ตอนที่ 39 หัวหน้าคนที่สองของกลุ่มโจรเมฆาโลหิต
เมื่อเขาเห็นผู้หญิงในหอนางโลมที่ตื่นเต้นใกล้เข้ามา เมิ่งชวนก็อดไม่ได้ที่จะตื่นตระหนก เขาไม่เคยประหม่าขนาดนี้แม้จะเผชิญกับอสูร
“อย่ามารบกวนข้า” เมิ่งชวนยังคงทำสีหน้าเรียบเฉยในขณะที่เขาพูด
“พวกสาวๆ กรุณาหลีกไป อย่ามารบกวนนายน้อยเมิ่ง” เถ้าแก่เนี้ยกล่าวขึ้นมาทันที “นายน้อยเมิ่ง โปรดขึ้นมาชั้นบน โปรดขึ้นมาชั้นบน”
เถ้าแก่เนี้ยมีดวงตาที่เฉียบคม เธอสามารถบอกได้ว่านายน้อยเมิ่งไม่ได้สนใจหญิงนางโลมธรรมดาๆเหล่านี้เท่าไหร่นัก ไม่ว่าอย่างไร คนที่รับผิดชอบในการชักชวนแขกก็เป็นหน้าที่ของหญิงนางโลมธรรมดาทั่วไป คนที่ระดับอย่างแท้จริงในหอเมฆาครามจะไม่ได้แสดงตัวของพวกเธอง่ายดายนัก
ทายาทของตระกูลเทพอสูรที่มีพรสวรรค์สูงสุด ที่มีโอกาสเป็นเทพอสูรมักจะถูกรายล้อมไปด้วยคนรับใช้และสาวใช้ หากไม่มีรูปร่างหน้าตาที่ดีพอพวกเธออาจจะไม่สามารถดึงดูดนายน้อยเมิ่งได้เลย
“อัจฉริยะจากตระกูลเมิ่งผู้นี้ไม่เคยเข้าหอนางโลมมาก่อน นี่น่าจะเป็นครั้งแรกของเขา ถ้าเขาหลงใหลผู้หญิงคนหนึ่งคนใดจากหอเมฆาครามของเรา… หากข่าวนี้แพร่กระจายออกไป ชื่อเสียงของหอเมฆาครามของข้าจะเพิ่มขึ้นอย่างมากใช่หรือไม่” เถ้าแก่เนี้ยพาเมิ่งชวนไปยังห้องที่ดีที่สุดบนชั้นสอง
“นายน้อยเมิ่ง ห้องนี้เป็นห้องที่ดีที่สุด ท่านสามารถเห็นนักแสดงหญิงได้อย่างใกล้ชิดที่สุดได้ที่นี่” เถ้าแก่เนี้ยกล่าวพร้อมรอยยิ้ม
“ตกลง” เมิ่งชวนพยักหน้าเล็กน้อยและนั่งลง เขาอยู่ห่างจากเวทีด้านล่างหน้าต่างเพียงยี่สิบก้าวและมีมุมมองตรงไปที่เวที
ในตอนนี้ หญิงสาวสองคนก็เดินเข้ามาจากนอกประตู โดยถือถาดเครื่องดื่ม ผลไม้ และขนมขบเคี้ยว
“รับใช้นายน้อยเมิ่งให้ดี” เถ้าแก่เนี้ยสั่ง
“เจ้าค่ะ” พวกเธอเป็นฝาแฝดที่ยังไม่เติบโตเต็มสาว พวกเธอบอบบางมาก และดวงตาของพวกเธอก็กระจ่างสดใส ใบหน้าของพวกเธอแดงเล็กน้อย ขณะที่พวกเธอมองไปที่นายน้อยเมิ่งชวนอย่างประหม่า
เถ้าแก่เนี้ยยิ้มและกล่าวว่า “นายน้อยเมิ่ง เด็กสาวสองคนนี้อายุเพียง 16 ปี พวกเธอเรียนรู้การให้บริการจากอาจารย์ตลอดมา และยังไม่เคยให้บริการแขก วันนี้เป็นครั้งแรกที่พวกเธอให้บริการแขก”
สถานะของเมิ่งชวนนั้นสูงเกินไป ฝาแฝดคู่หนึ่งที่ยังเรียนไม่จบ สามารถรับใช้เขาได้ในฐานะสาวใช้เท่านั้น ถ้าเมิ่งชวนชื่นชอบฝาแฝดและพาพวกเธอไป หอเมฆาครามย่อมยินดีเป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่านายน้อยเมิ่งชวนจะมีสถานะแบบไหนเขาก็ไม่มีวันทานอาหารอย่างเร่งรีบ
“นายน้อย” เด็กสาวทั้งสองนั่งลงข้างๆ เมิ่งชวนและช่วยเขารินไวน์
“นายน้อยเมิ่งหากมีสิ่งใดที่ท่านต้องการ เพียงแค่สั่งพวกเธอ” พูดจบแล้ว เถ้าแก่เนี้ยก็ออกจากห้องส่วนตัวพร้อมรอยยิ้มและปิดประตูตามหลังอย่างเงียบๆ
…
ในเวลาเดียวกัน ในห้องส่วนตัวอีกห้องบนชั้นสองของหอเมฆาคราม
มีเพียงชายอ้วนและชายมีหนวดเคราเท่านั้นที่ดื่มกินอยู่ในห้องนี้ ทั้งสองคนไม่ให้ใครมารับใช้พวกเขา
“เมื่อนายน้อยเมิ่งชวนมา พวกผู้หญิงข้างล่างก็แทบคลั่ง” ภายในห้องส่วนตัวชายอ้วนเย้ยหยัน “เราต้องการใช้ห้องส่วนตัวที่ดีที่สุด แต่หอเมฆาครามกลับไม่ยอมให้เราเข้าไป แต่เมื่อนายน้อยเมิ่งมา พวกเขาก็มอบห้องที่ดีที่สุดให้เขาทันที นอกจากนี้ให้คู่ฝาแฝดคู่นั้นด้วยจิ๊ จิ๊… พวกเธอล้วนยอดเยี่ยมจริงๆ สองวันที่ผ่านมาข้าสนุกมาก แต่ข้าไม่เคยเห็นฝาแฝดคู่นี้มาก่อน ดูเหมือนว่าหอเมฆาครามจะซ่อนของดีๆเอาไว้ เพียงแต่ไม่ได้มีไว้ให้พวกเรา”
“ข้าเคยได้ยินชื่อเมิ่งชวนมาก่อน” ชายมีหนวดเครานั่งอยู่ที่นั่นอย่างสบายๆ “เขาเป็นอัจฉริยะของหนึ่งในห้าตระกูลเทพอสูร ตระกูลเมิ่ง เขาเข้าถึงขั้น “หนึ่งเดียว” ตอนอายุสิบห้า เขาเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในตลอดทั่วทั้งเมืองตงหนิง เจ้าต้องทำตัวให้ดี อย่ายั่วโมโหเขา”
อ่านตอนล่าสุดที่ mynovel.co หรือ www.thainovel.com
“ข้าเข้าใจ เจ้าบอกว่าเราควรเก็บเนื้อเก็บตัวในเมืองตงหนิง และไม่ทำให้เกิดปัญหา” ชายอ้วนหัวเราะเบาๆ “ดูแล้วคนผิวบอบบางอย่างเมิ่งชวน ดูเหมือนจะมีรสนิยม”
“หุบปาก” ชายมีเคราขมวดคิ้ว
ชายอ้วนปิดปากและเพียงแค่ยิ้มเท่านั้น
“ดูเหมือนว่าเราจะขายของไม่ได้” ชายมีหนวดเคราพูดอย่างใจเย็น “เรามาสนุกอีกสองวันก่อนออกจากเมืองตงหนิง”
“กลับไปที่ภูเขาอีกแล้วรึ ช่างน่าเบื่อมากที่นั่น” ชายร่างอ้วนพึมพำ “คืนนี้ข้าจะสนุกให้มาก”
…
เมิ่งชวนดื่มขณะชมการแสดงด้านล่าง
บนเวทีด้านล่าง ผู้หญิงในชุดสีฟ้าสวมผ้าคลุมหน้าบางๆ เธอถือพิณไว้ในอ้อมแขน ได้ยินเสียงพิณล่องลอยไปทั่วหอนางโลม พ่อค้าที่ร่ำรวยโดยรอบ และแขกผู้มีเกียรติต่างส่งเสียงแผ่วเบา
แม้ว่าเมิ่งชวนดูเหมือนจะฟังเสียงพิณ แต่เขาก็ใช้การรับรู้ระยะสิบก้าวของเขาสังเกตห้องส่วนตัวอื่นๆบนชั้นสอง
ภายในขอบเขตนี้ทุกอย่างล้วนแต่ชัดเจนเป็นอย่างมาก
เขาสามารถ “ได้ยิน” เสียงยุงได้ด้วยซ้ำ ไม่ต้องพูดถึงบทสนทนาระหว่างชายมีหนวดเครากับชายอ้วน แม้ว่าพวกเขาจะลดเสียงลง และห้องส่วนตัวก็ติดตั้งฉนวนป้องกันเสียงรบกวน แต่เมิ่งชวนก็ยัง “ได้ยิน”
ออกจากเมืองตงหนิงแล้วเข้าไปในภูเขางั้นรึ เมิ่งชวนตกอยู่ในห้วงความคิด พวกเขาเป็นโจรอย่างงั้นรึ
“การแสดงพิณของพี่สาวกวน เป็นหนึ่งในสุดยอดของหอเมฆาคราม” เด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่รับใช้เมิ่งชวนพูดด้วยเสียงสดใส “อาจารย์ของเธอคือนายท่านหวังแห่งเมืองตงหนิง”
“อืม” เมิ่งชวนพยักหน้าเล็กน้อย
เช่นเดียวกับการวาดภาพ มีคนไม่มากนักที่ให้ความสำคัญกับดนตรีในยุคนี้ ไม่ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เมิ่งชวนกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญอันดับหนึ่งในการวาดภาพ ไม่ต้องพูดถึงการวาดภาพ “ชีวิต” ได้ยกระดับวิชาของเขาไปสู่อีกระดับหนึ่ง
มีคนจำนวนไม่มากนักที่เรียนพิณและเครื่องดนตรีอื่นๆ แต่พวกเขาก็ใช้เพื่อความบันเทิงเท่านั้น ในยุคนี้การฝึกวิชาได้รับการจัดอันดับให้เป็นอันดับหนึ่ง ในขณะที่ความบันเทิงนั้นมีฐานะที่ต่ำต้อยมาก
“เราสองคนศึกษาจะเข้ พวกเราได้เรียนรู้มันจากนายท่านเช่นเดียวกัน” หญิงสาวอีกคนพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลยิ่งขึ้น
“จะเข้ก็ไม่เลว” เมิ่งชวนแสดงความคิดเห็นอย่างสบายๆ ขณะที่เขาเฝ้าสังเกตชายทั้งสองคนต่อไป
คนมีเครา คนอ้วน…
เขาสามารถมองเห็นขนบนขามดได้ในระยะไม่เกินสิบก้าว ดังนั้นเขาจึงสังเกตเห็นทั้งสองอย่างละเอียดละออและเป็นธรรมชาติ เส้นผมบนใบหน้าทุกเส้นล้วนชัดเจนเป็นอย่างมาก
“หือ” เมิ่งชวนสังเกตว่าชายอ้วนไม่ได้ปลอมตัว แต่ชายมีเคราได้ปลอมแปลงโฉม
“เคราปลอม ผมปลอม ผิวหนังเทียมปิดบังใบหน้างั้นรึ หากไม่มีผมและเคราเขาจะดูเหมือน …” หัวใจของเมิ่งชวนเต้นระรัว ในฐานะสมาชิกของตระกูลเทพอสูร เขาคุ้นเคยกับคนที่มีค่าหัวในเมืองตงหนิง
เขานึกถึงใครบางคนทันที มืออสูรโลหิตจ้าวชาน
ชายป่าเถื่อน หัวโล้น ผอม มีไฝดำที่แก้มซ้าย อย่างไรก็ตามผิวปลอมได้ปิดไฝดำเอาไว้
นี่ถือเป็นวิชาการปลอมแปลงโฉมที่ยอดเยี่ยม แม้จากระยะใกล้ก็ไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นผิวหนังปลอม มีเพียง “สัมผัส” ของเมิ่งชวนเท่านั้น ที่สามารถระบุวิกผมและผิวหนังปลอมได้อย่างชัดเจน ภายใต้สัมผัสรับรู้ของเขา เขาสามารถมองเห็นรายละเอียดและข้อบกพร่องของสิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นเส้นผมเรียบนั้นได้ด้วยตาเปล่า สิ่งนี้ทำให้เขากลายเป็นศัตรูตัวฉกาจของวิชาการแปลงโฉม
“เป็นเขารึ” จิตสังหารในใจของเขาพุ่งสูงขึ้น
มืออสูรโลหิตจ้าวชาน
เขามาจากเขตตันเซียนของเมืองตงหนิง เพื่อที่จะฝึกฝนมืออสูรโลหิต เขาได้สังหารผู้คนไปกว่าสามร้อยคนในเวลาไม่กี่ปี ทำให้ทุกคนในเขตตันเซียนตื่นตระหนก ต่อมาเขาหนีไปได้สำเร็จเมื่อเรื่องนี้ถูกเปิดเผย หลังจากถูกข้าราชบริพารจัดให้อยู่ในรายชื่อคนมีค่าหัว เขาก็เข้าร่วมกับโจรเมฆาโลหิตที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ซึ่งผู้ที่อ่อนแอที่สุดในบรรดาเมฆาโลหิตได้รับการกล่าวขานว่าอยู่ในระดับก่อกำเนิด
จำนวนของพวกเขามีไม่มากนัก แต่พวกเขาล้วนถูกมองว่าเป็นกลุ่มโจรที่ร้ายกาจ พวกเขามีฝีมือและฉลาด พวกเขาซ่อนตัวอยู่บนภูเขาที่ชายแดนรอยต่อของสามเมืองทำให้ยากที่จะจับตัวพวกเขาได้
“มืออสูรโลหิตจ้าวชาน” เมิ่งชวนหรี่ตาและยืนขึ้น
“นายน้อยเมิ่ง” เด็กสาวทั้งสองยืนขึ้นด้วยความงุนงง
“ฉันมีบางอย่างที่จะต้องทำ” ในขณะที่เขาพูด เขาก็หยิบธนบัตรมูลค่าหนึ่งร้อยหยวนวางไว้บนโต๊ะ แม้ว่าเขาจะไม่เคยมาที่นี่มาก่อน แต่ก็เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน หอนางโลมที่มีชื่อเสียงเช่นนี้ จะต้องเสียเงินอย่างน้อยยี่สิบหยวนสำหรับห้องส่วนตัว นี่เป็นห้องส่วนตัวที่ดีที่สุด และพวกเขาได้จัดสองสาวให้รับใช้เขา … แน่นอนว่าการที่เขานั่งอยู่ที่นั่นเพียงครู่เดียวก็ทิ้งเงินหนึ่งร้อยหยวนไว้ ย่อมต้องเป็นกำไรของหอเมฆาครามแน่นอน
“นี่…” สองสาวมองหน้ากันอย่างตกใจ การได้อยู่ร่วมกับทายาทของตระกูลเมิ่ง ซึ่งชื่อนี้เป็นที่รู้จักไปทั่วเมืองตงหนิง ทำให้พวกเธอมีความสุขมาก ตามความเป็นจริงพวกเธอมีความหวังอยู่บ้าง—- พวกเธอหวังว่านายน้อยเมิ่งจะสามารถไถ่ถอนพวกเธอออกไป
พวกเธอไม่ได้คาดคิดว่าเขาจะจากไปเร็วแบบนี้
เมิ่งชวนออกจากห้องส่วนตัว
เขามุ่งตรงไปยังห้องส่วนตัวที่มีโจรผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสองอยู่ ไม่ต้งพูดถึงบาปที่กลุ่มโจรเมฆาโลหิตสร้างขึ้น เพียงแค่ 300 ชีวิตที่ตกตายในเขตตันเซียนของเมืองตงหนิงด้วยเงื้อมมือของคนเพียงคนเดียว ก็ทำให้เมิ่งชวนไม่สามารถระงับจิตสังหารของเขาได้ เขาได้เห็นการเข่นฆ่าจากอสูรและเห็นความสิ้นหวังของผู้คนที่ถูกสังหารว่าเป็นอย่างไร หลังจากประสบเหตุการณ์นั้น ความตั้งใจในการสังหารอาชญากรมืออสูรโลหิตก็ไม่ด้อยไปกว่าอสูร
มากไปกว่านั้น ความผิดร้ายแรงเหล่านี้ทำให้พวกเขากลายเป็นอสูรในร่างมนุษย์
พวกเขาทั้งสองสมควรตาย เมิ่งชวนมาถึงทางเข้าห้องส่วนตัว และผลักประตูเปิดออก
โจรทั้งสองซึ่งกำลังดื่มและเพลิดเพลินกับการแสดงในห้องส่วนตัว ต่างพากันหันหน้ามาด้วยความโกรธ แต่เมื่อพวกเขาเห็นทายาทของชนชั้นสูงเดินเข้ามา พวกเขาก็พากันตกใจ