มู่น่อนน่อนตรงกลับบ้าน
หลังจากพาเฉินมู่กลับบ้าน เพื่อความสะดวกใจการดูแลเฉินมู่ เฉินถิงเซียวแทบจะย้ายงานมาอยู่ที่บ้าน
เว้นแต่จะมีการประชุมและสิ่งที่จำเป็น ถึงจะไปบริษัท
มู่น่อนน่อนก็เช่นกัน
เมื่อเธอกลับถึงบ้านคนแรกที่เห็นไม่ใช่เฉินถิงเซียว แต่เป็นเฉินจิ่งหยุ้น
เห็นได้ชัดว่าเฉินจิ่งหยุ้นเห็นข่าวแล้ว เพราะมีสีหน้าไม่ดีใส่มู่น่อนน่อน
ทันทีที่เธอเห็นมู่น่อนน่อน ก็เดินเข้าหามู่น่อนน่อนทันที “ข่าวนั้นหมายความว่าไง ผู้ชายคนนั้นเป็นใคร”
เวลานี้มู่น่อนน่อนอารมณ์ไม่ดี เธอสามารถยอมรับการสอบสวนของเฉินถิงเซียวได้ แต่จะไม่รับการสอบสวนของเฉินจิ่งหยุ้น
“เป็นใครงั้นเหรอ” มู่น่อนน่อนหัวเราะเย็นชา “ชายคนนั้นยังเป็นใครได้อีกล่ะ นั่นก็คือคนที่ตอนนั้นคุณหามาสะกดจิตเฉินถิงเซียวไง ผู้เชี่ยวชาญการสะกดจิตที่ปิดความทรงจำให้เขา พอเขาเปลี่ยนเสื้อผ้า ไม่สวมแมส คุณก็ไม่รู้จักแล้วเหรอ”
เฉินจิ่งหยุ้นสีหน้าเปลี่ยนฉับพลัน สีหน้าซีดเผือดมองมู่น่อนน่อน พูดอะไรไม่ออก
“เรื่องที่เขาทำ มันมีมากกว่านั้นอีกนะ! ที่มู่มู่กลายเป็นแบบนี้ มันก็เป็นเพราะเขาด้วย!” มู่น่อนน่อนเสียงหนักขึ้น ดูเย็นชาและรุนแรงมาก
เฉินจิ่งหยุ้นราวกับโดนระเบิด เซไปสองก้าว ยากลำบากกว่าจะยืนนิ่งได้
ผ่านไปสักพัก เฉินจิ่งหยุ้นกลืนน้ำลายสองครั้ง ก่อนจะพูดออกมาหนึ่งคำ “ขอโทษ”
เธอพูดจบ ก็หันหน้าหนีไปอีกทาง ไม่กล้ามองหน้ามู่น่อนน่อน
นี่ทำให้มู่น่อนน่อนรู้สึกเหมือนว่าตัวเองกำลังกลั่นแกล้งผู้ป่วยระยะสุดท้าย
มู่น่อนน่อนตั้งสติ ก่อนจะพูดว่า “ฉันมีธุระ ไปหาเฉินถิงเซียวก่อน”
เธอพูดจบ ก็รีบขึ้นไปหาเฉินถิงเซียว
เธอเปิดประตูห้องหนังสือ พบว่าเฉินถิงเซียวไม่ได้อยู่ภายใน ครุ่นคิดครู่หนึ่ง เดาว่าเขาอาจจะอยู่ในห้องของเฉินมู่ จึงเปลี่ยนทิศเดินไปทางห้องของเฉินมู่
หลังจากเฉินมู่กลับมาบ้าน สถานการณ์ดีขึ้นมากอย่างเห็นได้ชัด
แม้ยังคงไม่พูดอะไร แต่สามารถจดจำคนได้แล้ว
มู่น่อนน่อนยืนเคาะประตู หลังจากนั้นถึงเปิดออกเบาๆ
เธอเพิ่งผลักประตูเปิด ก็เห็นเฉินมู่วิ่งมาหาเธอ ขณะที่เธอยังไม่ทันได้มีปฏิกิริยาตอบสนอง ก็วิ่งไปซ่อนอยู่ด้านหลังเธอแล้ว
แม้จะรู้ว่าเฉินมู่ไม่สามารถตอบคำถามของเธอได้ เธอก็ยังถามออกไปหนึ่งคำ “เกิดอะไรขึ้นเหรอ”
มู่น่อนน่อนเงยหน้ามองเข้าไปในห้อง เห็นของเล่นกระจัดกระจายไปทั่วพื้นห้อง
และเฉินถิงเซียวกำลังนั่งอยู่บนพื้น ค่อยๆ เรียงซ้อนสร้างบล็อก
ไม่ไกลจากตรงเฉินถิงเซียว มีหนึ่งกองบล็อกเล็กๆ นั่นอาจจะเป็นผลงานชิ้นเอกของเฉินมู่
มู่น่อนน่อนเดินเข้าไป ลดสายตาลงเหล่มองเฉินถิงเซียวที่อยู่บนพื้น “คุณแกล้งมู่มู่เหรอ”
เฉินมู่ที่ซ่อนตัวอยู่ข้างหลังมู่น่อนน่อนส่งเสียงเล็กเยาะหยัน “หึ”
“ผมบอกว่าจะเล่นด้วย เธอไม่ยอม งั้นก็แค่ต่างคนต่างเล่น” เฉินถิงเซียวยกเปลือกตาขึ้นเหลือบมองมู่น่อนน่อนแวบหนึ่ง ก่อนจะก้มศีรษะไปสร้างบล็อกต่อ
ผู้ชายคนนี้นี่มัน……ไร้สาระจริงๆ เลย!
แม้แต่ของเล่นของเด็กยังจะแย่ง
มู่น่อนน่อนจูงเฉินมู่เดินไปยังบล็อกไม้กองเล็ก ยิ้มเล็กน้อยและพูดกับเธอว่า “มู่มู่เด็กดี เล่นต่อเถอะ ขาดอะไรเดี๋ยวแม่เอาให้หนูเอง”
เฉินมู่มองเธออย่างว่างเปล่า หยิบบล็อกไม้ขึ้นสร้างต่อไป
เพียงแต่ว่า เมื่อเธอหยิบชิ้นบล็อก ก็จะเหลือบมองมู่น่อนน่อน
บล็อกตัวต่อชุดนี้มู่น่อนน่อนเคยเล่นกับเฉินมู่มาก่อน รู้ว่าซ้อนตรงไหนแล้วจะได้สีอะไรรูปร่างแบบใด เธอหันหน้าไปแล้วหยิบเอาสิ่งที่มู่มู่ต้องการจากตรงเฉินถิงเซียว
ตอนแรกที่มู่น่อนน่อนหยิบมาจากตรงเฉินถิงเซียว เฉินมู่ยังไม่กล้ารับ
เธอหดศีรษะลงมองมือเล็ก แล้วชำเลืองมองเฉินถิงเซียวอย่างระมัดระวัง ไม่กล้ารับ
มู่น่อนน่อนจึงวางตรงหน้าเฉินมู่ แล้วหันหน้าไปเอาของเฉินถิงเซียวมาอีก
หลังจากเธอเอามา ยังถามเฉินมู่ด้วยว่า “ตอนนี้ต้องการอันนี้ใช่ไหม ไม่ต้องกลัว มันเป็นของเล่นของหนูตั้งแต่แรก หนูไม่ยอมให้เขาเล่น เขาเอามันไปเอง แม่เอากลับมาให้หนู”
เช่นนี้เฉินมู่ถึงได้กล้ารับบล็อกไม้ที่มู่น่อนน่อนส่งให้
เฉินถิงเซียวมองปราสาทที่ตัวเองเรียงซ้อนอย่างดีถูกมู่น่อนน่อนทำพังด้วยหน้าตาไร้อารมณ์ โดยไม่พูดอะไรสักคำ
เขามองเฉินมู่สร้างปราสาทเสร็จเรียบร้อยอย่างเย็นชา แล้วจึงลุกขึ้นเดินออกไป
มู่น่อนน่อนเห็นเขาออกไปแล้ว ก็ลุกขึ้นตามไป
มู่น่อนน่อนปิดประตูห้องของเฉินมู่ แล้ววิ่งเหยาะๆ เพื่อไล่ให้ทันการก้าวของเฉินถิงเซียว
เธอกัดริมฝีปาก หันหน้าไปด้านข้างมองเฉินถิงเซียว แต่กลับไม่เห็นอารมณ์อะไรที่ชัดเจนบนใบหน้าของเขา
กระทั่งเฉินถิงเซียวเข้าห้องหนังสือ มู่น่อนน่อนตามเขาเข้าไป และเอ่ยถามอย่างค่อนข้างลังเล “คุณเห็นข่าวแล้วหรือยัง”
“คุณหมายถึงศาตราจารย์แซ่ลี่ โดนแฉข่าว ‘แฟนสาว’ น่ะเหรอ” เฉินถิงเซียวลดสายตาลงมองเธอ มุมปากที่ยกขึ้นเล็กน้อยนั้นไร้ซึ่งร่องรอยของอุณหภูมิ น้ำเสียงก็ค่อนข้างเย็นชาเช่นกัน
“นี่เป็นครั้งล่าสุดที่ฉันกับลี่จิ่วเชียนพบกันในร้านอาหาร เขาสั่งคนให้มาถ่ายรูปสร้างเรื่อง จงใจให้สื่อเขียนแบบนี้ เขาตั้งใจสร้างปัญหาให้ฉัน”
เธอยังถึงขั้นสงสัยจุดหนึ่ง ว่าลี่จิ่วเชียนอาจจะรู้แล้วว่าเธอไม่ได้ถูกสะกดจิต
“ถ้าตอนนั้นคุณไม่ตัดสินใจเองเออเอง แอบวิ่งโร่ไปหาลี่จิ่วเชียนที่เมืองM พวกเราก็จัดงานแต่งงานไปนานแล้ว! ได้เปิดเผยต่อสาธารณชนไปนานแล้วว่าคุณ มู่น่อนน่อนคือผู้หญิงของผม!”
คำพูดของเฉินถิงเซียวดังและดุดันขึ้น
“เพราะอย่างนั้นคุณเลยโทษฉันเหรอ สถานการณ์อย่างในตอนนั้นคุณจะให้ฉันทำยังไง คุณจะให้ฉันเป็นคนเนรคุณเหรอ คุณอย่าลืมนะ การสืบเสาะค้นหาความจริง เรื่องราวทุกอย่าง ล้วนเป็นเพราะพวกคุณคนตระกูลเฉินทั้งนั้น!”
มู่น่อนน่อนโมโหจนวิงเวียนศีรษะ คิดอะไรก็พูดออกไปอย่างนั้น
“ถ้าไม่ใช่เพราะซือเฉิงหยู้ เฉินมู่ที่ยังไม่ครบเดือนจะถูกคนลักพาตัวไปเหรอ ถ้าไม่ใช่เฉินจิ่งหยุ้น คุณจะสูญเสียความทรงจำไปสามปีเหรอ ไม่ใช่ว่าตลอดมาคุณอยากปกป้องฉันเหรอ อยากให้ฉันไม่ทำอะไรเลยสักอย่างเหรอ ได้เลย เราเลิกกัน! แยกทางกันตอนนี้เลย ฉันกับคุณ เฉินถิงเซียวเราไม่มีความเกี่ยวข้องกันอีก สิ้นสุดกันเท่านี้!”
มู่น่อนน่อนขึ้นเสียงสูง มันแหลมเสียจนตัวเธอเองยังรู้สึกว่ามันค่อนข้างไม่ใช่ตัวเธอ
เฉินถิงเซียวใบหน้าหมองคล้ำมองเธอ ทั้งกายเครียดเกร็งราวกับจะสูญเสียการควบคุมได้ทุกขณะ
มู่น่อนน่อนรู้จักเขาดี รู้สึกได้ถึงความโกรธอันรุนแรงที่แผ่ซ่านออกมาจากตัวเขาแล้ว
ทว่า เขายังคงควบคุมตัวเองและอดทนอดกลั้น
ความโกรธในใจมู่น่อนน่อนก็ไม่ได้น้อยไปกว่าเขา
หน้าอกของเธอสั่นสะท้านไม่หยุด และอดทนกับอารมณ์ของตัวเองเช่นกัน
สองคนเผชิญหน้า
เป็นเวลานาน ก่อนที่น้ำเสียงเย็นชาและไร้อารมณ์ของเฉินถิงเซียวจะดังขึ้น “มู่น่อนน่อน ในที่สุดคุณก็พูดในสิ่งที่คุณคิดออกมา”
มู่น่อนน่อนดวงตาเบิกกว้าง มองไปยังเฉินถิงเซียว
ตอนนี้เธอสงบลงบ้างแล้ว และรู้ตัวว่าเมื่อครู่เผลอพูดอะไรผิดไป
แต่ถ้อยคำที่เฉินถิงเซียวพูด มันกลับทำลายความสงบที่เพิ่งเกิดขึ้นในจิตใจของเธอ
เธอจ้องมองเฉินถิงเซียวอย่างแน่วแน่ พูดเน้นคำต่อคำ “ไม่ผิด นี่คือสิ่งที่ใจฉันคิดจริงๆ! ตลอดเวลาที่ผ่านมา ในใจฉันคิดแบบนี้เสมอ! ถ้าไม่ใช่เพราะอยู่กับคุณ หลายสิ่งหลายอย่างจะไม่เกิดขึ้น!”