ไม่นึกเลยว่าจะเป็นซูเหมียนอีก!
เมื่อครู่ตอนที่อยู่ข้างนอก มู่น่อนน่อนเห็นมีผู้หญิงอยู่ข้างกายของเฉินถิงเซียว ก็รู้สึกไม่ค่อยสบายใจแล้ว
แต่ตอนนี้พอรู้ว่าผู้หญิงที่อยู่ข้างกายเฉินถิงเซียวก็คือซูเหมียน คอของมู่น่อนน่อนเหมือนตีบจนค่อนข้างหายใจไม่ออก
ไปไหนก็มีซูเหมียนอยู่ทุกที่เลย!
เฉินถิงเซียวไปงานก็พาซูเหมียนมาด้วย!มางานเลี้ยงแบบนี้ก็พาซูเหมียนมาอีก!
เขาหมายความว่ายังไง?คือจะคบกับซูเหมียนจริงๆเหรอ?
พริบตาเดียว ในหัวของมู่น่อนน่อนมีความคิดมากมายแวบผ่าน
ตอนนั้น ในสามปีที่เฉินถิงเซียวความจำเสื่อม ซูเหมียนก็คือว่าที่ภรรยาในนามของเขา
ในสามปีนั้น ระหว่างเขากับซูเหมียนก็ได้มีอะไรกันแล้วหรือเปล่า?
เรื่องนี้พอคิดลึกปุ๊บ มู่น่อนน่อนก็รู้สึกจิตใจสับสนวุ่นวายเหมือนด้ายพันกัน
ซูเหมียนมองสีหน้าที่ตะลึงงันของมู่น่อนน่อนด้วยความพึงพอใจ จากนั้นได้ค่อยๆเดินมาที่ตรงหน้าของมู่น่อนน่อน:“ดูท่าคุณมู่เห็นฉันแล้วประหลาดใจมากเลยนะคะ”
มู่น่อนน่อนเคลื่อนย้ายสายตาไปที่เฉินถิงเซียว
นับตั้งแต่ตอนที่เมื่อครู่เจียงซ่งลวนลามเธอ แถมยังอยากดูถูกเหยียดหยาม เธอก็สังเกตเห็นแล้วว่าเฉินถิงเซียวไม่ขยับเลย และไม่ได้เหลียวมองเธอด้วยซ้ำ
เมื่อครู่ถ้าไม่ใช่ซูเหมียนพูด ไม่แน่นาทีนี้เธอคงถูกเจียงซ่งตบหน้าแล้ว
เธอมองหน้าเฉินถิงเซียวที่ไม่เคลื่อนไหวเลย และได้เรียกชื่อของเขาอีกครั้ง
“เฉินถิงเซียว”ถ้าตั้งใจฟังดีๆ ยังสามารถฟังออกว่าเสียงของเธอนั้นสั่น
ซูเหมียนเองก็ได้เคลื่อนย้ายสายตาไปที่เฉินถิงเซียวตามมู่น่อนน่อนเหมือนกัน
ตอนที่เห็นเฉินถิงเซียวยังคงรักษาท่าทางของก่อนหน้านี้ไม่เคลื่อนไหวเลย เธอได้ยิ้มอย่างพึงพอใจ
ถึงแม้ซูเหมียนพยายามปกปิดสุดฤทธิ์แล้ว แต่แววตาลึกๆของเธอก็ยังเผยความดีอกดีใจของผู้ชนะออกมาอยู่ดี
เธอรู้อยู่แล้วเชียวว่าเฉินถิงเซียวกับมู่น่อนไม่ใช่คนที่อยู่โลกใบเดียวกัน มู่น่อนน่อนไม่คู่ควรกับเฉินถิงเซียวเลย
สักวัน เฉินถิงเซียวจะต้องเบื่อมู่น่อนน่อนแน่นอน
วันนี้ ยังถือว่าไม่สาย
เฉินถิงเซียวไม่เปิดปากพูด ซูเหมียนในฐานะที่เป็นเพื่อนออกงานของเขา ได้พูดกับมู่น่อนน่อนอย่างโดยธรรมชาติว่า:“นิสัยของถิงเซียวเย็นชา ไม่อยากสนใจคนที่ไม่เกี่ยวข้อง นี่คุณน่าจะรู้ดี อย่าโทษเขาเลยนะ”
เจียงซ่งฟังบทสนทนาของทั้งสองได้อย่างชัดเจนและเข้าใจ
ดูจากเนื้อหาสนทนาที่เขาได้ยิน เฉินถิงเซียวกับมู่น่อนน่อนคนนี้น่าจะรู้จักกัน แต่อาจไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น
ไม่งั้น มู่น่อนน่อนยืนอยู่ที่นี่ตั้งนาน ทำไมเฉินถิงเซียวถึงไม่สนใจเธอเลยล่ะ?
เจียงซ่งที่คิดเอาเองว่าตัวเองคิดจุดนี้ได้ แววตาลึกๆมีความร้ายกาจแวบผ่าน แต่ตอนที่เขาพูดกับซูเหมียนก็ยังคงเกรงอกเกรงใจอยู่:“คุณซู ในเมื่อเป็นคนที่ไม่เกี่ยวข้อง ทำไมต้องลำบากคุณหนักใจขนาดนี้ด้วยล่ะ?ให้ผมจัดการก็พอครับ”
ซูเหมียนย่อมแทบอยากให้มู่น่อนน่อนตกอยู่ในมือของเจียงซ่งจะแย่อยู่แล้ว พวกคุณชายเพลย์บอยที่มีเจียงซ่งเป็นตัวนำนี้เป็นคนยังไง ซูเหมียนรู้ดีจนไม่รู้จะรู้ดียังไงแล้ว
แต่ยังไงมู่น่อนน่อนก็เป็นผู้หญิงที่เฉินถิงเซียวเคยรักมาก่อน ถึงแม้ซูเหมียนอยากให้มู่น่อนน่อนเจอดีซะบ้าง แต่ก็คำนึงถึงเกรงกลัวเฉินถิงเซียว
เธอหันไปมองเฉินถิงเซียวแวบนึง เห็นหน้าตาเฉินถิงเซียวไม่สะทกสะท้านเลย คิดๆแล้วได้พูดว่า:“ถิงเซียว คุณว่าไงคะ?”
เฉินถิงเซียวไม่ได้พูดในทันที แต่ได้ลุกขึ้นมากะทันหัน แล้วพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉยคำนึง:“เสียงดังมาก”
พอพูดจบก็จะเดินออกไปข้างนอก
ซูเหมียนเห็นเฉินถิงเซียวไม่สนใจมู่น่อนน่อนแล้วจริงๆ สีหน้าได้เผยความดีใจออกมา เธอไม่พูดอะไรมาก ก็เดินออกไปตามเฉินถิงเซียวเลย
มู่น่อนน่อนเห็นเฉินถิงเซียวไป ก็อยากตามไปด้วย แต่กลับถูกเจียงซ่งขวางเอาไว้
เจียงซ่งขวางอยู่ที่ตรงหน้าของมู่น่อนน่อน น้ำเสียงแฝงด้วยความร้าย:“สถานที่แบบนี้ เป็นที่ๆเธออยากมาก็มา อยากไปก็ไปงั้นเหรอ?”
“ดูท่าคุณนี่ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องจริงๆ”
มู่น่อนน่อนพูดคำนี้ด้วยสีหน้าเรียบเฉยเสร็จ ก็ได้ยื่นมือและยกเท้าขึ้นมา คนที่อยู่ข้างๆไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น พอผู้คนดึงสติกลับมา เจียงซ่งที่เมื่อครู่ยังมีลักษณะท่าทางดุร้ายอยู่ นาทีนี้ได้ล้มลงไปที่พื้นแล้ว
“นังแพศยา!กูพูดจาดีๆกับมึงหน่อย มึงก็เห็นว่าตัวเองเป็นคนสำคัญแล้วจริงเหรอ!วันนี้กูจะสอนให้มึงเป็นคนใหม่!”
ระหว่างที่เจียงซ่งพูดอยู่ก็จะเอามือยันพื้นและลุกขึ้นมา ทันใดนั้นมู่น่อนน่อนได้คว้าเหล้ามาจากโต๊ะแก้วนึง แล้วราดใส่หัวของเจียงซ่งโดยตรง
“พู……ถุย!นังผู้หญิงบ้า มึงทำอะไรวะ!”เจียงซ่งถูกเหล้าราดหัวจนลืมตาไม่ขึ้น ในปากยังพูดไปด่าไป
มู่น่อนน่อนราดเสร็จ ก็เขวี้ยงแก้วเหล้าใส่พื้นอย่างแรง แล้วพูดอย่างดูหมิ่นว่า:“นายเองก็ยังไม่เข้าใจชีวิตเลย ยังอยากสอนฉันเป็นคนใหม่อีก?นายต่างหากที่บ้า”
ผู้คนมากมายที่อยู่ในห้องVIPนี้ต่างก็ถูกฉากที่อยู่ตรงหน้านี้ทำเอาตะลึงค้างไปเลย
ผู้หญิงคนนี้ดูแล้วบอบบางอ่อนแอ นอกจากหน้าตาสวยมาก และมีบุคลิกแตกต่างจากคนของที่นี่แล้ว ใครก็คิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะมีฝีมือที่เก่งกาจขนาดนี้ ลงมือเด็ดขาดขนาดนี้ กล้าลงมือกับเจียงซ่ง
ทันใดนั้น ไม่นึกเลยว่าในห้องVIPที่กว้างขวางจะไม่มีคนส่งเสียงพูดจา
มู่น่อนน่อนไม่มีกะจิตกะใจไปสนใจพวกที่ไม่เกี่ยวข้อง ตอนที่เธอหันไปมองหน้าห้องVIP พบว่าเฉินถิงเซียวกับซูเหมียนได้เดินออกไปแล้ว
เธอไม่มีเวลาไปสนใจเยอะขนาดนั้นแล้ว ได้ตามออกไปโดยตรง
หลังจากออกไป ในห้องVIPถึงมีเสียงวิพากวิจารณ์ดังขึ้น
“ผู้หญิงคนนี้มีภูมิหลังอะไร ทำไมถึงได้ซ่าขนาดนี้?”
“หน้าคุ้นๆนะ……”
“เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน แต่ก็จำไม่ค่อยได้แล้ว ฉันลองนึกดูก่อน……”
พวกเขามัวแต่วิพากวิจารณ์มู่น่อนน่อน แต่กลับลืมเจียงซ่งที่ยังนอนอยู่บนพื้น
เจียงซ่งโมโหจนรูปทรงหน้าเปลี่ยนไป:“ไม่รู้จักมาประคองกูหน่อยเลยเหรอวะ?ไอ้พวกโง่ที่ไร้ประโชยน์!”
พอพูดจบ ก็มีสาวนั่งดริ้งหลายคนมาประคองเขา
สาวนั่งดริ้งถามด้วยสีหน้าเป็นห่วง:“ประธานเจียง เป็นอะไรมากมั้ยคะ?”
เจียงซ่งไม่ใช่คนโง่ ผู้หญิงพวกนี้ไม่จริงใจ หวังแค่อำนาจเงินทองของเขาเท่านั้น
เขาจ้องด้วยสายตาดุร้าย พร้อมทั้งตะคอกใส่สาวนั่งดริ้งคนนั้น:“กูแม่งดูแล้วเหมือนไม่เป็นอะไรเหรอวะ?มึงดูหน้ากู!นี่เป็นฝีมือของนังแพศยานั่นหมด!”
สาวนั่งดริ้งถูกเจียงซ่งตะคอกจนตกใจไม่กล้าพูดสักคำ คอยก้มหน้าเอาไว้ ปล่อยให้เจียงซ่งด่าแล้วให้เธอออกไป
ผ่านไปสักพัก บนตัวเจียงซ่งถูกทำความสะอาดได้พอสมควรแล้ว เขาถึงกัดฟันและแอบตัดสินใจว่า เขาจะไม่ปล่อยผู้หญิงคนนั้นไปเด็ดขาด!
ตอนที่มู่น่อนน่อนตามออกมา เฉินถิงเซียวกับซูเหมียนยังไปได้ไม่ไกล
เธอวิ่งไปขวางที่ตรงหน้าของเฉินถิงเซียว
เฉินถิงเซียวเงยหน้าขึ้นมาเล็กน้อย สายตาเย็นชาได้หล่นอยู่ที่บนตัวมู่น่อนน่อน
เมื่อครู่อยู่ในห้องVIP ท่าทีที่เฉินถิงเซียวไม่แยแสมู่น่อนน่อน ทำให้ซูเหมียนพึงพอใจมาก
แต่ว่า เธอก็ยังกลัวว่ามู่น่อนน่อนป้วนเปี้ยนอยู่ตรงหน้าเฉินถิงเซียวอยู่เป็นประจำแบบนี้ จะทำให้เฉินถิงเซียวถ่านไฟเก่าลุกขึ้นมาใหม่
เธอชิงมู่น่อนน่อนพูดอย่างเสียงดังก่อน:“มู่น่อนน่อน คุณยังอยากจะทำอะไรอีก?ตอนนี้พวกคุณไม่มีความสัมพันธ์อะไรกันแล้ว!”
มู่น่อนน่อนไม่เหลียวมองซูเหมียนเลย ได้จ้องแววตาเฉินถิงเซียวเอาไว้:“ฉันมีอะไรจะถามคุณ”
เฉินถิงเซียวฟังแล้วได้ขมวดคิ้วเล็กน้อย ยกมือขึ้นมาดูนาฬิกาแวบนึง แล้วพูดอย่างรำคาญสุดขีด:“มู่น่อนน่อน ทำไมเมื่อก่อนผมไม่รู้เลยว่าคุณน่ารำคาญขนาดนี้?”