ศีรษะของเจียงซ่งติดเข้าไปในรถทั้งศีรษะ ไม่กล้าแม้แต่จะขยับ สั่นไปทั้งตัว บนตัวก็มีคราบน้ำไหลลงมา
นี่คือกลัวจนฉี่ราด?
มู่น่อนน่อนมองเจียงซ่งอย่างเย็นชาแวบนึง ก็ได้เงยหน้าไปมองที่ลี่จิ่วเชียน
นาทีนี้เธอกลับใจเย็นและตื่นตัว
ลี่จิ่วเชียนเห็นมู่น่อนน่อนยืนอยู่ไม่ขยับ สีหน้าซีเรียสเล็กน้อย พร้อมทั้งได้พูดอย่างเคร่งขรึมและเด็ดขาด:“มาที่ด้านหลังผม!”
มู่น่อนน่อนก็ยังยืนนิ่งไม่ขยับอยู่ดี
ถูกผู้ชายที่เกือบจะทำลูกสาวเธอตายช่วยชีวิตเอาไว้อีกครั้ง เธอไม่อยาก
ไม่อยากเลยสักนิด
ดูเหมือนลี่จิ่วเชียนจะอ่านความคิดของเธอจนทะลุปรุโปร่ง:“ถ้าวันนี้คุณไม่ไปกับผม ยังจะสามารถเห็นพระอาทิตย์ของวันพรุ่งนี้หรือเปล่า คุณน่าจะรู้ดีแก่ใจที่สุด ถ้าคุณไปกับผม ยังมีโอกาสแก้แค้นผมอยู่”
มู่น่อนน่อนเบิกตากว้างทันที
เธอฟังออกว่าลี่จิ่วเชียนกำลังใช้วิธีกระตุ้นกับเธอ
แต่ว่า แววตาของลี่จิ่วเชียนมีแต่ความใจกว้าง
น้ำเสียงของเขาจริงจัง เขาอยากช่วยเธอจริงๆ
ใบหน้าเขาไม่มีรอยยิ้ม สีหน้าบูดบึ้งและแฝงด้วยความรู้สึกที่เย็นชา นี่คือหน้าตาของเขาที่ลบความเสแสร้งออกแล้ว
เธอไม่อยากถูกลี่จิ่วเชียนช่วยจริงๆ
แต่ว่า ถ้าตายอยู่ในมือของเจียงซ่ง งั้นก็ยิ่งไม่คุ้มเลย
มู่น่อนน่อนเม้มปากไว้แน่น แล้วเดินไปที่ข้างหลังของลี่จิ่วเชียนอย่างช้าๆ
เธอเดินมาถึงด้านหลังของลี่จิ่วเชียนแล้ว ก็รู้สึกได้เลยว่าไหล่ของลี่จิ่วเชียนได้ตกลงไปเหมือนกับว่าผ่อนคลายลงเยอะ จากนั้นได้หันมาพูดเสียงเบาว่า:“ขึ้นรถของผม!”
มู่น่อนน่อนไม่มีการลังเลอีก ได้หันหลังไปขึ้นรถโดยตรง
ประตูรถที่เธอเปิดคือประตูฝั่งคนขับ
ลี่จิ่วเชียนได้ดึงเจียงซ่งออกมาจากกระจกรถทันที คุมตัวเขาเดินมาถึงหน้าประตูรถ
มู่น่อนน่อนได้ยื่นมือเปิดประตูรถฝั่งข้างคนขับที่ลี่จิ่วเชียนพิงอยู่ออก
ชีวิตน้อยๆของเจียงซ่งยังอยู่ในกำมือของลี่จิ่วเชียน เขาพูดจาตัวสั่น:“แก……แกยังไม่ปล่อยฉันอีก!ฉันปล่อย……นังแพศยา……อ๊า!!”
คำพูดตอนท้ายของเขายังไม่ได้พูดออกมา ก็ถูกลี่จิ่วเชียนกระชากไปโยนใส่พื้นแล้ว ส่งเสียงโอดโอยออกมา
ในขณะเดียวกัน ลี่จิ่วเชียนได้ขึ้นรถไปอย่างไว
เขาขึ้นรถปุ๊บ มู่น่อนน่อนก็ขับเคลื่อนรถยนต์เลย
รถซิ่งด้วยความเร็วสูงสุด ทำให้แม้แต่ลูกน้องของเจียงซ่งก็ยังไหวตัวไม่ทันเลย
แต่ถึงลูกน้องพวกนั้นของเจียงซ่งดึงสติกลับมาก็ไม่มีกะจิตกะใจไปจับพวกเขา เพราะลี่จิ่วเชียนลงไม้ลงมือกับเจียงซ่งไม่เบาเลย
พวกเขาย่อมต้องรักษาชีวิตของเจ้านายตัวเองเอาไว้ก่อนอยู่แล้ว ไม่งั้นไม่มีคนจ่ายเงินเดือนให้
หลังจากพวกเขาขับออกมาได้ระยะทางช่วงนึง ก็ได้ยินเสียงไซเรนรถตำรวจ
มู่น่อนน่อนคิดๆแล้วได้พูดว่า:“ก่อนหน้านี้ฉันได้โทรแจ้งตำรวจค่ะ”
ลี่จิ่วเชียน“อืม”คำนึง แล้วหันมามองเธอ:“จอดชิดริม ผมมาขับเอง”
สภาพของมู่น่อนน่อนไม่ค่อยดีจริงๆ เธอมองดูแวบนึง พอเห็นว่าไม่มีรถตามมาแล้วจริงๆ ส่วนรถตำรวจก็ได้ขับไปจากอีกฝั่งนึงพอดี เธอจึงวางใจขับรถไปจอดชิดริมถนน
เธอเปลี่ยนที่นั่งกับลี่จิ่วเชียน ลี่จิ่วเชียนคอยขับรถไปด้วยและถามเธอคำนึง:“แผลของคุณเป็นไงบ้าง?”
“ไม่ถึงตายหรอก” ถึงถูกลี่จิ่วเชียนช่วยชีวิตเอาไว้ ก็ไม่สามารถมาหักลบกับเรื่องที่ลี่จิ่วเชียนเคยทำเหล่านั้นหรอก
เธอไม่เคยเห็นคนที่โรคจิตกว่าลี่จิ่วเชียนมาก่อน
ร้ายสุดๆ แต่กลับช่วยเธอครั้งแล้วครั้งเล่า
กลับกันยังได้ทำให้อารมณ์ของมู่น่อนน่อนเปลี่ยนมาค่อนข้างซับซ้อน
เดิมทีหลังจากเกิดเหตุเพลิงไหม้ที่วิลล่า ตอนนั้นมู่น่อนน่อนเกลียดลี่จิ่วเชียนจริงๆ
แต่ตอนนี้ เหมือนความเกลียดชังนั้นก็ได้จืดจางลงไปบ้างอีก
ลี่จิ่วเชียนก็ไม่ได้พูดอะไรมากอีก
ที่จริงบาดแผลที่คอไม่ได้ลึกเท่าไหร่ เลือดแข็งตัวแล้ว แผลไม่มีเลือดไหลออกมาอีก ขอแค่อย่าไปสะกิดโดนแผล สามารถอดทนจนถึงโรงพยาบาลอยู่
มู่น่อนน่อนพิงอยู่ที่เบาะนั่ง หันหน้ามองไปนอกกระจกรถ
จู่ๆเธอได้นั่งตัวตรงกะทันหัน:“จอดรถ!”
ลี่จิ่วเชียนไม่รู้เพราะสาเหตุอะไร แต่ก็ได้จอดรถให้เธอ
รถของเขาเพิ่งจอดนิ่ง มู่น่อนน่อนก็เปิดประตูรถลงจากรถไปเลย
ลี่จิ่วเชียนขมวดคิ้ว มองไปตามสายตาของมู่น่อนน่อน ก็เห็นเฉินถิงเซียวกับซูเหมียนที่กอดคออยู่ด้วยกันพอดี
เขายกมุมปาก และพูดเองเออเองคำนึง:“น่าสนุกจริงๆ”
มู่น่อนน่อนเดินเร็วมาก แต่เธอเดินไปถึงระยะที่ห่างจากเฉินถิงเซียวกับซูเหมียนไม่กี่ก้าวก็ได้หยุดลงมาแล้ว
เมื่อครู่เหลือบมองอยู่บนรถแวบนึง เธอยังนึกว่าตัวเองตาฝาดไปเสียอีก
เพราะฉะนั้น เธอจะเดินเข้ามาใกล้หน่อย ดูให้ชัดเจนหน่อย
ไม่นึกเลยว่าจะเป็นเฉินถิงเซียวกับซูเหมียนจริงๆ
มู่น่อนน่อนหยุดลงมา ยืนอยู่กับที่ พร้อมกัดฟันไว้แน่น จ้องเฉินถิงเซียวกับซูเหมียนเอาไว้อย่างไม่คลาดสายตา
ซูเหมียนเห็นมู่น่อนน่อนแล้ว ได้ผลักเฉินถิงเซียวออกด้วยความเขินอาย พร้อมกับพูดว่า:“คุณดูสิคะ นี่ไม่ใช่คุณมู่เหรอคะ?”
เฉินถิงเซียวหันไปมองมู่น่อนน่อนด้วยแววตาลุ่มลึก ยากมากที่จะอ่านใจเขาออกว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
เขาจ้องมู่น่อนน่อนอยู่ครู่นึง จากนั้นได้ตอบเรียบเฉยคำนึงว่า:“อ๋อ”
ซูเหมียนพึงพอใจกับหน้าตาเย็นชาของเฉินถิงเซียวมาก เธอแกล้งพูดอย่างประหลาดใจ:“เธอดูเหมือนเกิดเรื่องอะไรขึ้นเลยค่ะ?ไม่ว่ายังไงเธอก็เป็นภรรยาเก่าของคุณ ไม่ถามเธอหน่อยเหรอว่าเกิดอะไรขึ้น?”
“คนที่ไม่เกี่ยวข้อง ไม่จำเป็นต้องถามให้มากความ ไปกันเถอะ”เฉินถิงเซียวพูดจบ ก็ได้ช่วยซูเหมียนเปิดประตูรถของฝั่งข้างคนขับ
ซูเหมียนยิ้มให้มู่น่อนน่อนอย่างได้ใจ เชิดหน้าชูตาขึ้นรถไปอย่างเย่อหยิ่ง
ที่จริงตั้งแต่ต้นจนจบคนที่มู่น่อนน่อนมองมีแค่เฉินถิงเซียวเท่านั้น
คนที่เธอแคร์ก็มีแค่เฉินถิงเซียวเท่านั้น
แต่เฉินถิงเซียวพูดอะไรนะ?
คนที่ไม่เกี่ยวข้อง ไม่จำเป็นต้องถามให้มากความ
ดีมาก ไม่จำเป็นต้องถามให้มากความ
ซูเหมียนขึ้นรถ เฉินถิงเซียวปิดประตูรถและจะหันไปขึ้นรถที่อีกฝั่ง
ในขณะนี้ เขาได้ยินข้างหลังมีเสียงเย็นชาของมู่น่อนน่อนก้องมา:“เฉินถิงเซียว!”
ที่จริงพวกเขาไม่เคยถือสาในการเรียกชื่อของอีกฝ่ายเลย ต่างก็เรียกชื่อเต็มของกันและกัน แต่ไม่เคยมีความรู้สึกว่าห่างเหินกันเลยจริงๆ
แต่นาทีนี้ ตอนที่มู่น่อนน่อนเรียกชื่อของเขา ทำให้เขามีความรู้สึกหนาวเย็นตั้งแต่ภายในสู่ภายนอก
เขาหันหลังให้กับมู่น่อนน่อน ไม่ได้หันกลับไปเลย
สีหน้าของมู่น่อนน่อนเย็นชาสุดๆ:“สมดังปรารถนาคุณแล้ว ต่อไปเราสองคนเป็นแค่คนที่ไม่เกี่ยวข้องกัน!”
เธอพูดจบแล้วเดินหันหลังเหมือนตอนที่มา ได้เดินไปหารถของลี่จิ่วเชียนอย่างไว ไม่นานก็ได้ขึ้นรถของลี่จิ่วเชียนไป
ลี่จิ่วเชียนมองเธอด้วยสีหน้าขี้เล่น:“ไปได้แล้ว?”
สีหน้าของมู่น่อนน่อนเย็นเหมือนฤดูหนาวนี้
“สมดังปรารถนาคุณแล้ว นับแต่นี้ไปฉันกับเฉินถิงเซียวไม่มีเกี่ยวพันกันอีก”
สีหน้าของลี่จิ่วเชียนชะงักเล็กน้อย จ้องหน้าเธอไว้ หัวเราะอย่างคลุมเครือทีนึง:“งั้นเหรอ?แล้วคุณร้องไห้ทำไม?”
มู่น่อนน่อนตกใจไปครู่นึง จากนั้นได้ยื่นมือจับแก้มตัวเอง
นิ้วมือสัมผัสโดนความเปียกชื้นที่เย็นเฉียบบนใบหน้า
เธอยื่นมือมาที่ตรงหน้าอย่างลังเล ที่แท้เธอร้องไห้เหรอเนี่ย
เป็นน้ำตาที่เย็นเฉียบ
มู่น่อนน่อนยื่นมือเช็ดน้ำตาบนใบหน้าทิ้งด้วยสีหน้าเรียบเฉย แล้วพูดด้วยเสียงที่เย็นชาอีกเช่นเคย:“ฉันเจ็บแผลเกินไป ขืนยังไม่รีบไปโรงพยาบาลเร็วๆ ฉันก็จะตายอยู่บนรถคุณแล้ว”
“ผมไม่ให้คุณตายหรอก” นาทีนี้ลี่จิ่วเชียนย่อมไม่เชื่อคำพูดไร้สาระของมู่น่อนน่อนอยู่แล้ว ถึงมู่น่อนน่อนพูดอย่างจริงจังก็เถอะ
ลี่จิ่วเชียนขับซิ่งตลอดทาง เพื่อส่งมู่น่อนน่อนไปถึงโรงพยาบาลอย่างไว