ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม – บทที่ 653 มาแก้แค้น

บทที่ 653 มาแก้แค้น

กู้จือหยั่นอยู่ด้านหลังเธอพร้อมเรียกเธอไว้:“เสิ่นเสี่ยวเหลียง!”

เสิ่นเหลียงยกกระเป๋าไว้ หันมามองกู้จือหยั่นแล้วทำท่าจะตีเขา ทันใดนั้นกู้จือหยั่นได้ปิดปากเงียบอย่างเชื่อฟังทันที ไม่ส่งเสียงออกมาอีก

แต่ตอนที่เขาหันมา ใบหน้ากลับเต็มด้วยรอยยิ้ม:“นายดูหน้าตาหยาบคายของเสิ่นเสี่ยวเหลียงสิ ดูซิว่าชาตินี้เธอจะขายออกหรือเปล่า ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เธอถึงจะสามารถทำตัวอ่อนโยนอย่างน่อนน่อนหน่อย……”

“อ่อนโยน?”เฉินถิงเซียวยักคิ้วเล็กน้อย:“นายว่ามู่น่อนน่อน?”

“ก็ใช่น่ะสิ เธออยู่ตรงหน้านายก็อ่อนโยนอยู่ไม่ใช่เหรอ……”ในใจกู้จือหยั่นรู้สึกว่ามู่น่อนน่อนดีกับเฉินถิงเซียว มากกว่าที่เสิ่นเหลียงดีกับเขาเสียอีก

เฉินถิงเซียวแสยะยิ้มมุมปาก แค่ยิ้มหยันทีนึงแต่ไม่ได้พูดอะไร

ผู้หญิงที่เจอครั้งแรกก็ตบหน้าเขาฉาดนึง……

เสียงยิ้มหยันของเขา ทำให้กู้จือหยั่นกลัวจนหัวหด:“ฉันรีบให้คนไปหาดูว่าเจียงซ่งยังอยู่นี่หรือเปล่า”

กู้จือหยั่นไม่รู้ว่ามู่น่อนน่อนไปหาเฉินถิงเซียวมา ยิ่งไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้เฉินถิงเซียวกับเจียงซ่งอยู่ห้องเดียวกัน

เขานึกแค่ว่า เฉินถิงเซียวกลัวเจียงซ่งจะเล่นซี้ซั้วในโรงแรมจีนติ่ง ถึงเวลาก่อเรื่องขึ้นมาจะพลอยทำให้โรงแรมจีนติ่งเดือดร้อนไปด้วย

เขาพาคนเข้าลิฟต์แล้ว ถึงมานึกได้ทีหลังว่า:“ถิงเซียวรู้ได้ยังไงว่าเจียงซ่งอยู่ที่นี่?”

พนักงานที่มากับเขา เป็นพนักงานที่ก่อนหน้านี้ต้อนรับเฉินถิงเซียวกับซูเหมียนพอดี จึงได้พูดว่า:“ก่อนหน้านี้คุณชายเฉินกับประธานเจียงก็ดื่มเหล้าอยู่ในห้องเดียวกันครับ”

“นายแน่ใจว่าไม่ได้ตาฝาด?”จิตใต้สำนึกของกู้จือหยั่นคือพนักงานตาฝาดไป

เพราะปกติเฉินถิงเซียวเกลียดงานเลี้ยงอาหารค่ำมาก และไม่ชอบเล่นอยู่ข้างนอก ขนาดเขานัดเฉินถิงเซียวออกมาดื่มเหล้า เฉินถิงเซียวก็ไม่เห็นจะยอมตอบตกลงเลย

คนที่พาออกหน้าออกตาไม่ได้อย่างเจียงซ่งก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึง

“ไม่ฝาดครับ ผมยังได้เข้าไปเทเหล้าเลยครับ คุณชายเฉินอยู่โรงแรมจีนติ่งเคยมาแล้วหลายครั้ง ผมไม่มีทางตาฝาดหรอกครับ”พนักงานส่ายหัวรัวๆ เพื่อแสดงให้เห็นว่าตัวเองไม่ได้ตาฝาดจริงๆ

กู้จือหยั่นมึนไปโดยสิ้นเชิง สิ่งที่เฉินถิงเซียวทำในช่วงนี้ทำให้คนเข้าใจยากจริงๆ

จากมู่นน่อนน่อนมาถึงซูเหมียนแล้วมาถึงเจียงซ่ง เรื่องยุ่งเหยิงทั้งชุดนี้ ไม่เหมือนสไตล์การทำงานของเฉินถิงเซียวเลยสักนิด

กู้จือหยั่นครุ่นคิดอยู่ครึ่งค่อนวัน จากนั้นได้เอามือกุมหัวอย่างค่อนข้างหงุดหงิด พร้อมกับถอนหายใจทีนึง:“เฮ้อ!”

คิดไม่ออกก็ไม่คิดแล้ว

เขาพาคนไปห้องVIPที่ก่อนหน้านั้นเฉินถิงเซียวกับพวกเจียงซ่งดื่มเหล้า

ด้านในยังมีคนเล่นกันอยู่เยอะ พวกเขาเห็นกู้จือหยั่นปุ๊บ ก็ได้ทักทายกับเขาว่า:“ประธานกู้?”

“วันนี้คือลมอะไรหอบประธานกู้มาครับ!”

กู้จือหยั่นก็ถือเป็นคนมีชื่อเสียงเหมือนกัน โลดแล่นอยู่ในวงการได้อย่างเจริญรุ่งเรือง ละมุนละม่อมไปทั่วทุกด้าน ได้รับความนิยมมาก คนมากมายต่างก็ให้เกียรติเขา เห็นเขาล้วนทยอยกันทักทายกับเขา

“อยู่ที่นี่พอดี ว่างพอดีก็เลยแวะมาดูหน่อยครับ”ระหว่างที่กู้จือหยั่นพูด ได้มองดูรอบด้านอย่างสงบเยือกเย็นรอบนึง

ไม่เห็นเงาของเจียงซ่ง

แต่เจียงซ่งอาจจะไปห้องน้ำก็ได้ล่ะ?

กู้จือหยั่นหรี่ตาไว้เล็กน้อย และเหมือนถามเรื่อยเปื่อย:“วันนี้พวกคุณมากันเยอะดีนะครับ”

“กลับไปหลายคนแล้วครับ ถ้าประธานกู้มาเช้าหน่อย คุณชายเฉินกับประธานเจียงก็อยู่เหมือนกันครับ”

“เหรอครับ? พวกเขาไปแล้วเหรอครับ?”

“เพิ่งเดินตามกันออกไปครับ ”

ไปก็ดีแล้ว

กู้จือหยั่นพูดพร้อมยิ้มแฉ่ง:“เหรอครับ ผมนึกขึ้นได้ว่ายังมีธุระต่อ พวกคุณเล่นกันก่อนนะ ผมให้คนเอาผลไม้เข้ามาให้พวกคุณ”

“ประธานกู้เกรงใจเกินไปแล้วครับ!”

“ทุกคนเป็นเพื่อนกันทั้งนั้น……”

กู้จือหยั่นพูดคุยกับพวกเขาไปไม่กี่คำก็ได้ออกมาแล้ว

ในห้องมีแต่กลิ่นควันบุหรี่ หลังจากเขาออกมา ได้ถอนหายใจยาวๆทีนึง ถึงเดินไปที่ลิฟต์

เฉินถิงเซียวยังรอกู้จือหยั่นอยู่

เขานั่งอยู่บนโซฟาของห้องโถงด้วยสีหน้าเรียบเฉย มือสองข้างยันอยู่บนหัวเข่าที่แยกออก นั่งตัวตรงไว้ คนทั้งคนอยู่ในสภาพที่ตึงเครียดมาก

กู้จือหยั่นที่รู้จักเขาดี แค่มองแวบเดียวก็ดูออกว่านี่คือสีหน้าร้อนรนใจของเฉินถิงเซียว

หลังจากกู้จือหยั่นเดินมาใกล้ ถึงพบว่าตรงหน้าเขามีน้ำวางอยู่แก้วนึง น่าจะพนักงานยกมาเสิร์ฟให้เขา

เฉินถิงเซียวได้ยินเสียงฝีเท้าแล้วหันไปมองกู้จือหยั่น หน้าบึ้งตึงไว้ น้ำเสียงทุ้มต่ำ:“เป็นไงบ้าง?เจียงซ่งไปหรือยัง?”

“ไปแล้ว ไปหลังนายแป๊บเดียว”กู้จือหยั่นนั่งลงที่ฝั่งตรงข้ามของเฉินถิงเซียว มองสำรวจเฉินถิงเซียวอย่างสงบเยือกเย็น

เฉินถิงเซียวลุกขึ้นมาแล้วพูดว่า:“ฉันกลับก่อนแล้ว”

“เฮ้อ!”กู้จือหยั่นลุกขึ้นมาพูดด้วยน้ำเสียงบ่น:“ทำไมนายเป็นคนแบบนี้เนี่ย ไปแบบนี้เฉยเลย?”

ทำไมเป็นแบบนี้กันหมดเลย มีเรื่องก็มาหาเขาหมด พอทำธุระเสร็จ ก็ทิ้งเขาไว้แล้วจากไปเฉยเลย!

ยังมีความเป็นคนอยู่หรือเปล่า?

เฉินถิงเซียวหยุดฝีเท้าลง แล้วหันมาพูดคำนึงว่า:“ขอบใจ”

กู้จือหยั่น“เชอะ”ทีนึง:“ใครจะเอาคำขอบคุณของนาย!”

……

พอเฉินถิงเซียวจากไป มู่น่อนน่อนอยู่จีนติ่งก็ไม่มีธุระอะไร จึงได้ขับรถกลับ

ระหว่างทาง เธอได้จอดลงที่ร้านสะดวกซื้อเพื่อแวะซื้อของหน่อย หลังจากเอาของที่ซื้อมาโยนใส่เบาะนั่งหลัง ถึงขับรถต่อ

ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้ว

ห้าทุ่มของฤดูหนาว คนที่เดินอยู่บนถนนไม่เยอะเลย

โดนเฉพาะย่านที่อยู่อาศัยแบบนี้ คนบนท้องถนนยิ่งน้อยเข้าไปใหญ่

เธอเอารถจอดไว้ที่ลานจอดของข้างชุมชน ตอนที่เดินเข้าไปในชุมชน ก็รู้สึกได้อย่างเลือนรางว่ามีคนกำลังเดินตามหลังเธอ

แต่ตอนที่มู่น่อนน่อนหันไปดู พบว่าด้านหลังนอกจากมีรถติดอยู่หลายคัน ไม่มีคนที่น่าสงสัยเลย

ถึงจะอย่างนี้ก็เถอะ แต่เธอก็ยังค่อนข้างไม่สบายใจอยู่ดี

มู่น่อนน่อนเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น หลังจากเข้ามาชุมชน แล้วถึงรู้สึกสบายใจขึ้นมาหน่อยนึง

พื้นที่สีเขียวในชุมชน ทำได้ดีมาก แต่แสงไฟข้างถนนค่อนข้างสลัว

มู่น่อนน่อนต้องเปิดไฟฉายมือถือ ถึงจะสามารถมองเห็นถนนได้ชัดเจน

จะมีคนเดินผ่านข้างกายอยู่คนสองคนเป็นครั้งคราว พอเดินไปถึงที่ๆสว่างหน่อย มู่น่อนน่อนถึงรู้สึกสบายใจขึ้น

แต่เวลานี้ เธอได้ยินข้างหลังมีเสียงฝีเท้าของคนหลายคนดังขึ้น

ฟังเสียงฝีเท้ายังไวอยู่

มู่น่อนน่อนหันไปดู ก็เห็นผู้ชายตัวสูงใหญ่หลายคนกำลังเดินมาหาเธอ

ผู้ชายที่อยู่ข้างหลังของหนึ่งในนั้นรู้สึกคุ้นตานิดหน่อย

แววตาของมู่น่อนน่อนระยิบระยับ หรี่ตามองดูทีนึง จากนั้นได้เบิกตากว้างขึ้นมาทันที

ผู้ชายคนนนั้นก็คือเจียงซ่งไม่ใช่เหรอ!

ในใจมู่น่อนน่อนแอบบอกว่าแย่แล้ว จากนั้นได้หันหลังวิ่งหนีเลย

แต่ว่าเธอจะวิ่งแข่งกับผู้ชายขายาวทั้งหลายได้ยังไง

นั่นเป็นบอดี้การ์ดของเจียงซ่ง เป็นมืออาชีพเชียวนะ

มู่น่อนน่อนวิ่งไปได้ไม่ไกล ก็ถูกพวกเขาห้อมล้อมเอาไว้หมดแล้ว

“พวกแกจะทำอะไร?”มู่น่อนน่อนมองพวกเขาอย่างระแวดระวัง

ขณะนี้ เจียงซ่งได้เดินออกมา

“มู่น่อนน่อน”เขาได้เรียกชื่อเธอด้วยน้ำเสียงที่หนักขึ้นก่อน จากนั้นได้หัวเราะทีนึงแล้วพูดอย่างดูหมิ่น:“เธอนึกว่าฉันเป็นคนที่สามารถให้เธอลงไม้ลงมือได้เรื่อยเปื่อยงั้นเหรอ!”

มู่น่อนน่อนใช่ว่าไม่เคยคิดมาก่อนว่าเจียงซ่งจะมาหาเรื่องเธอ แต่เธอคิดไม่ถึงว่าจะไวขนาดนี้

คนถ่อยแบบนี้ เธอก็ไม่ใช่เพิ่งจะเคยเจอเป็นครั้งแรก

หลังจากลนลานไปครู่เดียว เธอก็สงบสติอารมณ์ได้แล้ว

เธอเชิดคางเล็กน้อย น้ำเสียงสงบนิ่งมาก:“เพราะฉะนั้น ตอนนี้นายก็เลยมาแก้แค้น แถมยังพา……บอดี้การ์ดสี่คนมาแก้แค้นผู้หญิงตัวคนเดียวอย่างฉัน?”

ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม

ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม

Status: Ongoing

แม่ของมู่นอนน่อนคุกเข่าลงต่อหน้าของเธอ ขอให้เธอ แต่งงานแทนพี่สาวกับเฉินถึงเขียวผู้ชายที่ขี้เหร่และพิการที่ ชาวบ้านเล่าลือกัน ในคืนวันแต่งงาน ตอนที่เธอได้พบหน้า หล่อเหลาของชายคนนี้เธอตกใจมาก เฉินถึงเซียวพูดตรงๆ เลยว่าเธอน่าเกลียดมากๆ เดิมที่คิดว่าคงใช้ชีวิตต่างคนต่าง อยู่ แต่กลับถูกผู้ชายคนนี้กดอยู่ใต้รางกายอย่างรุนแรง”ไหน บอกว่าคุณทำไม่ได้ไง”ผู้หญิงตกใจ” ได้หรือไม่ได้ คำพูดของ เธอ ฉันไม่นับ! “บนหน้าของเฉินถึงเชียวแสดงออกถึงความ เจ้าเสน่ห์

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท