ตอนที่มู่น่อนน่อนมาถึงด้านนอก เฉินถิงเซียวกำลังขับรถจากไปพอดี
มู่น่อนน่อนสามารถเห็นแค่ท้ายรถของรถยนต์สีดำสูญหายไปในระยะไกล
เธอขึ้นรถด้วยสีหน้าแววตาที่ซับซ้อน
ช่วงนี้เฉินถิงเซียวมีข่าวถี่มาก แต่เป็นพวกข่าวซุบซิบหมด
ที่จริงไม่เพียงซูเหมียนเท่านั้น บางครั้งยังมีข่าวของเฉินถิงเซียวกับผู้หญิงคนอื่นๆที่ไม่ทีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกันแม้แต่น้อยด้วย
ส่วนข่าวฉาวเป็นข่าวจริงหรือข่าวปลอม คือสื่อเขียนออกมาเพื่อดึงดูดสายตาผู้คน หรือว่าเฉินถิงเซียวมีเรื่องรักใคร่อะไรกับพวกเธอจริงๆ มู่น่อนน่อนไม่สามารถรู้ได้เลย
ถ้าบอกว่าไม่แคร์เลยสักนิดเลย ก็คงเป็นคำโกหก
เธอกับเฉินถิงเซียวอยู่ด้วยกันนานขนาดนั้น ไม่ใช่บอกว่าหมดรักก็จะสามารถหมดรักได้
แต่เธอก็ยังจะไปติดตามซุบซิบเหล่านั้นของเฉินถิงเซียวอย่างไม่รู้ตัวอยู่ดี พอดูข่าวเหล่านั้นแล้ว เธอกลับรู้สึกเสียใจผิดปกติอีก
เหมือนทรมานตัวเองยังไงอย่างงั้น รู้ทั้งรู้ว่าจะเสียใจ แต่ก็ยังจะดูอีก
แต่ในใจลึกๆของมู่น่อนน่อน ก็ยังรู้สึกว่าช่วงนี้เฉินถิงเซียวทำตัวแปลกมากอยู่ดี
ผู้ชายที่ไม่ได้ถูกตัณหาครอบงำจิตใจ ทำไมถึงมีข่าว
ฉาวกับผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าบ่อยจังเลย?
นี่ไม่สอดคล้องกับสไตล์การทำงานของเฉินถิงเซียวเลย
มู่น่อนน่อนขับรถอย่างเหม่อลอย เลยขับค่อนข้างช้า
จนกระทั่งตอนที่มีรถหลายคันขับแซงมาจากด้านหลังของเธอ และขวางอยู่หน้าของรถเธอ ทันใดนั้นเธอถึงดึงสติกลับมาพร้อมกับเหยียบเบรก
เนื่องจากเป็นการเหยียบเบรกที่กะทันหัน ร่างกายของเธอได้พุ่งไปข้างหน้าด้วยความเฉื่อย
เธอเวียนหัวอยู่ครู่นึง ตอนที่เงยหน้าขึ้นมามองนอกรถ ก็เห็นรถหลายคันที่ขวางอยู่ตรงหน้าเธอเริ่มมีคนทยอยลงมาจากในรถแล้ว
คนที่นำหน้ามาก็คือเจียงซ่งนี่เอง
เหมือนผีเร่ร่อนที่ไม่ยอมไปผุดไปเกิดจริงๆ
มู่น่อนน่อนหยิบมือถือออกมาแจ้งความโดยตรง
แต่เธอเพิ่งหยิบมือถือออกมา คนของเจียงซ่งก็ทุบกระจกรถแตกโดยตรงเลย
เศษกระจกรถได้กระเด็นใส่ตัวเธอ ที่มือกับบนใบหน้าล้วนมีแผลขีดข่วนในระดับที่แตกต่างกันออกไป
มู่น่อนน่อนตื่นตระหนก เธอหันหน้าไปทางฝั่งข้างคนขับเตรียมจะหนีจากทางนี้ด้วยจิตใต้สำนึก
แต่คนของเจียงซ่งได้ยื่นมือจากนอกกระจกรถที่แตกร้าวเข้ามากระชากผมของมู่น่อนน่อนเอาไว้
แต่นาทีนี้มู่น่อนน่อนกำลังโทรแจ้งความอยู่
มือถือได้หล่นจากมือ ในสายมีเสียงของตำรวจดังขึ้น:“สวัสดีครับ?มีคนอยู่หรือเปล่าครับ?”
ผมของมู่น่อนน่อนถูกพวกเขากระชากเอาไว้แน่นมาก เธอเจ็บจนหน้าซีดไปหมด ได้พูดเสียงดังว่า:“ที่นี่คือถนนหวนหนาน ฉัน……อ๊า!”
“นังตัวดี กล้าแจ้งความเหรอ!”
นาทีนี้คนที่กระชากผมของเธอจากนอกกระจกรถไว้ได้ใช้แรงกะทันหัน คอของเธอได้ติดคาอยู่บนมุมแหลมของกระจกรถที่แตกร้าว
วันนี้เธอพันผ้าพันคอสีขาวเอาไว้ พริบตาเดียวเลือดสีแดงสดได้ย้อมจนผ้าพันคอของเธอแดงหมด
นาทีนี้มู่นน่อนน่อนเจ็บจนพูดไม่ออกสักคำแล้ว
ประตูรถถูกเปิดออก เธอถูกลากออกไปโดยตรง มือถือของเธอก็ถูกพวกเขาเอาไป ใช้แรงเขวี้ยงไปที่บนท้องถนน
เจียงซ่งเดินมาจากข้างหลัง เห็นสถานการณ์แล้วก็ได้พูดไปด่าไป:“ทำงานกันยังไงวะ กูยังไม่ได้ลงมือพวกมึงก็ทำคนตายก่อนแล้ว?”
มีคนรีบอธิบายด้วยท่าทีที่อ่อนโยนและน้ำเสียงที่นิ่มนวล:“ประธานเจียง ไม่ได้สาหัสขนาดนั้นครับ ไม่ตายครับ”
“ทางที่ดีที่สุดอย่าทำคนตาย กูจะเอาตัวเป็นๆโว้ย!”เจียงซ่งเอียงศีรษะมองมู่น่อนน่อนแวบนึง หัวเราะได้น่ากลัวผิดปกติ:“วันนี้ มึงอย่าคิดว่าจะมีคนมาช่วยมึงเลย!กูไม่ปล่อยมึงไปแน่!”
เขาพูดจบแล้วได้“ฮื้อ”ทีนึงอย่างเย็นชา ได้ยืดตัวตรงพร้อมพูดว่า:“เมื่อกี๊เธอได้แจ้งความไป พวกแกจัดการหน่อย เดี๋ยวสลัดตำรวจทิ้งแล้วส่งคนไปให้ฉัน”
เจียงซ่งพูดจบก็ได้ขึ้นรถไปก่อน
แต่เขาเพิ่งขึ้นรถ ตรงหน้าก็มีรถยนต์สีดำคันนึงพุ่งมาโดยตรงเลย
เจียงซ่งเบิกตากว้าง ด่าคนขับสุดฤทธิ์:“หลบสิวะ!แม่งเอ๊ย!”
คนขับหักหลบอย่างเร่งด่วน แต่รถคันนั้นก็ยังได้พุ่งชนมาอยู่ดี
คอของมู่น่อนน่อนยังมีเลือดไหลอยู่ นาทีนี้ร่างกายเริ่มรู้สึกหนาวแล้ว สายตาค่อนข้างพร่ามัว มองไม่ค่อยชัดว่าคนที่อยู่ในรถคันนั้นคือใคร
เฉินถิงเซียวเพิ่งไปก่อนเธอไม่นาน ใช่เฉินถิงเซียวหรือเปล่า?
ประตูรถเปิดออก รูปร่างสูงใหญ่ลงมาจากในรถ
คนๆนั้นเดินตรงมา
พอเขาเดินเข้ามาใกล้ มู่น่อนน่อนถึงมองเห็นอย่างชัดเจนว่าคนที่เดินมาคือใคร
เธอพูดพึมพำอย่างเหลือเชื่อ:“ลี่จิ่วเชียน……”
“น่อนน่อน”ลี่จิ่วเชียนเรียกเธอคำนึง เดิมทีใบหน้ายังแฝงด้วยรอยยิ้มที่เสมอต้นเสมอปลาย แต่หลังจากสายตาได้สังเกตเห็นผ้าพันคอที่ถูกเลือดย้อมจนแดงก่ำแล้ว สีหน้ามืดมนลงมาทันที
นาทีนี้มู่น่อนน่อนไม่ได้รู้สึกถึงความเจ็บปวดของร่างกายแล้ว ในหัวของเธอคิดอยู่แค่คำถามเดียว
ทำไมไม่ใช่เฉินถิงเซียว?
ทำไมไม่ใช่เขา?
แต่ไม่มีใครสามารถให้คำตอบเธอ
รถของเจียงซ่งถูกชนทีนึง แต่รถของเขาดีมาก ตัวเขาไม่ได้เป็นอะไร
เดิมทีเขายังนึกว่าบุคคลใหญ่โตที่ไหนเสียอีก ปรากฏพอลงจากรถมาดู เห็นแค่ลี่จิ่วเชียนยืนอยู่ที่นั่นคนเดียว ได้มีความมั่นใจขึ้นมาเต็มเปี่ยมทันที:“ไอ้หมอนี่ คงเพิ่งมาเมืองหู้หยางสินะ?รู้หรือเปล่าว่ารถที่มึงชนคือรถของใคร?”
ลี่จิ่วเชียนหันมามองเจียงซ่งแวบนึง แล้วพูดด้วยเสียงเย็นชา:“ปล่อยเธอไป”
สาเหตุอาจจะเพราะชอบหัวเราะเป็นเวลานาน ใบหน้าของลี่จิ่วเชียนทำให้คนที่ไม่รู้จักเขาและไม่รู้เบื้องลึกของเขาดูแล้ว ไม่รู้สึกมีแรงโจมตีสักนิดเลย
เจียงซ่งไม่เห็นหัวลี่จิ่วเชียนเลย:“ฮื้อ ใจกล้าไม่เบาเลย!นานมากแล้วที่ไม่เจอคนใจกล้าอย่างนาย นายรู้หรือเปล่าว่าไอ้พวกที่ใจกล้าอย่างนายไปไหนกันหมดแล้ว?”
“พวกมันตายกันหมดแล้ว”เจียงซ่งหัวเราะได้อำมหิตสุดขีด:“ฉันให้โอกาสนายครั้งนึง ตอนนี้ถ้านายคุกเข่าลงมาเรียกคุณปู่คำนึง ฉันสามารถปล่อยนายไปได้ แต่ถ้านายไม่คุกเข่า ก็ต้องไปอยู่กับคนพวกนั้นแล้ว”
ไม่เพียงเจียงซ่งที่ไม่เห็นลี่จิ่วเชียนอยู่ในสายตา ลี่จิ่วเชียนก็ไม่เห็นเจียงซ่งอยู่ในสายตาเหมือนกัน
เขาแค่มองมู่น่อนน่อนแวบเดียว อารมณ์ที่อยู่ในแววตายากจะแยกแยะ เหมือนกำลังคอนเฟิร์มอะไรอยู่ แต่ก็เหมือนไม่มีอะไรเลย
จากนั้น เขาได้เคลื่อนย้ายสายตาอย่างเร็ว เดินมาที่ตรงหน้าของเจียงซ่งด้วยท่าทางที่ว่องไวสุดๆ ลงมือยังไงมู่น่อนน่อนไม่ทันได้เห็น เธอเห็นแค่ลี่จิ่วเชียนกดศีรษะของเจียงซ่งเข้าไปในกระจกรถที่อยู่ข้างๆ
ก็ไม่รู้ว่าลี่จิ่วเชียนใช้แรงไปมากเท่าไหร่ กระจกรถได้แตกร้าว หัวของเจียงซ่งก็กระแทกจนแตก เลือดไหลตามหน้าผากลงมาจนเต็มหน้า
เสียงกรีดร้องที่น่าอนาถของเจียงซ่งใกล้จะทะลุแก้วหูของคน
ลูกน้องของเจียงซ่งได้ห้อมล้อมลี่จิ่วเชียนเอาไว้หมด ในขณะที่กำลังจะลงมือ ก็ได้ยินลี่จิ่วเชียนพูดกับเจียงซ่งว่า:“นายแน่ใจเหรอว่าจะให้ลูกน้องนายลงมือ?ถ้าพวกมันลงมือ นายคิดว่านายยังสามารถมีชีวิตอยู่รอดกลับบ้านได้เหรอ?”
ลี่จิ่วเชียนลงมือโหดเกินไป เจียงซ่งไม่เคยเจอคนอย่างลี่จิ่วเชียนมาก่อน ถึงแม้ปกติเขาเป็นคนที่จะต่อสู้อย่างดุเดือด แต่ในช่วงเวลาสำคัญก็ยังกลัวตายอยู่
เจียงซ่งสั่นไปทั้งตัว กลัวจะแย่อยู่แล้ว แม้แต่เสียงก็ยังสั่น:“อย่า……พวกแกอย่าเข้ามา ถอยหลังไป……”
ลี่จิ่วเชียนเห็นหน้าตาขี้ขลาดของเจียงซ่งแล้ว แววตามีความดูถูกแวบผ่านเสี้ยวนึง และได้พูดด้วยเสียงเย็นชาว่า:“ปล่อยมู่น่อนน่อน”
“ปล่อย ปล่อยผู้หญิงคนนั้น!”เจียงซ่งจะกล้าขัดคำสั่งลี่จิ่วเชียนได้อย่างไง
ลูกน้องของเขาได้รีบปล่อยมู่น่อนน่อน และผลักเธอมาที่ตรงหน้าของลี่จิ่วเชียนทันที