วนยืนอยู่ข้างซูเหมียน ทุกคนล้วนนึกว่าซูเหมียนกับเฉินถิงเซียวเป็นคู่กัน
อีกทั้งคนในร้านชุดเจ้าสาวนี้ก็น่าจะคิดแบบนั้นเช่นกัน
ดังนั้นหลังจากจัดการให้ทุกคนออกไปหมดแล้ว พวกเธอก็ปล่อยให้ซูเหมียนเข้ามา
ตอนที่เฉินถิงเซียวเห็นซูเหมียน กลิ่นอายบนร่างก็เย็นเยียบขึ้นหลายองศา
มู่น่อนน่อนรู้สึกได้ว่าเขารังเกียจซูเหมียนมากจริงๆ
ผู้จัดการร้านเห็นซูเหมียนออกมาแล้ว ก็ก้าวขึ้นไปเอ่ยเสียงเบาว่า “ขอโทษด้วยนะคะคุณหนูซูรบกวนคุณค่อยมาใหม่ในวันหลังนะคะ”
“ได้สิ” ซูเหมียนรับคำผู้จัดการร้านด้วยท่าทางผ่อนคลายเป็นอย่างมาก
ต่อมา เธอก็หันหน้ามามองเฉินถิงเซียว เดินเข้ามาทางเขาสองก้าว พลางเอ่ยว่า “มาดูชุดเจ้าสาวหรือคะ นี่วางแผนจะแต่งงานแล้ว? วางแผนเปิดตัวมู่มู่แล้ว?”
เฉินถิงเซียวมองเธอด้วยสายตาเย็นชา น้ำเสียงไร้ซึ่งความรู้สึกใดๆ “อยู่ห่างจากผมหน่อย”
ซูเหมียนสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ก็คืนสู่สภาพปกติได้อย่างรวดเร็ว
เธอก้าวถอยหลังอย่างคล้อยตาม “ถิงเซียว เหตุใดต้องรีบร้อนขนาดนี้ด้วยล่ะคะ ไม่พิจารณาดูหน่อยหรือว่ามีใครที่เหมาะสมกับคุณมากกว่า”
ซูเหมียนเอ่ยจบแล้วก็กวาดตามองมู่น่อนน่อนด้วยสายตาเย็นชาอยู่ครู่หนึ่ง แววตาเต็มไปด้วยความเป็นอริ
ในเมื่อซูเหมียนยั่วยุเธอ มู่น่อนน่อนก็ไม่มีเหตุผลที่จะไม่เถียงเธอ
มู่น่อนน่อนปล่อยมือเฉินถิงเซียว เดินไปตรงหน้าซูเหมียน เอ่ยด้วยน้ำเสียงสบายๆ “ฉันคิดว่าก่อนที่คุณหนูซูจะเป็นกังวลต่อปัญหาเรื่องการแต่งงานของพวกเรา ก็น่าจะพิจารณาปัญหาของตัวเองสักหน่อยนะคะ เฉินถิงเซียว ชายแก่ที่อายุสามสิบปีคนนี้เริ่มรีบร้อนจะแต่งงานแล้ว แม้ว่าคุณหนูซูจะบำรุงเป็นอย่างดี แต่ก็ต้องพิจารณาให้มากเพื่อตัวเองด้วยนะคะ”
สีหน้าของซูเหมียนมีโทสะเล็กน้อย โมโหจนลมหายใจก็แรงขึ้นหลายส่วน แต่กลับไม่ได้ตอบมู่น่อนน่อน
เพียงแค่มองเฉินถิงเซียวอย่างลึกซึ้งครู่หนึ่ง ก็จากไป
ทว่า ก็สามารถฟังออกว่าตอนนี้อารมณ์เธอไม่ดีเป็นอย่างมากได้จากเสียงฝีเท้าที่ทั้งหนักและเร็วของเธอ
ความรู้สึกของการฉีกหน้าศัตรูความรักนั้นไม่เลว
แต่ความรู้สึกสะใจนี้อยู่ไม่ถึงสามวินาทีก็เลือนหายไปแล้ว
มู่น่อนน่อนคิดถึงสายตาที่มองมาทางเฉินถิงเซียวอย่างมีนัยยะในตอนสุดท้ายแล้ว ก็อารมณ์ดีไม่ขึ้น
“ซูเหมียน เธอหมายความว่าอะไร?”
“ชายแก่?”
ทั้งสองคนแทบจะเอ่ยออกมาในเวลาเดียวกัน
รอบด้านนิ่งเงียบไปหลายวินาที มู่น่อนน่อนมองผู้จัดการร้านและพนักงานร้านที่ยืนอยู่ด้านหลังเฉินถิงเซียวด้วยท่าทางเคารพนบนอบแล้ว ก็ดึงเขาเดินเข้าไปด้านใน