อะไรกัน
ไหนสือเย่บอกว่าเฉินถิงเซียวประชุมอยู่ที่บริษัทไม่ใช่เหรอ
ทำไมเฉินถิงเซียวยังอยู่ที่บ้านได้ล่ะ
เฉินถิงเซียวลงมาจากชั้นบน ตอนที่เห็นมู่น่อนน่อน แววตามีความประหลาดใจแวบผ่านอย่างไว
มู่น่อนน่อนนึกขึ้นถึงวันที่เธอถูกคนของเจียงซ่งขัดขวาง ภาพเหตุการณ์ที่เฉินถิงเซียวกับซูเหมียนโอบกอดกันอยู่ข้างถนน
หลายวันมานี้ ภาพนั้นคอยตอกย้ำเธอตลอดว่าเฉินถิงเซียวไม่ใช่เฉินถิงเซียวคนก่อนหน้านี้แล้ว
มู่น่อนน่อนกำมือไว้แน่น รู้สึกความหนาวเย็นหนาวจากศีรษะลงมาสู่เท้า
เธอเม้มปากไว้แน่น เสียงที่เปล่งออกมาแฝงด้วยความเย็นชา “ผู้ช่วยสือบอกว่าคุณประชุมอยู่ที่บริษัท ฉันถึงมาที่นี่”
“งั้นเหรอ ”นาทีนี้เฉินถิงเซียวได้ลงบันไดมาแล้ว กำลังเดินมาหาเธอ
เขาได้หยุดลงตรงตำแหน่งที่ห่างจากมู่น่อนน่อนสามก้าว “สือเย่ได้บอกหรอว่าผมประชุมอยู่ที่บริษัท คือสือเย่พูดไม่ชัดเจน หรือว่าคุณฟังได้ไม่ชัดเจนพอ ”
มู่น่อนน่อนรู้สึกตัวเองคงจะบ้าไปแล้ว
เพราะนาทีนี้ ในหัวเธอไม่ได้คิดว่าจะโต้แย้งคำพูดที่แฝงด้วยการยั่วยุของเฉินถิงเซียวยังไง แต่สิ่งที่เธอคิดคือเฉินถิงเซียวผอมลงมาก ดูแล้วซูบผอมไปเยอะเลย
เธอกับเฉินถิงเซียวใช้ชีวิตมาด้วยกันนาน ต่างก็คุ้นเคยซึ่งกันและกันมาก
ดังนั้น พอไม่ได้เจอหน้ากันช่วงนึง เธอก็สามารถพบเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเฉินถิงเซียวผอมลง
เฉินถิงเซียวเป็นคนที่ควบคุมตัวเองได้ดีมาก น้ำหนักจะรักษาเอาไว้ที่ตัวเลขเดิมตลอด ไม่เคยขึ้นเลย นอกจากเหนื่อยล้าเกินไปถึงจะลดลงมาหน่อย
เฉินถิงเซียวที่หลังจากซูบผอมลง ดูแล้วเหมือนยิ่งดุร้ายมากขึ้น หน้าตาก็ยิ่งคมเข้มขึ้น ให้ความรู้สึกที่ยิ่งหล่อกระชากใจมากยิ่งขึ้น
เฉินถิงเซียวที่เป็นแบบนี้ สำหรับมู่น่อนน่อนแล้วรู้สึกแปลกตานิดหน่อย
มีความรู้สึกเหมือนผ่านไปหนึ่งชาติภพในชั่วขณะ
“พูดสิ”
เสียงทุ้มต่ำของผู้ชายอยู่ใกล้แค่เอื้อม
มู่น่อนน่อนเงยหน้าขึ้นมากะทันหัน ถึงพบว่าตอนที่เธอเหม่อลอย เฉินถิงเซียวได้เดินมาที่ตรงหน้าเธอแล้ว
เขาหลุบตามองเธอ แววตามีการสำรวจที่สังเกตเห็นได้ยาก สายตาของเขากวาดผ่านใบหน้าเธอ แล้วหยุดอยู่ที่บนคอของเธออยู่ครู่นึง
มู่น่อนน่อนสังเกตเห็นสายตาของเขาได้อย่างหลักแหลม ทันใดนั้นได้ยื่นมือบังแผลช่วงคอที่เพิ่งหายเอาไว้
ตำแหน่งคอที่เธอได้รับบาดเจ็บ ที่จริงใกล้ตำแหน่งท้ายทอยแล้ว
นี่เป็นท่าทางที่เธอทำโดยไม่รู้ตัว
วันนั้นเธอแบกร่างกายที่ได้รับบาดเจ็บไปยืนอยู่ที่ตรงหน้าของเขากับซูเหมียนอย่างน่าอนาถสุดๆ คำเย็นชาที่ว่า“คนที่ไม่มีความเกี่ยวข้อง ไม่ต้องถามให้มากความ”ของเขา แต่ละถ้อยคำล้วนทิ่มแทงใจเธอมาก
ความหนาวเย็นแบบนั้นได้พุ่งขึ้นมาจากฝ่าเท้าอีก
มู่น่อนน่อนอดสั่นไม่ได้
ก็ไม่รู้เฉินถิงเซียวที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอนึกอะไรขึ้นมาได้ จู่ๆได้เดินมาข้างหน้าก้าวนึง
มู่น่อนน่อนถอยหลังไปหนึ่งก้าวอย่างไหวตัวทัน แววตาเต็มไปด้วยความระแวดระวัง
เธอไม่รู้ว่าเฉินถิงเซียวจะทำอะไรอีก
เธอเคยเห็นหน้าตาอ่อนโยนรักใครรักจริงของผู้ชายคนนี้ เธอเห็นหน้าตาเย็นชาไร้เยื่อใยของเขา
และตอนนี้ เธอได้แต่ใช้ศักดิ์ศรีที่เหลืออยู่อันน้อยนิดนี้รักษาหน้าตัวเองเอาไว้
ในเมื่อเขาเป็นคนตัดสินใจเองว่าจะปล่อยมือ ถ้าอย่างนั้น งั้นก็ต่างฝ่ายต่างเด็ดขาดและจากกันด้วยดีหน่อย
“ฉันจะขึ้นไปดูมู่มู่หน่อย”มู่น่อนน่อนพูดจบก็ได้เดินผ่านข้างกายเขาอย่างเร่งรีบ ได้ขึ้นไปชั้นบนอย่างกับหนี ไม่เหลียวมองเฉินถิงเซียวอีก
เฉินถิงเซียวยืนหันหลังให้กับบันได ถึงมู่น่อนน่อนหันกลับมาดูก็มองไม่เห็นใบหน้าเขา
ในที่ๆเธอมองไม่เห็น สีหน้าของเฉินถิงเซียวเหมือนมีหิมะเย็นอวบผ่านยังไงอย่างงั้น เย็นชาจนไร้ชีวิตจิตใจ
ในห้องโถงที่ว่างเปล่า นอกจากเฉินถิงเซียวแล้ว ยังมีฉีเฉิงอยู่อีกคน
เมื่อครู่ ฉีเฉิงได้มองเรื่องที่เกิดขึ้นกับเฉินถิงเซียวและมู่น่อนน่อนเอาไว้ในสายตาหมดแล้ว
มู่น่อนน่อนขึ้นไปชั้นบน เขาก็รอเธอลงมาอยู่ที่ห้องโถง
เขาเห็นเฉินถิงเซียวยืนอยู่กับที่ไม่ขยับ ก็ได้เดินไปหาเฉินถิงเซียว
ฉีเฉิงเอามือสองข้างล้วงกระเป๋า แล้วพูดอย่างทำท่าเหมือนคิดอะไรอยู่ “ต่างก็บอกว่าผู้หญิงเข้าใจยาก ผมรู้สึกบางครั้งผู้ชายก็เข้าใจยากเหมือนกัน โดยเฉพาะผู้ชายอย่างคุณ”
เฉินถิงเซียวหลุบตาลง จัดแขนเสื้อตัวเองอย่างเอื่อยเฉื่อย ตอนที่เงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง แววตาไม่มีอารมณ์ใดๆแล้ว
เขาแค่พูดอย่างใจเย็นคำนึง สีหน้าของฉีเฉิงก็เปลี่ยนไปทันที
“เฉินจิ่งหยุ้นรักษาตัวอยู่ที่ต่างประเทศไม่ราบรื่นเลย”
“เฉินถิงเซียว” ฉีเฉิงกัดฟันเรียกชื่อของเขา
เฉินถิงเซียวแสยะยิ้มมุมปาก แฝงด้วยกลิ่นอายของความดุร้ายชั่วร้ายไปทั้งตัว
“ทำตามสัญญาของเราดีๆ อย่างนี้ การรักษาของเฉินจิ่งหยุ้นถึงจะยิ่งราบรื่นขึ้น” เสียงของเฉินถิงเซียวทุ้มต่ำและเชื่องช้า ฉีเฉิงฟังแล้วกลับมีความรู้สึกกลัวจนขนลุก
ฉีเฉิงกำหมัดไว้แน่น จ้องเฉินถิงเซียวเอาไว้อย่างหน้าเขียวหน้าดำ พร้อมตะคอกเสียงต่ำ “เธอเป็นพี่สาวแท้ๆของคุณที่คลอดออกมาจากแม่คนเดียวกันนะ ”
“แล้วจะทำไม ”เดิมทีใบหน้าของเฉินถิงเซียวก็ไม่ได้เผยสีหน้าออกมาอยู่แล้วแล้ว ได้เก็บสีหน้าเอาไว้ที่สุดเท่าที่จะมากได้ เสียงเย็นชาจนน่ากลัว “ฉันถูกบีบจนถึงขั้นนี้ ก็เพราะการผสมโรงของเฉินจิ่งหยุ้นด้วย”
“แต่เธอสำนึกผิดแล้ว”
เฉินถิงเซียวหัวเราะเสียงต่ำ เสียงหัวเราะฟังแล้วมีแต่ความเย็นชา “ฉันให้อภัยเธอ แล้วใครให้อภัยฉัน ”
ฉีเฉิงสลัดมืออย่างแรง จากนั้นได้เดินไปด้านนอกด้วยความโกรธ
จากนั้น เฉินถิงเซียวก็ได้เสียงโอดโอยอยู่หลายที
เหมือนเสียงหมัดชกใส่กำแพง
หลังจากฉีเฉิงเดินออกมาชกกำแพงหมัดนึงแล้ว ได้หายใจหอบอยู่หลายที พอหันไปก็เห็นบอดี้การ์ดที่เดินผ่านหลายคน ทันใดนั้นเขาได้ส่งเสียงเรียกพวกเขาเอาไว้ “ประลองฝีมือกันหน่อย”
ก่อนหน้านี้ฉีเฉิงเคยพักอยู่ที่วิลล่าของเฉินถิงเซียวอยู่ช่วงนึง บอดี้การ์ดในวิลล่าต่างก็รู้จักเขาอยู่
แต่ต่างก็ค่อนข้างเกรงกลัวฉีเฉิง
พวกเขาไม่ค่อยรู้ประวัติของฉีเฉิง แต่ก็รู้ว่าฉีเฉิงไม่ใช่คนธรรมดา
“เข้ามาพร้อมกันเลย”ฉีเฉิงก็ไม่สนว่าพวกเขาเห็นด้วยหรือเปล่า เขาได้ถอดเสื้อคลุมออกโดยตรง จากนั้นได้พยักหน้าให้กับพวกเขา “มาเลย”
เฉินถิงเซียวที่อยู่ในบ้านได้ยินเสียงร้องโอดโอยของบอดี้การ์ดแล้ว ไม่มีปฏิกิริยาใดๆเลย
เขาเดินไปนั่งที่โซฟา จุดบุหรี่ขึ้นมามวนนึง พอดูดคำนึงแล้วได้คีบเอาไว้ในมือ ไม่แตะต้องมันอีก
……
มู่น่อนน่อนไปที่ห้องนอนของเฉินมู่ พบว่าเฉินมู่กำลังหลับอยู่
ถึงแม้เฉินถิงเซียวซูบผอมลง แต่กลับดูแลเฉินมู่ได้ดีมาก เธอดูแล้วอ้วนขึ้นกว่าก่อนหน้านั้นที่เจออีกนิดหน่อย
สีหน้าดูดีมาก ใบหน้าเล็กๆดูมีเลือดฝาดและแก้มตุ้ยนุ้ยมาก กำลังห่มผ้าเอาไว้และหลับลึกอยู่
มู่น่อนน่อนมองเฉินมู่ ไม่นึกเลยว่าอารมณ์ที่หดหู่ติดต่อกันมาหลายวัน นาทีนี้สบายใจขึ้นมาไม่น้อยเลย
เธอแข็งใจปลุกลูกตื่นไม่ได้ เธอแค่มองลูกอย่างเงียบๆ ก็ยังรู้สึกอิ่มเอมใจสุดๆเลย
เธอมองเฉินมู่อยู่อย่างนี้สักพัก ก็ได้ลุกขึ้นเดินออกมาจากห้องแล้ว พร้อมทั้งได้ปิดประตูอย่างเบามือเบาเท้า
ผ่านไปนานขนาดนี้ เธอนึกว่าเฉินถิงเซียวไม่ได้อยู่ที่ห้องโถงแล้ว
แต่ตอนที่เธอลงไป พบว่าเฉินถิงเซียวกำลังสูบบุหรี่อยู่ที่ห้องโถง
ที่เขี่ยบุหรี่ที่วางอยู่ตรงหน้าเขามีก้นบุหรี่ทิ้งอยู่หลายอันแล้ว
เมื่อก่อนตอนที่พวกเขาอยู่ด้วยกัน ที่จริงมู่น่อนน่อนไม่ค่อยคุมเฉินถิงเซียวสูบบุหรี่เลย และตอนนั้นเฉินถิงเซียวก็สูบไม่ค่อยเยอะเหมือนกัน
ในเรื่องแบบนี้ ที่จริงเขามีด้านที่ละเอียดรอบคอบมาก
แต่ตอนนี้ มู่น่อนน่อนก็ไม่มีสิทธิ์ไปคุมเขาตั้งนานแล้ว