ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม – บทที่ 615 อยากถอดก็ถอดสิ แค่คุณสบายใจก็พอแล้ว

บทที่ 615 อยากถอดก็ถอดสิ แค่คุณสบายใจก็พอแล้ว

มู่น่อนน่อนตกตะลึงเล็กน้อย จากนั้นจึงขมวดคิ้วและพูดออกมาอย่างไร้ความรู้สึก “ถึงแม้ว่าฉันจะกลับบ้าน ก็ต้องเป็นบ้านฉัน ไม่ใช่กลับพร้อมกับคุณ!”

เมื่อน้ำเสียงของเขาสิ้นสุดลง จึงรับรู้ได้ถึงความเย็นชาที่แผ่รัศมีออกมาจากตัวของเฉินถิงเซียว ที่กำลังเก็บงำความรู้สึกไว้อย่างอัดแน่น

มู่น่อนน่อนเริ่มแสดงอาการระแวดระวังอยู่ในใจ จังหวะที่เธอจะถอยหลังหนี ทว่าเฉินถิงเซียวกลับยื่นมือออกมาคว้าแขนของเธอไว้อย่างแรงทันที พร้อมทั้งใช้แรงในการดึงตัวเธอเข้าสู่อ้อมกอด

มู่น่อนน่อนไม่ทันได้ตื่นตกใจด้วยซ้ำ กลับรู้สึกตัวเบาหวิว เพราะถูกเฉินถิงเซียวจับอุ้มขึ้นมาทันที

มีคนเห็นสถานการณ์นี้จะเริ่มส่งเสียงเอ็ดตะโรขึ้นมา “ว้าว!”

จากนั้นจึงมีสายตานับไม่ถ้วนหันมาองด้วยความแปลกใจ ท่ามกลางสายตานั้นยังมีคนทำเสียงดูสับสนปะปนออกมาด้วย

สีหน้ามู่น่อนน่อนพลางปรากฏอาการตื่นตระหนกอยู่เล็กน้อย พลันยื่นมือออกไปคว้าเสื้อบริเวณหน้าอกของเฉินถิงเซียวเอาไว้ตามสัญชาตญาณ และก้มหน้าถามเขาด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “คุณทำอะไรเนี่ย?”

“ก็คุณไม่อยากเดินไปเอง ผมก็เลยอุ้มคุณเดินไง” เมื่อเฉินถิงเซียวพูดประโยคนี้ออกมา บริเวณคิ้วค่อยๆ ผ่อนคลายลง และมีรอยยิ้มผสมอยู่ในนั้น

มู่น่อนน่อนสำรวจโดยรอบ ยิ่งเห็นว่ามีคนมองมาทางเธอเยอะขึ้นเรื่อย ๆ สีหน้ามู่น่อนน่อนจึงแสดงอาการข่มขู่หน้าตาทมึงทึงใส่เฉินถิงเซียว “คุณรีบปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้!”

“อย่าขยับ ถ้าขืนคุณยังขยับตัวอีกนิด ผมจะไม่รับประกันแล้วนะ ว่าผมจะทำอะไรกับคุณตรงนี้บ้าง” เฉินถิงเซียวพูดจาตามปกติ น้ำเสียงปนข่มขู่ออกมา มู่น่อนน่อนฟังออก

เสิ่นเหลียงกับกู้จือหยั่นและพวกเห็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทางฝั่งของเฉินถิงเซียว พวกเขารีบตาลีตาเหลือกเข้ามาหา และถามสือเย่ทันที “เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”

สือเย่ไม่ยอมพูดจา ได้แต่ส่ายหน้าไปมา และเดินตามไป

กู้จือหยั่น ฟู้ถิงซีสบตากัน จากนั้นก็เดินตามหลังไป

เฉินถิงเซียวจัดการอุ้มมู่น่อนน่อนและเดินอยู่ด้านหน้าสุด บรรดาแขกเหรื่อในงานต่างหลีกทางให้พวกเขา เพื่อเป็นทางเดินมู่น่อนน่อนกับเฉินถิงเซียวได้เดิน

ตอนที่คนกลุ่มนั้นจากไปแล้ว ยังเรียกความสนใจมากกว่าตอนที่พวกเขามาเสียอีก

……

เฉินถิงเซียวอุ้มมู่น่อนน่อนเอาไว้ และโดยสารลิฟต์เพื่อลงมาข้างล่าง

สือเย่ได้โทรศัพท์หาลูกน้องที่รถจอดอยู่ในลานจอดรถ เพื่อแจ้งให้พวกเขาขับรถมารออยู่ตรงประตูใหญ่ทันที

ตอนที่เฉินถิงเซียวอุ้มมู่น่อนน่อนลงมาด้านล่าง รถยนต์ของพวกเขาก็มาจอดรออยู่ตรงประตูใหญ่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

เมื่อพวกเขาเดินออกไป ก็มีคนเดินนำหน้าไปเปิดประตูให้ก่อน

เฉินถิงเซียวจัดการโยนมู่น่อนน่อนเข้าไปด้านใน ซึ่งแสดงพฤติกรรมที่ค่อนข้างหยาบช้าบ้าง

จากนั้น เขาก็ขึ้นรถตาม เขาปิดบานประตูรถจนสั่นสะท้านเสียงดัง

มู่น่อนน่อนหันหน้ากลับมานั้น พลางพูดกับเฉินถิงเซียวด้วยความเขินอายอยู่บ้าง “เฉินถิงเซียว! นอกจากคุณจะใช้กำลังกับฉันแล้ว คุณยังจะทำอะไรอีก?”

“ผมทำได้หมดแล้ว ประเด็นสำคัญคือคุณอยากให้ผมทำอะไรล่ะ?” เฉินถิงเซียวใช้กำลังเอนตัวไปทางด้านหน้า แสดงไฟสีหม่นนอกตัวรถสาดส่องลงบนใบหน้าของเขา ยิ่งทำให้นัยน์ตาของเขายิ่งเคร่งขรึมหนักกว่าเดิม

มู่น่อนน่อนหัวเราะเย็นชาใส่ “ฉันอยากจะฆ่าคุณเพื่อเป็นการแก้แค้นให้มู่มู่!”

เฉินถิงเซียวหรี่ดวงตาลงจ้องมองมู่น่อนน่อนอยู่สักพัก จากนั้นก็เขยิบเข้าใกล้เล็กน้อย

ทั้งสองคนแนบชิดจนใกล้กันเป็นพิเศษ

“ลี่จิ่วเชียนเขาไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วย คุณไม่ต้องเสแสร้งแกล้งทำต่อไปแล้ว” จังหวะที่เขาพูดออกมานั้น มุมปากราวกับสัมผัสริมฝีปากของมู่น่อนน่อนด้วย

ด้านหลังของมู่น่อนน่อนเป็นเบาะเก้าอี้ ซึ่งไม่มีทางให้หนี จึงเอนศีรษะไปอีกทางแทน

แต่ว่า เฉินถิงเซียวยื่นมือออกไปค้ำด้านข้างศีรษะของเธอ จนทำให้เธอจะเอนหน้าไปทางไหนก็ไม่สามารถเอนได้

“ฉันแกล้งทำอยู่เหรอ?” มู่น่อนน่อน “งั้นคุณช่วยบอกฉันที มู่มู่อยู่ที่ไหน? ฉันอยากเจอหน้าลูก!”

เฉินถิงเซียวเงียบงันไปชั่วครู่ถึงตอบกลับมา “ช่วงนี้เธอไม่ได้อยู่กับผม”

“ไม่ได้อยู่กับคุณ?” มู่น่อนน่อนหัวเราะร่าอย่างเย็นชา “งั้นเธออยู่ที่ไหนล่ะ?”

เฉินถิงเซียวแสดงสีหน้าหมดความอดทน เพราะว่าเขาไม่ชอบจริงเลยที่มู่น่อนน่อนพูดคุยกับเขาด้วยลักษณะท่าทางเช่นนี้

“มู่น่อนน่อน ผมให้โอกาสคุณในการสารภาพออกมาเป็นครั้งสุดท้ายนะ!” ไม่งั้นเขาจะไม่เกรงใจแล้ว

สิ่งที่มู่น่อนน่อนตอบรับกลับมาคือ การเปิดประตูเพื่อลงจากรถ

การกระทำของเธอช่างรวดเร็วและรีบร้อนมา เฉินถิงเซียวไม่ทันสังเกต จนให้เธอได้เปิดประตูลงจากรถไปจริง ๆ

โชคดีที่ตอนนั้นรถยนต์ขับช้ามาก ไม่เช่นนั้นมู่น่อนน่อนก็ไม่สามารถยืนทรงตัวได้อย่างปลอดภัย

เฉินถิงเซียวโมโหเดือดพล่าน พลันสาวเท้าลงจากรถ และยื่นมือออกไปจับกุมมู่น่อนน่อนเอาไว้ “หาเรื่องพอหรือยัง?”

มู่น่อนน่อนจ้องมองเขาอย่างเย็นชา พลางง้างมือเตรียมตบเฉินถิงเซียว แต่เฉินถิงเซียวหูตาว่องไว พลันคว้ามือของมู่น่อนน่อนที่เตรียมจะสร้างปัญหาเอาไว้แน่น

“คุณหาเรื่องเองนะ!”

เมื่อสิ้นเสียง มู่น่อนน่อนก็รู้สึกเจ็บท้ายทอย จนร่างกายหมดสติ

เฉินถิงเซียวอุ้มมู่น่อนน่อนมายังตำแหน่งข้างคนขับรถ และจัดการคาดเข็มขัดนิรภัยให้กับเธอ และเดินอ้อมไปยังตำแหน่งคนขับรถที่อยู่อีกทาง และเปิดประตู พร้อมทั้งสั่งให้ลูกน้องที่ประจำตำแหน่งคนขับลงจากรถทันที

ตอนที่เขางอตัวเพื่อเข้าไปในรถนั้น พลันกวาดตามองอย่างไม่ทันตั้งใจ จึงเห็นหน้าร้านสะดวกซื้อร้านหนึ่งที่กำลังเปิดไฟสว่างที่อยู่ไม่ไกลนัก ลี่จิ่วเชียนกำลังยืนฉีกยิ้มหน้าบานอยู่ตรงบริเวณนั้น

เฉินถิงเซียวหัวคิ้วผูกเป็นโบ พลางงอตัวลงไปนั่งในรถ และปิดประตูรถทันที

เขามีอารมณ์โกรธเคืองอัดแน่นอยู่เต็มอก และพาตัวมู่น่อนน่อนกลับมายังวิลล่าของเขา

ตอนที่สือเย่กับพวกของกู้จือหยั่นมาถึงนั้น เห็นเพียงรถยนต์ของเฉินถิงเซียวทิ้งห่างไปไกลเสียแล้ว

……

เฉินถิงเซียวขับรถด้วยความเร็ว ไม่นานก็มาถึงวิลล่าของเขา

หลังจากจอดรถไว้ที่ด้านหน้าวิลล่าที่เป็นเรียบร้อยแล้ว จึงลงจากรถแล้วอุ้มมู่น่อนน่อนที่นอนสลบไสลไม่ได้สติเข้ามาในวิลล่า

เมื่อบ่าวไพร่เห็นเฉินถิงเซียวเดินเข้ามา พลางโค้งตัวเพื่อแสดงความเคารพ “คุณชาย!”

เฉินถิงเซียวหางตายังแทบไม่มองด้วยซ้ำ พลันอุ้มตัวมู่น่อนน่อนเดินเข้าห้องนอนทันที เมื่อเดินเข้าห้องแล้วก็จัดการลงกลอนล็อกประตู

จากนั้นจึงโยนตัวมู่น่อนน่อนลงบนเตียง

เตียงนอนขนาดใหญ่อันนุ่มมาก มู่น่อนน่อนตกใจตื่นทันที

เธอชูมือขึ้นเพื่อลูบคลำบริเวณท้ายทอยที่รู้สึกเจ็บปวด และพยุงตัวอยากจะลุกขึ้นนั่ง

แต่ว่า เธอเพิ่งจะลุกได้เพียงนิดเดียว ก็มีฝ่ามืออันทรงพลังยื่นออกมาและจัดการกดเธอลงบนเตียงทันที

มู่น่อนน่อนเงยหน้าขึ้น จึงเห็นใบหน้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความโกรธเคืองของเฉินถิงเซียว

“คุณ…” สิ่งที่ด่าก็ด่าไปแล้ว สิ่งที่ควรพูดก็พูดไปหมดแล้ว ซึ่งในเวลานี้มู่น่อนน่อนกลับไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกไปดี

เฉินถิงเซียวเหล่ตามองเธอ พร้อมทั้งจัดการถอดเสื้อผ้าเธอออกโดยไม่พูดไม่จาสักคำ

มู่น่อนน่อนสติเตลิดเปิดเปิงไปชั่วครู่ พร้อมทั้งพูดออกมาด้วยอาการตื่นตระหนก “คุณ… คุณจะทำอะไร!”

“ที่นี่นอกจากคุณ ผมยังมีอะไรให้ทำบ้างล่ะ?”

แววตาของเฉินถิงเซียวจับจ้องมาที่เรือนร่างของเธออยู่ตลอดเวลา นิ้วเรียวยาวอันสง่างามพลางปลดกระดุมเสื้อออกอย่างไม่รีบร้อน

สิ่งที่เขาทำก็เป็นพฤติกรรมตามปกติก็เท่านั้น แต่กลับกลายเป็นการดึงดูดอย่างบอกไม่ถูก

มู่น่อนน่อนหลบสายตา “ไม่อนุญาตให้คุณถอดอีกแล้ว!”

เฉินถิงเซียวหัวเราะอย่างดูถูก “ไม่ถอดแล้วจะทำอะไรต่อจากนี้ได้ยังไง?”

มู่น่อนน่อนหันหน้าไปคว้าเอาหมอนมาตีเฉินถิงเซียว พร้อมทั้งจงใจพูดแรงๆ ใส่ “คุณก็ลองถอดต่อดูสิ!”

เฉินถิงเซียวมือกำลังเป็นระวิงในการแกะกระดุมพลันหยุดทันที ราวกับมีคนมากดปุ่มให้หยุดชั่วคราว จึงหยุดกะทันหัน

มู่น่อนน่อนเห็นว่าไม่พูดไม่จา แค่จ้องมองเธอ จนในใจรู้สึกตงิดใจ จึงลองถามออกไป “คุณอยากถอดก็ถอดสิคะ เอาที่คุณสบายใจ…”

เฉินถิงเซียวผ่อนมือที่กำลังเขาแกะกระดุมเอาไว้ สีหน้าราวกับน้ำค้างแข็งถามกลับทันที “ไม่แกล้งทำต่อแล้วเหรอ?”

มู่น่อนน่อนเม้มริมฝีปาก พลางส่ายหน้า และกระซิบพูด “ไม่แกล้งแล้วค่ะ…”

เฉินถิงเซียวสูดลมหายใจเข้าออกเฮือกใหญ่ พลางพ่นลมหายใจออกมายาวๆ จากนั้นจึงอ้าแขนรับเธอ “มานี่มา”

ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม

ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม

Status: Ongoing

แม่ของมู่นอนน่อนคุกเข่าลงต่อหน้าของเธอ ขอให้เธอ แต่งงานแทนพี่สาวกับเฉินถึงเขียวผู้ชายที่ขี้เหร่และพิการที่ ชาวบ้านเล่าลือกัน ในคืนวันแต่งงาน ตอนที่เธอได้พบหน้า หล่อเหลาของชายคนนี้เธอตกใจมาก เฉินถึงเซียวพูดตรงๆ เลยว่าเธอน่าเกลียดมากๆ เดิมที่คิดว่าคงใช้ชีวิตต่างคนต่าง อยู่ แต่กลับถูกผู้ชายคนนี้กดอยู่ใต้รางกายอย่างรุนแรง”ไหน บอกว่าคุณทำไม่ได้ไง”ผู้หญิงตกใจ” ได้หรือไม่ได้ คำพูดของ เธอ ฉันไม่นับ! “บนหน้าของเฉินถึงเชียวแสดงออกถึงความ เจ้าเสน่ห์

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท