ภาพเทพอสูรบรรพกาล : Archean Eon Art – ตอนที่ 59

ตอนที่ 59

ตอนที่ 59 หมดกำลังใจ

เมิ่งชวนรีบวิ่งจากจิงหู่เมิ่งไปยังสำนักเต๋าเพลิงตะวัน สิ่งที่เขาได้เห็นระหว่างทางนั้นมันทำให้ความรู้สึกอยากสังหารอสูรลุกโชนภายในตัวของเขา

เขาไม่ออมมือแม้แต่น้อยในขณะพุ่งผ่านพวกอสูร เมื่อเขาพุ่งผ่าน เหล่าอสูรก็จะถูกฆ่าเหมือนขยะ!

“รีบหนีเร็ว”

“นั่นมันเทพอสูรรึ?”

เหล่าอสูรต่างหลีกหนีเขาด้วยความกลัว หากมีโอกาสที่จะฆ่าได้ พวกอสูรก็ไม่ลังเลที่จะกระโจนเข้าใส่ อย่างไรก็ตามเมิ่งชวนนั้นแข็งแกร่งเกินไป แม้ว่าจะเข้าไปมากเท่าไหร่พวกมันก็จะถูกฆ่าตายจนหมดอยู่ดี พวกมันไม่สามารถหยุดเขาหรือทำให้เขาบาดเจ็บได้ ตอนนี้มันเป็นแค่เรื่องโชคเท่านั้น พวกอสูรต่างไม่อยากจะทำ

“พูดจาโอ้อวดเสียจริง ปล่อยเจ้ามนุษย์นี้ให้ข้าเถอะ” แม่ทัพอสรพิษกล่าว “โจมตีป้อมเพลิงตะวันต่อไปและจับตัวมนุษย์ผู้หญิงที่มีสายเลือดวิหคเพลิงเสีย”

“ได้” แม่ทัพวัวยังมั่นใจในตัวสหายของมัน

แกร๊ง!

แม่ทัพอสรพิษก้าวไปบนทางหิน และโจมตีใส่ทิ้งภาพติดตาไว้เบื้องหลัง

เมิ่งชวนพุ่งเข้าใส่ด้วยความเร็วที่เหนือกว่า

ทั้งสองปะทะกัน

ฟู่ว ร่างกายของแม่ทัพอสรพิษปล่อยไอพิษที่ไม่มีสีออกมาอย่างเงียบๆ ที่มันถูกเรียกว่าอสรพิษนั้นก็เพราะมันเก่งในเรื่องการใช้พิษนั่นเอง

‘พิษของข้าสามารถสังหารได้แม้กระทั่งแม่ทัพอสูรที่มีร่างกายที่ทรงพลังหลังจากผ่านไปเพียง30วินาที’ แม่ทัพอสรพิษมั่นใจอย่างยิ่ง ‘ร่างกายของมนุษย์นั้นอ่อนแอยิ่งกว่า ดังนั้นมันคงจะทันได้ไม่นาน ถึงข้าจะไม่โจมตี แต่อีกไม่นานมันก็จะตายหากสูดหายใจเข้าไป’

นอกจากนี้มันยังเก่งในเรื่องการต่อสู้ระยะประชิดอยู่พอสมควรด้วย

อ่านบทล่าสุดที่ my-novel.co หรือ www.thai-novel.com

ฟิ้ว

เมิ่งชวนที่มีสายฟ้าพันอยู่รอบ พอเข้ามาใกล้แม่ทัพอสรพิษ เขาก็สัมผัสได้ถึงหนอนบิดตัวเล็กๆซ่อนอยู่ในอากาศโดยรอบ หนอนบิดเหล่านี้มีขนาดเล็กเกินกว่าที่จะมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า อย่างไรก็ตามขอบเขตสัมผัสของเมิ่งชวนนั้นทำให้เขาสามารถรู้สึกได้ถึงหนอนนั่นทุกตัว

หนอนโปร่งแสงตัวเล็กๆดิ้นไปมาในอากาศ

“หืม?” เมิ่งชวนเปลี่ยนเป็นลำแสงและเคลื่อนไปที่ขอบของไอพิษ ก่อนจะแตะมันเบาๆ

นับตั้งแต่ที่เขาควบแน่นแก่นเทพอสูร พลังปราณของเขาก็เปลี่ยนเป็นกระแสปราณซึ่งทรงพลังกว่ามาก กระแสปราณนั้นสามารถปกป้องเขาได้เช่นเดียวกันกับโจมตี เพราะรากฐานเทพอสูรของเมิ่งชวนนั้นมันแข็งแกร่งกว่าจอมยุทธธรรมดาๆแล้ว จึงทำให้กระแสปราณของเขานั้นบริสุทธิและอัดแน่นยิ่งกว่าคนอื่นๆ

เมื่อไอพิษสัมผัสกับปราณที่ปกป้องร่างกายของเขา ปราณของเขาก็เริ่มสึกกร่อน

ไอพิษนี้รุนแรงมาก หากไอพิษนี้อยู่รอบตัวข้า ปราณป้องกันของข้าคงจะหายจนหมดภายในไม่กี่อึดใจ และหากไอพิษเข้าสู่ร่างกายของข้า มันจะต้องเลวร้ายกว่านั้นเป็นแน่ เมิ่งชวนสรุปได้ทันทีว่าจะสู้กับแม่ทัพอสรพิษเป็นเวลานานไม่ได้! ถ้าเป็นเช่นนี้ต่อไป ปราณของเขาคงจะหมดสิ้นเป็นแน่ และเมื่อเป็นเช่นนั้น เขาจะสู้กับศัตรูตัวอื่นอย่างไรกัน?

ข้าต้องใช้พลังแห่งวิญญาณอีกแล้วสินะ เมิ่งชวนถอนหายใจ แม่ทัพอสูรนั้นแข็งแกร่งมาก และทั้งสองตนที่ข้าได้เจอมา… ต้องใช้พลังแห่งวิญญาณในการสังหารมันลง

ตูม!

“พลังแห่งวิญญาณ” หลอมรวมกับร่างกายของเขา

การควบคุมร่างกายและกระแสปราณได้เพิ่มขึ้นจนน่าอัศจรรย์ ความรู้สึกที่ควบคุมร่างกายได้ตามใจนึกนั้นยังคงติดตรึงอยู่ในใจเขา ปราณที่ปกป้องร่างกายหนาแน่นขึ้นและทำให้ต้านทานพิษได้มากขึ้นอีกสิบเท่า มันทำให้เขาสามารถใช้งานร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น กล้ามเนื้อและกระดูกทุกส่วนนั้นใกล้เคียงกับคำว่าสมบูรณ์แบบเมื่อมันทำงานร่วมกัน และนี่ทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้นอีกหลายเท่า ความเร็วที่น่าภาคภูมิใจก็ขึ้นไปถึงระดับที่เหนือจินตนาการ

วืด! แม่ทัพอสรพิษรู้สึกได้ว่าจอมยุทธมนุษย์ซึ่งเร็วกว่ามันอยู่แล้วได้เพิ่มความเร็วมากยิ่งขึ้นไปอีก มันมองเมิ่งชวนได้ไม่ชัดด้วยซ้ำ

‘เทพอสูรอย่างนั้นรึ?’ แม่ทัพอสรพิษตัวสั่นและใช้วิชาต้องห้ามโดยสัญชาตญาณ อย่างไรก็ตามในขณะที่มันใช้วิชาต้องห้าม จู่ๆลำแสงกระบี่ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า และมันก็รู้สึกเหมือนมันลอยไปในอากาศ

“นี่มัน…” เขาเห็นร่างอสรพิษที่ไม่มีหัว นั่นคือร่างกายของข้ารึ? ข้าถูกสังหาร? แม่ทัพอสรพิษเข้าใจได้ในทันทีว่ามีเพียงหัวของมันเท่านั้นที่ลอยออกไป ส่วนร่างของมันยังคงยืนอยู่กับที่ และสติของมันอยู่ได้ไม่นานก่อนที่จะหายไป

สนามรบทั้งหมดเงียบลงในทันใด

แม้แต่อสูรที่บุกเข้าไปในป้อมเพลิงตะวันแล้วยังต้องผงะถอยไปสองสามก้าวและหยุดมือ พวกมันมองไปที่แม่ทัพอสรพิษที่ถูกตัดศีรษะอย่างงุนงง แม่ทัพเป็นศูนย์รวมใจของกองทัพอสูร แม่ทัพทุกตนเปรียบได้กับจอมยุทธที่ไร้เทียมทานภายใต้การปกครองของราชาอสูร แต่ในตอนนี้ แม่ทัพอสรพิษกลับถูกสังหาร?

“อสรพิษ?”แม่ทัพวัวที่กำลังสกัดลูกธนูของเจ้าสำนักจงก็ตกตะลึงเช่นกัน ‘อสรพิษที่ร่วมรบกับข้ามานานนับศตวรรษตายแล้วเช่นนั้นรึ? ด้วยการฟาดฟันเพียงครั้งเดียว?’

“เขาสังหารแม่ทัพอสูรได้ในการโจมตีครั้งเดียว?” มนุษย์นั้นมีปฏิกิริยาที่แตกต่างจากอสูรอย่างสิ้นเชิง มันคือความยินดี! แม้ว่าอสูรธรรมดาจะสามารถฆ่าได้โดยง่าย แต่พวกเขาไม่ค่อยมั่นใจที่เมิ่งชวนจะต่อสู้กับแม่ทัพอสูรได้

ทั้งนี้เจ้าสำนักจงและเหล่าจอมยุทธที่เคยรับราชการทหารต่างรู้ความจริง แม่ทัพอสูรนั้นแทบจะเป็นอมตะภายใต้ขอบเขตเทพอสูรหรือราชาอสูร

แค่มนุษย์อัจฉริยะเพียงคนเดียวยื้อยุดกับพวกมันได้ก็น่าประทับใจพอแล้ว แต่ว่า เขากลับสามารถสังหารมันได้ในการโจมตีเพียงครั้งเดียว?

“ช่วยกันอสูรพวกนี้และปล่อยแม่ทัพอสูรที่เหลือให้เมื่องชวนจัดการ” เจ้าสำนักจงเป็นคนแรกที่ตะโกนออกมา เสียงของเขาดังมาก และเหล่าจอมยุทธมนุษย์ต่างก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก

“หลิวชีเยว่ หยุดใช้วิชาต้องห้าม เจ้าจงพักผ่อนซะ” เจ้าสำนักจงตะโกนออกมา

“ค่ะ” หลิวชีเยว่หยุดใช้วิชาต้องห้าม เธอยืนพิงกำแพงด้วยใบหน้าซีดเซียวและจ้องมองไปยังร่างที่คุ้นเคยผ่านทางหน้าต่าง

‘อาชวนมาแล้ว! เขาสังหารแม่ทัพอสรพิษด้วยการฟันเพียงครั้งเดียวด้วย ทุกคนรอดแล้ว!’ เธอรู้ว่าเมิ่งชวนมาเพื่อช่วยเธอ “อาชวน” หลิวชีเยว่กระซิบ

เมื่อคนรักรีบรุดเข้ามาเพื่อจะช่วยแม้จะต้องฝ่าดงอสูรมาก็ตาม มันทำให้หลิวชีเยว่รู้สึกอบอุ่นในใจ ความคิดมากมายแล่นเข้ามาในหัว แต่ความเจ็บปวดมันทำให้พลังของเธออ่อนลง

วิชาต้องห้ามเทพอสูรสร้างความเสียหายให้กับร่างกายของเธอมากเกินไป โชคดีที่ไม่ได้ใช้มันนานเกินไป ถ้านานกว่านี้มันจะไม่ใช่แค่ปวดแล้ว

“สังหารอสูรกลุ่มนี้ซะ” เจ้าสำนักจงโจมตีผู้นำอสูรข้างในป้อม ทำให้พวกมันต้องหลบทันที นักเกาฑัณฑ์ก่อนหน้าที้ทำอะไรพวกมันไม่ได้ แต่ว่าพวกมันไม่กล้าที่จะโดนลูกดอกของเจ้าสำนักจง หากมันโดนเข้าไปล่ะก็ อาจจะถึงตายหรือบาดเจ็บสาหัส

“ยิง!”

“สังหารพวกมัน!”

หน้าไม้ยักษ์ที่ก่อนหน้านี้ใช้ในการรั้งแม่ทัพอสูรได้หันมายิงใส่อสูรที่ขึ้นมาบนป้อมเพลิงตะวัน

ลูกดอกเหมือนหอกยิงออกไป ในระยะประชิด แม้แต่ผู้นำอสูรยังต้องหลบ เหล่าอสูรระดับสูงและระดับต่ำมากมายต่างถูกยิงทะลุ

ซุบๆๆๆ!

เจ้าสำนักจงไปอยู่กับกองกำลังหน้าไม้ยักษ์และสังหารผู้นำอสูรแพะ

การเปลี่ยนเป้าหมายจากการรั้งแม่ทัพอสูรเอาไว้มาเป็นยิงใส่ผู้นำอสูรนั้นให้ผลดีกว่ามาก อีกทั้งการตายของแม่ทัพอสรพิษนั้นก็ส่งผลต่อจิตใจของเหล่าอสูรอย่างมาก พวกมันจำนวนมากต่างคิดอยากถอยหนี หากแม่ทัพอสูรวัวตายอีกเช่นกัน มนุษย์ที่น่าสะพรึงคนนั้นคงจะเปลี่ยนเป้าหมายมาที่พวกมันแทน

ในป้อมเพลิงตะวัน กองกำลังของมนุษย์ก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้น และกำลังใจของอสูรก็ลดลงอย่างมหาศาล และในชั่วพริบตา มนุษย์ก็กลับมาได้เปรียบ

เมิ่งชวนคอยดูสถานการณ์ในป้อมเพลิงตะวันอยู่ตลอด เขาถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อเห็นมนุษย์กลับมาได้เปรียบ อย่างไรก็ตามชีเยว่ที่หน้าซีดและอ่อนแรงทำให้เขากังวล

“เจ้ามนุษย์?” แม่ทัพวัวจ้องมองเขาอย่างเคร่งขรึม

“เจ้าพร้อมที่จะตายหรือยัง?” เมิ่งชวนถามขณะถือกระบี่ เขาไม่ต้องไม่ดูถูกแม่ทัพอสูร ตอนที่เขาสังหารแม่ทัพอสูรพิษ เกล็ดสีเขียวของมันนั้นแข็งแกร่งมาก ถ้าเขาไม่ได้ใช้”พลังแห่งวิญญาณ” ก็คงจะไม่สามารถตัดผ่านมันไปได้ สิ่งนี้ทำให้เขาไม่พอใจ อสูรนั้นมีร่างกายที่ได้เปรียบกว่ามนุษย์

อสูรธรรมดาแข็งแกร่งกว่ามนุษย์มาก และร่างกายของแม่ทัพอสูรเหล่านี้แข็งแกร่งยิ่งกว่า

อย่างไรก็ตามเขายังสามารถฆ่าพวกมันได้

“เจ้ามนุษย์ ข้าสัมผัสได้ว่าเจ้ายังคงเป็นมนุษย์อยู่” แม่ทัพวัวพูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม “แต่การโจมตีของเจ้ามันช่างน่าสะพรึง เจ้าเป็นเทพอสูรที่เก็บซ่อนพลังไว้อย่างนั้นรึ?”

ภาพเทพอสูรบรรพกาล : Archean Eon Art

ภาพเทพอสูรบรรพกาล : Archean Eon Art

Status: Ongoing

โลกนี้ถูกรุกรานโดยเหล่าปิศาจมานานนับศตวรรษ มนุษยชาติได้รวมตัวกันก่อตั้งสำนักที่เก่าแก่อย่างสำนักเขาหยวนชูขึ้นมา และจัดตั้งระบบการฝึกฝน พร้อมทั้งส่งเทพอสูรไปป้องกันประตูทางเข้าโลกต่างๆ

เมิ่งชวนอัจฉริยะรุ่นเยาว์ที่เชี่ยวชาญกระบี่ไว แม้ว่าชีวิตนี้จะได้รับมรดกอันล้ำค่า แต่ปณิธานที่อยู่ภายในใจมีเพียงอย่างเดียวเท่านั้น นั่นก็คือกำจัดพวกปิศาจให้สิ้นซาก! ในอดีตมารดาของเขาได้ยอมสละชีวิตของตนเองเพื่อปกป้องเขา เรื่องนี้กลายเป็นแผลในใจที่ไม่อาจจะลืมเลือนได้ เขามุ่งมั่นและทุ่มเททุกอย่างเพื่อที่จะได้เข้าสู่เขาหยวนชู และได้รับทรัพยากรกับการสั่งสอนที่ดีกว่า นอกเหนือจากการฝึกฝนแล้ว สิ่งเดียวที่ทำให้จิตใจของเขาสงบลงได้ก็คือการวาดรูป และนี่คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้น…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท