ภาพเทพอสูรบรรพกาล : Archean Eon Art – ตอนที่ 55

ตอนที่ 55

ลำแสงกระบี่สังหารทำให้อสูรหลายตัวต้องนิ่งอึ้ง

“เจ้าทั้งหมด หลีกไปซะ” แม่ทัพอสูรหมีดำจ้องมองมนุษย์ตัวจ้อยอย่างเย็นชา จากนั้นมันก็ส่งเสียงคำรามออกมา อสูรที่อยู่รอบตัวมันต่างหวาดกลัวและหนีไปอย่างรวดเร็ว พวกมันรู้ว่าแม่ทัพนั้นน่ากลัวเพียงใด หากสู้กันล่ะก็ รอบๆข้างอาจโดนลูกหลงไปด้วย และลูกหลงนั้นมีผลแค่อย่างเดียว นั่นคือความตาย

เมื่อเห็นพวกอสูรวิ่งหนีแม่ทัพอสูรหมีดำ เมิ่งชวนก็ระมัดระวังตัวมากขึ้นทันที แต่ในขณะระมัดระวังตัว เขาก็พุ่งเข้าใส่แม่ทัพอสูรหมีดำด้วยความเร็วสูงสุด

ผู้ที่ไม่ใช่เทพอสูรหรือราชาอสูร….ไม่ทำให้เขากลัวได้หรอก!

แม่ทัพอสูรหมีดำยืนนิ่งและจ้องมองไปที่เมิ่งชวนอย่างเย็นชา เมื่อเมิ่งชวนอยู่ห่างจากมัน10จั้ง มันก็คำราม

โฮกก

ราวกับสายฟ้า เสียงที่เกิดจากเสียงการคำรามพุ่งออกไปเป็นรูปพัด บ้านที่อยู่รอบๆต่างสั่นสะเทือนด้วยคลื่นเสียงและถล่มลง

เมิ่งชวนตกใจกับเสียงคำราม แต่เขารีบปิดหูด้วยกระแสปราณอย่างรวดเร็ว แต่ถึงแม้ว่าเขาจะปิดหูเอาไว้ แต่ร่างกายก็ชาไปทั้งตัวจากการสั่นสะเทือน เขารู้สึกเวียนหัวเล็กน้อยและจมูกก็มีเลือดไหลออกมา

ตึง! เมื่อสิ้นเสียงคำราม แม่ทัพอสูรหมีดำก็ก้าวไปข้างหน้า ราวกับภูเขาที่พุ่งเข้าใส่ เท้ายักษ์ของมันเหยียบลงบนเมิ่งชวน

แม้จะมีการสั่นสะเทือนรุนแรง แต่เมิ่งชวนก็ยังคงรักษาสติเอาไว้ได้ ภายในระยะสัมผัสสิบจั้งของเขา เขาสามารถสัมผัสได้ถึงผู้บังคับบัญชาอสูรหมีดำได้อย่างชัดเจน

เพียงวูบเดียว เขาก็หลบเท้าของอสูรหมีดำและฟันเข้าที่หัวของมัน อย่างไรก็ตาม เมิ่งชวนรู้สึกว่าการมองเห็นของเขามืดลง อุ้งเท้าหมียักษ์พุ่งมาหาเมิ่งชวนอย่างรวดเร็ว

ไม่ดีแล้ว เมิ่งชวนรีบหมุนเวียนกระแสปราณของเขาอย่างรวดเร็ว สายฟ้าปะทุออกจากร่างของเขา และเปลี่ยนทิศทางกลางอากาศหลบไปด้านข้าง อุ้งเท้าของหมียักษ์ก็ได้แต่ผ่านไปแบบไม่โดนอะไร

“ตาย!” แม่ทัพอสูรหมีดำคำรามขณะที่มันฟาดอุ้งเท้า การโจมตีที่น่าสะพรึงจนขย่มฟ้าดิน

ลมดำหมุนรอบตัวเมิ่งชวน การใช้ท่าการเคลื่อนที่ท่ามกลางสายลมสีดำทำให้เหนื่อยล้า

อุ้งเท้าหมียักษ์คู่หนึ่งพุ่งออกมาด้วยความเร็วสูง ความรุนแรงของมันจินตนาการแทบจะไม่ได้ รากฐานเทพอสูรของเมิ่งชวนแข็งแรงกว่าคนอ่ื่นๆในระดับเดียวกัน แต่ความแข็งแกร่งของเขาก็ยังคงด้อยกว่าอสูรหมีดำตัวนี้

เหยียนจินเก่งในการสู้กันซึ่งหน้า พละกำลังของเขาเยอะกว่าของข้ามาก บางทีอาจจะสามารถต้านทานการโจมตีของแม่ทัพอสูรหมีดำได้ก็ได้ หากข้าไม่ได้ใช้”พลังแห่งวิญญาณ” หากข้าโดนโจมตีเข้าข้าก็จะทำอะไรไม่ได้ แม้จะไม่ตายก็ตาม

อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่ได้เดือดร้อนมาก เพราะไม่ว่ายังไง ความเร็วของเขาก็สุดยอด!

วูบ

สายฟ้าวนรอบตัวเมิ่งชวน และในชั่วพริบตา เขาก็ไปถึงด้านหลังแม่ทัพอสูรหมีดำ

“ตาย!” เมิ่งชวนโจมตีใส่แม่ทัพอสูรหมีดำจากด้านหลัง

แม่ทัพอสูรหมีดำหันกลับมาและฟาดอุ้งเท้าของมันใส่ในทันที

ร่างของเมิ่งชวนที่ส่องสว่างเกิดวูบวาบขึ้นภายในลมสีดำที่อสูรหมีดำสร้างขึ้น

เจ้ามนุษย์นี้เร็วจริงๆแม่ทัพอสูรหมีดำประหลาดใจ ในแง่ของการเคลื่อนไหวมันด้อยกว่าเมิ่งชวนมาก อย่างไรก็ตามมันได้ฝึกฝนอุ้งเท้าให้รวดเร็วและว่องไว มันสามารถสร้างลมสีดำเพื่อสะกดศัตรูรอบตัวมันได้ เดิมทีมันมีความมั่นใจมาก แต่ตอนนี้มันรู้สึกกระวนกระวายเล็กน้อย อุ้งเท้าของมันไม่โดนเจ้ามนุษย์นี้เลย

ฟุบ

อุ้งเท้าของมันพลาดอีกครั้ง เมิ่งชวนฉวยโอกาสนี้ฟันใส่แม่ทัพอสูรหมีดำ

แกร๊กๆๆ! สีหน้าของเมิ่งชวนเปลี่ยนไป

ขนหนาแข็งเป็นครึ่งจั้งของอสูรหมีดำ เมื่อกระบี่ของเมิ่งชวนผ่านไปได้ แรงโจมตีมันก็หมดแล้ว และผิวหนังหนาๆภายใต้ขนหมีนั่นก็รับการป้องกันได้อย่างง่ายดายเช่นกัน

การโจมตีครั้งนี้ไม่ได้เลือด

หนาเกินไป ขนของมันยาวครึ่งจั้ง และหนังก็เกือบเท่ากัน…ข้าไม่สามารถสร้างความเสียหายได้เลย เมิ่งชวนเข้าใจทันที

แม่ทัพอสูรหมีดำตัวนี้มีพละกำลังมหาศาล การป้องกันที่แข็งแกร่ง และอุ้งเท้าที่มีพลังน่าสะพรึง อีกทั้งยังสร้างลมได้อีก

โฮกก!

หลังจากเมิ่งชวนโจมตีพลาด ดวงตาของมันก็ประกายด้วยความเย็นชา ด้วยระยะทางที่ใกล้เช่นนี้ มันก็คำรามออกมามในทันที

เมิ่งชวนสัมผัสได้ว่ามันจะทำอะไรด้วยเขตสัมผัสสิบจั้งของเขา

โฮกกก ในระยะใกล้เช่นนี้ เสียงคำรามก็เหมือนเสียงฟ้าผ่า และคลื่นเสียงก็กลืนกินเขา

ตูม!

ภายในชั่วพริบตา เมิ่งชวนได้หลอมรวม”พลังแห่งวิญญาณ”เข้าไปในร่างกายของเขา

เสียงหัวใจเต้น เสียงหายใจ และเลือดที่ไหลเวียน กล้ามเนื้อทุกมัด กระดูกทุกชิ้น และทุกเส้นเอ็นในร่างกายของเขามีกระแสปราณไหลผ่านเส้นชีพจร ทำให้เขาควบคุมร่างกายได้ดีขึ้น

เมิ่งชวนไม่ค่อยอยากจะใช้ “พลังแห่งวิญญาณ” มากนัก เพราะมันจะทำให้พลังวิญญาณที่สำรองเอาไว้หมดไวมาก เขาสามารถใช้ได้เพียงห้าครั้งเท่านั้น! หลังจากห้าครั้ง เขาต้องใช้เวลาครึ่งวันในการฟื้นตัว ปัจจุบันเมืองเมืองตงหนิงทั้งเมืองเป็นสนามรบ เขาต้องรักษา”พลังแห่งวิญญาณ”ของเขาไว้ให้มากที่สุดเผื่อเหตุฉุกเฉิน

เพราะหากตกอยู่ในสถานการณ์ที่สิ้นหวัง เขาอาจตายได้หากไม่มีพลังแห่งวิญญาณ

อย่างไรก็ตามการโจมตีด้วยกระบี่เมื่อก่อนหน้านี้แสดงให้เห็นว่าหนังของอสูรหมีนั้นแข็งแกร่งเพียงใด เขาไม่สามารถทำร้ายมันได้ และต้องใช้”พลังแห่งวิญญาณ”เพื่อยกระดับความแข็งแกร่งและฆ่าคู่ต่อสู้ของเขา ตราบเท่าที่เขาสามารถฆ่าแม่ทัพอสูรหมีดำได้ ที่สำนักเต๋าจิงหู่จะต้องเจอก็จะง่ายกว่ามาก

วูบ

กระแสปราณของเขาหลอมรวมกับร่างกายของเขาอย่างสมบูรณ์แบบ ความแข็งแกร่งและความเร็วที่ก้าวกระโดดครั้งใหญ่ทำให้พลังการต่อสู้ของเขาทวีคูณขึ้นหลายเท่า ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นไปยิ่งกว่าระดับเดิม สายฟ้าที่พันรอบร่างของเขาหนาแน่นขึ้นเป็นสิบเท่า ราวกับว่าเขาได้กลายเป็นเทพเจ้าสายฟ้าแล้ว

วูบ

เขาเหยียบไปบนร่างของอสูรหมี เหลือเพียงแค่ภาพติดตา และหลังจากนั้นก็ฟันเข้าใส่!

ตูม!

ลำแสงกระบี่บีบอัดเหมือนน้ำ มันยาวสิบจั้งและตัดผ่านขอของอสูรหมี

มันตัดผ่านขนหนาๆ หนังหมี กล้ามเนื้อ กระดูก….

และฟันผ่านไปจนหมด

เมื่อความเร็วถึงระดับหนึ่งลำแสงกระบี่จะคมมาก คมเกินกว่าที่ร่างกายของอสูรหมีดำจะรับมือได้ ร่างกายที่อสูรหมีภาคภูมิใจไม่สามารถต้านทานการปะทะเช่นนี้ได้

หัวของอสูรหมีดำที่ใหญ่กว่าบ้านเสียอีกก็ลอยขึ้นไปในอากาศ ดวงตาของมันยังคงเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ มันไม่เข้าใจว่าทำไมอีกฝ่ายถึงสามารถฆ่ามันได้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้มันเหนือกว่า การจู่โจมนั้นรวดเร็วมากจนมันไม่สามารถต้านทานหรือสกัดกั้นได้ ความคมของมันเป็นสิ่งที่ร่างของมันทนไม่ได้

แม่ทัพอสูรหมีดำตายแล้ว

ต้องไปแล้ว เมิ่งชวนไม่หยุดในขณะที่สายฟ้ารอบตัวเขาก็ยังไม่หยุด เขากลายร่างเป็นสายฟ้าและพุ่งไปที่สำนักเต๋าเพลิงตะวัน

อสูรที่อยู่ใกล้ๆและกำลังเฝ้ามอง พวกมันเต็มไปด้วยความมั่นใจในตัวแม่ทัพ

เมื่อพวกมันเห็นเมิ่งชวนพลาดที่จะทำร้ายผู้นำของมันได้ในการโจมตีครั้งแรก ปีศาจหลายๆตัวก็หัวเราะ

“มนุษย์นี่ช่างน่าหัวเราะจริงๆ”

“ท่านแม่ทัพมีสายเลือดราชาอสูรชานเฉา ร่างกายของมันเหมือนภูเขา ในกองพันอสูรทั้งเก้า ร่างของท่านแม่ทัพแข็งแกร่งที่สุดในหมู่ผู้ที่อยู่ต่ำกว่าราชาอสูร”

“มันได้แค่เกาให้ท่านแม่ทัพเท่านั้น”

“โดนเสียงคำรามของแม่ทัพในระยะใกล้ขนาดนั้น มันตายแล้วล่ะ”

เหล่าอสูรเฝ้ามองด้วยรอยยิ้ม

แต่หลังจากนั้น ร่างที่ล้อมรอบด้วยสายฟ้าก็โจมตีออกมาอย่างรุนแรง! ลำแสงกระบี่น้ำได้ตัดหัวอสูรหมีออก ทำให้อสูรทั้งหมดเงียบลง

แม่ทัพอสูรหมีดำตายแล้ว? ด้วยการฟันเพียงครั้งเดียว?

ในขณะที่พวกมันดูร่างที่แยกจากกันอย่างรวดเร็ว ไม่มีอสูรตัวไหนกล้าจะไปหยุดเขา! พวกมันต่างตกอยู่ในความสะพรึงกลัว

อสูรธรรมดาจะถูกลำแสงกระบี่ฟันขาดเป็นชิ้นแน่ ถ้าผู้นำอสูรไปล่ะ? ขนาดแม่ทัพก็ยังถูกสังหารด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว เพราะฉะนั้น หากผู้นำอสูรยังกล้าเข้าไปคงมีชะตาเช่นนั้นไม่ใช่รึ?

“แม่ทัพตายแล้ว เราจะทำอย่างไรดี?” ผู้นำอสูรที่เหลืออีกแปดตนลังเล

ทันทีแม่ทัพอสูรงูกล่าว “เมื่อโจมตีเมืองมนุษย์ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องมีตายกันอยู่แล้ว แม้แม่ทัพจะตายไปแล้ว แต่เราก็ต้องมุ่งหน้าต่อไปยังจุดหมาย โจมตีสำนักเต๋าจิงหู่ซะ”

“สำนักเต๋าของมนุษย์มีการป้องกันที่แน่นหนาที่สุด ทุกด้านมีการเสริมแกร่งเอาไว้ เมื่อมีแม่ทัพอยู่ เรายังสามารถบุกมันได้ แต่ตอนนี้ยังไม่เหมาะที่จะไปที่นั่น เราควรไปที่อื่น พวกเรายังฆ่ามนุษย์ได้ด้วยวิธีนี้”

“แต่สำนักเต๋า คือเป้าหมายที่สำคัญที่สุดของเรา”

“จะเกิดอะไรขึ้นถ้าพวกเราฆ่ามันไม่ได้? มาฆ่ามนุษย์คนอื่นๆในเมืองกันดีกว่า” ผู้นำทั้งแปดเริ่มเถียงกัน

เหล่าอสูรทำตามกฎแห่งป่า ไม่มีผู้นำอสูรทั้งแปดตนไหนที่เหนือกว่ากันเอง

ดังนั้นกองทัพอสูรนี้จึงเริ่มแตกหมู่กัน บางตนยังคงเดินหน้าต่อไปและเตรียมพร้อมที่จะมุ่งหน้าไปที่สำนักเต๋าจิงหู่ เพื่อดูว่ามีกองทัพอสูรอื่นโจมตีหรือไม่ หากมีพวกมันก็สามารถเข้าร่วมได้ บางตนก็ทิ้งความคิดที่จะบุกสำนักเต๋าไปจนหมดและเริ่มล่ามนุษย์คนอื่นๆในเมืองตงหนิงแทน

ข้าทำทุกอย่างที่ทำได้แล้ว หากไม่มีแม่ทัพอสูร สำนักเต๋าจิงหู่ก็น่าจะรับมือไหวอยู่ เมิ่งชวนเปลี่ยนเป็นภาพติดตาก่อนจะมุ่งหน้าต่อไป เขาต้องตามหาชีเยว่เดี๋ยวนี้

เขาเสียเวลาไปเนื่องจากความชุลมุน และไม่สามารถเสียเวลาได้อีกต่อไป

ซุบๆๆๆ!

เขาพุ่งไปด้วยความเร็วเต็มที่

ภาพเทพอสูรบรรพกาล : Archean Eon Art

ภาพเทพอสูรบรรพกาล : Archean Eon Art

Status: Ongoing

โลกนี้ถูกรุกรานโดยเหล่าปิศาจมานานนับศตวรรษ มนุษยชาติได้รวมตัวกันก่อตั้งสำนักที่เก่าแก่อย่างสำนักเขาหยวนชูขึ้นมา และจัดตั้งระบบการฝึกฝน พร้อมทั้งส่งเทพอสูรไปป้องกันประตูทางเข้าโลกต่างๆ

เมิ่งชวนอัจฉริยะรุ่นเยาว์ที่เชี่ยวชาญกระบี่ไว แม้ว่าชีวิตนี้จะได้รับมรดกอันล้ำค่า แต่ปณิธานที่อยู่ภายในใจมีเพียงอย่างเดียวเท่านั้น นั่นก็คือกำจัดพวกปิศาจให้สิ้นซาก! ในอดีตมารดาของเขาได้ยอมสละชีวิตของตนเองเพื่อปกป้องเขา เรื่องนี้กลายเป็นแผลในใจที่ไม่อาจจะลืมเลือนได้ เขามุ่งมั่นและทุ่มเททุกอย่างเพื่อที่จะได้เข้าสู่เขาหยวนชู และได้รับทรัพยากรกับการสั่งสอนที่ดีกว่า นอกเหนือจากการฝึกฝนแล้ว สิ่งเดียวที่ทำให้จิตใจของเขาสงบลงได้ก็คือการวาดรูป และนี่คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้น…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท