ภาพเทพอสูรบรรพกาล : Archean Eon Art – ตอนที่ 45

ตอนที่ 45

ตอนที่ 45 เจ้านี่มันปีศาจหรืออย่างไร!

ผู้นำสำนักอสูรฟ้าสาขาย่อยมู่หรงหยู และรองหัวหน้าสาขา ถูชาง นั้นเต็มไปด้วยความมั่นใจในตอนแรก พวกมันคิดว่าสามารถต้อนให้เมิ่งชวนจนมุมได้แล้วจากทั้งสามด้าน

แต่ใครจะไปคิดว่าเมิ่งชวนที่กำลังหลบหนีจะหันกลับมาและจู่โจม!

การโจมตีครั้งนั้นช่างน่าอัศจรรย์! วงกระบี่ที่สวยงามระยับตาที่ยาวกว่า 10 ก้าว! และมันฆ่าสหายของพวกมันไปในการฟันเพียงครั้งเดียว

‘พี่เกาตายแล้วอย่างนั้นรึ? แค่ในการโจมตีเดียวรึ?’ ถูรู้สึกกลัวขึ้นมาจับใจ

‘ท่ากระบี่นั่น’ ชายคิ้วขาว มู่หรงหยู ก็ตื่นตระหนกไม่แพ้กัน ‘การจู่โจมนั้นเร็วและกะทันหันเกินไป มีแค่ข้าเท่านั้นที่พอจะป้องกันได้ น้องเกากับน้องถูกันมันไม่ได้เป็นแน่ เจ้าเมิ่งชวนมันพึ่งจะย่างเข้า 17 ในปีนี้เอง! มันจู่โจมเพียงครั้งเดียวก็ฆ่าน้องเกาที่สามารถปล่อยกลิ่่นอายอสูรได้ เจ้านี่มันปีศาจหรืออย่างไร?’

‘เมิ่งชวนมันแข็งแกร่งเกินไป ไม่ด้อยไปกว่าอัจฉริยะในตำนานเลย’ ถูลุกลี้ลุกลน เมิ่งชวนมีพลังมากเกินไปมีจนนึกไม่ถึง สมควรแล้วที่อัจฉริยะที่น่าสะพรึงเช่นนี้มีแค่ในตำนาน

“เมิ่งชวน เมิ่งชวน…” ชายหลังค่อมที่ตอนนี้มีเพียงลำตัวส่วนบน จับลงไปบนพื้นด้วยกรงเล็บของเขา มันยังคงยึดติดและจ้องมองไปที่เมิ่งชวน สำหรับจอมยุทธ์เช่นมันแล้ว แม้จะถูกผ่าร่างเป็นสองส่วนแต่ก็ยังคงรักษาชีวิตไว้ได้ครู่หนึ่ง

แทนที่จะหนีไป เมิ่งชวนหยุดและหันมามองที่ชายหลังค่อม

ฟุบ

เพียงสะบัดดาบ ก็มีจุดสีแดงปรากฏขึ้นระหว่างคิ้วของชายหลังค่อม และดวงตาของมันก็เบิกกว้าง ก่อนที่แขนของมันจะทรุดลงอย่างอ่อนแรงและไม่ส่งเสียงอีก

จากนั้นเมิ่งชวนก็มองไปทางถู และพูดเบาๆ “ถึงตาของเจ้าแล้ว” พูดจบเขาก็กลายเป็นภาพติดตาที่พึ่งเข้าใส่ถู ที่ผ่านมาเมิ่งชวนเล่นละครไว้ตลอด

เพราะเขาไม่มีทางเลือก

เขาคิดไว้แล้วว่าชายคิ้วขาวนั้นมีพลังมหาศาล ด้วยกระแสพลังที่มากกว่าพ่อหรือลุงหลิวด้วยซ้ำ แม้จะใช้พลังทั้งร่างหรือใช้ “พลังแห่งวิญญาณ” เข้าสมทบด้วย เขาก็ยังไม่มั่นใจเลยว่าจะจัดการกับมันได้ ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะฆ่าศัตรูที่อ่อนแอกว่าไปก่อนทีละคน! เขาจึงล่อให้พวกมันตามมาและหนีไปทางชายหลังค่อมอย่างจงใจ

ท่าชักกระบี่นั้นเป็นแค่แผนรอง แผนของเขาจริงๆนั้นคือกลยุทธ์ทางจิตวิทยา ที่จะล่อให้ศัตรูคิดว่าจะจับเขาได้อย่างง่ายดาย และในจังหวะนั้นเองที่เขาจะฟาดฟัน!

มันเป็นเรื่องที่ไม่มีใครคาดคิด ตอนนั้นเองศัตรูจะประมาท และในตอนนั้นเองมันก็จะไร้การป้องกัน ในเสี้ยววินาทีนั้น ลำแสงกระบี่ก็ตัดผ่านคอของศัตรู

ดังนั้นกลยุทธ์ทางจิตวิทยาจึงมีความสำคัญต่อการชักกระบี่ จิตวิทยาเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เขาใช้ท่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกปัจจัยหนึ่งคือการทำซ้ำ 8000 ครั้งต่อวัน

หากเข้าปะทะกันโดยตรง ทั้งสองฝ่ายก็จะมีสมาธิกับสิ่งที่อยู่ข้างหน้าและเอาจริง ในตอนนั้น แม้เมิ่งชวนจะใช้ท่าชักกระบี่อัสนี ชายหลังค่อมก็จะกันมันได้โดยสัญชาตญาณอยู่ดี และความอันตรายของการจู่โจมครั้งนี้จะลดลงครึ่งหนึ่ง ลดโอกาสที่เมิ่งชวนจะฆ่ามันได้ เพราะถึงอย่างนั้น ศัตรูของเขาก็เป็นถึงจอมยุทธระดับไร้ตำหนิที่ตระหนักรู้ถึง ”พลัง” และสามารถใช้มนต์อสูรได้

นี่คือการต่อสู้ระหว่างชีวิตและความตาย จิตวิทยา สภาพแวดล้อม สภาพร่างกายขณะต่อสู้ ปัจจัยทุกอย่างมันกำหนดผลของการต่อสู้

เมื่อเห็นเมิ่งชวนฆ่าเกาและรีบวิ่งมาหาเขา หัวใจของถูก็เต้นรัว มันกำลังกลัว! “ศิษย์พี่ ช่วยข้าด้วย” ถูหันหลังและหนีไปทางมู่หรงหยู

อ่านตอนล่าสุดที่ mynovel.co หรือ www.thainovel.com

มู่หรงหยู พุ่งเข้าใส่สหายของเขาเต็มแรง ก่อนที่เมิ่งชวนจะตามทันถู เขาไปถึงถูก่อน

“เตรียมตัวตาย” มู่หรงหยูไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย เขาชักกระบี่คู่ขึ้นมาและพุ่งเข้าไปฟันใส่เมิ่งชวน

โอ๋? เมิ่งชวนขมวดคิ้ว

กระบี่คู่ทั้งสองจู่โจมเข้ามาพร้อมกับอายอสูรสีเทา ผ่าอากาศออกเป็นส่วนราวกับเต้าหู้ ไม่มีลำแสงกระบี่เกิดขึ้น ลำแสงกระบี่นั้นเกิดจากแรงดันอากาศความดันสูงที่เกิดจากการฟันด้วยความเร็วสูง ในระดับมู่หรงหยู เขาสามารถคุมพลังจากสวรรค์และผืนดินได้ แค่แรงดันอากาศมันไม่เป็นอุปสรรคหรอก

การโจมตีคู่นี้ชัดเจนมาก”ประสาทสัมผัส”ของเขาและมันช่างน่ากลัว มันไม่ได้ด้อยไปกว่าท่าชักกระบี่อัสนีของเขาเลย

ข้ากันมันไม่ได้เป็นแน่หากข้าไม่หลอม “พลังแห่งวิญญาณ” เข้าไปในร่าง เมื่อคิดได้เช่นนี้ เมิ่งชวนก็หันหลังกลับโดยไวและถอยออกไปประมาณ 6 ก้าว

ฟุบ

เขาใช้วิชาเคลื่อนกาย ราวกับหมาป่าล่าเนื้อที่วนไปรอบๆมู่หรงหยูและถู และในบางครั้งเขาก็จะพุ่งเข้าไปเพื่อโจมตี

ถูไม่มั่นใจที่จะสู้กับเขาโดยตรง สิ่งที่มันทำมีเพียงแค่หลบทุกครั้ง

“มันเร็วเกินไป” ถูพูดขึ้น “ศิษย์พี่ เราจะทำอย่างไรดี?”

“มันเร็วเสียยิ่งกว่าข้าเสียอีก แม้มันจะมีร่างอัสนีที่มีความเร็วเป็นเลิศ แต่มันก็ไม่น่าจะเร็วขนาดนี้ รากฐานเทพอสูรของมันแข็งแกร่งแค่ไหนกัน” มู่หรงหยูไม่อยากเชื่อสายตา มันได้ควบแน่นแก่นอสูรแล้ว แม้ว่ามันจะฝึกฝนเคล็ดวิชาที่ไม่ได้มุ่งเน้นไปที่ความเร็ว แต่ความเร็วของมันก็ยังนับว่าค่อนข้างเร็วอยู่ดี

อย่างไรก็ตามมันกลับแพ้เมิ่งชวนในความเร็ว

มันไม่รู้ว่ารากฐานเทพอสูรของเมิ่งชวนนั้นเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของความเร็วเขา กายภาพของเขานั้นเทียบได้กับของรองหัวหน้าสาขาถูและเกาในช่วงระดับก่อกำเนิดช่วงปลายเลยด้วยซ้ำ และก็เป็นเรื่องปกติที่ร่างเทพอสูรของเขานั้นนำถูไปไกล

อีกทั้งเขายังได้รับกระบี่ตัดอัสนี ซึ่งเขาได้เรียนรู้กายภาพบางส่วนและวิชาพิเศษของพลังปราณ ที่เพิ่มความหนาแน่นของสายฟ้าในร่างกายของเขา และมันทำให้ทำให้เขาเร็วขึ้น

ดังนั้น แม้ในสภาวะปกติ เขาสามารถเคลื่อนที่ได้เร็วกว่ามู่หรงหยู

“เราสู้มันต่อไปแบบนี้ไม่ได้” มู่หรงหยูติดต่อผ่านกระแสจิต “ถ้าเรายังยื้อต่อไปแบบนี้ ตระกูลเมิ่งจะมาถึงและพวเราทั้งคู่จะตายเป็แน่”

“แล้วเราจะทำอย่างไรดี?” ถูถาม

“นายน้อยเมิ่งเป็นคนมีจิตใจเมตตา เราจะฆ่าคนแถวๆนี้และบังคับให้มันสู้กับเรา ตราบใดที่พวกเรายังอยู่ใกล้พอ และด้วยการรักษาชีพของเจ้าแล้ว มันทำให้เจ้านั้นแข็งแกร่งกว่าน้องเกา เจ้าไม่ต้องกังวล อย่างมากเจ้าก็แค่ต้องร่ายมนตร์ต้องห้าม นอกจากนี้ ข้ายังอยู่ข้างเจ้า” มู่หรงหยูกล่าวผ่านกระแสจิต

“เข้าใจแล้ว” ถูหรี่ตาลง ดวงตาของเขาเปล่งประกายสีแดงและอายอสูรสีดำรอบตัวเขาก็หนาแน่นขึ้น “ถ้าข้าใช้คาถาต้องห้าม ข้าพอที่จะจับมันไว้ได้ชั่วครู”

ตูม! ตูม! ทั้งสองพุ่งไปยังบ้านที่อยู่ใกล้ๆา และพวกมันก็พุ่งทะลุกำแพงเข้าไป

“เจ้าอยากจะตายสินะ!” เมิ่งชวนตาแดงฉาน เขาไม่ได้เร่งร้อนจนถึงเมื่อครู่นี้

จอมยุทธของนิกายอสูรฟ้าทั้งคู่จะสิ้นหากเขาสามารถยื้อพวกมันไว้ได้นานพอที่ญาติๆของเขาจะมาถึง เขายิงพลุออกไปแล้ว และมันก็ไม่ไกลจากคฤหาสน์บรรพบุรุษที่เมิ่งเซียนกูอาศัยอยู่ อย่างไรก็ตาม ความสิ้นหวังให้ความกล้าแม้จะกับคนขี้ขลาดก็ตาม จอมยุทธนิกายอสูรฟ้าทั้งสองคนเริ่มจะเล็งไปที่ชาวบ้านธรรมดา

ตูม!

เมิ่งชวนไม่สามารถสนใจสิ่งอื่นได้ พลังแห่งวิญญาณหลอมรวมกับร่างกายของเขาในทันที เสียงหัวใจดังขึ้นให้ได้ยิน ราวกับว่ามีลมกรรโชกแรงในปอดของเขา เสียงการทำงานของอวัยวะภายในของเขาชัดเจนมาก เลือดพุ่งพล่านราวกับสายน้ำ และพลังปราณก็ไหลผ่านทุกเส้นลมปราณในร่างกายของเขา การควบคุมร่างกายและพลังปราณของเขาก็เพิ่มขึ้นถึงขีดจำกัดใหม่ในทันที

ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้น! ก่อนหน้านี้เขาไวกว่ามู่หรงหยูเพียงไม่มาก แต่ตอนนี้ เขาเร็วกว่ามาก

มู่หรงหยูและถูเพิ่งจะทะลวงเข้าไปในบ้านก่อนที่จะรู้สึกว่ามีคนอยู่ด้านหลัง

“เจ้านี่มันเป็นปีศาจหรืออย่างไรกัน!” พวกมันทั้งคู่หัวใจเต้นระรัวไปด้วยความหวาดกลัว

เมิ่งชวนไม่เคยเคลื่อนที่ด้วยความเร็วเช่นนี้มาก่อน

ก่อนหน้านี้เขาได้หลอมรวม”พลังแห่งวิญญาณ”เข้ากับกระบี่ของเขาเพื่อปลดปล่อยท่าชักกระบี่อัสนีขั้นสุดยอดเพียงเท่านั้น แต่ตอนนี้เขาได้ผลักดันตัวเองไปสู่ความเร็วสูงสุด ที่เป็นจุดเด่นของเขา และทำให้ทั้งคู่ต้องหวาดกลัว

“เอาจริงเถอะ” ท่ามกลางวิกฤตการณ์กลิ่นอายอสูรสีดำของถูเปลี่ยนเป็นสีแดงเล็กน้อย ก่อนกระแสพลังกระหายเลือดจะปะทุออกมาจากร่างเขา

มู่หรงหยูก็ฟันกระบี่คู่ของเขาใส่เมิ่งชวนเช่นกัน

วูบ

แต่เมิ่งชวนนั้นเร็วเกินไป เขาตรงไปหาถูเพื่อจะโค่นมันอีกคน

“ตายซะ” ถูรู้ว่าไม่มีทางหนี ความเร็วราวกับอสูรของเมิ่งชวนนั้นน่ากลัวเกินไป ไม่มีทางที่จะหลบหนีเลย สิ่งที่ทำได้คือเหวี่ยงขวานในมือด้วยกำลังทั้งหมดที่มี

“ตายซะ” กระบี่คู่ของมู่หรงหยูขยับอย่างประณีต และวาดส่วนโค้งไปที่เมิ่งชวน

ฟุบ

ร่างที่พร่ามัวของเมิ่งชวนมาอยู่ต่อหน้าถูในชั่วพริบตา เมิ่งชวนหลบกระบี่ของมู่หรงหยูด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อ กระบี่อีกอันถูกปัดเบี่ยงออกไปโดยกระบี่ของเมิ่งชวน หลังจากฝึกปัดฝนธนูมาหลายปี ความสามารถในการป้องกันและการเบี่ยงเบนของกระบี่เขานั้นก็รวดเร็วขึ้นมาก

กระบี่คู่ลงเอยด้วยการมุ่งหน้าไปยังถูแทน

“อะไรกัน?” มู่หรงหยูและถูตกใจมาก

‘กลายเป็นการโจมตีใส่กันเองได้อย่างไรกัน?’ มู่หรงหยูชักดาบกลับในขณะที่ถูหลบ

ฉุบ

มันเป็นการฟันที่นุ่มนวล นุ่มนวลและแผ่วเบาจากความมืด

ในขณะที่ถูหลบกระบี่สองคมของมู่หรงหยู เขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ก่อนจะพบว่าลำแสงกระบี่จางๆได้มาถึงคอของเขาแล้ว และมันก็ตัดผ่านเขาไปโดยที่ไม่ทันได้ตอบสนอง

มือที่กำขวานของถูคลายออกและขวานก็ตกลงพื้นพร้อมกับเสียงดัง เขาคว้าที่บาดแผลที่ลำคอแบบสั่นๆ เขายังอยากมีชีวิตอยู่ แต่การโจมตีครั้งนี้มันร้ายแรงเกินไป!

เมิ่งชวนเดินไปด้านข้างและมองถูที่กำลังจับคอด้วยความเย็นชา ก่อนจะมองไปที่มู่หรงหยูที่กำลังตกใจ

‘เป็นไปได้อย่างไรกัน? กลายเป็นข้าช่วยมันไปอย่างนั้นรึ?’ มู่หรงหยูไม่เชื่อสายตาตัวเอง

เมิ่งชวนไม่แปลกใจเลย

ตำแหน่งของมู่หรงหยูและถู ความเร็วในการเคลื่อนที่ และการเคลื่อนไหวทั้งหมดถูกเมิ่งชวนจับตามองไว้หมดแล้วในระยะ 10 ก้าวรอบตัว และความเร็วที่เกินจินตนาการ เขาแค่ต้องจัดวางตำแหน่งของตัวเองให้ดีและปัดป้องการโจมตีเต็มแรงของศัตรูใส่เพื่อนของตัวเอง

และเพียงเท่านั้นก็เพียงพอแล้วที่จะพรากเอาชีวิตถูไป

“เหลือเจ้าคนเดียวแล้ว” เมิ่งชวนมองไปที่มู่หรงหยู

ภาพเทพอสูรบรรพกาล : Archean Eon Art

ภาพเทพอสูรบรรพกาล : Archean Eon Art

Status: Ongoing

โลกนี้ถูกรุกรานโดยเหล่าปิศาจมานานนับศตวรรษ มนุษยชาติได้รวมตัวกันก่อตั้งสำนักที่เก่าแก่อย่างสำนักเขาหยวนชูขึ้นมา และจัดตั้งระบบการฝึกฝน พร้อมทั้งส่งเทพอสูรไปป้องกันประตูทางเข้าโลกต่างๆ

เมิ่งชวนอัจฉริยะรุ่นเยาว์ที่เชี่ยวชาญกระบี่ไว แม้ว่าชีวิตนี้จะได้รับมรดกอันล้ำค่า แต่ปณิธานที่อยู่ภายในใจมีเพียงอย่างเดียวเท่านั้น นั่นก็คือกำจัดพวกปิศาจให้สิ้นซาก! ในอดีตมารดาของเขาได้ยอมสละชีวิตของตนเองเพื่อปกป้องเขา เรื่องนี้กลายเป็นแผลในใจที่ไม่อาจจะลืมเลือนได้ เขามุ่งมั่นและทุ่มเททุกอย่างเพื่อที่จะได้เข้าสู่เขาหยวนชู และได้รับทรัพยากรกับการสั่งสอนที่ดีกว่า นอกเหนือจากการฝึกฝนแล้ว สิ่งเดียวที่ทำให้จิตใจของเขาสงบลงได้ก็คือการวาดรูป และนี่คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้น…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท